[CR] อาหารมังสวิรัติแบบญี่ปุ่นสใตล์ในอิตาลีค่ะ Orterie Osteria

สวัสดีจากอิตาลีแลนด์ ดินแดนแห่งพาสต้า ^__^

แต่วันนี้ขอแหวกแนว ไม่รีวิวอาหารอิตาเลียน แต่มารีวิวอาหารมังสวิรัติในประเทศอิตาลี เป็นร้านอาหารในหมู่บ้านใกล้เคียง ขับรถจากบ้านไปไม่เกิน 15 นาที ดำเนินการโดยหนุ่มอิตาเลียนและภรรยาชาวญี่ปุ่น เป็นคู่ชีวิตที่ลงตัวเหมาะเหม็ง เพราะมีความชื่นชอบในอาหารมังสวิรัติ และทำการดัดแปลง ปรับเปลี่ยนรสชาติ การนำเสนอ วิธีการกินให้เข้าฤดูกาล วัตถุดิบท้องถิ่น และที่สำคัญ ต้องถูกปากชาวอิตาเลียนในย่านนี้ 

การอยู่ในย่านเล็กๆ ดินแดนพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาทางภาคเหนือของอิตาลี ลักษณะการกินการอยู่ การใช้ชีวิต ทัศนคติอะไรๆก็ย่อมแตกต่างจากการอยู่เมืองใหญ่อย่างมิลาน การที่คู่สามีภรรยากล้ามาเปิดร้านอาหารอะไรแบบนี้ ค่อนข้างสุ่มเสี่ยงกับความไปไม่รอดของธุรกิจมากค่ะ แต่โชคดีที่เค้าสองคนทำให้มันอยู่ได้ เรื่อยๆ ไม่รีบร้อน ปล่อยให้เวลาพิสูจน์ฝีมือเค้าสองคนกันไป
ดิฉันเห็นร้านนี้มานานพอสมควรในช่วงสามสี่ปีนี้ เพราะเป็นทางผ่านไปสู่หมู่บ้านอื่นๆ แต่ได้ยินเสียงร่ำลือว่า เป็นอาหารวีแกน เพี้ยนรู้สึกเงียบ (ความจริงคือมังสวิรัติ ไม่วีแกนจ๋าอะไรขนาดนั้น) คือรู้สึกว่ามันคงกินยาก ไม่ถูกปาก ไม่ใช่แนวของเราแน่นอน แล้วยิ่งคุณสามีอิตาเลียนของดิฉันนี่ เซย์โน กับอาหารอะไรแปลกๆ หรือสัญชาติอื่นๆอยู่บ่อยๆ แต่คราวนี้เพื่อนสนิทของคุณสามีเค้าคะยั้นคะยอให้ไปลองชิม ซึ่งเค้าเองก็ค่อนข้างเป็นคนปิดหูปิดตา กับอาหารชาติอื่นๆเช่นกัน ถ้าเพื่อนเค้าพูดขนาดนี้แล้วก็ต้องไปลองแล้วละ 

เย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา เลิกงานเราทั้งคู่แวะไปว่ายน้ำ เบิร์นพลังงานกันก่อนไปกินมื้อเย็น สระว่ายน้ำที่หมู่บ้านเปิดแล้วค่ะ ถ้าขยันจะเอาบรรยากาศสระว่ายน้ำแถวนี้มาให้ดูกัน ว่ายเสร็จกลับมาแต่งตัว รอเพื่อนมารับ ฮีขับ Tesla มาค่ะ ขำตอนขึ้นรถ ดิฉันเปิดประตูรถไม่เป็น 555 เนอะ ก็คนมันขับ Fiat Panda รุ่นเก่าๆ ไม่ชินกับรถไฟฟ้าค่า เพี้ยนหัวเราะ 

