พวกมันโจมตีจากฟ้าใกล
นำพาหายนะมาใต้ขนาดใหญ่หลวง
พวกมันมาจากอวกาศ
นำพาความตายสู่พึ้นดิน
9.อาวุธโหดจากหนังไซไฟ ที่อาจเป็นไปได้จริงในอนาคต
9.kinetic bombardment
อาวุธที่ใช้หลักการง่ายๆ แต่ได้ผลดี ด้วยการปล่อยพลังงานศักย์จากที่สูง หลักการเดียวกับที่ทำให้ลูกมะพร้าวที่ตกจากต้น สามารถขยี้หัวมนุษย์จนแหลกเหลวได้ อย่างไรก็ตาม การจะใช้งานอาวุธจำพวกนี้ ควรจะใช้โจมตีดาวเคราะห์ที่บรรยากาศหนาแน่นต่ำ และมีแรงโน้มถ่วงสูง เพื่อให้ได้พลังทำลายสูงที่สุด
หลักการง่ายๆคือใช้โลหะพวกทังสเตน ที่มีความหนาแน่นสูงยิงลงมาจากวงโคจรด้วยระบบเจ็ท เมื่อสั่งการ ดาวเทียมจะทำการปล่อยอาวุธ
คือท่อนโลหะทรงพลัง ลงมาใส่เป้าหมายด้วยความเร็วระดับอุกกาบาติ ความเร็วที่สูงทำให้พลังทำลายน่ากลัว
ในเคสอุดมคติ ถ้าผมยิงไอ้ท่อนเหล็กนี่ลงมาจากวงโคจร มันจะได้พลังทำลายเทียบเท่าอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็ก และมันจะกลายเป็นบังเกอร์บัสเตอร์
ที่ทรงพลัง พอจะทำลายล้าง ซึ่งบังเกอร์นิวเคลียร์ นี่มันฝันร้ายจากหนังไซไฟหลายๆ เรื่องชัดๆ
ในปี 2003 กองทัพอากาศสหรัฐ ได้ทำการทดสอบการยิงอาวุธนี้ ด้วยความเร็วเริ่มต้นระดับ มัค 10
ปรากฏว่าได้พลังทำลายเทียบเท่า tnt 12 ตัน ซึ่งนั้นก็อาจฆ่าคนได้นับล้านชีวิตเลยครับ ถ้ายิงใส่พึ้นที่ที่มีคนหนาแน่นสักหน่อย
พลังทำลายมากมายมหาศาล กว่าขีปนาวุธปกติที่ขนาดเดียวกันมากที่เดียว(อันนี้ใช้แท่งทังสเตนขนาด 9 ตัน)
ด้วยความเร็วที่สูง บวกกับพึ้นที่หน้าตัดเรดาร์ที่เล็ก ความตายจากอาวุธนี้ จึงยากจะหลีกเลี่ยงหรือป้องกัน
อาวุธคอนเซ็ปต์นี้ ปรากฏตัวในมาสเอฟเฟค และซีรีย์กันดั้มด้วย
8.light saber
ถ้าเคยดูสตาร์วอร์ ก็น่าจะรู้จักมันเป็นอย่างดี มันคือรูปแบบสุดยอด ในอนาคตของอาวุธประเภทฟันแทง ด้วยคมที่เป็นพลังงานความร้อนสูง
(อาจเป็นพลาสม่า) ทำให้มันสามารถตัดผ่านวัสดุแข็งได้เกือบทุกชนิด หลักการคล้ายเครื่องหลอมโลหะของช่างเหล็ก แต่ความเร็วในการหลอมทำลาย
น่าจะมากกว่าหลายเท่า แต่ถ้าคุณจะใช้ดาบพลังงานในการต่อสู้จริง ใงๆก็ต้องมีอาวุธระยะใกลเสริมอยู่ดีอะนะ
เทคโนโลยีที่ต้องการ เพิ่อสร้างไลท์เซเบอร์ฺ
1.แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง
2.เทคโนโลยีการควบคุมความยาวของลำแสง
3.เทคโนโลยีการป้องกันการแผ่ความร้อนเล่นงานผู้ใช้
