"RS เจ๋ง...ทำอะไรก็ได้" "เฮียฮ้อ" ไม่ง้อลิขสิทธิ์บอลนอก

กระทู้สนทนา
updated: 08 ก.พ. 2559 เวลา 21:19:00 น.
เจตน์ พันธุ์พิริยะ : เรื่อง/ภาพ

"RS เจ๋ง...ทำอะไรก็ได้" "เฮียฮ้อ" ไม่ง้อลิขสิทธิ์บอลนอก

ฟุตบอลลีกดังต่างประเทศ ฟุตบอลยูโรและฟุตบอลโลก เป็นคอนเทนต์ล้ำค่าที่นักธุรกิจด้านสื่อในไทยต่างอยากจะครอบครอง แย่งประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลเหล่านี้อย่างดุเดือด เพราะเห็นว่าเป็นคอนเทนต์ที่ดึงดูดคนดูและสร้างกำไรเม็ดงาม

ในขณะที่หลายบริษัทยังเดินหน้าทุ่มเงินจำนวนมหาศาลประมูลชิงลิขสิทธิ์กันอย่างเข้มข้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ที่เคยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลาลีกาสเปน ฟุตบอลยูโร และฟุตบอลโลก กลับไม่สู้ต่อแล้ว เหตุผลที่อาร์เอสไม่ทุ่มเงินแย่งชิงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลแล้วคืออะไร

"เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) บอกเองว่า ค่าลิขสิทธิ์มันสูงเกินกว่าจะทำกำไรได้ และอาร์เอสก็มีคอนเทนต์ใหม่ที่ทำกำไรได้โดยไม่ต้องลงทุนมากขนาดนั้น

"ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาธุรกิจถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอลถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ราคาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลต่างประเทศแพงจนเกินกว่าจะหยิบมาทำธุรกิจได้ จากกรณีของ CTH ที่ประมูลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในราคา 10,000 ล้านบาท สัญญา 3 ปี สุดท้ายชัดเจนว่าราคามันผิดไม่ใช่ราคาที่ทำธุรกิจได้ คนที่ได้สิทธิ์ไปก็ขาดทุน

การซื้อของชิ้นหนึ่ง แม้จะดีแค่ไหน แต่ราคามันผิดไปเป็นเท่าตัว การขาดทุนมหาศาลก็จะตามมา

ทั้งพรีเมียร์ลีกรอบที่ผ่านมา และฟุตบอลโลก 2018 อาร์เอสก็เข้าประมูล มีราคาในใจอยู่แล้วว่าเท่าไหร่จะทำธุรกิจได้ เท่าไหร่ทำไม่ได้ สุดท้ายผลลัพธ์ของธุรกิจจะเป็นตัวบอกว่าใครคิดถูกคิดผิด เมื่อเราแพ้ก็ต้องปล่อยให้ผู้ชนะได้ไป ก็แฟร์ดี ถ้าเขาทำกำไรสำเร็จแสดงว่าแผนธุรกิจของเราไม่ดีเอง แต่ถ้าประมูลแพงกว่าเราแล้วทำไม่สำเร็จก็สะท้อนว่าเราวางแผนได้ดีกว่า

เรื่องฟุตบอลโลกตอนนี้มีสองประเด็น คือหนึ่ง ราคาแพงเกินไป สองมันติดที่กฎมัสต์แฮฟ (เป็นกฎหมายคุ้มครองสิทธิให้ประชาชนได้ชมการถ่ายทอดสดกีฬา

7 รายการผ่านฟรีทีวี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งรวมฟุตบอลโลกด้วย) ผมเคยแย้งมาตั้งนานแล้วว่ากฎนี้ไม่ควรออกมา ควรปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน การที่มีกฎนี้อยู่จะเป็นปัญหาในอนาคต"

