ในปัจจุบัน มิถุนายน 2559 ทางไร่ภูเตย ได้เปลี่ยนสถานที่ๆทำการเพาะปลูกในที่แห่งใหม่ ซึ่งมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์และอยู่ไม่ไกลจากที่เดิมมากนัก
(สตอรว์เบอร์รี่ เริ่มออกผลประมาณเดือน ธันวาคม ถึงประมาณเดือน มีนาคม ของทุกปี)
ทุกท่านที่จะเข้าไปยังไร่ภูเตย เรามีทางให้เข้าได้ 3 ทาง ต้องอ่านให้จบนะครับ ทางเข้าอีกสองทางอยู่ตอนท้ายเรื่อง
(เข้าทางน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อ. ศรีสวัสดิ์)
(เข้าทางสายไทรโยค - ทองผาภูมิ สาย 323 เลี้ยวขวาเข้าสหกรณ์นิคม มีที่เที่ยวตามทางด้วย)
(หรือจากทาง อ.สังขละบุรี ถึง น้ำตกเกริงกระเวีย ให้ขับไปจนถึงสามแยก พุธโท ทิพุเย เป็นทางโค้งขวา มีป้อมตำรวจซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเลย
จากรูป มาจากทองผาภูมิ จะเป็นโค้งซ้าย ป้อมตำรวจอยู่ทางขวามือ เลี้ยวขวา ไปตามทางเลย
หรือสอบถามทางเข้าไร่ได้ตามเบอร์นี้
098-898-3748 /093-294-4511 (คุณนัน) หรือตามเพจนี้
https://www.facebook.com/%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2-282038228654391/?fref=ts
ณ เดือนแห่ง ความรัก
เราขอนำทุกท่านเที่ยวและ
เก็บสตอรว์เบอร์รี่ สด สด จากไร่กันครับ
สงสัยกันแล้วใช่ไหม ว่าเป็นที่ไหน ตามผมมาครับ.....
ที่...หมู่บ้านภูเตย เป็นหมู่บ้านที่มีชาวไทย ลูกอิสานพลัดถิ่น ศรีสะเกษ สกลนคร ร้อยเอ็ด อาศัยอยู่ เมื่อนานมาแล้ว
การเกษตร ปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา และปาล์ม
วันนี้ ผมไม่ได้พาไปเที่ยวดูพืชผักต่างๆดังที่เอ่ยมา ผมจะพาไปท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ไร่ สตอรว์เบอร์รี่ หมู่บ้านภูเตย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
มีปลูกกันอยู่หลายไร่ เช่น ไร่ลุงชาติ ไร่อาตี๋ ไร่คุณสา ไร่คุณบุตร ที่ยังไม่ทราบอีกหลายที่
วันนี้ผมจะไปที่ไร่ของใครนั้น
เรามาดูถนนหนทางกันก่อน
การเดินทาง มอเตอร์ไซค์สิครับ จากกรุงเทพฯ ถึงบ้านโป่ง และกาญจนบุรี ขับตามถนนสาย 323
น้ำตกไทรโยคน้อย ถึง ทางแยก สหกรณ์นิคม ให้เลี่ัยวขวา ตามทางลาดยาง 3091 ประมาณ 18 กิโลเมตร มีที่ท่องเที่ยวรายทางมากมาย
และทางลูกลังอีก 2 กิโลเมตร ก็ถึง จุดชมวิวเนินสวรรค์และจุดตราจ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
ขับผ่านด่านไป ช่วงนี้จะเป็นทางลูกรังอีกประมาณ 11 กิโลเมตร ครับ
ทางในช่วงนี้สมบุกสมบัน ตะปุ่มตะป่ำ แอบออฟโรดเล็กเล็ก
ไม่ราบเรียบอย่างถนนสายกลีบกุหลาบ ถูกใจขาลุยเป็นยิ่งนัก เอ้า...พร้อมยัง...555
ถนนขึ้นลงเขาชิวๆเลนเดียวสวนกัน
รถเก๋งสแตนดาร์ดไปได้ กระบะไปสบายๆ มอเตอร์ไซค์อย่างเราคล่องตัวดีนัก
เมื่อเจอป้ายให้ขับไปทาง อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
พี่ๆบิ๊กไบค์ขาลุยรู้เส้นทางนี้ดี ขับข้ามไปมา ทองผาภูมิ ศรีสวัสดิ์
สำหรับผมความเร็วก็ ชมนก ชมไม้ กันไป 20 30 เน๊อะๆ 5556
เกือบคว่ำเลยวันนี้ 555 ชั่วโมงนิดๆก็ถึงไร่ภูเตย
ผมว่าเส้นทางนี้เข้าภูเตยได้เร็วแล้ว ชาวบ้านก็ใช้เส้นทางนี้กัน ยังมีอีก 2 เส้นทาง ใว้ตอนท้ายและกัน
เราได้สอบถามมาแล้ว
ทางเข้าตรงนี้เป็นที่ปลูกเก่า
ไม่ต้องเข้าไป ไร่ภูเตยย้ายที่ปลูกใหม่ อยู่ท้ายหมู่บ้าน ให้ขับเลยตรงนี้ไป
เริ่มจากหน้าโรงเรียนวัดป่าถ้ำภูเตย ( ด้านหน้าของหมู่บ้าน)
ทางด้านขวามือคนขับ จะมีทางเข้า ถ้ำเสาหิน คือในถ้ำจะมีเสาหินที่มีความสูงที่สุดในโลก การเดินทางเข้าไป ต้องมีชาวบ้านนำทาง ใช้การเดินเข้าไป หรือให้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง ต้องนั่งรถเข้าไป ต่อด้วยเดินเท้า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโโมง ก็ถึง
และทางซ้ายมือมีเสาสูงๆข้างโรงเรียน สองต้น
เลยไปอีกทางขวามือก็จะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านภูเตย
ขับไปเรื่อยตามทาง ทางซ้ายมือจะเห็นหน่วยป้องกันรักษาป่า
ใกล้จะถึงไร่ภูเตยแล้ว เมื่อเห็นเสาหลักกิโลตรงนี้ ข้างหน้าทางซ้ายมือก็ถึงทางเข้า
ตามไปอีกไม่มากทางซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าไร่ภูเตย
มีรูปสตอรว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทาง สัก 120 เมตร ขับข้ามลำธารไป
ก็จะเห็นป้ายนี้ เลี้ยวขวาเลยครับ หาที่จอดรถได้เลย
ภายในไร่ภูเตย
เมื่อถึงไร่ภูเตยแล้วให้ @โลเกชั่น
แล้วกลับบ้านได้ เรามาถึงแล้ว 555
(ล้อเล่งอ่าาาาา 55)
ก็ลงจากรถสิครับ รออาไร แต่ดูเวลาก่อนนะครับ เข้ามาถึงไร่กี่โมง เช้ามืด มีสตอร์วเบอร์รี่แน่นอน 100% เช้า มีสตอร์วเบอร์รี่แน่นอน 80% สาย มีสตอร์วเบอร์รี่แน่นอน 50% นอกเวลาที่บอกก็มีนะ แต่มีน้อย พอได้เอากลับบ้าน ถึงไม่มีสตอร์วเบอร์รี่ให้ทุกท่านได้ทาน ได้ซื้อกลับไปบ้าน ทางไร่ภูเตยบอกกับเราว่า ยินดีต้อนรับทุกท่านเสมอ แวะเข้ามาเยี่ยมเยือน ทักทาย พูดคุย ดูต้นสตอร์วเบอร์รี่
หรือจะพักค้างคืน
ทางไร่ก็มีเต๊นท์ให้เช่าในราคาถูก 100 บาท/คืน
หรือจะนำเต๊นท์มาเองก็ได้ค่ากางเต๊นท์ 50 บาท / คืน
ไม่แพง ไม่แพง เป็นการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ
ถ้าร้อนก็ลงไปล้างหน้าล้างตา เล่นน้ำในลำธารก็ยังได้
มารู้จักเจ้าของไร่กันก่อน
https://www.facebook.com/%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2-282038228654391/?fref=ts
คุณสุนันท์ เรียนจบด้านวิศวะคอม คุณหนู เรียนจบการท่องเที่ยว (ขอเอ่ยชื่อเล่น)
ทำไมคนทั้งสองถึงมาทำไร่ที่นี่หละทั้งที่อายุยังน้อย?
