อาจารย์มหา'ลัยฉันให้นักศึกษาแต่งเรียงความภาษาไทย เกี่ยวกับเรื่องที่อยากกลับไปแก้ไขในอดีต ก็เลยอยากเอาเรียงความของตัวเองมาให้เพื่อนๆชาวพันทิปติชมกันค่ะ
ขออัยที่ตั้งเป็นกระทู้คำถามนะคะเพราะดิฉันยังไม่ได้ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน เลยตั้งได้แค่กระทู้คำถามค่ะ
ถ้าผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ นี่เป็นกระทู้แรก
จีบปีสี่ก็ช้าไป
เฟรชชี่ปี 1 จะไปมีความกล้าอะไรเป็นแค่น้องใหม่ของมหาวิทยาลัย อย่าว่าแต่คุย หรือแม้แต่จะมองหน้ารุ่นพี่ปี 3 ปี 4 เลย แค่พี่วินัยปี 2 ว๊ากทีเดียว พวกปี 1 ก็ก้มหน้าหัวหดกันเป็นแถว ครั้งแรกที่ฉันพบเขา คือ ตอนที่พี่ปี 2 ให้พี่ปี 3 มาแนะนำตัวกับน้องปี 1 ด้วยเพลง ‘พี่ชื่ออะไร’ ซึ่งรุ่นน้องต้องถามรุ่นพี่ว่า ‘พี่ชื่ออะไรคะ/ครับ’ ส่วนรุ่นพี่ก็จะบอกชื่อ พร้อมกับเต้น พี่ปี 3 หลายคนผลัดกันออกมาแนะนำตัว เต้นโชว์น้องด้วยท่าเต้นแปลกๆ แต่ที่สะดุดตา สะดุดใจฉันที่สุดเห็นจะเป็น ผู้ชายตัวสูง ผิวขาว มีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ เขาแนะนำตัวและเต้นเบาๆ แต่เขาจะรู้ไหมว่าได้เอาใจฉันไปแล้วทั้งดวง
เขาน่ารักมาก เป็นกันเองกับทุกคน เป็นผู้ชายที่คุยด้วยแล้วสนุก เอกลักษณ์เฉพาะตัวคงเป็นรอยยิ้มกว้าง บางครั้งก็ยิ้มจนตาหยี หลังจากจบการรับน้อง ฉันก็เจอกับเขาอีกหลายครั้ง ช่วงที่เจอกันบ่อยที่สุดคงเป็นช่วงที่คณะบริหารมีงาน ‘สำเภาเกมส์’ เป็นการแข่งกีฬากันภายในคณะ และ ‘เขา’เป็นทั้งนักกีฬาบาสเกตบอล และนักกีฬาวอลเล่ย์บอล ส่วน‘ฉัน’เป็นแค่กองเชียร์อยู่ข้างสนาม ได้แต่คอยเชียร์ คอยมองเขาอยู่ห่างๆ
‘Byenior(บายเนียร์)’ งานที่จัดขึ้นเพื่อฉลองส่งท้ายให้กับรุ่นพี่ปี 4 ที่กำลังจบออกไป เป็นงานที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ภาพงานวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำของฉัน วันนั้นสายตาของฉันไม่ยอมละจากคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาตอนที่งานเกือบจะเริ่ม เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง สวมทับด้วยสูทสีดำ เดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขา รอยยิ้มน่ารักของเขาก็ยังปรากฏบนใบหน้าขาวๆเหมือนเดิม และฉันก็ยังคงความขี้ขลาดไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ฉันได้แค่มองเขา ไม่กล้าทัก ไม่กล้าเข้าใกล้ และ ยังไม่กล้าขอถ่ายรูปคู่ ฉันปล่อยโอกาสดีดีไปอีกแล้ว…
วันเวลาไหลผ่านไป จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน จากหนึ่งเดือนเป็นหนึ่งปี ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาปี 2 ของมหาวิทยาลัยแล้ว เปิดเทอมมาปุ๊บก็มีเรื่องรับน้องเข้ามา ทำให้ชีวิตวุ่นวาย แทบจะไม่มีเวลาทำอะไร แต่ไม่รู้ว่าเพราะฟ้าเล่นตลก หรือเพราะอะไร วันปลดวินัย พี่วินัยของสาขาฉันชวนน้องไปดื่มที่ร้านนั่งชิวแห่งหนึ่ง ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาก็มาด้วยก็ตอนที่เห็นเขาเดินมาชนแก้วที่โต๊ะของฉัน ความกล้าเกินตัวของฉันเกิดขึ้นเมื่อแอลกอฮอล์ไหลลงคอไปหลายแก้ว ฉันชวนเขาคุย ชวนเขาดื่ม ชวนเขาเต้น หลังจากวันนั้น ฉันก็ตัดสินใจจีบเขา สิ่งที่รู้สึกตอนนั้น คือ ฉันอยากเห็นหน้าเขาทุกวัน อยากใช้เวลากับเขาก่อนที่เขาจะเรียนจบ และ ไม่อยากให้เขาจากไปไหน ฉันเริ่มทักแชทไลน์เขาไป จนตอนนี้ฉันคุยกับเขาได้เกือบสองเดือนแล้ว เรามักจะคุยกันผ่านทางไลน์บ้าง ทางเฟสบ้าง บางทีก็เจอหน้ากัน
