สวัสดีค่าา กลับมาคราวนี้พร้อมกระทู้ที่ยิ่งใหญ่อลังการ รูปนับร้อย (ตัดใจไม่ลง แต่ละรูปอยากให้ทุกคนได้เห็นจริงๆๆ)
วันนี้เราไป A N T A R C T I C A กันค่าา
จากที่เราได้รับรางวัลจาก ppantip.com และ Singha Corporation ในโครงการ ก้าวออกจากฝัน สร้างสรรค์ให้เป็นจริง (
http://ppantip.com/topic/33687020)
และที่ได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวไปแอนตาร์กไว้นั้น (
http://ppantip.com/topic/34614264)
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราค่ะ
การเดินทางไป Antarctica
ทริปที่เราเลือกไปเป็นเรือที่ขึ้นจากท่าเรือที่เมือง Ushuaia ประเทศอาร์เจนติน่าค่ะ ดังนั้นเราต้องบินจากไทยไปลังบัวโนวไอเรสก่อน (รีวิวของเมืองนี้ตามมาทีหลังนะคะ แซ่บจิงๆเมืองนี้!!) จากนั้นก้นั่งเครื่องบินจากบัวโนสมาลงที่ Ushuaia ค่ะ
เรือที่เราขึ้นเป็นของบริษัท Quark Expeditions จริงๆตอนนี้รีเสิชไม่ได้เล็งเรือบริษัทนี้เลย แต่สุดท้ายก้มาลงตัวที่อันนี้ ดีใจมากๆเพราะเป็นทริปที่ดีมากๆๆๆ staff ทุกคนทั้งที่บริการบนเรือและ expedition staff น่ารักมากๆ ดูแลดีสุดๆๆ
ทริปที่เราไปเป็นทริปที่สั้นที่สุดที่มีค่ะ (แค่นี้ก้ลางานนานจนเพื่อนนึกว่าลาออก!) โปรแกรมคือวันที่ 6-16 มกราคม แต่วันที่ 6 เป็นวันที่อยู่ที่ Ushuaia ค่ะ เราขึ้นเรือช่วงบ่ายๆของวันที่ 7 และเรือกลับมาถึงฝั่งตอนเช้าของวันที่ 16 ดังนั้นจะนอนบนเรือทั้งหมด 9 คืน แต่เป็นวันที่ได้เที่ยวใน Antarctica จริงๆแค่ 4 วัน เพราะเวลาเดินทางไปกลับก้ขาละ 2 วันแล้วค่ะ!!! ดังนั้น ถ้าใครมีเวลา (และเงิน) จริงๆ เลือกไปทริปยาวๆเลยค่ะ แต่จริงๆแค่นี้ก้แอบเหนื่อยแล้วเหมือนกัน มาดูกันค่ะว่าเหนื่อยอะไรยังไง
เรือ Ocean Diamond
เริ่มต้นด้วยการรีวิวเรือก่อนเลย เรือ Ocean Diamond เป็นเรือไม่ใหญ่มากค่ะ รวมๆผู้โดยสารกะพนักงานทุกคนบนเรือไม่น่าจะหนีซัก 300 คน ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่อลังการเหมือนพวกเรือ Cruise ที่มีแปดชั้นสิบชั้นแต่ก้ถือว่าสะดวกสบายมากค่ะ มีอะไรทำบนเรือตลอดไม่เบื่อเลย
เรือมีทั้งหมด 7 Deck (จริงๆจากชั้น 7 ก้มีบันไดขึ้นไปได้อีกเป็นดาดฟ้าเล็กๆ) ชั้น 1-2 เป็นส่วนห้องพักพนักงาน ห้อง laundry คลีนิก เคยลงไปแอบๆดูนิดนึงที่ชั้นสอง แต่ชั้นหนึ่งไม่เคยไปเลยค่ะ ชั้นที่เกี่ยวกับ passenger จะมีแค่ 3-7 เท่านั้น
ชั้น 3 คือชั้นที่เวลาเดินขึ้นมาจะเป็นชั้นนี้เลย มีห้องอาหารแล้วก้ห้องพัก
ชั้น 4 จะเป็น Reception ส่วนของโรงแรม Expdeition Office ที่จะเป็นของ Expedition staff
(หลักๆพนักงานบนเรือจะมีสองส่วนคือส่วนของบริษัท Quark คือพวก expedition staff ที่พาเรานำเที่ยวและส่วนพนักบนเรือ พวกโรงแรม ห้องอาหารต่างๆ)
มี The Club ที่เป็นห้องเหมือน common area มีบาร์ จะเป้นที่ๆมารวมตัวกันเวลามีกิจกรรมหลายๆอย่าง มีร้านขายของ Polar Boutique แล้วก้มีห้องพัก
ร้านขายของที่ระลึกบนเรือจะมีตั้งแต่เสื้อหนาว สร้อยทองแพงๆๆ ยันโปสการ์ดอันละ 1.5 USD (ทุกอย่างบนเรือจะใช้สกุลเงิน USD ค่ะ) แต่ร้านเค้าไม่ค่อยเปิดค่ะ วันๆนึงเป็นแค่ หนึ่งถึงสองชั่วโมง เหมือนไม่อยากขาย 555 จริงๆคือ Expedition Staff บนเรือเค้าจะไม่ได้รับหน้าที่แค่อย่างเดียวค่ะ ทุกคนต้องมีหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น Naturlist guide หรือผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา ด้านสัตว์ปีก ด้านประวัติศาสตร์ ทุกคนต้องทำหน้าที่ขับเรือ Zodiac หรือคอยไปรอดูแลบริเวณที่ Landing ด้วย ดังนั้นร้านเลยจะเปิดเวลาที่ไม่มีใครออกไป landing หรือ cruising ค่ะ ต้องคอยรอฟังประกาศว่าจะเปิดกี่โมงหรือคอยแว้บมาดูป้ายหน้าร้านค่ะ
ชั้น 5 เป็น Main lounge ที่ๆเหมือนห้องประชุม เวลามีการรวมตัวทำอะไรก็จะมาที่นี่ มีห้องสมุด แล้วก้มีห้องพัก
ห้องสมุดแม้จะขนาดเล็กแต่ก้ดีมากๆๆ มีหนังสือเกี่ยวกับ Antarctica, Polar Expedition ประวัติศาสตร์ทวีปนี้ สัตว์ที่อยู่ในทวีปนี้ World Atlas แม้แต่นิยายก้มี
คืนที่เงียบๆไม่มีโปรแกรมทำอะไรก้เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด บันเทิงมากค่ะขนาดปกติไม่ได้เป็นคนชอบอ่านหนังสืออะไร
ชั้น 6 เป็นห้องพักทั้งหมด ข้างนอกมียิมเล็กๆ สระน้ำที่ไม่เคยเปิดใช้ Grill area แล้วก้มี Bridge ซึ่งคือห้องบังคับเรือนั่นเอง
ตรงพื้นที่โล่งๆนั้น มีวันนึงจะมีจัด BBQ Party ค่ะ โชคดีมากๆวันนั้นอากาศดีสุดๆ สวยแบบไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาบรรยาย
ที่นี่เราสามารถเข้ามาชมได้ค่ะ เค้าจะปิดเฉพาะตอนที่เรือเพิ่งออกจากท่า แล้วก้ถ้าต้องมีการบังคับเรือแบบซีเรียสๆอากาศไม่ดีมากๆเค้าก้จะปิด นอกนั้นก้เข้ามาได้สบาย ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามกินขนม บางทีเค้ามาส่องนก ส่องปลาวาฬ หรือแอ๊วผู้ช่วยกัปตันบ้างค่ะ
ชั้น 7 เป็นห้องพัก แล้วก้มี Observation Deck
มาดูในส่วนห้องของเราบ้าง แน่นอนว่า เราต้องเลือกห้องที่ถูกที่สุด 5555 ห้องจะเป็นแบบ Obstructed view ค่ะ คือมี Life Boat บังหน้าต่างอยู่ พอเห็นข้างนอกบ้าง แต่จริงๆห้องที่ถูกกว่าคือ Triple ค่ะ มันจะมีเตียงแบบ Dorm 2 ชั้นอันนึงกับเตียง single อันนึง หารออกมาต่อคนจะถูกกว่า เราไปกะเพื่อนอีกคนเลยเลือกห้องแบบสองคนค่ะ
