ชื่อหนังภาษาอังกฤษ : The Curious Case of Benjamin Button
ชื่อหนังภาษาไทย : เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้
ผู้กำกับกำกับ : David Fincher
https://goo.gl/8AxSye
ข้อมูลพื้นฐาน : สร้างจากเรื่องสั้น ชื่อ "The Curious Case of Benjamin Button" ของ เอฟ. สกอตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์
ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1921
วันที่ออกฉาย : 12 กุมภาพันธ์ 2552 (ประเทศไทย)
ผู้กำกับ : เดวิด ฟินเชอร์
นักแสดงนำ :
Brad Pitt
https://goo.gl/436YI7
Cate Blanchett
https://goo.gl/Q2qZwT
ความยาวของหนัง : 165 นาที
บทที่ 1 : ว่าด้วยแรงบันดาลใจ
เบนจามิน บัทตั้น เป็นหนึ่งในหนังอันดับต้นๆ ของการทรอดแทรกแรงบันดาลใจลงไปผ่านตัวละคร คำพูด การกระทำ สถานที่
ในช่วงต้นเรื่อง เราจะได้สัมผัสกับเรื่องราวของชายตาบอดคนหนึ่ง ที่มีอาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกา เขามีภรรยา มีลูกชาย
ชีวิตของเขาดูจะมีความสมบูรณ์และดีพร้อม แม้ความพิการจะทำให้เขาขาด แต่สวรรค์เติมเต็มให้แก่เขาด้วยคำว่า "ครอบครับ"
เขาได้รับมอบหมายให้ทำนาฬิกาเรือนใหญ่ที่จะไว้ใช้ประจำเมือง สำหรับประชาชน และผู้คนที่สัญจรไปมา...
แต่แล้วในอีกวันหนึ่ง ลูกชายของเขา ก็ต้องออกไปรบ เพื่อรับใช้ชาติ...
เขายังคงมุ่งมั่นทำ นาฬิหาต่อไป ในขณะที่หัวใจ ก็จดจ่อ อยู่กับการกลับมาของลูกชาย...
วันหนึ่ง... มีจดหมายมาถึงที่บ้าน ลูกชายของเขา ได้กลับบ้านแล้ว...
ณ การลอกลาอันนิรันดร์นั้น ลูกชายของเขานอนสนิทนิ่งอยู่ในโลงศพไม้อันบรรจุไว้ด้วยเกียรติยศ...
เขาไม่เอ่ยคำใด... แต่ตั้งใจทำนาฬิกาเรือนใหญ่ให้สำเร็จเสร็จลงจนพร้อมเปิดใช้งาน...
แล้ววันนั้น ก็มาถึง ทุกคนรอชม รอดู รอเป็นสักขีพยาน ทว่า นาฬิกาของเขา เดินถอยหลัง....
เขากล่าว... "ผมตั้งใจ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ เดินถอยหลัง เพื่อที่ว่า ลูกชายของผมจะได้กลับมา กลับออกมาจากสถานที่อันเป็นสงคราม
กลับออกมาจากสถานที่อันเต็มไปด้วยความตาย ไม่มีการพลัดพราก จากลา และเขาได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มชีวิต อีกครั้ง"
จริงซินะ ผมคิด... อะไรๆคงง่ายขึ้น ถ้าเพียงแค่ เวลามันย้อนกลับมาได้ เท่านั้น เราอาจได้แก้ไขหลายสิ่งที่ทำพลาด ลืมหลายคนที่เราไม่อยากจำ
แต่... นั่นแหละที่ สำคัญ สำหรับเรา
เพราะชีวิตเรามีแค่ "เวลานี้" เราจึงไม่ควรปล่อยให้ สิ่งอื่น มาทำลายความสำคัญของสิ่งที่มีค่าอยู่ตรงหน้าเรา ณ ปัจจุบัน
ตรงนี้ หนังได้สร้าง IMPACT ในใจเราแต่เริ่มแรกกันเลยทีเดียว ถือเป็นการเปิดใจอย่างหนึ่ง ในการฟังเรื่องราวต่อไปของหนังที่กำลังจะสื่อสารออกมา
แล้วแรงบันดาลใจก็ทยอยกันตบเท้าเข้ามาทำให้คุณต้องนึกทบทวนตัวเอง เสียหลายๆรอบ...