หลังจากเดินตามเจ้าของหนุ่มอิตาเลียนนัยน์ตาสวยๆ  ไปนั่งที่โต๊ะใต้ต้นแมกโนเลียในสวนหน้าร้าน บนผ้าปูโต๊ะสีขาว เมนูถูกม้วนมัดด้วยโบว์สีครีม จานชามช้อนอุปกรณ์บนโต๊ะ มองออกว่า ได้ถูกคัดสรรและเลือกมาอย่างดีจากเจ้าของร้านแล้ว  และที่สร้างความประทับใจอีกหนึ่งคือ จู่ๆน้องเจ้าของก็เดินไปตัดดอกกุหลาบหนึ่งดอกจากต้นใกล้ๆโต๊ะเรานั่นแหละ มาปักใส่แจกันที่วางอยู่บนโต๊ะอยู่แล้ว คือแบบว่า ....อยากอุทานเป็นภาษาไทยว่า คุณพระคุณเจ้า อย่าตัดมาเลย ให้มันอยู่บนต้นสวยๆไปเถอะ Flower is more beautiful on their plants. ในเมนูมีให้เลือกสั่งเป็นจานๆหรือเป็นคอร์ส พวกเราเลือกเป็นคอร์สทั้งหมด เพื่อความง่ายในการเสริฟและการทำของพ่อครัว อาหารเรียกน้ำย่อยจานแรกเป็น เทมปุระ ดอกซุกินี่และเต้าหู้ทอด แต่ดิฉันลืมถ่ายรูป เอาอาหารจานต่อไปเลยละกันค่ะ เป็นซุปเย็น ทำจากซุกินี่ปั่นและมีกะทิราดอยู่นิดหน่อยด้านบน จานนี้ถูกปากดิฉันที่สุด ในทุกๆจานที่ได้กินมา ส่วนสีแดงอมส้มที่อยู่ด้านบนนั้น ลืมไปแล้วว่าทำจากผักอะไร คืออาหารทุกๆจาน น้องเจ้าของจะบอกที่มาที่ไป ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง บางจานมีผักและส่วนผสมเยอะมาก จนจำไม่ได้ 



จานต่อไป เป็นมันฝรั่งสีม่วงบดด้านใน ด้านนอกถูกเคลือบด้วยถั่วบด เสริฟมาบนพลั่วเล็กๆ อืม อันนี้ก็อร่อยดีค่ะ



จานต่อไป เป็นซูชิ ที่เสริฟมาพร้อมกับครีมมายองเนส จากผักอะไรแล้วนะ ลืม 555 คือทุกๆครีมและซอส ทำจากผักและถั่วเป็นหลัก ดิฉันก็สมองปลาทองมาก จำไม่ได้ว่าแต่ละตัวทำจากอะไร และมีซอสสีดำนั่น ทำจากขิงบดปนผักอะไรสักอย่าง จานนี้รสชาติตีกันหนักหน่วงมาก น่าจะเป็นจานที่ดิฉันไม่ชอบที่สุดแล้ว คือถ้าแบ่งเป็นคำเล็กๆ โปะด้วยซอสครีมทีละตัว ชิมเป็นคำๆไปจะดีกว่า จะได้ไม่สับสน ว่าที่เข้าปากไปเป็นอะไรฟะ 




อาหารจานต่อไป คือไฮไลท์สำหรับพวกเรา เพราะเราไม่เคยกินอาหารคล้ายเนื้อไก่ ที่ทำจากพืช plant base แต่เค้าให้มาแค่ชิ้นเดียว อยู่ตรงกลางจานค่ะ ทอดกรอบๆ ก็เหมือนเนื้อไก่อยู่นะคะ ทุกคนชอบเนื้อไก่ปลอมๆนี้กันมาก แต่ทำไมให้มาชิ้นเดียว อยากกินอีก ^__^  จานนี้คุณภรรยาชาวญี่ปุ่นออกมาเล่าเอง ว่าแต่ละอย่างคืออะไรบ้าง เธอพูดอิตาเลียนได้ดี แต่สำเนียงอาจฟังยากนิดนึง ต้องตั้งใจฟัง (ก็พอๆกับสำเนียงดิฉันแหละค่ะ)




อาหารจานต่อไป เป็นเกี๊ยวไส้ผักนึ่ง จานนี้ก็อร่อย เนื้อแป้งหนึบๆนิดนึง ถูกปากทุกคน




