อิตาลี ภาค 2
Ciao ! มาเล่ากันต่อเนอะ จาก กระทู้ที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34776347
คือถ้าเราเขียนน่าเบื่อไปก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ คือเราเป็นคนเขียนเล่าเรื่องใช้ภาษาที่แบบค่อนข้างน่าเบื่อหน่อยแต่เราก็เขียนด้วยใจนะคะ
6.วัฒนธรรมของชาวอิตาเลียนแทรกซึมอยู่เกือบจะค่อนโลก
จริงๆแล้ว อิตาลี ค่อนข้างจะเป็นชนชาติที่มีความคลาสสิคมาก และพวกเรามักจะคุ้นเคยกับหลายสิ่ง หลายอย่างที่มาจากประเทศนี่ แต่ไม่ได้ตระหนักว่า เออ จริงๆแล้วมันก็มีต้นตำรับมาจาก อิตาเลียนนะ เอาตัวอย่างชัดๆ อาหาร อันนี้ชัดเจนเลย
พิซซ่า พาสต้า สปาเกตตี้ ลาซานย่า แฮมต่างๆนาๆ ซึ่งเราชาวเอเชียก็มักจะเห็นจะคุ้นเห็นชินตาแต่ประเทศในแถบอเมริกา และ อังกฤษ ซะส่วนมาก ถ้ามาโซน ยุโรป จริงๆ นี่ก็จะนึกถึงฝรั่งเศส เรียกได้ว่าส่วนใหญ่ก็จะมองข้ามประเทศนี่ไป อย่างสิ้นเชิง
แม้กระทั่งสูทของผู้ชาย
ต้นตำรับจริงๆมาจากอิตาลีเลย ซึ่ง คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่า ไม่สิต้องมาจากฝรั่งเศส จริงๆแล้วฝรั่งเศสเค้ากับอิตาลีก็ไม่ถูกกันอีกนะ เพราะชาวอิตาเลียนส่วนใหญ่เชื่อว่า ฝรั่งเศส จุ๊บผลงานหลายๆ และ วัฒนธรรมหลายๆด้านจากอิตาเลียนไป.
หรือในโลกของแฟชั่นเองก็ตาม ยอมรับตามตรงเลยว่า คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงฝรั่งเศส อย่างปารีสก่อนอยู่ดี เรื่องความ Couture เรื่องของ ความสวยงามในแบบฉบับของ Feminine ถ้านึกถึงความเก๋ที่เน้นการ Mix and Match ก็ NY หรือ งานDesign ที่สุดแสนจะเฉียบขาดและสร้างสรรค์ก็ต้อง London, Milan หรือ อิตาลี ก็จะเหลือไว้ความดีไว้แค่เครื่องหนัง - -' ซึ่งก็ไม่เถียงว่าเครื่องหนังจากอิตาลีมันของแท้แน่นอนจริงๆ
แต่คุณรู้ไหมว่าอิตาลีเป็นแหล่งผลิต Materials ที่ดีที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ แบรนด์ใหญ่ยักษ์จากหลายๆเมืองก็ต้องมาสั่งผลิตที่ อิตาลี ผ้าและวัสดุต่างๆก็ล้วนมาจากอิตาลีทั้งนั้น.คือตอนเราฝึกงานเราได้มีโอกาสลงไปที่โรงงานผ้า โรงงานผลิตเลย แต่อยู่นอกมิลานหมดเลยนะ คือ เค้าผลิตวัสดุ ให้กับแบรนด์ยักษ์ จาก Paris London New York เลยทั้งนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่อิตาลียังคงมีอยู่ในโลกของแฟชั่นก็คือ ความ Classic และ ความเป็น Masculine นั้นเอง ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองมาตัดสูทที่อิตาลีสักตัวสิ นางอยู่ได้ยันรุ่นลูกรุ่นหลานเลย เพราะคนอิตาลีสมัยก่อน ถือว่า ตัดสูทคือตัดครั้งเดียว แล้วใส่ตลอด หรือ นานๆตัดที
และมันก็เป็นที่มาของคำว่า MADE IN ITALY
ยังไม่รวมสถาปัตยกรรม ที่แน่นอนว่าไม่เป็นรองใครแน่ๆ เพราะตึกราบ้านช่องที่นี่มีอายุเป็นร้อยๆปี ก็ต้องยอมรับในความเฉลียวฉลาดเลยทีเดียว แม้แต่สถาปัตยกรรมไทย หรือวัดไทยในสมัยรัชกาลที่5 ก็เป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบและก่อสร้างโดยชาวอิตาเลียนทั้งสิ้น. เฟอร์นิเจอร์ของอิตาลีนั้น ทนทาน และยิ่งใช้ ยิ่งสวย อาจจะไม่ได้ Modern หรือ ดู contemporary เหมือน แบรนด์ จากแทบ Scandinavia นัก แต่รับรองได้เลยว่าทนทานกว่าแน่นอน และยิ่งใช้ก็ยิ่งสวยอีกต่างหาก.