คนทั้งสองบอกกับเราว่า เคยทำงานในเมืองหลวง รู้สึกไม่ชอบ บวกกับค่าครองชีพที่สูง
ทำให้เขาทั้งสองตัดสินใจ ขอกลับมาอยู่ที่นี่ ภูเตย อยู่กับธรรมชาติที่ตนเองรัก
ที่นี่ยังเป็นบ้านของยาย ของคุณหนู มีพี่น้องอยู่กันหลายคน ตรงนี้คือจุด เริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเขาทั้งสองมองหาว่าจะทำการเพาะปลูกอะไรดี ที่นี่น้ำมีเพียงพอ
มีอากาศเย็นตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 5-30 องศาเซลเซียส
จึงมีความคิดที่จะปลูกสตอรว์เบอร์รี่
และได้นำต้นพ้นธุ์และเมล็ดจากชัยภูมิสู่กาญจนบุรี
ไร่ภูเตย มีพื้นที่ 12 ไร่ เป็นไร่เล็กๆน่ารัก แบ่งมาปลูก สตอรว์เบอร์รี่ 3 ไร่
พื้นที่ๆเหลือยังปลูกพืชหมุนเวียนเช่นฟักแม้ว หรือซาโยเต้ และเผือกกระเหรี่ยง แต่น้ำไม่เพียงพอ
ในปี 58 มีการปลูก สตอรว์เบอร์รี่ เพียง 1 ไร่ ประมาณ 8000 ต้น
สาเหตุจากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
มีน้ำไม่เพียงพอ ถ้าใช้น้ำมากไป ผู้อื่นก็จะไม่มีน้ำใช้ไปด้วย
เขาทั้งสองยังบอกกับเราอีกว่า ต้องหาที่เพาะปลูกใหม่ ที่ใกล้แหล่งน้ำมากกว่านี้ เมื่อน้ำพร้อมก็จะกลับมาเพิ่มผลผลิตทันที
จากการที่คนทั้งสองไม่มีความรู้ด้านการเพาะปลูก สตอรว์เบอร์รี่
ไร่ภูเตยจึงประสบปัญหาด้านต่างๆ ทำให้ต้องหาวิธีปลูกใน โซเชียล
ลองผิด ลองถูก และได้พบโครงการหลวง
จึงติดต่อขอข้อมูล และได้เข้ารับการอบรมทุกขั้นตอน
ต้องเข้าพักในโครงการหลวง 1 เดือน
เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอด และแจกจ่ายเพื่อนสมาชิกที่ยังขาดความรู้
ในการปลูก สตอรว์เบอร์รี่นั้น
คุณสุนันท์ แนะนำว่า สตอรว์เบอร์รี่ เป็นพืชล้มลุกปลูกไม่ยาก ใช้การใส่ใจดูแล
ถ้ารดน้ำน้อยอากาศเย็นไม่พอ ลูกจะไม่โต
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปลูกคือ 5-10 องศาเซลเซียส
ด้วยความเป็นคนไม่ย่อท้อ ชอบคิด ชอบลอง ท้าทายสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา เป็นคนช่างสังเกตุ
เมื่อเห็นลูกสาวทั้งสองชอบวิ่งเข้าไปเก็บกิน สตอรว์เบอร์รี่ สดๆจากไร่ อยู่บ่อยๆ
เมื่อลูกสาวทั้งสองของเขาเป็นผู้จุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ด้วยความรักและเป็นห่วงต่อทุกคนและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์
ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ความพออยู่พอกินจึงเกิดขึ้น
มีการนำวัตถุดิบต่างๆที่หาได้ง่ายมาทำเป็นน้ำหมัก เพื่อเป็นสูตรไล่แมลง
และยังสามารถเก็นกินกันสดๆจากต้นตรงนั้นได้เลย เป็นไงหละ สตอรว์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ
มี ต่ อ ด้ า น ล่ า ง ค รั บ
ภูเตย สตอรว์เบอร์รี่ สื่อรัก