7.laser gun
คีย์แมนหลักของยุคอาวุธพลังงาน กระสุนความเร็วแสงที่สามารถยิงได้มีต้นทุนต่ำ ซ้ำยังไม่สามารถตรวจจับได้ในช่วงที่ตามองเห็น พลังทำลายก็สามารถปรับได้ตามความเหมาะสม และต้นทุนโคตรถูก แสงเป็นสิ่งที่เร็วที่สุดในจักรวาลนี้ นั่นหมายถึงว่าเจ้านี่ เป็นอาวุธที่ไม่มีทางหลบได้
แล้วที่สำคัญเวลาเขาจะยิง เขาไม่ยิงในช่วงคลื่นแสงที่มองเห็นได้หรอกครับ เขายิงในช่วงคลื่นแสงอื่นทั้งสิ้น เลเซอร์เพื่อการทำลายล้าง
จะมีอานุภาพหลอมละลาย+ทะลุทะลวงสูงมาก เพื่อเจาะทะลุเกราะหนาๆ อย่าคิดว่ากระจกทั่วไปจะหยุดยั้งได้
6.rail gun
ปืนโหดจากอนาคตอีกอัน ที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวเหนี่ยวนำ ถูกพัฒนาการต่อเนื่องมาหลายปี ปัจจุบันคาดว่าจุดเด่นอยู่ที่
ความเร็วกระสุนที่มากกว่า 10+ มัค ยิ่งความเร็วใกล ยิ่งยิงได้รุนแรง คาดว่าถูกสร้างมาเพื่อทำความเสียหาย
กับเป้าหมายขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่ได้ช้า จุดขายคือต้นทุนอาวุธที่ต่ำ ซัดเรลกันเป็นพันนัด ต้นทุนอาจเท่ายิงโทมาฮอวก์ลูกเดียว
แล้วมันโกงตรงยิงในอวกาศได้ด้วย อาจทำความเร็วได้ถึง 10-20% ของความเร็วแสง ในทางทฤษฏี
อาวุธชนิดนี้ใช้หลักการของ โมโนโพลาร์คอยล์ โดยใช้แรงดันไฟฟ้า จากแกนขั้วบวกและขั้วลบ แทนที่แรงระเบิดจากดินปืน
มีโปรเจคการพัฒนาไปสู่การใช้งานเป็นอาวุธจู่โจมจากอวกาศสู่พึ้นราบด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เรลกันน่ากลัวขึ้นไปอีก
มีการพัฒนาทั้งใช้เป็นอาวุธโจมตีเรือรบ และอาวุธต่อต้านอากาศยาน
5.Molecular Disruption Device
ปืนนรกจากเอนเดอร์เกม ใช้หลักการง่ายๆในการทำให้อะตอมไม่ยึดเหนี่ยวกัน
เมื่อยิงแล้วเป็นไปได้ว่ามันจะทำให้อนุภาคแตกแยกคล้ายนิวเคลียร์ฟิชชั่น จากปฏิกิริยาระดับอะตอม ลุกลามจนทำลายล้างดวงดาว
ถือเป็นอาวุธที่เป็นดั่งฝันร้าย ที่มีตัวตนจริงทีเดียว แต่ด้วยความรู้ด้านควอนตัม+ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ไม่แน่ ในอนาคต ไอ้ปืนนรกกระบอกนี้
อาจถูกทำขึ้นมาใช้จริงก็ได้ เวลานั้นก็ตัวใครตัวมันเถอะท่าน
4.Strangelet