อย่างเช่นชีวิตของ กัปตัน ไมค์ เพื่อนกลางทะเล ของ เบนจามิน ชีวิตเขาผูกติดอยู่กับสิ่งที่บรรพบุรุษทำ แต่หัวใจของเขานั้น เสรี
เขาโชว์ลายสัก บนตัวแล้วบอกกับ เบนจามินว่า นี่คือ วิธีการรักษา สิ่งที่เขาชื่นชอบ เขารักศิลปะ และรอยสัก คือ สิ่งที่ยึดโยงเขาไว้กับมัน
ถ้าจะพรากเขาจากมัน ก็ต้องเถือเนื้อของเขาออกไป เขาบอกแก่ เบนจามินว่า "อย่ายอมให้ใครมาบอกให้เราเป็นอย่างอื่น เราต้องทำเพื่อตัวเรา"
ตัวละครเหล่านี้ ล้วนส่งเสริมพัฒนาการของ เบนจามิน ให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ และมีกรอบความคิดที่เสรีมากยิ่งขึ้น
บทที่ 2 : ว่าด้วยโครงเรื่อง
โครงเรื่องของ เบนจามิน บัทตั้น นั้นแกนเรื่อง อยู่ที่ บันทึก หรือ ไดอารี่ของเบนจามิน บัทตั้น เล่าตีคู่ไปกับความรู้สึกนึกคิดบางส่วน ของเดซี่ด้วย
โดยวางตำแหน่งไว้ สามส่วน คือ การเล่าของลูกสาว เบนจามิน การเล่าเรื่องของ เดซี่ และการเล่าเรื่องของตัว เบนจามินเอง
เพื่อให้โครงเรื่องทุกส่วนมีความต่อเนื่องและกลมกลืนกัน โครงเรื่องลักษณะนี้ มุ่งที่จะให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกผูกพันต่อตัวละคร
ในขณะเดียวกัน ก็ซึมซับ รับรู้ พฤติกรรมการแสดงออกของตัวละครแต่ละตัวไปทีละนิด ถึงบุคลิก ลักษณะ คำพูด และอุปนิสัยใจคอว่าเป็นอย่างไร
แต่ในโครงเรื่องหลัก และโครงเรื่องย่อยนั้น โครงเรื่องของ เบนจามิน บัทตั้น มีฉาก เหตุการณ์ และลำดับเวลาที่ต่อเนื่อง ละเอียดอ่อน
และมีประเด็นแตกออกไปมากกว่า โครงเรื่องอื่นๆ เพราะในไดอารี่ นั้น กล่าวถึงทุกเหตุการณ์ ทุกสิ่ง ที่เบนจามิน ได้ผ่านมาตลอดช่วงวัย...
การเล่าเรื่อง โดยใช้วิธีเหล่านี้ ถ้าการตัดภาพ ลำกับภาพ และการเล่าเรื่องไม่มีเสน่ห์มากพอ ก็ไม่สามารถเอาคนดูได้อยู่หมัด
ผิดแต่ เบนจามิน บัทตั้น มีเรื่องราวชีวิตที่น่ามหัศจรรย์เป็นทุนเดิม อยู่แล้ว โดยเฉพาะโรควัยย้อนกลับไปเรื่อยๆ อย่างเช่นเขา นั่นก็อีกสาเหตุหนึ่ง
ที่ทำให้ความน่าเบื่อ กลายเป็นความน่าสนใจไปได้เหมือนกัน...
บทที่ 3 : ว่าด้วยมิติตัวละคร
ในบรรดาตัวละครที่เรียงร้อยกันเกี่ยวโยงในชีวิตของ เบนจามิน บัทตั้น นั้น ทุกตัวละครล้วนมีผลต่อตัว เบนจามิน ทั้งสิ้น
โทมัส บัทตั้น พ่อของ เบนจามิน เหนือคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้แก่ภรรยาและแม่ของ เบนจามิน มีความหลาดกลัวและขลาดเขลาต่อสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ
แม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่า เด็กคนที่เขาเห็นอยู่ในเปลนั้น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่เขาไม่โทษตนเองที่เป็นผู้ให้กำเนิด เขากลับโทษ เบนจามิน
ว่าเป็นบุตรของซาตาน ทำให้ภรรยาของเขาตาย ความไม่รู้ชนิดนี้เอง ที่ไปส่งผลกระทบต่อบุคคลหลายในคนโลก
เบนจามิน ถูกพบอยู่หน้า บ้านพักคนชรา พร้อมกับเงิน 18 เซนต์ ที่โทมัสสอดเอาไว้ ภายใต้อ้อมแขนแห่งความ เมตตา ของควินนีย์
บุคคลที่ เบนจามิน เรียกอย่างเต็มปากว่าแม่... ถ้าแม้แต่ เธอสามารถให้บุตรได้ ผมก็ยังเชื่อเต็มหัวใจ ว่าควินนีย์ จะยังคงรับ เบนจามินไว้ดูแล
นั่นก็เพราะ ความดีงามของเธอ มาจากภายใน ไม่ได้มาจากความรู้สึกอยากชดเชยสิ่งใดที่ขาดหายไปจากชีวิต เธอมีความเป็น "แม่"
มากจนน่ายกย่อง และเป็นบุคคลที่เชื่อมั่นอยู่แน่นแฟ้นมาตลอดในหัวใจว่า "เบนจามิน" เป็นเด็กพิเศษ เป็นปาฏิหาริย์
วันหนึ่ง เบนจามินถามเธอว่า "แม่ครับ ผมจะอยู่ได้อีกนานไหม" เธอกล่าวตอบในขณะจับมือของเขาว่า "เท่าที่พระเจ้าให้มาลูกก็ควรจะพอใจมากแล้ว"
เธอมีทัศนคติเชิงบวกเสมอในการเลี้ยงดู เบนจามิน และเป็นคนที่เข้าใจในอุปสรรค ความรู้สึก ของ เบนจามิน เป็นอย่างดีมากกว่าใครๆ
และด้วยความที่ เบนจามิน นั้น อาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ราวกับแขกที่มาเยี่ยมเยียน แล้วกลับออกไปพร้อมกับใครซักคน
ณ ที่นั้น เบนจามิน บัทตั้น เด็กน้อยในร่างกายของชายชรา วัย 80 ปี ที่เป็นโรคต้อในตา ข้อเข่าเสื่อม มือเท้าเกร็งเติบโต ท่ามกลางบุคคลที่ ปล่อยวางต่อทุกสิ่งอย่างในชีวิตของพวกเขาเอง หญิงสาวคนหนึ่งสอนเขาเล่นเปียโน เธอกล่าวแก่ เบนจามินว่า "การเล่นเปียโน ไม่สำคัญว่าเธอเล่นดีแค่ไหน มันสำคัญที่ว่าเธอใส่อารมณ์ลงไปในเพลงอย่างไร" และไหนจะ ชายชรา ผู้ที่มักถามเสมอว่า "ฉันเคยบอกหรือยังว่าฉันถูกฟ้าผ่ามาแล้ว 7 ครั้ง" ชายผู้ที่มักเล่าเรื่องบังเอิญของเขาต่อฟ้าที่ผ่าลงมาเสมอ ในครั้งสุดท้ายเขากล่าวสิ่งที่น่าประทับใจ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายแห่งชีวิต
"ฉันถูกฟ้าผ่ามาถึง 7 ครั้ง ทุถๆครั้ง มันคอยย้ำเตือนฉัน ว่าฉันโชคดีแค่ไหน ที่ยังได้ใช้ชีวิต"
จึงกล่าวได้ว่าเบนจามิน ได้เข้าใจความหมายแห่งการมีอยู่ และแตกดับไปของชีวิต มาตลอดเวลา....
จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใด เมื่อควินนีย์ตาย เบนจามิน จึงไม่เศร้าโศกหรือเสียใจ คร่ำครวญอ้อนวอนเพียงใด เขาเข้าใจ ว่ามันต้องมีซักวันหนึ่ง...
อีกบุคคลหนึ่ง ที่มีผลต่อแนวคิดของ เบนจามิน คือ กัปตันไมค์ เขาเป็นเหมือนกับเพื่อน มากกว่าเจ้านาย เขาได้สอนหลายๆสิ่งให้แก่ เบนจามิน
แต่เหนืออื่นใด คือ การได้ลองใชชีวิต การมีเสรีที่จะใช้ชีวิตของตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ และกล้าหาญ
ในครั้งหนึ่ง เมื่อเขาใกล้ตาย เพราะผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เขากล่าวแก่เบนจามิน ว่า
"เราอาจโกรธแค้น สบถด่าและสาปแช่งต่อโชคชะตาได้ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราก็ควรจะปล่อยวาง" เบนจามิน ดูจะเข้าใจได้ดีต่อคำสอนนั้น...
เพราะนั่น คือ สาเหตุที่มาถึงแนวคิดและการทำใจ ปล่อยให้ลูกและภรรยาของตน อยู่ในความดูแลของชายคนอื่น ที่มีความพร้อม และแก่เฒ่าไปกับภรรยาของเขาได้ ดูแลลูกของตัวเขาได้ เรียกได้ว่า เบนจามิน ไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นภาระของใครเลยทีเดียว แม้จะรู้ว่า วันหนึ่งเขาจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และอาจตายลงไปอย่างโดดเดี่ยวก็ตามที...
และตัวละครตัวสุดท้าย เดซี่ ฟูลเลอร์ เด็กสาวผู้เป็นรักแรก ของ เบนจามิน ความอ่อนเยาว์ ความบริสุทธิ์ของเธอ เป็นสิ่งที่ยึดโยงเบนจามินไว้เสมอ
เบนจามิน ยีดมั่นต่อหัวใจของตน เท่าๆกับที่ เดซี่ ก็ซื่อสัตย์ต่อเขาในทางใจ เช่นกัน ในครั้งหนึ่งเมื่อทั้งคู่จากกันวัยเด็ก เดซี่ ขอให้เขาส่งโปสการ์ด
จากทุกที่ที่เขาไปมาให้เธอและเขาทำมันเสมอ...
และครั้งหนึ่งที่โปสการ์ดของเขา บอกว่า เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งและมีความรัก ผู้หญิงคนนั้น คือ อลิซาเบธ แอบบอร์ด
เดซี่ ดุเหมือนใจหาย เมื่อรู้ แต่อีกส่วนเธอก็ดีใจอยู่ลึกๆ ที่เบนจามิน มีใครซักคนคอยให้ความรัก...
ในวัย 26 ปี เบนจามิน กลับมาพบกับ เดซี่ ที่โตเป็นสาวเต็มตัว เธอเต็มใจที่จะหลับนอนกับเขา แต่ เบนจามิน ไม่ทำตามที่เธอต้องการ
จนล่วงมาถึงวัยที่บรรจบกัน เมื่อเดซี่ อายุ 43 และ เบนจามิน อายุ 49 ปี หลังจาก อุบัติเหตุใหญ่ของ เดซี่ มาถึง เมื่อเธอขาหัก ไม่สามารถเต้นได้อีกต่อไป
ทั้งเธอ และเขาก็เริ่มใช้ชีวิตของทั้งสอง ชีวิตที่เต็มไปด้วยชีวิต ไม่มีกฏ รูปแบบ มีแต่ ความรัก
ครั้งหนึ่ง เดซี่ กล่าวว่า "ฉันกลัวที่ฉันแก่ลง คุณจะรักฉันไหม ถ้าฉันมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า" เบนจามินยิ้มพรายแล้วถามกลับว่า
"คุณจะยังรักผมไหม ถ้าผมฉี่รดที่นอน ถ้าผมหลงลืมว่าเคยทำอะไร มันไม่มีอะไรยั่งยืน"
แต่เดซี่ ตอบเขาอย่างทันทีด้วยความรู้สึกที่แน่วแน่ในใจว่า "บางอย่างยั่งยืน..." และผมคิดว่า บางอย่างนั้น คือ ความรัก...
บทที่ 4 : ว่าด้วย ไทม์ไลน์...
ปี 1918 เบนจามินเกิด โทมัสพาเขาไปไว้ที่ บ้านพักคนชรา และเติบโตอยู่ที่นั่น
ปี 1930 - 1936 เบนจามิน พบกับ เดซี่ ครั้งแรก ในวันขอบคุณพระเจ้า และใช้ชีวิตต่อไปในบ้านพักคนชรา ได้ออกไปลองใช้ชีวิตในทะเลครั้งแรก
ปี 1936 - 1944 เบนจามิน บอกลาบ้านพักคนชรา บอกล่าแม่ เพื่อออกเดินทางท่องทะเลไปกับ กัปตันไมค์
ได้พบกับ อลิซาเบธ และได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง
ปี 1945 - 1962 เบนจามิน อายุครบ 26 ปี เขากลับมาบ้าน และพบเดซี่ อีกครั้ง ได้พบกับพ่อ และรับมรดกของพ่อ
ไปดูเดซี่ เต้นรำ พบกับแฟนของเดซี่ พบกับพ่อ พ่อยกมรดกให้ พ่อของเบนจามินตายอย่างสงบ
เดซี่ ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน เบนจามินมาพบ และขอดูแล แต่เธอปฏิเสธ
ปี 1962 - 1968 เดซี่ กลับมาพบกับเบนจามิน หลังจากไปรักษาตัวจากอุบัติเหตุกระดูกขาหัก
ควินนีย์ตาย และทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกัน เดซี่ เปิดโรงเรียนสอนเต้น และ เดซี่ ตั้งท้อง
ปี 1969 ฉลองวันเกิดอายุ 1 ขวบ ของ แคโรไลน์ ลูกสาวของ เบนจามิน เขาขายกิจการ เอาเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ลูกและเดซี่
ปี 1970 แคโรไลน์ อายุครบ 2 ขวบ
ปี 1981 แคโรไลน์ อายุครบ 13 ปี
ปี 2002 เบนจามิน อายุถอยลงไปถึง 5 ขวบ เดซี่ รับเขามาเลี้ยง
ปี 2003 เบนจามิน กลายเป็นเด็กทารก เขามองตา เดซี่ อย่างรับรู้ และจำเดซี่ได้ เขาตายอย่างสงบ
บทที่ 5 : บทส่งท้าย
"ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนเสมอไป ทุกสิ่งเกิด และดับ โตขึ้น และเสื่อมถอย แต่บางอย่างอาจยั่งยืน และบางอย่างนั้น อาจหมายถึงความรัก"
- C r e a t e d B y E n d C r e d i t M a n -
https://www.facebook.com/NungKangPang/
[บทวิเคราะห์] เบนจามิน บัทตั้น : "บางอย่างยั่งยืน อย่างเช่น ความรัก..."