เข้าไปแว้บแรกห้องจัดไว้อย่างสวยงาม ห้องน้ำขนาดโอเค ใหญ่กว่าที่คิด บนโต๊ะจะมีของที่จัดเตรียมไว้ให้ ถุงขวดน้ำ ป้ายชื่อ กุญแจห้อง เป็น welcome set และก้มีป้ายว่า Room stewardess ที่จะดูแลห้องของเราตลอดทริปชื่อ Raquel เป็นสาวฟิลิปปินส์ น่ารักเฟรนลี่ ขยันมาทำห้องวันละสามสี่รอบ ไม่รุ้แว้บเข้ามาตอนไหน กลับมาทีไรก้เป็นระเบียบตลอด เราขอให้เค้าแยกเตียงให้เป็นสองเตียงเดี่ยว สภาพห้องตามจริงจะรกๆแบบนี้ค่ะ 555
Welcome on board
วันแรก บ่ายสามครึ่งนัดมาที่รถบัสเพื่อขับเข้าไปในท่าเรือค่ะ ขึ้นเรือ เข้าห้องกระเป๋าก้วางไว้ให้เรียบร้อย (ตอนเช็คเอาท์จากโรงแรมที่ Ushuaia เค้าจะให้วางกระเป๋าพร้อมเขียนเลขห้องบนเรือไว้เลย) แล้วก้จะมี Welcome Cocktail ค่ะ
เสร็จแล้วทุกคนก็ต้องไปที่ Main lounge มีการกล่าวต้อนรับและบอกข้อมูลสำคัญต่างๆ เสร็จแล้วก้จะมี Emergency Drill ซึ่งทุกเรือต้องมีการทำภายใน 24 ชม. คือต้องกลับไปเอาเสื้อชูชีพที่ห้องแล้วออกมาเจอที่ Muster Station ซึ่งก้คือตรง main lounge นี่เอง แล้วก้เดินออกไปที่กาบเรือที่มี life boat อยู่ เป็นการซักซ้อมว่าถ้ามีเหตุการณ์เรือจะล่มหรืออะไรก้ตามแต่ ต้องปฏิบัติตัวอะไร ไปรวมตัวที่ไหนบ้างค่ะ
จากนั้นก้มาทานอาหารค่ะ ทุกวัน อาหารเช้าจะเสริฟตั้งแต่ 7 โมงหรือ 7.30 เป็นบุฟเฟ่ อาหารเที่ยงจะ 13.30 แบบบุฟเฟ่ ส่วนอาหารเย็น 19.30 จะเป็นแบบ a la carte เดินเข้าประตูมาจะมี sample อาหารของวันนี้เรียงให้ดู นั่งโต๊ะไหนก้ได้ที่ว่าง ก้จะแชร์ๆกับคนอื่นค่ะ อาหารเย็นเรานั่งโต๊ะเดิมทุกวันเพราะตีซี้กะเพื่อนคู่สามีภรรยาอเมริกันเชื้อสายอินเดียไว้ตั้งแต่วันแรก จะมีพนักงานชาวอินเดียเอาข้าวแกงกะหรี่ที่ไม่อยู่ในเมนูมาให้เค้าทุกวันเลยค่ะ 55555
พอนั่งเรียบร้อยแล้วพนักงานก้จะถามว่าสั่งอะไรบ้าง แล้วก้กินกันยาวเลยค่ะ 4 คอร์สทุกวัน เปรมไปอีก อาหารทุกอย่างรวมอยู่ในค่าเรือแล้วค่ะ ที่ไม่รวมจะเป็นพวกเครื่องดื่มจาก bar พวกโค้ก กาแฟชงเครื่อง (ลาเต้ คาปู บลาๆ) แล้วก้แอลกอฮอลล์ทั้งหลาย แต่จิงๆราคาของบาร์ก้ถือว่าไม่แพงนะคะ พวก cocktail หรือ wine ถูกกว่ากินที่บ้านเราอีก
วันแรกก้มีปัญหาเลยค่ะ จริงๆเรือควรออกตั้งแต่ 6 โมง แต่ว่าลมแรงมากกกก เค้าปิดอ่าวไม่ให้เรือออกจาก ช่องแคบ Beagle (ก้ว่า เดินๆอยู่ในเมือง Ushuaia วันนั้นคือลมพัดปลิวมากก) เราก้เลยต้องจอดรออยู่เฉยๆจนถึงซัก 3 ทุ่มโน่นถึงจะได้ออก พอเรือเริ่มขยับก้วิ่งไปที่ดาดฟ้าแล้วก้ถ่ายรุปเมือง Ushuaia รัวๆ