ร้านกาแฟโลโก้สีเขียวชื่อดังจากอเมริกา ที่ชาวอิตาเลียนขยาด ก็ยังได้ แรงบันดาลใจจากการมาอยู่ที่อิตาลี และเกิดชอบในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวอิตาเลียนที่ก่อร่างสร้างตัวให้เป็นคำว่า Lifestyle ขึ้นมา เลยพัฒนารูปแบบการตลาด และปรับปรุงเติมสิ่งที่ขาดให้เต็ม แค่นั้นเอง คนหัวโบราณมากๆ จะเบ้ปากเลย ถ้าพูดถึง Starbuck (แต่เรายังชอบนะ กระหายมากเลย จริงๆ อิตาเลียนเพื่อนเราหลายๆคนก็ โอเคนะ) ไม่ต้องพูดถึง แบรนด์พิซซ่าดังๆนะ ตายไปเลย พวกชีจะส่ายหน้ากันแบบ Noooooooooooooo
จริงๆมีอีกหลายเลย ไม่ว่าจะระบบวิศวกรรมในแขนงต่างๆ ศิลปะ อันนี้ของแน่นอน หรือวิทยาการณ์การแพทย์ ก็ยังมีต้นตำรับมากจากที่นี่อีกด้วย จากศิลปินขาวอิตาเลียนชื่อดังอย่าง Leonado Davinci เนอะ
ชาวอิตาเลียนจะภูมิใจในชาติของตัวเองมากๆคือ ถ้าถามเขาว่า ทำไมไม่เรียนภาษาอังกฤษ
เค้าก็จะตอบกลับมาว่า
"แล้วทำไมกูต้องเรียนวะ"
เอ้อออออออออออออ ให้มันได้อย่างงี้สิ
ยิ่งตอนเราทำงานกับคนอิตาเลียนนะ โดนเลยจ่ะ
"ชั้นจะไม่เรียนภาษาอังกฤษเพื่อมาพูดกับเธอนะ เธออยู่อิตาลีต้องพูดอิตาเลียน"
ค่ะ !!! ( อันนี้จากคุณป้าเย็บผ้าที่ทำงานด้วยกัน ฮ่าๆ ตอนแรกเราก็ไม่ขำนะ ตอนนี้ก็ขำๆไปละ )
คือยกตัวอย่างให้เห็นถึงความภาคภูมิใจที่พวกเค้ามีต่อเชื้อชาติและวัฒนธรรมของพวกเค้า
และบางทีเราก็แอบคิดนะ ว่าเพราะ พวกหล่อนภูมิใจ และหยิ่งทระนงขนาดนี้ไง จึงทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆมากมายนับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ ที่เอาจริงๆแล้วมันมาจากประเทศอิตาลี แค่พวกเค้าไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนมันไปตามกาลเวลานั้นเอง
เรียกได้ว่าชาตินี้ก็เป็นต้นตำรับของความ CLASSIC ไปโดยปริยาย
แต่พอคิดไปคิดมาอีกที ของมันดีจริงๆ ยังไงก็ต้องโหยหาของต้นตำรับ ถูกมั้ยคะ?