ชื่อหนังภาษาอังกฤษ : The Curious Case of Benjamin Button
ชื่อหนังภาษาไทย : เบนจามิน บัตตัน อัศจรรย์ฅนโลกไม่เคยรู้
ผู้กำกับกำกับ : David Fincher https://goo.gl/8AxSye
ข้อมูลพื้นฐาน : สร้างจากเรื่องสั้น ชื่อ "The Curious Case of Benjamin Button" ของ เอฟ. สกอตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์
ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1921
วันที่ออกฉาย : 12 กุมภาพันธ์ 2552 (ประเทศไทย)
ผู้กำกับ : เดวิด ฟินเชอร์
นักแสดงนำ :
Brad Pitt https://goo.gl/436YI7
Cate Blanchett https://goo.gl/Q2qZwT
ความยาวของหนัง : 165 นาที
เบนจามิน บัทตั้น เป็นหนึ่งในหนังอันดับต้นๆ ของการทรอดแทรกแรงบันดาลใจลงไปผ่านตัวละคร คำพูด การกระทำ สถานที่
ในช่วงต้นเรื่อง เราจะได้สัมผัสกับเรื่องราวของชายตาบอดคนหนึ่ง ที่มีอาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกา เขามีภรรยา มีลูกชาย
ชีวิตของเขาดูจะมีความสมบูรณ์และดีพร้อม แม้ความพิการจะทำให้เขาขาด แต่สวรรค์เติมเต็มให้แก่เขาด้วยคำว่า "ครอบครับ"
เขาได้รับมอบหมายให้ทำนาฬิกาเรือนใหญ่ที่จะไว้ใช้ประจำเมือง สำหรับประชาชน และผู้คนที่สัญจรไปมา...
แต่แล้วในอีกวันหนึ่ง ลูกชายของเขา ก็ต้องออกไปรบ เพื่อรับใช้ชาติ...
เขายังคงมุ่งมั่นทำ นาฬิหาต่อไป ในขณะที่หัวใจ ก็จดจ่อ อยู่กับการกลับมาของลูกชาย...
วันหนึ่ง... มีจดหมายมาถึงที่บ้าน ลูกชายของเขา ได้กลับบ้านแล้ว...
ณ การลอกลาอันนิรันดร์นั้น ลูกชายของเขานอนสนิทนิ่งอยู่ในโลงศพไม้อันบรรจุไว้ด้วยเกียรติยศ...
เขาไม่เอ่ยคำใด... แต่ตั้งใจทำนาฬิกาเรือนใหญ่ให้สำเร็จเสร็จลงจนพร้อมเปิดใช้งาน...
แล้ววันนั้น ก็มาถึง ทุกคนรอชม รอดู รอเป็นสักขีพยาน ทว่า นาฬิกาของเขา เดินถอยหลัง....
เขากล่าว... "ผมตั้งใจ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ เดินถอยหลัง เพื่อที่ว่า ลูกชายของผมจะได้กลับมา กลับออกมาจากสถานที่อันเป็นสงคราม
กลับออกมาจากสถานที่อันเต็มไปด้วยความตาย ไม่มีการพลัดพราก จากลา และเขาได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มชีวิต อีกครั้ง"
จริงซินะ ผมคิด... อะไรๆคงง่ายขึ้น ถ้าเพียงแค่ เวลามันย้อนกลับมาได้ เท่านั้น เราอาจได้แก้ไขหลายสิ่งที่ทำพลาด ลืมหลายคนที่เราไม่อยากจำ
แต่... นั่นแหละที่ สำคัญ สำหรับเรา
เพราะชีวิตเรามีแค่ "เวลานี้" เราจึงไม่ควรปล่อยให้ สิ่งอื่น มาทำลายความสำคัญของสิ่งที่มีค่าอยู่ตรงหน้าเรา ณ ปัจจุบัน
ตรงนี้ หนังได้สร้าง IMPACT ในใจเราแต่เริ่มแรกกันเลยทีเดียว ถือเป็นการเปิดใจอย่างหนึ่ง ในการฟังเรื่องราวต่อไปของหนังที่กำลังจะสื่อสารออกมา
แล้วแรงบันดาลใจก็ทยอยกันตบเท้าเข้ามาทำให้คุณต้องนึกทบทวนตัวเอง เสียหลายๆรอบ...