เทคโนโลยีปัจจุบันอีกชิ้น ที่สามารถใช้สร้างฝันร้ายให้กับโลกนี้ได้ มันเกี่ยวกับการแตกตัว และคุณสมบัติของควาร์ก เกี่ยวกับการอัดตัวของอนภาคบวกและลบ มันมีความเกี่ยวข้อง กับนิวตรอน เพราะในนิวตรอน จะมีการอัดแน่น ของควาร์กบวกและลบ จำนวนมหาศาล แต่ปรากฏการณ์นี้ในระดับเล็กจะเกิดไม่สเถียร์เท่าในระดับใหญ่ เพราะมีคีย์เวิร์ดเรื่องพึ้นที่สัมผัสของควาร์กและช่องว่างอะตอม รวมถึงวัตถุใหญ่ๆจะมีความไม่แน่นอนทางควอมตัมต่ำ ทำให้ปฏิกิริยาสเถียรมากกว่านั่นเอง เจ้านี่เกิดขึ้นที่ RHIC ด้วยผลของการเร่งอนุภาคด้วยนะเออ อันตรายของปรากฏการณ์นี้ ที่อาจกลายเป็นอาวุธล้างโลกก็คือ
ถ้าการเกิดขึ้นของสสารได้ชนิดที่เหมาะสม และปริมาณของมันเกิดจุดวิกฤติละก็ พวกมันจะทำการเปลื่ยนแปลงสภาพปกติของสสาร เป็นเป็นสเตรจ์แมทเทอร์ ลักษนะของปรากฏการณ์หายนะ อาจเริ่มจากสเตรจ์เลทอันเดียว ปะทะเข้ากับนิวเคลียส์ ปลดปล่อยพลังงานที่ใหญ่ขึ้น สเถียร์มากขึ้น
เพื่อสร้างปรากฏการณ์ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น จนสุดท้ายจะกลายเป็นหายนะ สุดท้ายมันจะอัดและแปรสภาพอะตอมทั่วโลก ให้กลายเป็นก้อนสเตยจ์แมทเทอร์ขนาดใหญ่ โชคดีที่ในปัจจุบัน ยังไม่มีแนวโน้มจะมีการกระตุ้นปรากฏการณ์นี้ให้เกิดใกล้โลก ถ้าสเตรจ์เลทเกิดกับดาวนิวตรอน มันจะกลืนกินอนุภาคทั้งดาว
และเปลื่ยนแปลงดาวนิวตรอน สู่การเป็นดาวควากร์
3.anti-matter
ปฏืสสารคือด้านตรงข้ามของสสารปกติ เราแยกมันออกมาได้ โดยการใช้องค์ความรู้ด้านแม่เหล็กไฟฟ้า ปัจจุบันมีการคอมเฟิร์มการดำรงอยู่
ของแอนตีไฮโดรเจน เราสามารถตรวจจับมันได้ จากรังสีคอสมิค มันมีการหมุนและการพวกพันทางควอนตัมที่ยังสรุปไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ
พลังงานที่ได้จากมันนั้นมหาศาล ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุ ว่าทำไมมันเข้ามาอยู่ในลำดับ 4 ของเรา เชึ้อเพลิงของยาน เอ็นเตอร์ไพรส์ในสตาร์เทรค ก็ใช้งาน
แอนตี้แมทเทอร์นี้เอง ด้วยสูตร E=MCกำลัง 2 จะแปลว่าแอนตี้แมทเทอร์ 10 ตัน จะสามารถจ่ายพลังงานให้โลกเราได้
900,000,000,000,000,000,000 จูล หรือเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นที่มากกว่า 200,000,000,000,000,000 กิโลกรัม
ซึ่งมีพลังมากกว่าอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดในโลกหลายหมื่นเท่า และรุนแรงมากกว่าเหตุแผ่นดินใหว 10 ริกเตอร์ ที่ญี่ปุ่นนับร้อยๆ เท่า
แล้วถ้าแอนตี้แมทเทอร์ถูกผลิตเป็นจำนวนมากได้ มันอาจเป็นคีย์เวิร์ดสูงยานแบบเอ็นเทอร์ไพรส์ หรือสถานีอวกาศแบบเดธสตาร์ด้วย