ปล. PIZZA ต้อง ที่ Napoli เท่านั้น มันคือพิซซ่าอิตาเลียน เหนือ อิตาเลียน
7.วัฒนธรรมการดื่มกาแฟ
ที่สนามบินที่อิตาลีทุกที่ จะมี Bar หรือร้านกาแฟอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางออกนอกประเทศ ชาวอิตาเลียนจะเดินไปที่ Bar สั่งกาแฟ และก่อนดื่มจะพูดเสมอว่า
นี่คือกาแฟแก้วสุดท้ายที่ดีที่สุดในโลกก่อนจะเดินทางออกนอกประเทศ
และ เมื่อเวลาที่พวกเค้าบินกลับมา ก็จะเดินไปสั่งกาแฟ และพูดว่า
นี่คือกาแฟแก้วแรกที่ดีที่สุดในโลกของการกลับมา
มันบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจในกาแฟของเค้ามากๆ เฉลี่ยแล้วคนที่นี่จะดื่มกาแฟ วันละ 4-5 แก้ว เล็ก หรือ shot ต่อวัน เคยเห็นหนักสุดก็ 9 แก้ว เหมือนยาชูกำลัง ใครที่เป็นคอกาแฟมาประเทศนี้จะไม่ผิดหวังเลย Capuchino หรือกาแฟใส่นม ดื่มได้แค่ช่วงเช้าเท่านั้น เพราะพวกเค้าจะรู้สึกว่า
กลิ่นและรสของนมจะติดปากและไปทำลายรสชาติอาหารมื้อหนัก อย่าง มื้อเย็นของเค้า ยกเว้นดื่มนมก่อนนอน Americano จะไม่ใส่น้ำแข็งมาเหมือนบ้านเรา เค้าจะชงและ Shake เหมือน Cocktail แล้วนำมาเสิร์ฟเราอีกทีจะได้รสชาติที่เข้มข้นยิ่ง ส่วนที่เป็นที่นิยมของชาว Original เลยจริงๆก็คือ Espresso หรือ เรียกเฉยๆว่า Caffe มาเป็นแก้วชอต ยกดื่มที่เดียวหมด เพื่อลิ้มรสชาติแท้ของกาแฟ ตัดรสชาติที่มีอยู่ในปากหลังอาหารให้หมดไป เพื่อเตรียมรับรสชาติใหม่ที่กำลังมา ...ประมาณนั้น ถ้าอยู่ที่บ้านชงกาแฟเองก็จะมีหม้อต้ม เป็นแบบ Moca Pot ที่จะเป็นเหมือนกาเล็กๆ ที่ต้มเอาไอน้ำพุ่งทะลุผ่านชั้นกาแฟออกมาเป็น กาแฟที่เข้มข้น และ หอมมากๆ (ว่าแล้วเดินไปต้มเลยดีกว่า)
ตอนแรกที่มาอิตาลีใหม่ๆ ก็ลองไปซื้อกาแฟมาชงกิน คือเราก้เห็นหม้อมันตั้งอยู่นะ แต่ก็นึกว่าเออ ใส่น้ำร้อนไปชงก็เหมือนๆกัน ก็ตักน้ำตาล กาแฟ และน้ำร้อนตามลงไป คือคนนานมาก แล้วมันไม่ละลายสักที
สรุปที่ซื้อมาคือกาแฟ แบบ Moca ที่เป็นเมล็ดกาแฟมาบด แล้วต้องตักใส่ใน หม้อ Moca pot แล้วนำไปต้มให้น้ำมันพุ่งผ่านกาแฟบดขึ้นมาเป็นน้ำกาแฟเน้นๆนั้นเอง หรือที่เราเรียกกันว่า กาแฟดำนั้นแหละ ส่วนตัวเราแล้ว ดื่มได้ไม่เบื่อเลย
8.ความลับของอิตาลี
อิตาลีมีความลับ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายค่ะ เราจะขอยกตัวอย่างแค่ในมิลานก่อนนะ