เฮียฮ้อมองต่อไปอีกว่า การทุ่มประมูลในราคาที่

เกินไปกว่าที่ควรจะเป็นจะส่งผลเสียในอนาคต ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนต่อไปคนไทยก็อาจไม่มีกำลังซื้อ

แล้วมีบริษัทต่างชาติซื้อไป คนไทยอาจจะไม่ได้ดูบอลพรีเมียร์ลีก เพราะว่าเราไปสร้างราคาจนเจ้าของลิขสิทธิ์คาดหวังไว้สูง พอรอบหน้าราคาไม่ดีเขาก็ไม่สนใจ

คิดว่าในอนาคตจะผ่านรอบราคาเอง วันหนึ่งราคาก็จะกลับมาในจุดที่เหมาะสม วันนี้เจ้าของลิขสิทธิ์เขาเคยได้ราคาที่สูงไปแล้วเขาก็ได้ใจ ก็ต้องการราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่นักธุรกิจไทยไม่สามารถสู้ราคาได้

สุดท้ายตลาดจะเป็นตัวกำหนดให้ทุกอย่างมันเข้าสู่ความสมดุล อุปสงค์และอุปทานจะทำให้ราคากลับมาถึงจุดที่สามารถทำธุรกิจได้อีกครั้งแม้จะไม่มีฟุตบอลนอกเป็นตัวเรียกคนดูแล้วก็ไม่ได้

สะเทือนใจเฮียฮ้อเลยสักนิด ที่เฮียไม่ง้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลนอก เพราะว่าสร้างโลคอลคอนเทนต์หรือคอนเทนต์ในประเทศได้ โดยใช้ทุนน้อยกว่าและผลตอบรับดีไม่แพ้กัน นั่นก็คือการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬามวย

"ในส่วนคอนเทนต์กีฬา อาร์เอสสามารถทำเรื่องมวยไทย คือ รายการแม็กซ์มวยไทย ที่เราเข้าไปทำจนประสบความสำเร็จ ตอนนี้มีเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ของประเทศในประเภทรายการมวย ส่วนอีกหนึ่งรายการของเรา คือ มวยไทยตัดเชือกก็เรตติ้งอยู่อันดับที่ 3 รองจากมวยไทย 7 สี เชื่อว่าในเร็ว ๆ นี้จะผลักดันให้มวยไทยตัดเชือกเป็นอันดับ 2 ให้ได้

นอกจากนี้ยังมี UFC ศึกมวยกรงแปดเหลี่ยมและศึกมวยโลก HBO บ็อกซิ่งนำมาฉายทางฟรีทีวีได้รับผลตอบรับดีมาก เพราะเรารู้ความชอบของคนไทยว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ทำให้สิ่งที่หยิบมาโดนใจผู้ชมส่วนใหญ่

มวยทุกรายการเราทำร่วมกับผู้ผลิตเป็นพาร์ตเนอร์กันเขาทำเรื่องของการจับคู่มวยให้มันสนุกแตกต่าง ทางอาร์เอสทำเรื่องการตลาด ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เรตติ้งที่ได้พิสูจน์แล้วว่าเราสามารถสร้างโลคอลคอนเทนต์ให้เข้าถึงคนไทยให้เป็นที่นิยมได้ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการลงทุนฟุตบอลลีกดังในต่างประเทศ เพราะฟุตบอลต้นทุนสูงเกินไปที่จะนำมาลงในฟรีทีวี"

เฮียฮ้อเปิดเผยอีกว่า ตอนนี้กำลังจะต่อยอดเพิ่มอีกหนึ่งรายการในเร็ว ๆ นี้ โดยบอกเพียงว่าจะเป็นมวยอีกรูปแบบหนึ่ง แต่จะเป็นอะไรขออุบไว้เซอร์ไพรส์

