ให้ 8/10 หนังดราม่า สัญชาติ Canadian-Irish ผลงานกำกับของ Lenny Abrahamson ที่เข้าชิงรางวัล Oscar ในปีนี้ถึง 4 สาขา และคว้ารางวัล Best Actress มาแล้วจากงาน Golden Globes ที่ผ่านมา โดยสร้างมาจากหนังสือนวนิยายในชื่อเดียวกันนี้ของ Emma Donoghue ซึ่งเป็นผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้อีกด้วย
บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ Joy หญิงสาววัย 24 ที่ถูกคนแปลกหน้าจับมากักขังไว้ภายในห้องนอนเล็กๆเป็นเวลา 7 ปี จนเธอให้กำเนิดเด็กชายขึ้น และ Jack ในวัย 5 ขวบนี้เองที่เป็นทุกอย่างในโลกแคบๆภายในห้อง ที่ทำให้ Joy สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นชีวิต เป็นทั้งความเศร้าและความสุข เป็นความหวัง เป็นกำลังใจ และเป็นตัวแปรสำคัญที่ให้ทั้งเธอได้ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง
แม้จะเป็นหนังดราม่าที่มีเนื้อเรื่องที่ดาร์กและโหดร้ายมาก แต่หนังกลับนำเสนอเรื่องโดยรวมออกมาได้ค่อนข้างใสมาก แฝงความหม่นไว้เพียงนิดเดียว จนแทบจะกลายเป็นหนังที่น่ารักและ Feel Good เลยก็ว่าได้ เพราะเด็กชายที่รับบทเป็นแจ็คน่ารักมากและแสดงเก่งมาก ทั้งหนังไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่ต้นถึงการที่ตัวละครหลักโดนจับตัวไปตอนอายุ 17 หรือภาพแห่งการละเมิดทำร้ายเลย เพราะแค่เนื้อเรื่องหลักแค่รับรู้ก็คงจะหนักเกินพอควรแล้ว
หนังจึงเล่าเรื่องด้วยมุมมองความคิดที่มองโลกในแง่บวก สดใส และความเป็นเด็กของแจ็คตัวละครลูกชายวัย 5 ขวบ ผ่าน Voice Over (เสียงบรรยาย) ด้วยเสียงที่น่ารักของตัวเขาเอง และถ่ายทอดเหตุการณ์ปัจจุบันในแต่ละวันของแจ็ค กับจอย ผู้เป็นแม่ ที่พูดคุยและทำกิจกรรมกันอย่างมีความสุขสนุกสนาน เหมือนไม่มีเรื่องร้ายใดๆเกิดขึ้น มีบ้างในบางวันที่ทั้งสองคนไม่เข้าใจกัน แต่ก็คือเรื่องปกติธรรมดาของคนเป็นแม่ลูกหรือคนอยู่ร่วมกัน
ผู้แปลกหน้าที่มาเยือนทุกคืนในนาม “Old Nick” ที่ตามหลักคริสต์ศาสนาแล้วเคยใช้เรียกแทนคำว่า “ปีศาจ” จึงเป็นเพียงองค์ประกอบรอบนอกที่ทำให้เรื่องมีการขับเคลื่อนไปเท่านั้น และดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ก็อย่างที่คนชอบบอกกันว่า “คนเรามันดูภายนอกกันไม่ได้หรอก” เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าในใจแต่ละคนจริงๆแล้วคิดอะไรอยู่ บางคนอาจจะดูซื่อๆไม่พูดจา แต่ความจริงแล้วอาจจะร้ายเงียบก็เป็นได้ บางคนที่ดูร้ายๆตรงไปตรงมา ความจริงแล้วเขาอาจจะเป็นคนที่จริงใจที่สุดก็ว่าได้
จังหวะหนังดำเนินดี ภาพสวย น่าติดตามมาทั้งเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าพอเข้าองก์ 3 เรื่องจะแผ่วลงมานิด รวบรัดไปหน่อยแต่จังหวะจะยืดขึ้น ใสน้อยลง แต่ก็สามารถทำให้เห็นพัฒนาการของตัวละครได้ชัดพอสมควร ถ้าขยี้กว่านี้ในส่วนนี้คงจะดีมาก
บางครั้งการที่อยู่ไหนนานๆ แม้ว่าสถานที่นั้นจะไม่ค่อยน่าอภิรมณ์ แต่ก็อยู่มานานจนคุ้นชินเหมือนจะกลายเป็นบ้านอีกหลัง การกลับต้องมาอาศัยอยู่ในที่ใหม่สภาพแวดล้อมใหม่ หรืออาจจะเป็นที่เดิม สภาพแวดล้อมเดิมแต่ได้ห่างหายไปนาน ก็อาจจะทำให้ปรับตัวได้ลำบากเหมือนกัน...การโดนคนทำร้ายหรือรังแกผ่านความเชื่อใจ ก็อาจจะทำให้ต่อมาระแวงไม่กล้าไว้ใจใคร และกลัวการเผชิญสิ่งต่างๆบนโลกได้เช่นเดียวกัน...ความรักที่บริสุทธิ์ กับการที่ต้องอยู่เพื่อใครสักคนที่ต้องการและรักเรา จึงอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำเราหลุดพ้นจากสภาพเช่นนั้นได้นั่นเอง