อย่างเช่นชีวิตของ กัปตัน ไมค์ เพื่อนกลางทะเล ของ เบนจามิน ชีวิตเขาผูกติดอยู่กับสิ่งที่บรรพบุรุษทำ แต่หัวใจของเขานั้น เสรี
เขาโชว์ลายสัก บนตัวแล้วบอกกับ เบนจามินว่า นี่คือ วิธีการรักษา สิ่งที่เขาชื่นชอบ เขารักศิลปะ และรอยสัก คือ สิ่งที่ยึดโยงเขาไว้กับมัน
ถ้าจะพรากเขาจากมัน ก็ต้องเถือเนื้อของเขาออกไป เขาบอกแก่ เบนจามินว่า "อย่ายอมให้ใครมาบอกให้เราเป็นอย่างอื่น เราต้องทำเพื่อตัวเรา"
ตัวละครเหล่านี้ ล้วนส่งเสริมพัฒนาการของ เบนจามิน ให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ และมีกรอบความคิดที่เสรีมากยิ่งขึ้น
โครงเรื่องของ เบนจามิน บัทตั้น นั้นแกนเรื่อง อยู่ที่ บันทึก หรือ ไดอารี่ของเบนจามิน บัทตั้น เล่าตีคู่ไปกับความรู้สึกนึกคิดบางส่วน ของเดซี่ด้วย
โดยวางตำแหน่งไว้ สามส่วน คือ การเล่าของลูกสาว เบนจามิน การเล่าเรื่องของ เดซี่ และการเล่าเรื่องของตัว เบนจามินเอง
เพื่อให้โครงเรื่องทุกส่วนมีความต่อเนื่องและกลมกลืนกัน โครงเรื่องลักษณะนี้ มุ่งที่จะให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกผูกพันต่อตัวละคร
ในขณะเดียวกัน ก็ซึมซับ รับรู้ พฤติกรรมการแสดงออกของตัวละครแต่ละตัวไปทีละนิด ถึงบุคลิก ลักษณะ คำพูด และอุปนิสัยใจคอว่าเป็นอย่างไร
แต่ในโครงเรื่องหลัก และโครงเรื่องย่อยนั้น โครงเรื่องของ เบนจามิน บัทตั้น มีฉาก เหตุการณ์ และลำดับเวลาที่ต่อเนื่อง ละเอียดอ่อน
และมีประเด็นแตกออกไปมากกว่า โครงเรื่องอื่นๆ เพราะในไดอารี่ นั้น กล่าวถึงทุกเหตุการณ์ ทุกสิ่ง ที่เบนจามิน ได้ผ่านมาตลอดช่วงวัย...
การเล่าเรื่อง โดยใช้วิธีเหล่านี้ ถ้าการตัดภาพ ลำกับภาพ และการเล่าเรื่องไม่มีเสน่ห์มากพอ ก็ไม่สามารถเอาคนดูได้อยู่หมัด
ผิดแต่ เบนจามิน บัทตั้น มีเรื่องราวชีวิตที่น่ามหัศจรรย์เป็นทุนเดิม อยู่แล้ว โดยเฉพาะโรควัยย้อนกลับไปเรื่อยๆ อย่างเช่นเขา นั่นก็อีกสาเหตุหนึ่ง
ที่ทำให้ความน่าเบื่อ กลายเป็นความน่าสนใจไปได้เหมือนกัน...
ในบรรดาตัวละครที่เรียงร้อยกันเกี่ยวโยงในชีวิตของ เบนจามิน บัทตั้น นั้น ทุกตัวละครล้วนมีผลต่อตัว เบนจามิน ทั้งสิ้น
โทมัส บัทตั้น พ่อของ เบนจามิน เหนือคำสัญญาที่เขาได้ให้ไว้แก่ภรรยาและแม่ของ เบนจามิน มีความหลาดกลัวและขลาดเขลาต่อสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ
แม้เขาจะรู้อยู่เต็มอกว่า เด็กคนที่เขาเห็นอยู่ในเปลนั้น เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่เขาไม่โทษตนเองที่เป็นผู้ให้กำเนิด เขากลับโทษ เบนจามิน
ว่าเป็นบุตรของซาตาน ทำให้ภรรยาของเขาตาย ความไม่รู้ชนิดนี้เอง ที่ไปส่งผลกระทบต่อบุคคลหลายในคนโลก
เบนจามิน ถูกพบอยู่หน้า บ้านพักคนชรา พร้อมกับเงิน 18 เซนต์ ที่โทมัสสอดเอาไว้ ภายใต้อ้อมแขนแห่งความ เมตตา ของควินนีย์
บุคคลที่ เบนจามิน เรียกอย่างเต็มปากว่าแม่... ถ้าแม้แต่ เธอสามารถให้บุตรได้ ผมก็ยังเชื่อเต็มหัวใจ ว่าควินนีย์ จะยังคงรับ เบนจามินไว้ดูแล