และอาหารคาวจานสุดท้ายคือ เทมปุระผักรวมมิตร เสริฟพร้อมซอสคล้ายๆจิ๊กโฉ่บ้านเรา คือผักทุกอย่างที่ถูกเสริฟในเมนู เป็นผักที่พ่อแม่ของเจ้าของร้านปลูกเองในหน้าร้อนนี้ แต่หน้าอื่นๆไม่รู้ว่าซื้อผักมาจากไหน แต่คงเป็นออร์กานิคเหมือนเดิมแหละค่ะ เมนูจะถูกเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบของฤดูกาลนั้นๆ 



และปิดท้ายด้วย ของหวานที่มีชื่อว่า Gioia แปลว่า ความสุข น้องเจ้าของเล่าว่า เจอกันกับภรรยาชาวญี่ปุ่นที่ร้านอาหารในมิลาน ของหวานจานนี้ถูกคิดค้นมาเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวความสุขในวันนั้น...คนโสดก็ เพี้ยนจุดจุดจุดตาร้อนกันไปเนอะ เป็นครีมนุ่มนิ่มตีจนเนียนจากนมสดและครีมสด ด้านในเป็นผลไม้สดอย่างสตรอเบอรี่ บลูเบอรี่และเหมือนมีคุ๊กกี้อิตาเลียนรสเหล้าอย่าง amaretti อยู่ด้านใน (ถ้าคิดไม่ผิด) กินเพลินๆ แป๊บเดียวหมดถ้วยค่ะ




หลังจากจบคอร์สแล้ว เจ้าของก็แวะเวียนมาเสนอเครื่องดื่มเหล้าพวก grappa ล้างปาก แต่พวกเราอยากลองชิมสาเก ฮีก็ยกมาให้ลองชิม โหย ไม่ไหวจริงๆค่ะ เหมือนปากจะพ่นไฟได้ สรุปโดยรวมแล้ว เป็นอีกหนึ่งมื้อดีๆ ที่ได้เปิดโลกอาหารมังสวิรัติในรูปแบบอาหารญี่ปุ่น ในเมื่อเจ้าของเค้ามีแพสชั่นกับอาหารขนาดนี้แล้ว เราก็รู้สึกดี รับรู้และประทับใจในความตั้งใจจริงของเค้าสองคนมาก เดี๋ยวคราวหน้า ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน ค่อยไปชิมใหม่เนอะ  สนับสนุนเด็กรุ่นใหม่ ใจกล้า บ้าพลัง หาจุดยืนให้ตัวเอง และหาทางให้ชาวอิตาเลียนแถบนี้ได้ลองเปิดหูเปิดตา และที่สำคัญ เปิดใจ เปิดปาก ชิมอาหารแนวใหม่ๆบ้าง ลุงและป้าขอร่วมให้กำลังใจอีกคนค่ะ 


ปิดท้ายด้วยรูปในห้องน้ำที่ร้านอาหาร ร้านอาหารอิตาเลียนในตึกอาคารรุ่นเก่าๆ บางร้านยังไม่เปลี่ยนแบบมีเซ็นเซอร์เปิดน้ำอัตโนมัติ ที่กดน้ำชักโครกและกดเปิดน้ำก๊อกล้างมือ ต้องใช้เท้าเหยียบนะคะ ถ้ามาเที่ยวอิตาลี หาที่กดเปิดน้ำไม่เจอ ก้มลงมองบนพื้นเลย ส่วนชักโครก ใช้เท้ากด ยันแรงๆไปสักทีเลยค่ะ ^__^ 




โอเค ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ ถ้าขยัน อาจมีต่อในคอมเม้นท์ด้านล่าง เป็นอาหารจานโฮมเมด แบบที่บ้านเรากินกัน ตอนนี้ไปกินมื้อเที่ยงก่อนนะคะ 

Ciao Ciao.
สวัสดีค่ะ

ปล. ลืมบอกราคาอาหาร ตกหัวละ 50 euro นิดๆ เพราะแพงกับไวน์ค่ะ ดื่มไวน์ขาวไปสองขวด ไวน์ของหวานอีกหนึ่งขวด ดื่มกันสี่คนค่ะ
ชื่อสินค้า:   อิตาลี Italy
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่