คือถ้าใครมามิลาน หรือเมืองไหนๆของ อิตาลีก็ตาม แนะนำว่า เดินค่ะ คุณต้องลองเดินชมเมืองจริงๆ ที่อิตาลีมันไม่เหมือนกับเมืองอื่นในยุโรปเลยจริงๆ มันจะมี รายละเอียดยิบๆย่อยๆที่ 4G ก็ช่วยคุณบอกไม่ได้ ร้านอาหาร หรือ ร้านขายของแปลกๆ จะมีเต็มอยู่ตามซอกและซอย มันมีความลับมากมายเต็มไปหมดที่นี่ตึกราบ้านช่องจะเหมือนๆกันไปหมดเพราะฉะนั้นต้องอาศัยการเดินและสังเกตดีๆว่าที่นี่เค้าขายอะไร เป็นร้านอะไร ถนนอะไร นั่งรถสายไหนมาได้บ้าง พยายามหลีกเลี่ยงของกิน หรือ shopping โซน Tourist ไว้ค่ะ คือมันค่อนข้างแพงกว่าหลายเท่าเลย หรือแม้แต่ Museum ต่างๆ ก็ตาม ทุกวันนี้เราก็พยายามเดินนะ เปลี่ยนซอยเดินบ้างเปลี่ยนสายรถบ้าง คือเมืองมันเล็กมากๆ ไม่มีทางหลงแน่นอน เดินทะลุถึงกันหมดเลย ถึงแม้ขนาดเมืองมันเล็กขนาดนี้นะ เขื่อไหมว่าเราเจออะไรใหม่ๆทุกครั้งที่เดิน แม้แต่ผับ หรือ ร้านอาหารเก๋ๆ ก็ได้จากการเดินนี่แหละ
เพื่อนเรามาเที่ยวมิลานแล้วไม่เดิน Taxi อย่างเดียว ทานอย่างหรู Shopping อย่างหรู ถ่ายรูปอยู่กับแค่ Duomo คือเราก็เสียดายแทนนะ ที่
แบบถ่ายแต่กับนกพิราบ เพราะว่าเออ ถ้ามามิลานหรืออิตาลีแล้วก็อยากให้สัมผัสจริงๆว่ามันเป็นยังไง เค้าอยู่ เค้ากิน หรือ เค้ามีทัศนคติกันยังไง ซึ่งของพวกนี้เงินก็หาซื้อไม่ได้
เชื่อเรา มาเที่ยวอิตาลี โปรด เดิน ยกเว้นๆดึกๆ ดื่นๆนะ คะ
Italy ภาค2
Ciao ! มาเล่ากันต่อเนอะ จาก กระทู้ที่แล้ว
http://ppantip.com/topic/34776347
คือถ้าเราเขียนน่าเบื่อไปก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ คือเราเป็นคนเขียนเล่าเรื่องใช้ภาษาที่แบบค่อนข้างน่าเบื่อหน่อยแต่เราก็เขียนด้วยใจนะคะ
6.วัฒนธรรมของชาวอิตาเลียนแทรกซึมอยู่เกือบจะค่อนโลก
จริงๆแล้ว อิตาลี ค่อนข้างจะเป็นชนชาติที่มีความคลาสสิคมาก และพวกเรามักจะคุ้นเคยกับหลายสิ่ง หลายอย่างที่มาจากประเทศนี่ แต่ไม่ได้ตระหนักว่า เออ จริงๆแล้วมันก็มีต้นตำรับมาจาก อิตาเลียนนะ เอาตัวอย่างชัดๆ อาหาร อันนี้ชัดเจนเลย
พิซซ่า พาสต้า สปาเกตตี้ ลาซานย่า แฮมต่างๆนาๆ ซึ่งเราชาวเอเชียก็มักจะเห็นจะคุ้นเห็นชินตาแต่ประเทศในแถบอเมริกา และ อังกฤษ ซะส่วนมาก ถ้ามาโซน ยุโรป จริงๆ นี่ก็จะนึกถึงฝรั่งเศส เรียกได้ว่าส่วนใหญ่ก็จะมองข้ามประเทศนี่ไป อย่างสิ้นเชิง
แม้กระทั่งสูทของผู้ชาย ต้นตำรับจริงๆมาจากอิตาลีเลย ซึ่ง คนส่วนใหญ่ก็จะคิดว่า ไม่สิต้องมาจากฝรั่งเศส จริงๆแล้วฝรั่งเศสเค้ากับอิตาลีก็ไม่ถูกกันอีกนะ เพราะชาวอิตาเลียนส่วนใหญ่เชื่อว่า ฝรั่งเศส จุ๊บผลงานหลายๆ และ วัฒนธรรมหลายๆด้านจากอิตาเลียนไป.