นั่นก็เพราะ ความดีงามของเธอ มาจากภายใน ไม่ได้มาจากความรู้สึกอยากชดเชยสิ่งใดที่ขาดหายไปจากชีวิต เธอมีความเป็น "แม่"
มากจนน่ายกย่อง และเป็นบุคคลที่เชื่อมั่นอยู่แน่นแฟ้นมาตลอดในหัวใจว่า "เบนจามิน" เป็นเด็กพิเศษ เป็นปาฏิหาริย์
วันหนึ่ง เบนจามินถามเธอว่า "แม่ครับ ผมจะอยู่ได้อีกนานไหม" เธอกล่าวตอบในขณะจับมือของเขาว่า "เท่าที่พระเจ้าให้มาลูกก็ควรจะพอใจมากแล้ว"
เธอมีทัศนคติเชิงบวกเสมอในการเลี้ยงดู เบนจามิน และเป็นคนที่เข้าใจในอุปสรรค ความรู้สึก ของ เบนจามิน เป็นอย่างดีมากกว่าใครๆ
และด้วยความที่ เบนจามิน นั้น อาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา ความตายเป็นเรื่องธรรมดา ราวกับแขกที่มาเยี่ยมเยียน แล้วกลับออกไปพร้อมกับใครซักคน
ณ ที่นั้น เบนจามิน บัทตั้น เด็กน้อยในร่างกายของชายชรา วัย 80 ปี ที่เป็นโรคต้อในตา ข้อเข่าเสื่อม มือเท้าเกร็งเติบโต ท่ามกลางบุคคลที่ ปล่อยวางต่อทุกสิ่งอย่างในชีวิตของพวกเขาเอง หญิงสาวคนหนึ่งสอนเขาเล่นเปียโน เธอกล่าวแก่ เบนจามินว่า "การเล่นเปียโน ไม่สำคัญว่าเธอเล่นดีแค่ไหน มันสำคัญที่ว่าเธอใส่อารมณ์ลงไปในเพลงอย่างไร" และไหนจะ ชายชรา ผู้ที่มักถามเสมอว่า "ฉันเคยบอกหรือยังว่าฉันถูกฟ้าผ่ามาแล้ว 7 ครั้ง" ชายผู้ที่มักเล่าเรื่องบังเอิญของเขาต่อฟ้าที่ผ่าลงมาเสมอ ในครั้งสุดท้ายเขากล่าวสิ่งที่น่าประทับใจ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายแห่งชีวิต
"ฉันถูกฟ้าผ่ามาถึง 7 ครั้ง ทุถๆครั้ง มันคอยย้ำเตือนฉัน ว่าฉันโชคดีแค่ไหน ที่ยังได้ใช้ชีวิต"
จึงกล่าวได้ว่าเบนจามิน ได้เข้าใจความหมายแห่งการมีอยู่ และแตกดับไปของชีวิต มาตลอดเวลา....
จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใด เมื่อควินนีย์ตาย เบนจามิน จึงไม่เศร้าโศกหรือเสียใจ คร่ำครวญอ้อนวอนเพียงใด เขาเข้าใจ ว่ามันต้องมีซักวันหนึ่ง...
อีกบุคคลหนึ่ง ที่มีผลต่อแนวคิดของ เบนจามิน คือ กัปตันไมค์ เขาเป็นเหมือนกับเพื่อน มากกว่าเจ้านาย เขาได้สอนหลายๆสิ่งให้แก่ เบนจามิน
แต่เหนืออื่นใด คือ การได้ลองใชชีวิต การมีเสรีที่จะใช้ชีวิตของตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ และกล้าหาญ
ในครั้งหนึ่ง เมื่อเขาใกล้ตาย เพราะผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เขากล่าวแก่เบนจามิน ว่า
"เราอาจโกรธแค้น สบถด่าและสาปแช่งต่อโชคชะตาได้ แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราก็ควรจะปล่อยวาง" เบนจามิน ดูจะเข้าใจได้ดีต่อคำสอนนั้น...
เพราะนั่น คือ สาเหตุที่มาถึงแนวคิดและการทำใจ ปล่อยให้ลูกและภรรยาของตน อยู่ในความดูแลของชายคนอื่น ที่มีความพร้อม และแก่เฒ่าไปกับภรรยาของเขาได้ ดูแลลูกของตัวเขาได้ เรียกได้ว่า เบนจามิน ไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นภาระของใครเลยทีเดียว แม้จะรู้ว่า วันหนึ่งเขาจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และอาจตายลงไปอย่างโดดเดี่ยวก็ตามที...