2.red matter(negative mass)
ด้วยมวลที่มีลักษนะแปลประหลาน ทำให้ดาวกลายเป็นหลุมดำ จึงเชื่อกันว่าเรดแมทเทอร์ มีลักษนะที่เป็นอะไรที่ใกล้เคียงเตคีออน
หรือไม่ก็เป็นสสาร ที่สามารถสร้างแรงโน้มถ่วงได้มหาศาลมาก ด้วยความรู้ทางควอนตัม เราเชื่อว่า
อาจสร้างมันขึ้นมาได้ ในอนาคตใกล และน่าจะเป็นอาวุธที่อันตรายและน่าสยองยิ่ง
1.psedoplanet
คอนเซ็ปต์ของโปรเจตนรกแตกจากสตาร์วอร์ ทั้งเดธสตาร์ และสตาร์คิลเลอร์
มันคือ space station ขนาดใหญ่ยักษ์ ที่อยู่ในรูปแบบของดาวเคราะห์ ด้วยขนาดที่ใหญ่ ทำให้สามารถเก็บกักอาวุธและเชึ้อเพลิงได้อย่าง
จุใจ อย่างเดธสตาร์ ถ้าบรรจุแอนตี้แมทเทอร์ใว้เยอะๆ สัก 60% ของปริมาตรดาว คาดว่าจะสามารถระเบิดดาวเคราะห์ระดับดาวพฤหัสได้ชิลๆ
ซึ่งนั่นหมายถึงการระเบิดวัตถุที่มีมวลมากกว่าโลกนับร้อยเท่า แต่กรณีของเจ้าฐานสตาร์คิลเลอร์ ในสตาร์วอร์
คาดว่าจะใช้วิธีดึงพลังงานจากดาวฤกษ์ มาทำการสะเทินเอามากกว่า ซึ่งจริงๆ ปืนใหญ่ของ Starkiller Base น่าจะมีการทำงานคล้ายกับเตาปฏิกรณ์ปรมาณูชนิดฟิวชั่น อาศัยการเหนี่ยวนำของสนามแรงโน้มถ่วงเทียม ดึงมวลสารจากดวงอาทิตย์เข้ามาในเตาปฏิกรณ์ บีบอัดพลาสม่าภายใต้ฉนวนสนามแม่เหล็กที่ควบคุมโดยตัวนำยิ่งยวด บังคับให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่น เพิ่มความดันแล้วก็เล็งปล่อยพลาสม่าออกมา เหมือน Solar Flare ควบคุมทิศทางด้วยเลนส์แรงโน้มถ่วง เล็งเป้าเข้าทำลายดวงดาวต่างๆ ซึ่งยิ่งประสิทธิภาพสูง ความเร็วของกระสุนพลาสม่าที่ปล่อยออกไปจะยิ่งมาก แถมมีขนาดที่ใหญ่ เพื่อทำให้จุเชึ้อเพลิงได้จุใจ ดีไม่ดีอาจมีพวกเทคโนโลยีข้อก่อนๆ ในปริมาณระดับคลังแสง เก็บเอาใว้บนฐานะมรณะเหล่านี้ก็เป็นได้
ดีไม่ดี เจ้าฐานยักษ์พวกนี้อาจวอร์ปได้ ซึ่งนั่นน่ากลัวที่สุดครับ เพราะนันหมายถึงอาวุธทำลายดาราเหล่านี้ อาจเดินทางข้ามกาแล็คซี่ ในเวลาไม่กี่วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Laser
https://en.wikipedia.org/wiki/Kinetic_bombardment
https://en.wikipedia.org/wiki/Railgun
http://ansible.wikia.com/wiki/Molecular_Disruption_Device
https://en.wikipedia.org/wiki/Strangelet
https://en.wikipedia.org/wiki/Quark_star
และของดี ผลงาน ท่าน darth prin แห่ง pantip