หรือในโลกของแฟชั่นเองก็ตาม ยอมรับตามตรงเลยว่า คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงฝรั่งเศส อย่างปารีสก่อนอยู่ดี เรื่องความ Couture เรื่องของ ความสวยงามในแบบฉบับของ Feminine ถ้านึกถึงความเก๋ที่เน้นการ Mix and Match ก็ NY หรือ งานDesign ที่สุดแสนจะเฉียบขาดและสร้างสรรค์ก็ต้อง London, Milan หรือ อิตาลี ก็จะเหลือไว้ความดีไว้แค่เครื่องหนัง - -' ซึ่งก็ไม่เถียงว่าเครื่องหนังจากอิตาลีมันของแท้แน่นอนจริงๆ แต่คุณรู้ไหมว่าอิตาลีเป็นแหล่งผลิต Materials ที่ดีที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ แบรนด์ใหญ่ยักษ์จากหลายๆเมืองก็ต้องมาสั่งผลิตที่ อิตาลี ผ้าและวัสดุต่างๆก็ล้วนมาจากอิตาลีทั้งนั้น.คือตอนเราฝึกงานเราได้มีโอกาสลงไปที่โรงงานผ้า โรงงานผลิตเลย แต่อยู่นอกมิลานหมดเลยนะ คือ เค้าผลิตวัสดุ ให้กับแบรนด์ยักษ์ จาก Paris London New York เลยทั้งนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่อิตาลียังคงมีอยู่ในโลกของแฟชั่นก็คือ ความ Classic และ ความเป็น Masculine นั้นเอง ถ้าคุณไม่เชื่อ ลองมาตัดสูทที่อิตาลีสักตัวสิ นางอยู่ได้ยันรุ่นลูกรุ่นหลานเลย เพราะคนอิตาลีสมัยก่อน ถือว่า ตัดสูทคือตัดครั้งเดียว แล้วใส่ตลอด หรือ นานๆตัดที
และมันก็เป็นที่มาของคำว่า MADE IN ITALY
ยังไม่รวมสถาปัตยกรรม ที่แน่นอนว่าไม่เป็นรองใครแน่ๆ เพราะตึกราบ้านช่องที่นี่มีอายุเป็นร้อยๆปี ก็ต้องยอมรับในความเฉลียวฉลาดเลยทีเดียว แม้แต่สถาปัตยกรรมไทย หรือวัดไทยในสมัยรัชกาลที่5 ก็เป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบและก่อสร้างโดยชาวอิตาเลียนทั้งสิ้น. เฟอร์นิเจอร์ของอิตาลีนั้น ทนทาน และยิ่งใช้ ยิ่งสวย อาจจะไม่ได้ Modern หรือ ดู contemporary เหมือน แบรนด์ จากแทบ Scandinavia นัก แต่รับรองได้เลยว่าทนทานกว่าแน่นอน และยิ่งใช้ก็ยิ่งสวยอีกต่างหาก.
ร้านกาแฟโลโก้สีเขียวชื่อดังจากอเมริกา ที่ชาวอิตาเลียนขยาด ก็ยังได้ แรงบันดาลใจจากการมาอยู่ที่อิตาลี และเกิดชอบในวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวอิตาเลียนที่ก่อร่างสร้างตัวให้เป็นคำว่า Lifestyle ขึ้นมา เลยพัฒนารูปแบบการตลาด และปรับปรุงเติมสิ่งที่ขาดให้เต็ม แค่นั้นเอง คนหัวโบราณมากๆ จะเบ้ปากเลย ถ้าพูดถึง Starbuck (แต่เรายังชอบนะ กระหายมากเลย จริงๆ อิตาเลียนเพื่อนเราหลายๆคนก็ โอเคนะ) ไม่ต้องพูดถึง แบรนด์พิซซ่าดังๆนะ ตายไปเลย พวกชีจะส่ายหน้ากันแบบ Noooooooooooooo
จริงๆมีอีกหลายเลย ไม่ว่าจะระบบวิศวกรรมในแขนงต่างๆ ศิลปะ อันนี้ของแน่นอน หรือวิทยาการณ์การแพทย์ ก็ยังมีต้นตำรับมากจากที่นี่อีกด้วย จากศิลปินขาวอิตาเลียนชื่อดังอย่าง Leonado Davinci เนอะ
ชาวอิตาเลียนจะภูมิใจในชาติของตัวเองมากๆคือ ถ้าถามเขาว่า ทำไมไม่เรียนภาษาอังกฤษ
เค้าก็จะตอบกลับมาว่า
"แล้วทำไมกูต้องเรียนวะ"
เอ้อออออออออออออ ให้มันได้อย่างงี้สิ
ยิ่งตอนเราทำงานกับคนอิตาเลียนนะ โดนเลยจ่ะ
"ชั้นจะไม่เรียนภาษาอังกฤษเพื่อมาพูดกับเธอนะ เธออยู่อิตาลีต้องพูดอิตาเลียน"
ค่ะ !!! ( อันนี้จากคุณป้าเย็บผ้าที่ทำงานด้วยกัน ฮ่าๆ ตอนแรกเราก็ไม่ขำนะ ตอนนี้ก็ขำๆไปละ )
คือยกตัวอย่างให้เห็นถึงความภาคภูมิใจที่พวกเค้ามีต่อเชื้อชาติและวัฒนธรรมของพวกเค้า
และบางทีเราก็แอบคิดนะ ว่าเพราะ พวกหล่อนภูมิใจ และหยิ่งทระนงขนาดนี้ไง จึงทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆมากมายนับไม่ถ้วนบนโลกใบนี้ ที่เอาจริงๆแล้วมันมาจากประเทศอิตาลี แค่พวกเค้าไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนมันไปตามกาลเวลานั้นเอง
เรียกได้ว่าชาตินี้ก็เป็นต้นตำรับของความ CLASSIC ไปโดยปริยาย
แต่พอคิดไปคิดมาอีกที ของมันดีจริงๆ ยังไงก็ต้องโหยหาของต้นตำรับ ถูกมั้ยคะ?
ปล. PIZZA ต้อง ที่ Napoli เท่านั้น มันคือพิซซ่าอิตาเลียน เหนือ อิตาเลียน
7.วัฒนธรรมการดื่มกาแฟ
ที่สนามบินที่อิตาลีทุกที่ จะมี Bar หรือร้านกาแฟอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางออกนอกประเทศ ชาวอิตาเลียนจะเดินไปที่ Bar สั่งกาแฟ และก่อนดื่มจะพูดเสมอว่า นี่คือกาแฟแก้วสุดท้ายที่ดีที่สุดในโลกก่อนจะเดินทางออกนอกประเทศ
และ เมื่อเวลาที่พวกเค้าบินกลับมา ก็จะเดินไปสั่งกาแฟ และพูดว่า
นี่คือกาแฟแก้วแรกที่ดีที่สุดในโลกของการกลับมา
มันบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจในกาแฟของเค้ามากๆ เฉลี่ยแล้วคนที่นี่จะดื่มกาแฟ วันละ 4-5 แก้ว เล็ก หรือ shot ต่อวัน เคยเห็นหนักสุดก็ 9 แก้ว เหมือนยาชูกำลัง ใครที่เป็นคอกาแฟมาประเทศนี้จะไม่ผิดหวังเลย Capuchino หรือกาแฟใส่นม ดื่มได้แค่ช่วงเช้าเท่านั้น เพราะพวกเค้าจะรู้สึกว่า
กลิ่นและรสของนมจะติดปากและไปทำลายรสชาติอาหารมื้อหนัก อย่าง มื้อเย็นของเค้า ยกเว้นดื่มนมก่อนนอน Americano จะไม่ใส่น้ำแข็งมาเหมือนบ้านเรา เค้าจะชงและ Shake เหมือน Cocktail แล้วนำมาเสิร์ฟเราอีกทีจะได้รสชาติที่เข้มข้นยิ่ง ส่วนที่เป็นที่นิยมของชาว Original เลยจริงๆก็คือ Espresso หรือ เรียกเฉยๆว่า Caffe มาเป็นแก้วชอต ยกดื่มที่เดียวหมด เพื่อลิ้มรสชาติแท้ของกาแฟ ตัดรสชาติที่มีอยู่ในปากหลังอาหารให้หมดไป เพื่อเตรียมรับรสชาติใหม่ที่กำลังมา ...ประมาณนั้น ถ้าอยู่ที่บ้านชงกาแฟเองก็จะมีหม้อต้ม เป็นแบบ Moca Pot ที่จะเป็นเหมือนกาเล็กๆ ที่ต้มเอาไอน้ำพุ่งทะลุผ่านชั้นกาแฟออกมาเป็น กาแฟที่เข้มข้น และ หอมมากๆ (ว่าแล้วเดินไปต้มเลยดีกว่า)
ตอนแรกที่มาอิตาลีใหม่ๆ ก็ลองไปซื้อกาแฟมาชงกิน คือเราก้เห็นหม้อมันตั้งอยู่นะ แต่ก็นึกว่าเออ ใส่น้ำร้อนไปชงก็เหมือนๆกัน ก็ตักน้ำตาล กาแฟ และน้ำร้อนตามลงไป คือคนนานมาก แล้วมันไม่ละลายสักที
สรุปที่ซื้อมาคือกาแฟ แบบ Moca ที่เป็นเมล็ดกาแฟมาบด แล้วต้องตักใส่ใน หม้อ Moca pot แล้วนำไปต้มให้น้ำมันพุ่งผ่านกาแฟบดขึ้นมาเป็นน้ำกาแฟเน้นๆนั้นเอง หรือที่เราเรียกกันว่า กาแฟดำนั้นแหละ ส่วนตัวเราแล้ว ดื่มได้ไม่เบื่อเลย
8.ความลับของอิตาลี
อิตาลีมีความลับ และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายค่ะ เราจะขอยกตัวอย่างแค่ในมิลานก่อนนะ
คือถ้าใครมามิลาน หรือเมืองไหนๆของ อิตาลีก็ตาม แนะนำว่า เดินค่ะ คุณต้องลองเดินชมเมืองจริงๆ ที่อิตาลีมันไม่เหมือนกับเมืองอื่นในยุโรปเลยจริงๆ มันจะมี รายละเอียดยิบๆย่อยๆที่ 4G ก็ช่วยคุณบอกไม่ได้ ร้านอาหาร หรือ ร้านขายของแปลกๆ จะมีเต็มอยู่ตามซอกและซอย มันมีความลับมากมายเต็มไปหมดที่นี่ตึกราบ้านช่องจะเหมือนๆกันไปหมดเพราะฉะนั้นต้องอาศัยการเดินและสังเกตดีๆว่าที่นี่เค้าขายอะไร เป็นร้านอะไร ถนนอะไร นั่งรถสายไหนมาได้บ้าง พยายามหลีกเลี่ยงของกิน หรือ shopping โซน Tourist ไว้ค่ะ คือมันค่อนข้างแพงกว่าหลายเท่าเลย หรือแม้แต่ Museum ต่างๆ ก็ตาม ทุกวันนี้เราก็พยายามเดินนะ เปลี่ยนซอยเดินบ้างเปลี่ยนสายรถบ้าง คือเมืองมันเล็กมากๆ ไม่มีทางหลงแน่นอน เดินทะลุถึงกันหมดเลย ถึงแม้ขนาดเมืองมันเล็กขนาดนี้นะ เขื่อไหมว่าเราเจออะไรใหม่ๆทุกครั้งที่เดิน แม้แต่ผับ หรือ ร้านอาหารเก๋ๆ ก็ได้จากการเดินนี่แหละ
เพื่อนเรามาเที่ยวมิลานแล้วไม่เดิน Taxi อย่างเดียว ทานอย่างหรู Shopping อย่างหรู ถ่ายรูปอยู่กับแค่ Duomo คือเราก็เสียดายแทนนะ ที่แบบถ่ายแต่กับนกพิราบ เพราะว่าเออ ถ้ามามิลานหรืออิตาลีแล้วก็อยากให้สัมผัสจริงๆว่ามันเป็นยังไง เค้าอยู่ เค้ากิน หรือ เค้ามีทัศนคติกันยังไง ซึ่งของพวกนี้เงินก็หาซื้อไม่ได้
เชื่อเรา มาเที่ยวอิตาลี โปรด เดิน ยกเว้นๆดึกๆ ดื่นๆนะ คะ
มิลานเป็นเมืองเก๋ เพราะฉะนั้น ที่ hangout จะเยอะมากเป็นธรรมดา มีให้เลือกหลากหลายแห่ง แล้วแต่กลุ่มเป้าหมาย แต่ส่วนใหญ่ผับสำหรับคนเก๋ๆส่วนมากมักจะเป็นสภาพกังๆ คนจะแต่งตัวกันมาแบบ แน่นๆ ภายใต้ใบหน้าที่ขทึง แต่พอเมาเท่านั้นแหละ เรื้อนลืมม ทั้งหญิง ชาย และ ตุ๊ด เลยก็ว่าได้ เราชอบนะ เวลาไปผับแล้วเป็นเอเชียคนเดียวเนี้ย สวยเด่นเลย ฮ่าๆ เพลงแล้วแต่ที่ จัดได้ว่ามันส์พอสมควรเลยนะ แล้วแต่ DJ ด้วยค่ะ ที่นี่จะไม่มีวงดนตรีสดนะ DJ ผลัดกัน ขึ้นไปยาวๆ ผับส่วนมากจะเริ่มเปิดตอน เที่ยงคืนหรือ ตี 1 เเล้วปิด ตี 5 เสียค่าเข้าเป็น ปกติ 10 -35 ยูโร แล้วแต่วัน และเวลา และสถานที่ บางวันโชคดีก็เข้าฟรี แต่เข้าฟรีน่ะ ไม่ค่อยมันหรอก เสียค่าเข้าแล้วไปแลก Cocktail ได้ 1 Drink อยากดื่มต่ออีกก็ซื้อเพิ่ม อีก 10 ยู ถือว่าเที่ยวกลางคืนที่นี่โหดอยู่เหมือนกัน จะให้ดีคือ Warm up ไปจากบ้านก่อน Vodka ขวดละ 10ยูเอง เมาได้ทั้งวง แล้วค่อยไป เต้นต่อที่ผับค่ะ