First 2 days at sea
คืนแรกบนเรือเค้าบอกให้เก็บของในห้องให้เรียบร้อย อะไรที่ตั้งๆให้วางนอนหรือใส่ลิ้นชัก (เรียกว่า Drake Proof) เพราะว่าเรากำลังจะผ่าน DRAKE PASSAGE ค่ะ!!! น่านน้ำนี้มีชื่อเสียงนักในเรื่องคลื่นลมอันแสนโหดร้าย เราเข้านอนเร็วมาก แต่คืนนั้นก้หลับๆตื่นๆ รุสึกถึงความโคลงเคลง เสียงกำแพงออดเอียดๆ พอเช้าปุ๊ป ต้องลุกขึ้นมากินข้าว เวียนหัวมากกกกกก ก้เลยกินยาก้เมาเรือ แล้วก้พยายามกัดฟันลากตัวเองไปอาบน้ำแต่งหน้าแล้วก้ออกมาที่ห้องอาหาร มาถึงห้องอาหารโล่งมากกก ก้ไม่ทันคิดว่าคนเค้าไปไหนกัน ตอนเดินมาต้องคอยจับราวตลอดทางง พร้อมหยิบถุงอ้วก (แบบบนเครื่องบิน) ที่เค้าจะปักๆไว้ตามราวจับรอบเรือติดมือมาด้วย เข้าไปนั่งโต๊ะชาวออสเตรเลียคู่นึง แนะนำว่า เวียนหัวเหรอ กินน้ำส้มสิ ช่วยนะ ก้เลยไปเอาน้ำส้มมากินตามคำแนะนำ กินข้าวไม่ไหวแล้วเลยขอตัวจะกลับมานอน ห้องอาหารชั้น 3 แค่ขึ้นมาชั้น 4 ก้ไม่ไหวแล้วพุ่งเข้าไปนั่งใน The Club แล้วก้ อ้วกกกกกกกก น้ำส้มไหนว่าจะช่วยย
รู้เรื่องค่ะ!! พอกลับห้องปุ๊ป อ้วกกกกกกก รอบสอง น้ำส้มครึ่งแก้วที่กินไป ออกมาหมดพอดี 5555
จากนั้นก้ไม่ไหว ตาย ตาย ตาย นอนตายอยู่บนเตียง เรือก้ยังโคลงเคลงต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ก้นอนๆๆๆๆ ตารางวันนี้คือมี lecture presentaion เรื่อง Seabird, Whale, History อันแรกไปไม่ไหว มีเรื่อง Whale อยากฟังมากเลยลากตัวเองออกไป นั่งเฉยๆไม่ได้ต้องเอามือยันหัวตลอด หลับๆตื่นๆ เข้าไปฟังจบกลับมานอนต่ออีก จนบ่ายๆหิวมากก แล้วกัดฟันวิ่งออกมาเอาคุกกี้ซึ่งจะมีให้หยิบตลอด 24 hr ที่ The Club คว้าคุกกี้ได้สองอันวิ่งกลับห้อง นอนๆๆๆๆต่ออีกจนเย็น เพื่อนเอาข้าวเย็นขึ้นมาฝากหนึ่งจานเพราะเรายังไม่ได้โงหัวออกไปอีกเลย กินไปสามสี่คำ กัวอ้วกอีกเลยนอนต่อ ทีนี้ก้หลับยวจนถึงเช้าา สรุปคือวันแรกนั้น ประมาณ 22 ชั่วโมงที่ใช้ชีวิตอยู่บนเตียง น้ำเนิ่มไม่ได้อาบ หน้าที่ตื่นมาแต่งตอนเช้าก้ไม่ล้าง พังค่ะพังง ตอนนั้นคิดเลยว่า โอ๊ยยย ตูจะไม่มาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ววว ทรมานเหลือเกินนนน มันคุ้มไม๊เนี่ยยยย (วันที่ไปถึงแอนตาร์กรู้เลยค่ะว่าคุ้มมากกก ให้ไปอีกรอบนี่ sign up ทันที!!)
เนื่องจากไม่ได้โงหัวออกมาเลยไม่มีรูปของตัวเอง รูปนี้จากผู้โดยสารบนเรือ John ห้อง 602 ค่ะ
ตวามโหดร้ายของ Drake คิดดู แบบนี้ตลอดวันค่ะ
Journey to ANTARCTICA | ก้าวออกจากฝัน ไปสร้างสรรค์ที่แอนตาร์กติกา!