และตัวละครตัวสุดท้าย เดซี่ ฟูลเลอร์ เด็กสาวผู้เป็นรักแรก ของ เบนจามิน ความอ่อนเยาว์ ความบริสุทธิ์ของเธอ เป็นสิ่งที่ยึดโยงเบนจามินไว้เสมอ
เบนจามิน ยีดมั่นต่อหัวใจของตน เท่าๆกับที่ เดซี่ ก็ซื่อสัตย์ต่อเขาในทางใจ เช่นกัน ในครั้งหนึ่งเมื่อทั้งคู่จากกันวัยเด็ก เดซี่ ขอให้เขาส่งโปสการ์ด
จากทุกที่ที่เขาไปมาให้เธอและเขาทำมันเสมอ...
และครั้งหนึ่งที่โปสการ์ดของเขา บอกว่า เขาพบผู้หญิงคนหนึ่งและมีความรัก ผู้หญิงคนนั้น คือ อลิซาเบธ แอบบอร์ด
เดซี่ ดุเหมือนใจหาย เมื่อรู้ แต่อีกส่วนเธอก็ดีใจอยู่ลึกๆ ที่เบนจามิน มีใครซักคนคอยให้ความรัก...
ในวัย 26 ปี เบนจามิน กลับมาพบกับ เดซี่ ที่โตเป็นสาวเต็มตัว เธอเต็มใจที่จะหลับนอนกับเขา แต่ เบนจามิน ไม่ทำตามที่เธอต้องการ
จนล่วงมาถึงวัยที่บรรจบกัน เมื่อเดซี่ อายุ 43 และ เบนจามิน อายุ 49 ปี หลังจาก อุบัติเหตุใหญ่ของ เดซี่ มาถึง เมื่อเธอขาหัก ไม่สามารถเต้นได้อีกต่อไป
ทั้งเธอ และเขาก็เริ่มใช้ชีวิตของทั้งสอง ชีวิตที่เต็มไปด้วยชีวิต ไม่มีกฏ รูปแบบ มีแต่ ความรัก
ครั้งหนึ่ง เดซี่ กล่าวว่า "ฉันกลัวที่ฉันแก่ลง คุณจะรักฉันไหม ถ้าฉันมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า" เบนจามินยิ้มพรายแล้วถามกลับว่า
"คุณจะยังรักผมไหม ถ้าผมฉี่รดที่นอน ถ้าผมหลงลืมว่าเคยทำอะไร มันไม่มีอะไรยั่งยืน"
แต่เดซี่ ตอบเขาอย่างทันทีด้วยความรู้สึกที่แน่วแน่ในใจว่า "บางอย่างยั่งยืน..." และผมคิดว่า บางอย่างนั้น คือ ความรัก...
ปี 1918 เบนจามินเกิด โทมัสพาเขาไปไว้ที่ บ้านพักคนชรา และเติบโตอยู่ที่นั่น
ปี 1930 - 1936 เบนจามิน พบกับ เดซี่ ครั้งแรก ในวันขอบคุณพระเจ้า และใช้ชีวิตต่อไปในบ้านพักคนชรา ได้ออกไปลองใช้ชีวิตในทะเลครั้งแรก
ปี 1936 - 1944 เบนจามิน บอกลาบ้านพักคนชรา บอกล่าแม่ เพื่อออกเดินทางท่องทะเลไปกับ กัปตันไมค์
ได้พบกับ อลิซาเบธ และได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สอง
ปี 1945 - 1962 เบนจามิน อายุครบ 26 ปี เขากลับมาบ้าน และพบเดซี่ อีกครั้ง ได้พบกับพ่อ และรับมรดกของพ่อ
ไปดูเดซี่ เต้นรำ พบกับแฟนของเดซี่ พบกับพ่อ พ่อยกมรดกให้ พ่อของเบนจามินตายอย่างสงบ
เดซี่ ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน เบนจามินมาพบ และขอดูแล แต่เธอปฏิเสธ
ปี 1962 - 1968 เดซี่ กลับมาพบกับเบนจามิน หลังจากไปรักษาตัวจากอุบัติเหตุกระดูกขาหัก
ควินนีย์ตาย และทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกัน เดซี่ เปิดโรงเรียนสอนเต้น และ เดซี่ ตั้งท้อง
ปี 1969 ฉลองวันเกิดอายุ 1 ขวบ ของ แคโรไลน์ ลูกสาวของ เบนจามิน เขาขายกิจการ เอาเงินเข้าบัญชีทิ้งไว้ให้ลูกและเดซี่
ปี 1970 แคโรไลน์ อายุครบ 2 ขวบ
ปี 1981 แคโรไลน์ อายุครบ 13 ปี
ปี 2002 เบนจามิน อายุถอยลงไปถึง 5 ขวบ เดซี่ รับเขามาเลี้ยง
ปี 2003 เบนจามิน กลายเป็นเด็กทารก เขามองตา เดซี่ อย่างรับรู้ และจำเดซี่ได้ เขาตายอย่างสงบ
- C r e a t e d B y E n d C r e d i t M a n -
https://www.facebook.com/NungKangPang/