http://ppantip.com/topic/34594447
http://ppantip.com/topic/31853759
9 อันดับ อาวุธโหดจากหนังไซไฟ ที่อาจเป็นไปได้จริง
นำพาหายนะมาใต้ขนาดใหญ่หลวง
พวกมันมาจากอวกาศ
นำพาความตายสู่พึ้นดิน
9.อาวุธโหดจากหนังไซไฟ ที่อาจเป็นไปได้จริงในอนาคต
9.kinetic bombardment
อาวุธที่ใช้หลักการง่ายๆ แต่ได้ผลดี ด้วยการปล่อยพลังงานศักย์จากที่สูง หลักการเดียวกับที่ทำให้ลูกมะพร้าวที่ตกจากต้น สามารถขยี้หัวมนุษย์จนแหลกเหลวได้ อย่างไรก็ตาม การจะใช้งานอาวุธจำพวกนี้ ควรจะใช้โจมตีดาวเคราะห์ที่บรรยากาศหนาแน่นต่ำ และมีแรงโน้มถ่วงสูง เพื่อให้ได้พลังทำลายสูงที่สุด
หลักการง่ายๆคือใช้โลหะพวกทังสเตน ที่มีความหนาแน่นสูงยิงลงมาจากวงโคจรด้วยระบบเจ็ท เมื่อสั่งการ ดาวเทียมจะทำการปล่อยอาวุธ
คือท่อนโลหะทรงพลัง ลงมาใส่เป้าหมายด้วยความเร็วระดับอุกกาบาติ ความเร็วที่สูงทำให้พลังทำลายน่ากลัว
ในเคสอุดมคติ ถ้าผมยิงไอ้ท่อนเหล็กนี่ลงมาจากวงโคจร มันจะได้พลังทำลายเทียบเท่าอาวุธนิวเคลียร์ขนาดเล็ก และมันจะกลายเป็นบังเกอร์บัสเตอร์
ที่ทรงพลัง พอจะทำลายล้าง ซึ่งบังเกอร์นิวเคลียร์ นี่มันฝันร้ายจากหนังไซไฟหลายๆ เรื่องชัดๆ
ในปี 2003 กองทัพอากาศสหรัฐ ได้ทำการทดสอบการยิงอาวุธนี้ ด้วยความเร็วเริ่มต้นระดับ มัค 10
ปรากฏว่าได้พลังทำลายเทียบเท่า tnt 12 ตัน ซึ่งนั้นก็อาจฆ่าคนได้นับล้านชีวิตเลยครับ ถ้ายิงใส่พึ้นที่ที่มีคนหนาแน่นสักหน่อย
พลังทำลายมากมายมหาศาล กว่าขีปนาวุธปกติที่ขนาดเดียวกันมากที่เดียว(อันนี้ใช้แท่งทังสเตนขนาด 9 ตัน)
ด้วยความเร็วที่สูง บวกกับพึ้นที่หน้าตัดเรดาร์ที่เล็ก ความตายจากอาวุธนี้ จึงยากจะหลีกเลี่ยงหรือป้องกัน
อาวุธคอนเซ็ปต์นี้ ปรากฏตัวในมาสเอฟเฟค และซีรีย์กันดั้มด้วย
8.light saber
ถ้าเคยดูสตาร์วอร์ ก็น่าจะรู้จักมันเป็นอย่างดี มันคือรูปแบบสุดยอด ในอนาคตของอาวุธประเภทฟันแทง ด้วยคมที่เป็นพลังงานความร้อนสูง
(อาจเป็นพลาสม่า) ทำให้มันสามารถตัดผ่านวัสดุแข็งได้เกือบทุกชนิด หลักการคล้ายเครื่องหลอมโลหะของช่างเหล็ก แต่ความเร็วในการหลอมทำลาย
น่าจะมากกว่าหลายเท่า แต่ถ้าคุณจะใช้ดาบพลังงานในการต่อสู้จริง ใงๆก็ต้องมีอาวุธระยะใกลเสริมอยู่ดีอะนะ
เทคโนโลยีที่ต้องการ เพิ่อสร้างไลท์เซเบอร์ฺ
1.แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง
2.เทคโนโลยีการควบคุมความยาวของลำแสง
3.เทคโนโลยีการป้องกันการแผ่ความร้อนเล่นงานผู้ใช้
7.laser gun
คีย์แมนหลักของยุคอาวุธพลังงาน กระสุนความเร็วแสงที่สามารถยิงได้มีต้นทุนต่ำ ซ้ำยังไม่สามารถตรวจจับได้ในช่วงที่ตามองเห็น พลังทำลายก็สามารถปรับได้ตามความเหมาะสม และต้นทุนโคตรถูก แสงเป็นสิ่งที่เร็วที่สุดในจักรวาลนี้ นั่นหมายถึงว่าเจ้านี่ เป็นอาวุธที่ไม่มีทางหลบได้
แล้วที่สำคัญเวลาเขาจะยิง เขาไม่ยิงในช่วงคลื่นแสงที่มองเห็นได้หรอกครับ เขายิงในช่วงคลื่นแสงอื่นทั้งสิ้น เลเซอร์เพื่อการทำลายล้าง
จะมีอานุภาพหลอมละลาย+ทะลุทะลวงสูงมาก เพื่อเจาะทะลุเกราะหนาๆ อย่าคิดว่ากระจกทั่วไปจะหยุดยั้งได้
6.rail gun
ปืนโหดจากอนาคตอีกอัน ที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นตัวเหนี่ยวนำ ถูกพัฒนาการต่อเนื่องมาหลายปี ปัจจุบันคาดว่าจุดเด่นอยู่ที่
ความเร็วกระสุนที่มากกว่า 10+ มัค ยิ่งความเร็วใกล ยิ่งยิงได้รุนแรง คาดว่าถูกสร้างมาเพื่อทำความเสียหาย
กับเป้าหมายขนาดใหญ่ที่เคลื่อนที่ได้ช้า จุดขายคือต้นทุนอาวุธที่ต่ำ ซัดเรลกันเป็นพันนัด ต้นทุนอาจเท่ายิงโทมาฮอวก์ลูกเดียว
แล้วมันโกงตรงยิงในอวกาศได้ด้วย อาจทำความเร็วได้ถึง 10-20% ของความเร็วแสง ในทางทฤษฏี
อาวุธชนิดนี้ใช้หลักการของ โมโนโพลาร์คอยล์ โดยใช้แรงดันไฟฟ้า จากแกนขั้วบวกและขั้วลบ แทนที่แรงระเบิดจากดินปืน
มีโปรเจคการพัฒนาไปสู่การใช้งานเป็นอาวุธจู่โจมจากอวกาศสู่พึ้นราบด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้เรลกันน่ากลัวขึ้นไปอีก
มีการพัฒนาทั้งใช้เป็นอาวุธโจมตีเรือรบ และอาวุธต่อต้านอากาศยาน
5.Molecular Disruption Device
ปืนนรกจากเอนเดอร์เกม ใช้หลักการง่ายๆในการทำให้อะตอมไม่ยึดเหนี่ยวกัน
เมื่อยิงแล้วเป็นไปได้ว่ามันจะทำให้อนุภาคแตกแยกคล้ายนิวเคลียร์ฟิชชั่น จากปฏิกิริยาระดับอะตอม ลุกลามจนทำลายล้างดวงดาว
ถือเป็นอาวุธที่เป็นดั่งฝันร้าย ที่มีตัวตนจริงทีเดียว แต่ด้วยความรู้ด้านควอนตัม+ฟิสิกส์นิวเคลียร์ ไม่แน่ ในอนาคต ไอ้ปืนนรกกระบอกนี้
อาจถูกทำขึ้นมาใช้จริงก็ได้ เวลานั้นก็ตัวใครตัวมันเถอะท่าน
4.Strangelet