วันนี้เราไป A N T A R C T I C A กันค่าา
จากที่เราได้รับรางวัลจาก ppantip.com และ Singha Corporation ในโครงการ ก้าวออกจากฝัน สร้างสรรค์ให้เป็นจริง (http://ppantip.com/topic/33687020)
และที่ได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวไปแอนตาร์กไว้นั้น (http://ppantip.com/topic/34614264)
วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราค่ะ
การเดินทางไป Antarctica
ทริปที่เราเลือกไปเป็นเรือที่ขึ้นจากท่าเรือที่เมือง Ushuaia ประเทศอาร์เจนติน่าค่ะ ดังนั้นเราต้องบินจากไทยไปลังบัวโนวไอเรสก่อน (รีวิวของเมืองนี้ตามมาทีหลังนะคะ แซ่บจิงๆเมืองนี้!!) จากนั้นก้นั่งเครื่องบินจากบัวโนสมาลงที่ Ushuaia ค่ะ
เรือที่เราขึ้นเป็นของบริษัท Quark Expeditions จริงๆตอนนี้รีเสิชไม่ได้เล็งเรือบริษัทนี้เลย แต่สุดท้ายก้มาลงตัวที่อันนี้ ดีใจมากๆเพราะเป็นทริปที่ดีมากๆๆๆ staff ทุกคนทั้งที่บริการบนเรือและ expedition staff น่ารักมากๆ ดูแลดีสุดๆๆ
ทริปที่เราไปเป็นทริปที่สั้นที่สุดที่มีค่ะ (แค่นี้ก้ลางานนานจนเพื่อนนึกว่าลาออก!) โปรแกรมคือวันที่ 6-16 มกราคม แต่วันที่ 6 เป็นวันที่อยู่ที่ Ushuaia ค่ะ เราขึ้นเรือช่วงบ่ายๆของวันที่ 7 และเรือกลับมาถึงฝั่งตอนเช้าของวันที่ 16 ดังนั้นจะนอนบนเรือทั้งหมด 9 คืน แต่เป็นวันที่ได้เที่ยวใน Antarctica จริงๆแค่ 4 วัน เพราะเวลาเดินทางไปกลับก้ขาละ 2 วันแล้วค่ะ!!! ดังนั้น ถ้าใครมีเวลา (และเงิน) จริงๆ เลือกไปทริปยาวๆเลยค่ะ แต่จริงๆแค่นี้ก้แอบเหนื่อยแล้วเหมือนกัน มาดูกันค่ะว่าเหนื่อยอะไรยังไง
เรือ Ocean Diamond
เริ่มต้นด้วยการรีวิวเรือก่อนเลย เรือ Ocean Diamond เป็นเรือไม่ใหญ่มากค่ะ รวมๆผู้โดยสารกะพนักงานทุกคนบนเรือไม่น่าจะหนีซัก 300 คน ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่อลังการเหมือนพวกเรือ Cruise ที่มีแปดชั้นสิบชั้นแต่ก้ถือว่าสะดวกสบายมากค่ะ มีอะไรทำบนเรือตลอดไม่เบื่อเลย
เรือมีทั้งหมด 7 Deck (จริงๆจากชั้น 7 ก้มีบันไดขึ้นไปได้อีกเป็นดาดฟ้าเล็กๆ) ชั้น 1-2 เป็นส่วนห้องพักพนักงาน ห้อง laundry คลีนิก เคยลงไปแอบๆดูนิดนึงที่ชั้นสอง แต่ชั้นหนึ่งไม่เคยไปเลยค่ะ ชั้นที่เกี่ยวกับ passenger จะมีแค่ 3-7 เท่านั้น
ชั้น 3 คือชั้นที่เวลาเดินขึ้นมาจะเป็นชั้นนี้เลย มีห้องอาหารแล้วก้ห้องพัก
ชั้น 4 จะเป็น Reception ส่วนของโรงแรม Expdeition Office ที่จะเป็นของ Expedition staff