เรา ไป Count down ปีใหม่ที่ผับแห่งนึง คือก็แอบผิดหวังนะ คือคนที่นี่เค้าจะไม่ Count Down กันยิ่งใหญ่แบบ บ้านเรา พวกนางจะไปคลุกอยู่บ้านใครสักบ้านกับเพื่อนๆพร้อมกัน แล้วค่อยออกมาต่อกันตอน ตี 1 หรือ ตี2 ซึ่งบอกเลยว่า ตอน Count Down นี่ก็แอบเหงา แต่พอหลังตี1 นี่ต้องรีบออกมาเลย เพราะคนแน่นชนิดที่ว่าเดินไม่ได้ จากหนาวๆนี่ร้อนไปเลย จะว่าไป Night Life ที่ Milan ไม่เริ่ดเท่า ฺBangkok หรอก เริ่ดกว่าอยู่อย่างเดียวคือ ผู้ชายหน้าตาดี ฮ่าๆๆๆ แล้วดนตรีมันดี แบบ ดีจริงๆ แล้วแต่แนวด้วยนะ ว่าแต่ละคนจะชอบแนวไหน แบบถ้าเป็นคืน Hip Hop มันจะเป็น Deep Hip ไปเลยทั้งคืน ไม่มี Pop มาผสม หรือ ถ้าเจอ DJ แบบ ติสท์ มากๆ นี่หลุดเลยนะ
ถ้าใครมา Milan ก็ลองไปหาร้านนั่ง Drink สวยๆก่อน แล้วไปผับต่อ มันก็เป็นอะไรที่เก๋ไปอีกอย่างนึงเลย ลองดู
เรามาอยู่ได้ปีนึงก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประเทศนี้ อย่างที่บอกไปจากกระทู้ที่แล้วว่า มันมีทั้งความสุขและความทุกข์ มีเรื่องที่รัก และก็เกลียด
เราอยากจะแชร์แต่สิ่งที่ดีๆ เหมือนถ้ามีคนมา รีวิวประเทศเราดีๆ เราก็คงจะดีใจ เอาเป็นว่าถ้าคุณมาที่นี่ ลองเปิดใจก่อน ถ้าคุณรู้สึกว่ามันรับไม่ได้จริงๆ ลองคิดว่า 'เออ ก็ติสท์กันทั้งประเทศ อย่าไปเอาอะไรกับมันมาก คนติสท์ๆ เก่งๆ จริงๆ ส่วนมากจะปกติกันซะที่ไหน จริงมั้ยคะ "
เรื่องเหยียด เอเชีย เรายังไม่เคยเจอนะ แต่ถามว่ามีไหม ก็คงมีเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะนิสัยเค้าก็เหมือนนิสัยคนบ้านเราแหละ
เรื่องโจร บอกเลยว่า ไม่น่ากลัวเท่าที่ประเทศไทยหรอกค่ะ อาชญากรรม หรือ อะไรใดๆก็ตาม เพราะกฎหมายประเทศเค้าแรงมาก ไม่นับตำรวจนะ บอกเลยว่าแย่กว่า ตำรวจไทย... เรื่องโจรเราว่าเป็นเรื่องของดวงเนอะ เรายังไม่เคยโดนเหมือนกัน
ยังไงถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็ขอโทษด้วยนะคะ คือมันมาจากความรู้สึกเราจริงๆที่อยากจะถ่ายทอด
ขอบคุณค่ะ
Ciao Ciao