เทคโนโลยีปัจจุบันอีกชิ้น ที่สามารถใช้สร้างฝันร้ายให้กับโลกนี้ได้ มันเกี่ยวกับการแตกตัว และคุณสมบัติของควาร์ก เกี่ยวกับการอัดตัวของอนภาคบวกและลบ มันมีความเกี่ยวข้อง กับนิวตรอน เพราะในนิวตรอน จะมีการอัดแน่น ของควาร์กบวกและลบ จำนวนมหาศาล แต่ปรากฏการณ์นี้ในระดับเล็กจะเกิดไม่สเถียร์เท่าในระดับใหญ่ เพราะมีคีย์เวิร์ดเรื่องพึ้นที่สัมผัสของควาร์กและช่องว่างอะตอม รวมถึงวัตถุใหญ่ๆจะมีความไม่แน่นอนทางควอมตัมต่ำ ทำให้ปฏิกิริยาสเถียรมากกว่านั่นเอง เจ้านี่เกิดขึ้นที่ RHIC ด้วยผลของการเร่งอนุภาคด้วยนะเออ อันตรายของปรากฏการณ์นี้ ที่อาจกลายเป็นอาวุธล้างโลกก็คือ
ถ้าการเกิดขึ้นของสสารได้ชนิดที่เหมาะสม และปริมาณของมันเกิดจุดวิกฤติละก็ พวกมันจะทำการเปลื่ยนแปลงสภาพปกติของสสาร เป็นเป็นสเตรจ์แมทเทอร์ ลักษนะของปรากฏการณ์หายนะ อาจเริ่มจากสเตรจ์เลทอันเดียว ปะทะเข้ากับนิวเคลียส์ ปลดปล่อยพลังงานที่ใหญ่ขึ้น สเถียร์มากขึ้น
เพื่อสร้างปรากฏการณ์ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น จนสุดท้ายจะกลายเป็นหายนะ สุดท้ายมันจะอัดและแปรสภาพอะตอมทั่วโลก ให้กลายเป็นก้อนสเตยจ์แมทเทอร์ขนาดใหญ่ โชคดีที่ในปัจจุบัน ยังไม่มีแนวโน้มจะมีการกระตุ้นปรากฏการณ์นี้ให้เกิดใกล้โลก ถ้าสเตรจ์เลทเกิดกับดาวนิวตรอน มันจะกลืนกินอนุภาคทั้งดาว
และเปลื่ยนแปลงดาวนิวตรอน สู่การเป็นดาวควากร์
3.anti-matter
ปฏืสสารคือด้านตรงข้ามของสสารปกติ เราแยกมันออกมาได้ โดยการใช้องค์ความรู้ด้านแม่เหล็กไฟฟ้า ปัจจุบันมีการคอมเฟิร์มการดำรงอยู่
ของแอนตีไฮโดรเจน เราสามารถตรวจจับมันได้ จากรังสีคอสมิค มันมีการหมุนและการพวกพันทางควอนตัมที่ยังสรุปไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ
พลังงานที่ได้จากมันนั้นมหาศาล ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุ ว่าทำไมมันเข้ามาอยู่ในลำดับ 4 ของเรา เชึ้อเพลิงของยาน เอ็นเตอร์ไพรส์ในสตาร์เทรค ก็ใช้งาน
แอนตี้แมทเทอร์นี้เอง ด้วยสูตร E=MCกำลัง 2 จะแปลว่าแอนตี้แมทเทอร์ 10 ตัน จะสามารถจ่ายพลังงานให้โลกเราได้
900,000,000,000,000,000,000 จูล หรือเทียบเท่าระเบิดทีเอ็นที่มากกว่า 200,000,000,000,000,000 กิโลกรัม
ซึ่งมีพลังมากกว่าอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดในโลกหลายหมื่นเท่า และรุนแรงมากกว่าเหตุแผ่นดินใหว 10 ริกเตอร์ ที่ญี่ปุ่นนับร้อยๆ เท่า
แล้วถ้าแอนตี้แมทเทอร์ถูกผลิตเป็นจำนวนมากได้ มันอาจเป็นคีย์เวิร์ดสูงยานแบบเอ็นเทอร์ไพรส์ หรือสถานีอวกาศแบบเดธสตาร์ด้วย
2.red matter(negative mass)
ด้วยมวลที่มีลักษนะแปลประหลาน ทำให้ดาวกลายเป็นหลุมดำ จึงเชื่อกันว่าเรดแมทเทอร์ มีลักษนะที่เป็นอะไรที่ใกล้เคียงเตคีออน
หรือไม่ก็เป็นสสาร ที่สามารถสร้างแรงโน้มถ่วงได้มหาศาลมาก ด้วยความรู้ทางควอนตัม เราเชื่อว่า
อาจสร้างมันขึ้นมาได้ ในอนาคตใกล และน่าจะเป็นอาวุธที่อันตรายและน่าสยองยิ่ง
1.psedoplanet
คอนเซ็ปต์ของโปรเจตนรกแตกจากสตาร์วอร์ ทั้งเดธสตาร์ และสตาร์คิลเลอร์
มันคือ space station ขนาดใหญ่ยักษ์ ที่อยู่ในรูปแบบของดาวเคราะห์ ด้วยขนาดที่ใหญ่ ทำให้สามารถเก็บกักอาวุธและเชึ้อเพลิงได้อย่าง
จุใจ อย่างเดธสตาร์ ถ้าบรรจุแอนตี้แมทเทอร์ใว้เยอะๆ สัก 60% ของปริมาตรดาว คาดว่าจะสามารถระเบิดดาวเคราะห์ระดับดาวพฤหัสได้ชิลๆ
ซึ่งนั่นหมายถึงการระเบิดวัตถุที่มีมวลมากกว่าโลกนับร้อยเท่า แต่กรณีของเจ้าฐานสตาร์คิลเลอร์ ในสตาร์วอร์
คาดว่าจะใช้วิธีดึงพลังงานจากดาวฤกษ์ มาทำการสะเทินเอามากกว่า ซึ่งจริงๆ ปืนใหญ่ของ Starkiller Base น่าจะมีการทำงานคล้ายกับเตาปฏิกรณ์ปรมาณูชนิดฟิวชั่น อาศัยการเหนี่ยวนำของสนามแรงโน้มถ่วงเทียม ดึงมวลสารจากดวงอาทิตย์เข้ามาในเตาปฏิกรณ์ บีบอัดพลาสม่าภายใต้ฉนวนสนามแม่เหล็กที่ควบคุมโดยตัวนำยิ่งยวด บังคับให้เกิดปฏิกิริยาฟิวชั่น เพิ่มความดันแล้วก็เล็งปล่อยพลาสม่าออกมา เหมือน Solar Flare ควบคุมทิศทางด้วยเลนส์แรงโน้มถ่วง เล็งเป้าเข้าทำลายดวงดาวต่างๆ ซึ่งยิ่งประสิทธิภาพสูง ความเร็วของกระสุนพลาสม่าที่ปล่อยออกไปจะยิ่งมาก แถมมีขนาดที่ใหญ่ เพื่อทำให้จุเชึ้อเพลิงได้จุใจ ดีไม่ดีอาจมีพวกเทคโนโลยีข้อก่อนๆ ในปริมาณระดับคลังแสง เก็บเอาใว้บนฐานะมรณะเหล่านี้ก็เป็นได้
ดีไม่ดี เจ้าฐานยักษ์พวกนี้อาจวอร์ปได้ ซึ่งนั่นน่ากลัวที่สุดครับ เพราะนันหมายถึงอาวุธทำลายดาราเหล่านี้ อาจเดินทางข้ามกาแล็คซี่ ในเวลาไม่กี่วัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/Laser
https://en.wikipedia.org/wiki/Kinetic_bombardment
https://en.wikipedia.org/wiki/Railgun
http://ansible.wikia.com/wiki/Molecular_Disruption_Device
https://en.wikipedia.org/wiki/Strangelet
https://en.wikipedia.org/wiki/Quark_star
และของดี ผลงาน ท่าน darth prin แห่ง pantip
http://ppantip.com/topic/34594447
http://ppantip.com/topic/31853759