(หลักๆพนักงานบนเรือจะมีสองส่วนคือส่วนของบริษัท Quark คือพวก expedition staff ที่พาเรานำเที่ยวและส่วนพนักบนเรือ พวกโรงแรม ห้องอาหารต่างๆ)
มี The Club ที่เป็นห้องเหมือน common area มีบาร์ จะเป้นที่ๆมารวมตัวกันเวลามีกิจกรรมหลายๆอย่าง มีร้านขายของ Polar Boutique แล้วก้มีห้องพัก
ร้านขายของที่ระลึกบนเรือจะมีตั้งแต่เสื้อหนาว สร้อยทองแพงๆๆ ยันโปสการ์ดอันละ 1.5 USD (ทุกอย่างบนเรือจะใช้สกุลเงิน USD ค่ะ) แต่ร้านเค้าไม่ค่อยเปิดค่ะ วันๆนึงเป็นแค่ หนึ่งถึงสองชั่วโมง เหมือนไม่อยากขาย 555 จริงๆคือ Expedition Staff บนเรือเค้าจะไม่ได้รับหน้าที่แค่อย่างเดียวค่ะ ทุกคนต้องมีหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น Naturlist guide หรือผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา ด้านสัตว์ปีก ด้านประวัติศาสตร์ ทุกคนต้องทำหน้าที่ขับเรือ Zodiac หรือคอยไปรอดูแลบริเวณที่ Landing ด้วย ดังนั้นร้านเลยจะเปิดเวลาที่ไม่มีใครออกไป landing หรือ cruising ค่ะ ต้องคอยรอฟังประกาศว่าจะเปิดกี่โมงหรือคอยแว้บมาดูป้ายหน้าร้านค่ะ
ชั้น 5 เป็น Main lounge ที่ๆเหมือนห้องประชุม เวลามีการรวมตัวทำอะไรก็จะมาที่นี่ มีห้องสมุด แล้วก้มีห้องพัก
ห้องสมุดแม้จะขนาดเล็กแต่ก้ดีมากๆๆ มีหนังสือเกี่ยวกับ Antarctica, Polar Expedition ประวัติศาสตร์ทวีปนี้ สัตว์ที่อยู่ในทวีปนี้ World Atlas แม้แต่นิยายก้มี
คืนที่เงียบๆไม่มีโปรแกรมทำอะไรก้เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด บันเทิงมากค่ะขนาดปกติไม่ได้เป็นคนชอบอ่านหนังสืออะไร
ชั้น 6 เป็นห้องพักทั้งหมด ข้างนอกมียิมเล็กๆ สระน้ำที่ไม่เคยเปิดใช้ Grill area แล้วก้มี Bridge ซึ่งคือห้องบังคับเรือนั่นเอง
ตรงพื้นที่โล่งๆนั้น มีวันนึงจะมีจัด BBQ Party ค่ะ โชคดีมากๆวันนั้นอากาศดีสุดๆ สวยแบบไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาบรรยาย
ที่นี่เราสามารถเข้ามาชมได้ค่ะ เค้าจะปิดเฉพาะตอนที่เรือเพิ่งออกจากท่า แล้วก้ถ้าต้องมีการบังคับเรือแบบซีเรียสๆอากาศไม่ดีมากๆเค้าก้จะปิด นอกนั้นก้เข้ามาได้สบาย ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามกินขนม บางทีเค้ามาส่องนก ส่องปลาวาฬ หรือแอ๊วผู้ช่วยกัปตันบ้างค่ะ
ชั้น 7 เป็นห้องพัก แล้วก้มี Observation Deck
มาดูในส่วนห้องของเราบ้าง แน่นอนว่า เราต้องเลือกห้องที่ถูกที่สุด 5555 ห้องจะเป็นแบบ Obstructed view ค่ะ คือมี Life Boat บังหน้าต่างอยู่ พอเห็นข้างนอกบ้าง แต่จริงๆห้องที่ถูกกว่าคือ Triple ค่ะ มันจะมีเตียงแบบ Dorm 2 ชั้นอันนึงกับเตียง single อันนึง หารออกมาต่อคนจะถูกกว่า เราไปกะเพื่อนอีกคนเลยเลือกห้องแบบสองคนค่ะ