ส่วนการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นโลคอลคอนเทนต์หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เฮียฮ้อมองว่า เป็นหนึ่งรายการที่ตอบโจทย์เป็นคอนเทนต์ที่ดีเข้าถึงคนไทย แต่ติดที่ต้นทุนอีกเหมือนเดิม เพราะตอนนี้ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกมีราคาสูงขึ้นมาก เฮียจึงยังไม่โดดเข้าไปร่วมวงประมูล เพราะเชื่อว่าอาร์เอสมีศักยภาพที่จะทำคอนเทนต์ที่ใช้เงินน้อยกว่าแล้วได้เรตติ้งได้มากกว่า

"เราสร้างทางเลือกที่เป็นของเรา" หัวเรือใหญ่อาร์เอสแสดงวิสัยทัศน์นอกจากนั้นเฮียฮ้อยังเปิดเผยอีกว่า อีก 4-5 เดือน อาร์เอสจะเปิดตัวอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนจับตามอง

"อาร์เอสวันนี้ทำอะไรก็ได้ เพราะคนในอาร์เอสมีศักยภาพ อาร์เอสเจ๋ง ที่เราชมตัวเองว่าเจ๋ง เราก็ต้องมองด้วยว่าเราทำอะไรมาบ้าง ถ้าทำอะไรก็มีแต่เจ๊ง คงใช้คำนี้ไม่ได้ สิ่งที่จะเปิดตัวในอีก 4-5 เดือนนี้จะทำให้ทุกคนจะมีข้อสงสัยว่าทำไมเป็นอย่างนี้ ทำได้ยังไง มันจะสะท้อนที่เฮียพูดว่า คนของอาร์เอสเจ๋ง ทำอะไรก็ได้"

เฮียฮ้อบอกถึงความคาดหวังทางธุรกิจจากคอนเทนต์เหล่านี้ว่า ไม่ได้มองความสำเร็จเป็นรายการ หรือความสำเร็จของละครแต่ละเรื่อง แต่เป็นการลงทุนทำคอนเทนต์ป้อนช่อง เพื่อเรตติ้งเพื่อความสำเร็จของช่อง ซึ่งประกอบด้วยช่อง 8 ช่อง 2 และสบายดีทีวี

"ในวันนี้โฟกัสไปที่กลุ่มมีเดีย โดยเฉพาะช่อง 8 เน้นการลงทุนการสร้างโลคอลคอนเทนต์ให้เข้าถึงคนไทยได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นบันเทิง วาไรตี้ ละคร หรือแม้กระทั่งกีฬา วันนี้อาร์เอสมีละครที่โดดเด่น แสดงความชัดเจน ในด้านกีฬาก็มีจุดขายโดดเด่น เป็นช่องที่มีรายการมวยไทยที่สนุกดุเดือดแตกต่างกว่าคนอื่น มวยไทยมีแทบทุกช่อง กระแสแรงมาก แต่เรตติ้งอันดับหนึ่งอยู่ในมือเรา ตอนนี้จึงไม่ต้องไปแก่งแย่งคอนเทนต์ฟุตบอลต่างประเทศที่มีราคาแพง รอให้กลไกการตลาดกลับมาสมดุลอีกครั้ง อนาคตก็อาจจะหยิบฟุตบอลมาถ่ายทอดอีกก็เป็นได้"

"ถามว่าการไม่มีบอลนอกในวันนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของอาร์เอสหรือเปล่า บอกเลยว่ากลยุทธ์ทางธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแต่ละปี

และตามสภาพแวดล้อมของตลาด ถึงแม้จะเป็นของดีมันก็ต้องมีราคาที่เหมาะสม ไม่ใช่หลับหูหลับตาซื้อมาหลาย ๆ คนอาจจะมองอาร์เอสย้อนหลังไปสัก 3-5 ปี เห็นว่าเราเป็นผู้นำในการเข้ามาบุกคอนเทนต์ฟุตบอลต่างประเทศ แต่วันนี้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไม่ได้จำเป็นมากสำหรับเราอีกต่อไป" สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้สร้างอาณาจักรอาร์เอสกล่าว

ข่าวจาก http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1454941111
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่