ในปัจจุบัน มิถุนายน 2559 ทางไร่ภูเตย ได้เปลี่ยนสถานที่ๆทำการเพาะปลูกในที่แห่งใหม่ ซึ่งมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์และอยู่ไม่ไกลจากที่เดิมมากนัก
(สตอรว์เบอร์รี่ เริ่มออกผลประมาณเดือน ธันวาคม ถึงประมาณเดือน มีนาคม ของทุกปี)
ทุกท่านที่จะเข้าไปยังไร่ภูเตย เรามีทางให้เข้าได้ 3 ทาง ต้องอ่านให้จบนะครับ ทางเข้าอีกสองทางอยู่ตอนท้ายเรื่อง
(เข้าทางน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อ. ศรีสวัสดิ์)
(เข้าทางสายไทรโยค - ทองผาภูมิ สาย 323 เลี้ยวขวาเข้าสหกรณ์นิคม มีที่เที่ยวตามทางด้วย)
(หรือจากทาง อ.สังขละบุรี ถึง น้ำตกเกริงกระเวีย ให้ขับไปจนถึงสามแยก พุธโท ทิพุเย เป็นทางโค้งขวา มีป้อมตำรวจซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายเลย
จากรูป มาจากทองผาภูมิ จะเป็นโค้งซ้าย ป้อมตำรวจอยู่ทางขวามือ เลี้ยวขวา ไปตามทางเลย
หรือสอบถามทางเข้าไร่ได้ตามเบอร์นี้
098-898-3748 /093-294-4511 (คุณนัน) หรือตามเพจนี้ https://www.facebook.com/%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2-282038228654391/?fref=ts
ณ เดือนแห่ง ความรัก
เราขอนำทุกท่านเที่ยวและเก็บสตอรว์เบอร์รี่ สด สด จากไร่กันครับ
สงสัยกันแล้วใช่ไหม ว่าเป็นที่ไหน ตามผมมาครับ.....
ที่...หมู่บ้านภูเตย เป็นหมู่บ้านที่มีชาวไทย ลูกอิสานพลัดถิ่น ศรีสะเกษ สกลนคร ร้อยเอ็ด อาศัยอยู่ เมื่อนานมาแล้ว
การเกษตร ปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา และปาล์ม
วันนี้ ผมไม่ได้พาไปเที่ยวดูพืชผักต่างๆดังที่เอ่ยมา ผมจะพาไปท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ในจังหวัดกาญจนบุรี ที่ไร่ สตอรว์เบอร์รี่ หมู่บ้านภูเตย ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
มีปลูกกันอยู่หลายไร่ เช่น ไร่ลุงชาติ ไร่อาตี๋ ไร่คุณสา ไร่คุณบุตร ที่ยังไม่ทราบอีกหลายที่
วันนี้ผมจะไปที่ไร่ของใครนั้น
เรามาดูถนนหนทางกันก่อน
การเดินทาง มอเตอร์ไซค์สิครับ จากกรุงเทพฯ ถึงบ้านโป่ง และกาญจนบุรี ขับตามถนนสาย 323
น้ำตกไทรโยคน้อย ถึง ทางแยก สหกรณ์นิคม ให้เลี่ัยวขวา ตามทางลาดยาง 3091 ประมาณ 18 กิโลเมตร มีที่ท่องเที่ยวรายทางมากมาย
และทางลูกลังอีก 2 กิโลเมตร ก็ถึง จุดชมวิวเนินสวรรค์และจุดตราจ อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์
ขับผ่านด่านไป ช่วงนี้จะเป็นทางลูกรังอีกประมาณ 11 กิโลเมตร ครับ
ทางในช่วงนี้สมบุกสมบัน ตะปุ่มตะป่ำ แอบออฟโรดเล็กเล็ก
ไม่ราบเรียบอย่างถนนสายกลีบกุหลาบ ถูกใจขาลุยเป็นยิ่งนัก เอ้า...พร้อมยัง...555
ถนนขึ้นลงเขาชิวๆเลนเดียวสวนกัน
รถเก๋งสแตนดาร์ดไปได้ กระบะไปสบายๆ มอเตอร์ไซค์อย่างเราคล่องตัวดีนัก
เมื่อเจอป้ายให้ขับไปทาง อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
พี่ๆบิ๊กไบค์ขาลุยรู้เส้นทางนี้ดี ขับข้ามไปมา ทองผาภูมิ ศรีสวัสดิ์
สำหรับผมความเร็วก็ ชมนก ชมไม้ กันไป 20 30 เน๊อะๆ 5556
เกือบคว่ำเลยวันนี้ 555 ชั่วโมงนิดๆก็ถึงไร่ภูเตย
ผมว่าเส้นทางนี้เข้าภูเตยได้เร็วแล้ว ชาวบ้านก็ใช้เส้นทางนี้กัน ยังมีอีก 2 เส้นทาง ใว้ตอนท้ายและกัน
เราได้สอบถามมาแล้ว
ทางเข้าตรงนี้เป็นที่ปลูกเก่า
ไม่ต้องเข้าไป ไร่ภูเตยย้ายที่ปลูกใหม่ อยู่ท้ายหมู่บ้าน ให้ขับเลยตรงนี้ไป
เริ่มจากหน้าโรงเรียนวัดป่าถ้ำภูเตย ( ด้านหน้าของหมู่บ้าน)
ทางด้านขวามือคนขับ จะมีทางเข้า ถ้ำเสาหิน คือในถ้ำจะมีเสาหินที่มีความสูงที่สุดในโลก การเดินทางเข้าไป ต้องมีชาวบ้านนำทาง ใช้การเดินเข้าไป หรือให้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง ต้องนั่งรถเข้าไป ต่อด้วยเดินเท้า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโโมง ก็ถึง
และทางซ้ายมือมีเสาสูงๆข้างโรงเรียน สองต้น
เลยไปอีกทางขวามือก็จะเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านภูเตย
ขับไปเรื่อยตามทาง ทางซ้ายมือจะเห็นหน่วยป้องกันรักษาป่า
ใกล้จะถึงไร่ภูเตยแล้ว เมื่อเห็นเสาหลักกิโลตรงนี้ ข้างหน้าทางซ้ายมือก็ถึงทางเข้า
ตามไปอีกไม่มากทางซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางเข้าไร่ภูเตย
มีรูปสตอรว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ เลี้ยวซ้ายเข้าไปตามทาง สัก 120 เมตร ขับข้ามลำธารไป
ก็จะเห็นป้ายนี้ เลี้ยวขวาเลยครับ หาที่จอดรถได้เลย
ภายในไร่ภูเตย
เมื่อถึงไร่ภูเตยแล้วให้ @โลเกชั่น
แล้วกลับบ้านได้ เรามาถึงแล้ว 555
(ล้อเล่งอ่าาาาา 55)
ก็ลงจากรถสิครับ รออาไร แต่ดูเวลาก่อนนะครับ เข้ามาถึงไร่กี่โมง เช้ามืด มีสตอร์วเบอร์รี่แน่นอน 100% เช้า มีสตอร์วเบอร์รี่แน่นอน 80% สาย มีสตอร์วเบอร์รี่แน่นอน 50% นอกเวลาที่บอกก็มีนะ แต่มีน้อย พอได้เอากลับบ้าน ถึงไม่มีสตอร์วเบอร์รี่ให้ทุกท่านได้ทาน ได้ซื้อกลับไปบ้าน ทางไร่ภูเตยบอกกับเราว่า ยินดีต้อนรับทุกท่านเสมอ แวะเข้ามาเยี่ยมเยือน ทักทาย พูดคุย ดูต้นสตอร์วเบอร์รี่
หรือจะพักค้างคืน
ทางไร่ก็มีเต๊นท์ให้เช่าในราคาถูก 100 บาท/คืน
หรือจะนำเต๊นท์มาเองก็ได้ค่ากางเต๊นท์ 50 บาท / คืน
ไม่แพง ไม่แพง เป็นการอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ
ถ้าร้อนก็ลงไปล้างหน้าล้างตา เล่นน้ำในลำธารก็ยังได้
มารู้จักเจ้าของไร่กันก่อน
https://www.facebook.com/%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A2-282038228654391/?fref=ts
คุณสุนันท์ เรียนจบด้านวิศวะคอม คุณหนู เรียนจบการท่องเที่ยว (ขอเอ่ยชื่อเล่น)
ทำไมคนทั้งสองถึงมาทำไร่ที่นี่หละทั้งที่อายุยังน้อย?
คนทั้งสองบอกกับเราว่า เคยทำงานในเมืองหลวง รู้สึกไม่ชอบ บวกกับค่าครองชีพที่สูง
ทำให้เขาทั้งสองตัดสินใจ ขอกลับมาอยู่ที่นี่ ภูเตย อยู่กับธรรมชาติที่ตนเองรัก
ที่นี่ยังเป็นบ้านของยาย ของคุณหนู มีพี่น้องอยู่กันหลายคน ตรงนี้คือจุด เริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเขาทั้งสองมองหาว่าจะทำการเพาะปลูกอะไรดี ที่นี่น้ำมีเพียงพอ
มีอากาศเย็นตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 5-30 องศาเซลเซียส
จึงมีความคิดที่จะปลูกสตอรว์เบอร์รี่
และได้นำต้นพ้นธุ์และเมล็ดจากชัยภูมิสู่กาญจนบุรี
ไร่ภูเตย มีพื้นที่ 12 ไร่ เป็นไร่เล็กๆน่ารัก แบ่งมาปลูก สตอรว์เบอร์รี่ 3 ไร่
พื้นที่ๆเหลือยังปลูกพืชหมุนเวียนเช่นฟักแม้ว หรือซาโยเต้ และเผือกกระเหรี่ยง แต่น้ำไม่เพียงพอ
ในปี 58 มีการปลูก สตอรว์เบอร์รี่ เพียง 1 ไร่ ประมาณ 8000 ต้น
สาเหตุจากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
มีน้ำไม่เพียงพอ ถ้าใช้น้ำมากไป ผู้อื่นก็จะไม่มีน้ำใช้ไปด้วย
เขาทั้งสองยังบอกกับเราอีกว่า ต้องหาที่เพาะปลูกใหม่ ที่ใกล้แหล่งน้ำมากกว่านี้ เมื่อน้ำพร้อมก็จะกลับมาเพิ่มผลผลิตทันที
จากการที่คนทั้งสองไม่มีความรู้ด้านการเพาะปลูก สตอรว์เบอร์รี่
ไร่ภูเตยจึงประสบปัญหาด้านต่างๆ ทำให้ต้องหาวิธีปลูกใน โซเชียล
ลองผิด ลองถูก และได้พบโครงการหลวง
จึงติดต่อขอข้อมูล และได้เข้ารับการอบรมทุกขั้นตอน
ต้องเข้าพักในโครงการหลวง 1 เดือน
เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอด และแจกจ่ายเพื่อนสมาชิกที่ยังขาดความรู้
ในการปลูก สตอรว์เบอร์รี่นั้น
คุณสุนันท์ แนะนำว่า สตอรว์เบอร์รี่ เป็นพืชล้มลุกปลูกไม่ยาก ใช้การใส่ใจดูแล
ถ้ารดน้ำน้อยอากาศเย็นไม่พอ ลูกจะไม่โต
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการปลูกคือ 5-10 องศาเซลเซียส
ด้วยความเป็นคนไม่ย่อท้อ ชอบคิด ชอบลอง ท้าทายสิ่งใหม่ๆที่เข้ามา เป็นคนช่างสังเกตุ
เมื่อเห็นลูกสาวทั้งสองชอบวิ่งเข้าไปเก็บกิน สตอรว์เบอร์รี่ สดๆจากไร่ อยู่บ่อยๆ
เมื่อลูกสาวทั้งสองของเขาเป็นผู้จุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
ด้วยความรักและเป็นห่วงต่อทุกคนและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม การเพาะปลูกแบบเกษตรอินทรีย์
ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ความพออยู่พอกินจึงเกิดขึ้น
มีการนำวัตถุดิบต่างๆที่หาได้ง่ายมาทำเป็นน้ำหมัก เพื่อเป็นสูตรไล่แมลง
และยังสามารถเก็นกินกันสดๆจากต้นตรงนั้นได้เลย เป็นไงหละ สตอรว์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ
มี ต่ อ ด้ า น ล่ า ง ค รั บ