เข้าไปแว้บแรกห้องจัดไว้อย่างสวยงาม ห้องน้ำขนาดโอเค ใหญ่กว่าที่คิด บนโต๊ะจะมีของที่จัดเตรียมไว้ให้ ถุงขวดน้ำ ป้ายชื่อ กุญแจห้อง เป็น welcome set และก้มีป้ายว่า Room stewardess ที่จะดูแลห้องของเราตลอดทริปชื่อ Raquel เป็นสาวฟิลิปปินส์ น่ารักเฟรนลี่ ขยันมาทำห้องวันละสามสี่รอบ ไม่รุ้แว้บเข้ามาตอนไหน กลับมาทีไรก้เป็นระเบียบตลอด เราขอให้เค้าแยกเตียงให้เป็นสองเตียงเดี่ยว สภาพห้องตามจริงจะรกๆแบบนี้ค่ะ 555
Welcome on board
วันแรก บ่ายสามครึ่งนัดมาที่รถบัสเพื่อขับเข้าไปในท่าเรือค่ะ ขึ้นเรือ เข้าห้องกระเป๋าก้วางไว้ให้เรียบร้อย (ตอนเช็คเอาท์จากโรงแรมที่ Ushuaia เค้าจะให้วางกระเป๋าพร้อมเขียนเลขห้องบนเรือไว้เลย) แล้วก้จะมี Welcome Cocktail ค่ะ
เสร็จแล้วทุกคนก็ต้องไปที่ Main lounge มีการกล่าวต้อนรับและบอกข้อมูลสำคัญต่างๆ เสร็จแล้วก้จะมี Emergency Drill ซึ่งทุกเรือต้องมีการทำภายใน 24 ชม. คือต้องกลับไปเอาเสื้อชูชีพที่ห้องแล้วออกมาเจอที่ Muster Station ซึ่งก้คือตรง main lounge นี่เอง แล้วก้เดินออกไปที่กาบเรือที่มี life boat อยู่ เป็นการซักซ้อมว่าถ้ามีเหตุการณ์เรือจะล่มหรืออะไรก้ตามแต่ ต้องปฏิบัติตัวอะไร ไปรวมตัวที่ไหนบ้างค่ะ
จากนั้นก้มาทานอาหารค่ะ ทุกวัน อาหารเช้าจะเสริฟตั้งแต่ 7 โมงหรือ 7.30 เป็นบุฟเฟ่ อาหารเที่ยงจะ 13.30 แบบบุฟเฟ่ ส่วนอาหารเย็น 19.30 จะเป็นแบบ a la carte เดินเข้าประตูมาจะมี sample อาหารของวันนี้เรียงให้ดู นั่งโต๊ะไหนก้ได้ที่ว่าง ก้จะแชร์ๆกับคนอื่นค่ะ อาหารเย็นเรานั่งโต๊ะเดิมทุกวันเพราะตีซี้กะเพื่อนคู่สามีภรรยาอเมริกันเชื้อสายอินเดียไว้ตั้งแต่วันแรก จะมีพนักงานชาวอินเดียเอาข้าวแกงกะหรี่ที่ไม่อยู่ในเมนูมาให้เค้าทุกวันเลยค่ะ 55555
พอนั่งเรียบร้อยแล้วพนักงานก้จะถามว่าสั่งอะไรบ้าง แล้วก้กินกันยาวเลยค่ะ 4 คอร์สทุกวัน เปรมไปอีก อาหารทุกอย่างรวมอยู่ในค่าเรือแล้วค่ะ ที่ไม่รวมจะเป็นพวกเครื่องดื่มจาก bar พวกโค้ก กาแฟชงเครื่อง (ลาเต้ คาปู บลาๆ) แล้วก้แอลกอฮอลล์ทั้งหลาย แต่จิงๆราคาของบาร์ก้ถือว่าไม่แพงนะคะ พวก cocktail หรือ wine ถูกกว่ากินที่บ้านเราอีก
วันแรกก้มีปัญหาเลยค่ะ จริงๆเรือควรออกตั้งแต่ 6 โมง แต่ว่าลมแรงมากกกก เค้าปิดอ่าวไม่ให้เรือออกจาก ช่องแคบ Beagle (ก้ว่า เดินๆอยู่ในเมือง Ushuaia วันนั้นคือลมพัดปลิวมากก) เราก้เลยต้องจอดรออยู่เฉยๆจนถึงซัก 3 ทุ่มโน่นถึงจะได้ออก พอเรือเริ่มขยับก้วิ่งไปที่ดาดฟ้าแล้วก้ถ่ายรุปเมือง Ushuaia รัวๆ