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[CR] รีวิวหนังเรื่อง Room หดหู่แต่ดัน Feel Good
บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของ Joy หญิงสาววัย 24 ที่ถูกคนแปลกหน้าจับมากักขังไว้ภายในห้องนอนเล็กๆเป็นเวลา 7 ปี จนเธอให้กำเนิดเด็กชายขึ้น และ Jack ในวัย 5 ขวบนี้เองที่เป็นทุกอย่างในโลกแคบๆภายในห้อง ที่ทำให้ Joy สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นชีวิต เป็นทั้งความเศร้าและความสุข เป็นความหวัง เป็นกำลังใจ และเป็นตัวแปรสำคัญที่ให้ทั้งเธอได้ออกสู่โลกภายนอกอีกครั้ง
แม้จะเป็นหนังดราม่าที่มีเนื้อเรื่องที่ดาร์กและโหดร้ายมาก แต่หนังกลับนำเสนอเรื่องโดยรวมออกมาได้ค่อนข้างใสมาก แฝงความหม่นไว้เพียงนิดเดียว จนแทบจะกลายเป็นหนังที่น่ารักและ Feel Good เลยก็ว่าได้ เพราะเด็กชายที่รับบทเป็นแจ็คน่ารักมากและแสดงเก่งมาก ทั้งหนังไม่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวตั้งแต่ต้นถึงการที่ตัวละครหลักโดนจับตัวไปตอนอายุ 17 หรือภาพแห่งการละเมิดทำร้ายเลย เพราะแค่เนื้อเรื่องหลักแค่รับรู้ก็คงจะหนักเกินพอควรแล้ว
หนังจึงเล่าเรื่องด้วยมุมมองความคิดที่มองโลกในแง่บวก สดใส และความเป็นเด็กของแจ็คตัวละครลูกชายวัย 5 ขวบ ผ่าน Voice Over (เสียงบรรยาย) ด้วยเสียงที่น่ารักของตัวเขาเอง และถ่ายทอดเหตุการณ์ปัจจุบันในแต่ละวันของแจ็ค กับจอย ผู้เป็นแม่ ที่พูดคุยและทำกิจกรรมกันอย่างมีความสุขสนุกสนาน เหมือนไม่มีเรื่องร้ายใดๆเกิดขึ้น มีบ้างในบางวันที่ทั้งสองคนไม่เข้าใจกัน แต่ก็คือเรื่องปกติธรรมดาของคนเป็นแม่ลูกหรือคนอยู่ร่วมกัน
ผู้แปลกหน้าที่มาเยือนทุกคืนในนาม “Old Nick” ที่ตามหลักคริสต์ศาสนาแล้วเคยใช้เรียกแทนคำว่า “ปีศาจ” จึงเป็นเพียงองค์ประกอบรอบนอกที่ทำให้เรื่องมีการขับเคลื่อนไปเท่านั้น และดูไม่มีพิษไม่มีภัย แต่ก็อย่างที่คนชอบบอกกันว่า “คนเรามันดูภายนอกกันไม่ได้หรอก” เพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าในใจแต่ละคนจริงๆแล้วคิดอะไรอยู่ บางคนอาจจะดูซื่อๆไม่พูดจา แต่ความจริงแล้วอาจจะร้ายเงียบก็เป็นได้ บางคนที่ดูร้ายๆตรงไปตรงมา ความจริงแล้วเขาอาจจะเป็นคนที่จริงใจที่สุดก็ว่าได้
จังหวะหนังดำเนินดี ภาพสวย น่าติดตามมาทั้งเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าพอเข้าองก์ 3 เรื่องจะแผ่วลงมานิด รวบรัดไปหน่อยแต่จังหวะจะยืดขึ้น ใสน้อยลง แต่ก็สามารถทำให้เห็นพัฒนาการของตัวละครได้ชัดพอสมควร ถ้าขยี้กว่านี้ในส่วนนี้คงจะดีมาก
บางครั้งการที่อยู่ไหนนานๆ แม้ว่าสถานที่นั้นจะไม่ค่อยน่าอภิรมณ์ แต่ก็อยู่มานานจนคุ้นชินเหมือนจะกลายเป็นบ้านอีกหลัง การกลับต้องมาอาศัยอยู่ในที่ใหม่สภาพแวดล้อมใหม่ หรืออาจจะเป็นที่เดิม สภาพแวดล้อมเดิมแต่ได้ห่างหายไปนาน ก็อาจจะทำให้ปรับตัวได้ลำบากเหมือนกัน...การโดนคนทำร้ายหรือรังแกผ่านความเชื่อใจ ก็อาจจะทำให้ต่อมาระแวงไม่กล้าไว้ใจใคร และกลัวการเผชิญสิ่งต่างๆบนโลกได้เช่นเดียวกัน...ความรักที่บริสุทธิ์ กับการที่ต้องอยู่เพื่อใครสักคนที่ต้องการและรักเรา จึงอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำเราหลุดพ้นจากสภาพเช่นนั้นได้นั่นเอง
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker