ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม............มีแต่เสียง 8/2/2016

กระทู้คำถาม


***สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องราชดำเนินทุกคน***

กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี  ไม่มีกลุ่ม.........แต่มีเสียง...................


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม



วันนี้เป็นวันตรุษจีน หรือวันเที่ยว เพื่อนๆ หลายคนคงได้ไปเที่ยว ไปไหว้พระ ไหว้เจ้า ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน
พูดถึงเทพเจ้าของจีน มีหลายองค์ด้วยกัน องค์หนึ่งที่สำคัญมากๆ ในเทศกาลตรุษจีนคือ "เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย"
ซึ่งชาวจีนจะไหว้เป็นองค์แรกในวันตรุษจีนหรือเมื่อเริ่มขึ้นปีใหม่

ไฉ่ซิงเอี๊ย” หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (God of wealth, God of fortune) จะช่วยดลบันดาลความมั่งมีศรีสุข
ร่ำรวยโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา เปี่ยมล้นด้วยความสุขสถาพรแก่ตนและคนในครอบครัวไปตลอดทั้งปี
ชาวจีนเชื่อว่า องค์ไฉ่ซิงเอี๊ย จะเสด็จมายังโลกมนุษย์เพียงปีละครั้ง คือ ในวันตรุษจีน ดังนั้นเมื่อเข้าสู่วันตรุษจีน
ชาวจีนจะตั้งโต๊ะบูชาไฉ่ซิงเอี๊ย โดยการหันหน้าไปทิศต่างๆ ที่เชื่อว่าไฉ่ซิงเอี๊ยจะเสด็จลงมา ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละปีค่ะ  

เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย มี 2 องค์นะคะ คือองค์บู๊และองค์บุ๋น แต่วันนี้จะขอแนะนำประวัติขององค์บุ๋นค่ะ



องค์บู๊ หรือเจ้ากงหมิง  เป็นนักพรตหน้าตาดุดัน บำเพ็ญเพียรอยู่บนเขาง้อไบ๊จนสำเร็จเป็นเซียน  มีเสือโคร่งเป็นบริวาร  
มีอาวุธวิเศษเช่น  แส้เหล็ก, ไข่มุกวิเศษ, เชือกล่ามมังกร  เชื่อกันว่าองค์บู๊ให้คุณในเรื่องของหนี้สิน จะตามหนี้ง่าย
ลูกหนี้จะไม่กล้าโกงหรือหนีหนี้


องค์บุ๋น หรือปี่กาน เป็นอัครเสนาบดี หน้าตาใจดี มีอาวุธวิเศษคู่กายคือ ไข่มุกวิเศษ และเงินทอง  

เล่ากันว่าสมัยจักรพรรดิอินโจ้วซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์อิน ทรงลุ่มหลงสนมเอกนางหนึ่งมากชื่อถังกี้ (ต๋าจี่)  
โดยไม่สนใจราชกิจ ปี่กานซึ่งเป็นอัครเสนาบดี ผู้ซื่อตรงและปราดเปรื่องได้พยายามเตือนสติ แต่ฮ่องเต้ก็หาสนพระทัยไม่

ปี่กานจึงออกอุบายข่มขวัญสนมเอกนางนี้โดยสั่งให้ทหารไปจับสุนัขจิ้งจอกมาทำเสื้อคลุมถวายจักรพรรดิอินโจ้ว
เพราะปี่กานเชื่อว่าสนมนางนี้เป็นปีศาจจิ้งจอกปลอมตัวมา เมื่อนางเห็นเสื้อขนสุนัขจิ้งจอกจะได้ตกใจกลัวแล้วหนีไป
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเพราะสุนัขจิ้งจอกที่จับมานั้นบังเอิญเป็นสมุนของนางเอง นางจึงอาฆาตและวางแผนหมายเอาชีวิตปี่กาน

เจียงไท่กง (ชายชราตกปลาที่เคยเล่าไปแล้ว) ซึ่งเป็นเทพผู้ใหญ่มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้าองค์อื่นๆ ทราบด้วยญาณว่า
ปี่กานกำลังมีเคราะห์จะถึงแก่ชีวิต จึงแปลงกายมาเป็นชายชราแล้วมอบยาวิเศษให้ปี่กาน

วันหนึ่งนางสนมต๋าจีก็แกล้งล้มป่วยใช้มารยาหลอกฮ่องเต้ว่า ต้องใช้หัวใจของนักปราชญ์อย่างปี่กานรักษาจึงจะหาย
จักรพรรดิอินโจ้วซึ่งกำลังหลงใหลคลั่งไคล้สนมนางนี้มากจึงเรียกปี่กานเข้าเฝ้าแต่เช้าแล้วขอหัวใจปี่กานดื้อๆ
ปี่กานรู้สึกเสียใจมาก ได้กล่าวเตือนสติพระองค์แต่ก็ไม่ฟัง ปี่กานจึงใช้มีดควักหัวใจออกมาแล้วโยนทิ้งไว้กับพื้นแล้วเดินออกไป

เมื่อออกจากพระราชวังปี่กานก็เที่ยวเร่ร่อนไปตามหมู่บ้านต่างๆ เขาเที่ยวโปรยเงินโปรยทอง กลายเป็นเทพเจ้าแห่งทรัพย์สิน
เนื่องจากปี่กานกินยาวิเศษของเจียงไท่กงเข้าไป ดังนั้นแม้ไม่มีหัวใจ แต่อวัยวะอื่นๆในร่างกายยังทำงานปรกติ เขาจึงไม่ตาย
และเนื่องจากเขาไม่มีหัวใจนี่เอง จึงไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เที่ยวโปรยเงินโปรยทองให้ทุกคน

เชื่อกันอีกว่าปี่กาน ขุนนางผู้ซื่อสัตย์ยอมสละชีพเพื่อรักษาคุณธรรมนี้คือ บรรพบุรุษต้นตระกูล "ลิ้ม" (จีนกลางอ่านว่า หลิน) ที่แปลว่าป่า


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


....................................................

คนที่มีศีลธรรม เทพเทวาจะปกป้องคุ้มครองเสมอ

ขอให้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เพื่อนๆ นับถือ ช่วยดลบันดาลให้ทุกคนและครอบครัวประสบแต่สิ่งดี
มีโชคลาภ การงานรุ่งเรือง มีกินมีใช้ ร่ำรวย เฮงๆ นับแต่นี้และตลอดไปค่ะ


พระแม่กวนอิมประทานพร.wmv เพลงนี้ไพเราะมากๆ ค่ะ (ทำนองเพลงพ่อจ๋าอย่าร้องไห้)

...เทพเทวา พากันมาให้พร เกริกกำจรลั่นสะท้อนครืนครัน
ต่างโปรยปรายพรจากชั้นสวรรค์ ให้เราท่านประสพสุขสันต์ชีวี...

...ผลของบุญยิ่งใหญ่ ยิ่งผืนน้ำทะเล อุ้มคนดีไม่เซ ไม่เซดั่งขุนเขา

https://www.youtube.com/watch?v=oV5GI0OgrV0
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
สุขสันต์เย็นวันจันทร์ ....  สวัสดีปีใหม่จีน ค่ะ ...ซินเซียยู่อี่ ซินฮวดไช้ ...ร่ำรวย กันนะคะอมยิ้ม36
ตรุษจีนวันนี้  พาไปไหว้พระ"  3  วัดมังกร  "  ไปกันเลย
เพี้ยนออกทริป

งดงามอลังการ!!! ไหว้พระ “3 วัดมังกร” ขอพรเริ่มต้นปีใหม่จีน


ผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรที่วัดเล่งเน่ยยี่

       “มังกร” เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของคนจีน ซึ่งชาวจีนจึงเชื่อกันว่า “มังกร” คือสัตว์ที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าและดิน มังกรเป็นตัวแทนของพลังที่ยิ่งใหญ่แห่งธรรมชาติ พลังอำนาจสูงสุดของโลก มังกรจีนได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความ
ยิ่งใหญ่ ความดีงาม และอำนาจบารมี จนถือได้ว่า มังกร เป็นสัญลักษณ์แทนความโชคดีสูงสุดก็ว่าได้
      
       และในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ของชาวจีนนั้น ส่วนใหญ่ก็นิยมไปไหว้พระขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล
ในการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ และอีกหนึ่งเส้นทางไหว้พระเพื่อความเป็นมงคลนี้ ก็มี “มังกร” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะบนเส้นทางบุญนี้ประกอบ
ไปด้วยวัด 3 แห่ง ได้แก่ หัวมังกร ท้องมังกร และหางมังกร
      
       “หัวมังกร” อยู่ที่ “วัดเล่งเน่ยยี่” ในย่านเยาวราช ถนนสายมังกรในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงโปรดเกล้าฯให้เลือกชัยภูมิที่ตั้งวัดโดยให้เจ้ากรมท่าซ้ายร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวจีนก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2414 ใช้เวลาก่อสร้าง
ถึง 8 ปีจึงแล้วเสร็จและให้ชื่อว่า “วัดเล่งเน่ยยี่” อันมีความหมายคือ เล่ง แปลว่ามังกร เน่ย แปลว่าดอกบัว ยี่แปลว่าวัด ต่อมาภายหลัง
รัชกาลที่ 5 พระราชทานนามใหม่ว่า“วัดมังกรกมลาวาส”


วัดเล่งเน่ยยี่ เชื่อกันว่าเป็นวัดส่วนหัวของมังกร

    สถาปัตยกรรมของวัดแห่งนี้ก็โดดเด่นด้วยการวางผังแบบวังหลวงแต้จิ๋วโบราณ คือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก
ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ โดยก่อนจะเข้าสู่วิหาร
ท้าวจตุโลกบาลหน้าประตูทางเข้าทั้งสองด้านมีป้ายคำโคลงคู่มีความหมายว่า ประทุมประทีปส่องสว่างกลางเวหา และ มังกร
เหินสู่สวรรค์ ณ ถิ่นนี้ ที่วัดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเปรียบดั่ง “ส่วนหัวของมังกร”

<
<
<

ผู้คนที่มาไหว้พระขอพรที่นี่ ก็จะมาจุดธูปขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าขาย ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วย
ให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ ที่วัดเล่งเน่ยยี่ ก็ยังมีชื่อเสียงในเรื่องของการแก้ชง ในแต่ละปีก็จะเห็นผู้คนนิยมมาสะเดาะ
เคราะห์ปีชงกันเป็นจำนวนมาก    


พระประธานเปเปอร์มาเช่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งวัดเล่งฮกยี่

     “ท้องมังกร” อยู่ที่ “วัดเล่งฮกยี่” ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา วัดนี้ถือเป็นวัดจีนเพียงแห่งเดียว
ในฉะเชิงเทรา สำหรับแบบแปลนของวัดนี้จะเป็นแบบเดียวกับวัดเล่งเน่ยยี่ และได้ถูกวางตำแหน่งฮวงจุ้ยเป็น “ส่วนท้องของมังกร”
      
       วัดเล่งฮกยี่ สร้างขึ้นราว พ.ศ.2449 ซึ่งคำว่า ฮก แปลว่าโชคลาภ วาสนา จึงมักมีคนเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดมังกรแห่งวาสนา
ต่อมาเมื่อครั้งรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี เพื่อทรงเปิดทางรถไฟสาย กรุงเทพฯ - ฉะเชิงเทรา ก็ได้พระราชดำเนิน
ทรงเยี่ยมวัดเล่งฮกยี่แห่งนี้ และทรงมีจิตศรัทธาพระราชทานเงินเพื่อบำรุงวัด พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานชื่อให้
ใหม่ว่า “วัดจีนประชาสโมสร” อันมีความหมายถึงว่า วัดแห่งนี้เป็นที่ชุมนุมของคนจีน


ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรที่วัดเล่งฮกยี่ต้องตีระฆังใบยักษ์หนักกว่า 1 ตันใบนี้ด้วย

       ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่พระประธาน คือ พระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ เหมือนที่วัดเล่งเน่ยยี่ แต่พิเศษตรงที่
พระประธานทั้ง 3 พระองค์นี้นำเข้ามาจากเมืองจีนและสร้างขึ้นจากกระดาษทั้งสิ้น หรือที่เรียกว่า “เปเปอร์มาเช่” แล้วปิดทอง
ทำให้มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ยังมีรูปหล่อ 18 อรหันต์ ก็ยังทำด้วยกระดาษเช่นกัน และยังเก่าแก่ราว 200 ปีอีกด้วย
      
       ภายในวัดยังมีรูปหล่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภ หรือ ไฉ่ซิงเอี๊ย องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ที่มากราบไหว้ที่วัดเล่งฮกยี่
แห่งนี้ยังนิยมขอโชคลาภ โดยท่องบทสวดของท่าน 3 ครั้ง จากนั้นนำกระเป๋าเงินของเราไปไว้ที่ปากถุงเงินของท่าน ตบก้นถุง
ของท่าน 3 ครั้งหลังจากนั้นลูบจากก้นถุงขึ้นมายังปากถุง 3 ครั้ง เหมือนเป็นการนำโชคลาภใส่ลงกระเป๋าของเราเอง พร้อมทั้ง
หยิบเหรียญขวัญถุงมา 1 เหรียญ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการขอโชคลาภ
      
       แต่ก่อนจะออกจากวัดก็ต้องตีระฆังใบยักษ์หล่อจากแต่จิ๋วหนักกว่า 1 ตัน 3 ครั้งก่อน ซึ่งรอบระฆังใบนี้มีอักษรมหาปรัชญา
ปารมิตาสูตร ถือกันว่าผู้ใดตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์บทนี้ ซึ่งจะได้บุญได้กุศลเป็นอย่างมาก
      
       และด้วยความเชื่อที่ว่าวัดแห่งนี้เป็นดั่งส่วนท้องของมังกร ทำให้ผู้ที่มากราบไหว้บูชาจะได้รับพลังส่งผลถึงความอุดมสมบูรณ์
ทั้งพืชพรรณธัญญาหาร เจริญรุ่งเรืองมาสู่ตัวเราด้วย


วัดเล่งฮัวยี่ เชื่อว่าเป็นวัดส่วนหางของมังกรตัวยักษ์

“หางมังกร” อยู่ที่ “วัดเล่งฮัวยี่” ต.พลิ้ว อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี โดย ฮัว แปลว่าดอกไม้ วัดแห่งนี้จึงมี
อีกชื่อหนึ่งว่า “วัดมังกรบุปผาราม” สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2520 เมื่อก้าวย่างเข้าไปภายในจะเจอกับวิหารท้าวจตุโลกบาลเช่นเดียวกับ
วัดส่วนหัวและส่วนท้องมังกร
      
       เมื่อผ่านวิหารท้าวจตุโลกบาลเข้ามา ก็จะเห็นอุโบสถสถาปัตยกรรมจีนหลังคาซ้อน 3 ชั้น ยอดเป็นรูปเจดีย์ ภายในเป็นที่
ประดิษฐานพระประธานพุทธเจ้า 3 พระองค์สีทองอร่ามเช่นกับวัดทั้ง 2 ที่ผ่านมา พร้อมด้วยพระสาวกเบื้องซ้ายและขวา คือ
พระมหากัสสปะ และพระอานนท์

       ด้านข้างประดิษฐานพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ผู้เป็นเลิศด้วยมหาปัญญาประทับบนหลังสิงโต อันหมายถึงพระพุทธเจ้าและ
พระโพธิสัตว์ทรงมีพระปัญญาคุณเลิศกว่าหมู่สรรพสัตว์ และพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ผู้เป็นเลิศด้วยมหาจริยาประทับบนหลัง
ช้างเผือกหกงา หมายถึงบารมีหกที่พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายบำเพ็ญ


พระประธานพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ที่วัดเล่งฮัวยี่
      
       โดยรูปเคารพทั้งหลายปิดทองคำเปลวเหลืองอร่ามประดิษฐานภายในซุ้มแบบจีนบนฐานชุกชี ภายในมีลวดลายไม้แกะสลัก
ปิดทองแบบศิลปะจีนอย่างสวยงาม ด้านบนยังมีรูปเคารพเทพเจ้าอีกหลายองค์ให้เคารพบูชาอีกด้วย
      
       บนเส้นทางไหว้พระ 3 วัดมังกรนี้ หากใครมีความเชื่อและศรัทธา ก็เชื่อว่าจะได้รับพลังบุญจากมังกรที่จะช่วยให้ชีวิตต่อจาก
นี้สุขสมและราบรื่น
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000013445

เปิดเพลงอวยพรตรุษจีนนะคะอมยิ้ม21

เพลงอวยพรตรุษจีน จิตรา ก่อนันทเกียรติ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.youtube.com/watch?v=JGn2qBevxyU

....ทั้ง 3 วัด  พี่สาวเคยไปวัดเดียว ค่ะ วัดเล่งเน่ยยี่  ไปแก้ปีชง  เมื่อหลายปีก่อน  เกิดปีเดียวกัน
หลายคน  ไปกันเป็นแก็งค์ แล้ว บุกเยาวราชต่อสนุกมาก
เยี่ยม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่