First 2 days at sea
คืนแรกบนเรือเค้าบอกให้เก็บของในห้องให้เรียบร้อย อะไรที่ตั้งๆให้วางนอนหรือใส่ลิ้นชัก (เรียกว่า Drake Proof) เพราะว่าเรากำลังจะผ่าน DRAKE PASSAGE ค่ะ!!! น่านน้ำนี้มีชื่อเสียงนักในเรื่องคลื่นลมอันแสนโหดร้าย เราเข้านอนเร็วมาก แต่คืนนั้นก้หลับๆตื่นๆ รุสึกถึงความโคลงเคลง เสียงกำแพงออดเอียดๆ พอเช้าปุ๊ป ต้องลุกขึ้นมากินข้าว เวียนหัวมากกกกกก ก้เลยกินยาก้เมาเรือ แล้วก้พยายามกัดฟันลากตัวเองไปอาบน้ำแต่งหน้าแล้วก้ออกมาที่ห้องอาหาร มาถึงห้องอาหารโล่งมากกก ก้ไม่ทันคิดว่าคนเค้าไปไหนกัน ตอนเดินมาต้องคอยจับราวตลอดทางง พร้อมหยิบถุงอ้วก (แบบบนเครื่องบิน) ที่เค้าจะปักๆไว้ตามราวจับรอบเรือติดมือมาด้วย เข้าไปนั่งโต๊ะชาวออสเตรเลียคู่นึง แนะนำว่า เวียนหัวเหรอ กินน้ำส้มสิ ช่วยนะ ก้เลยไปเอาน้ำส้มมากินตามคำแนะนำ กินข้าวไม่ไหวแล้วเลยขอตัวจะกลับมานอน ห้องอาหารชั้น 3 แค่ขึ้นมาชั้น 4 ก้ไม่ไหวแล้วพุ่งเข้าไปนั่งใน The Club แล้วก้ อ้วกกกกกกกก น้ำส้มไหนว่าจะช่วยย รู้เรื่องค่ะ!! พอกลับห้องปุ๊ป อ้วกกกกกกก รอบสอง น้ำส้มครึ่งแก้วที่กินไป ออกมาหมดพอดี 5555
จากนั้นก้ไม่ไหว ตาย ตาย ตาย นอนตายอยู่บนเตียง เรือก้ยังโคลงเคลงต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ก้นอนๆๆๆๆ ตารางวันนี้คือมี lecture presentaion เรื่อง Seabird, Whale, History อันแรกไปไม่ไหว มีเรื่อง Whale อยากฟังมากเลยลากตัวเองออกไป นั่งเฉยๆไม่ได้ต้องเอามือยันหัวตลอด หลับๆตื่นๆ เข้าไปฟังจบกลับมานอนต่ออีก จนบ่ายๆหิวมากก แล้วกัดฟันวิ่งออกมาเอาคุกกี้ซึ่งจะมีให้หยิบตลอด 24 hr ที่ The Club คว้าคุกกี้ได้สองอันวิ่งกลับห้อง นอนๆๆๆๆต่ออีกจนเย็น เพื่อนเอาข้าวเย็นขึ้นมาฝากหนึ่งจานเพราะเรายังไม่ได้โงหัวออกไปอีกเลย กินไปสามสี่คำ กัวอ้วกอีกเลยนอนต่อ ทีนี้ก้หลับยวจนถึงเช้าา สรุปคือวันแรกนั้น ประมาณ 22 ชั่วโมงที่ใช้ชีวิตอยู่บนเตียง น้ำเนิ่มไม่ได้อาบ หน้าที่ตื่นมาแต่งตอนเช้าก้ไม่ล้าง พังค่ะพังง ตอนนั้นคิดเลยว่า โอ๊ยยย ตูจะไม่มาทำอะไรแบบนี้อีกแล้ววว ทรมานเหลือเกินนนน มันคุ้มไม๊เนี่ยยยย (วันที่ไปถึงแอนตาร์กรู้เลยค่ะว่าคุ้มมากกก ให้ไปอีกรอบนี่ sign up ทันที!!)
เนื่องจากไม่ได้โงหัวออกมาเลยไม่มีรูปของตัวเอง รูปนี้จากผู้โดยสารบนเรือ John ห้อง 602 ค่ะ
ตวามโหดร้ายของ Drake คิดดู แบบนี้ตลอดวันค่ะ