สิ่งที่ทำให้ฉันจีบเขา ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในคืนวันปลดวินัย แต่เป็นเพราะตัวของฉันละทิ้งอคติ ทิ้งความอาย ความกลัว ออกไป เลือกที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง ลองจีบเขาสักครั้ง ก่อนที่เขาจะจบไป เตรียมใจรับผลทั้งหมดที่จะตามมา ไม่ว่าจะสมหวัง หรือ ผิดหวัง ก็ไม่กลัว ฉันคิดเพียงแค่ว่า ตอนนี้ตอนที่เขาอยู่ฉันจะทำทุกสิ่ง ทุกวันให้ดีที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้มากที่สุด อยากทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ตอนนี้ชีวิตของฉันก็มีความสุขดี แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกเสียดายวัน เวลาตอนที่อยู่ปี 1 ทำไมฉันถึงไม่กล้าทักเขา ไม่กล้าคุยกับเขา ไม่กล้าไปจีบเขา จนตอนนี้เวลาที่ฉันจะได้อยู่กับเขาเหลือเพียงแค่เทอมสองเทอมสุดท้าย มันเป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด แต่ช่วงเวลานี้กลับมีค่ากับฉันมาก เพราะฉันไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันตกหลุมรัก และไม่รู้ว่าไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นหน้าผู้ชายคนที่ทำให้ฉันรักเขาหมดหัวใจ
เมื่ออาจารย์ให้แต่งเรียงความภาษาไทย
ขออัยที่ตั้งเป็นกระทู้คำถามนะคะเพราะดิฉันยังไม่ได้ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน เลยตั้งได้แค่กระทู้คำถามค่ะ
ถ้าผิดพลาดก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ นี่เป็นกระทู้แรก
เฟรชชี่ปี 1 จะไปมีความกล้าอะไรเป็นแค่น้องใหม่ของมหาวิทยาลัย อย่าว่าแต่คุย หรือแม้แต่จะมองหน้ารุ่นพี่ปี 3 ปี 4 เลย แค่พี่วินัยปี 2 ว๊ากทีเดียว พวกปี 1 ก็ก้มหน้าหัวหดกันเป็นแถว ครั้งแรกที่ฉันพบเขา คือ ตอนที่พี่ปี 2 ให้พี่ปี 3 มาแนะนำตัวกับน้องปี 1 ด้วยเพลง ‘พี่ชื่ออะไร’ ซึ่งรุ่นน้องต้องถามรุ่นพี่ว่า ‘พี่ชื่ออะไรคะ/ครับ’ ส่วนรุ่นพี่ก็จะบอกชื่อ พร้อมกับเต้น พี่ปี 3 หลายคนผลัดกันออกมาแนะนำตัว เต้นโชว์น้องด้วยท่าเต้นแปลกๆ แต่ที่สะดุดตา สะดุดใจฉันที่สุดเห็นจะเป็น ผู้ชายตัวสูง ผิวขาว มีรอยยิ้มกระชากใจสาวๆ เขาแนะนำตัวและเต้นเบาๆ แต่เขาจะรู้ไหมว่าได้เอาใจฉันไปแล้วทั้งดวง
เขาน่ารักมาก เป็นกันเองกับทุกคน เป็นผู้ชายที่คุยด้วยแล้วสนุก เอกลักษณ์เฉพาะตัวคงเป็นรอยยิ้มกว้าง บางครั้งก็ยิ้มจนตาหยี หลังจากจบการรับน้อง ฉันก็เจอกับเขาอีกหลายครั้ง ช่วงที่เจอกันบ่อยที่สุดคงเป็นช่วงที่คณะบริหารมีงาน ‘สำเภาเกมส์’ เป็นการแข่งกีฬากันภายในคณะ และ ‘เขา’เป็นทั้งนักกีฬาบาสเกตบอล และนักกีฬาวอลเล่ย์บอล ส่วน‘ฉัน’เป็นแค่กองเชียร์อยู่ข้างสนาม ได้แต่คอยเชียร์ คอยมองเขาอยู่ห่างๆ
‘Byenior(บายเนียร์)’ งานที่จัดขึ้นเพื่อฉลองส่งท้ายให้กับรุ่นพี่ปี 4 ที่กำลังจบออกไป เป็นงานที่ทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง ภาพงานวันนั้นยังอยู่ในความทรงจำของฉัน วันนั้นสายตาของฉันไม่ยอมละจากคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาตอนที่งานเกือบจะเริ่ม เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง สวมทับด้วยสูทสีดำ เดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขา รอยยิ้มน่ารักของเขาก็ยังปรากฏบนใบหน้าขาวๆเหมือนเดิม และฉันก็ยังคงความขี้ขลาดไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ฉันได้แค่มองเขา ไม่กล้าทัก ไม่กล้าเข้าใกล้ และ ยังไม่กล้าขอถ่ายรูปคู่ ฉันปล่อยโอกาสดีดีไปอีกแล้ว…
วันเวลาไหลผ่านไป จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งเดือน จากหนึ่งเดือนเป็นหนึ่งปี ตอนนี้ฉันเป็นนักศึกษาปี 2 ของมหาวิทยาลัยแล้ว เปิดเทอมมาปุ๊บก็มีเรื่องรับน้องเข้ามา ทำให้ชีวิตวุ่นวาย แทบจะไม่มีเวลาทำอะไร แต่ไม่รู้ว่าเพราะฟ้าเล่นตลก หรือเพราะอะไร วันปลดวินัย พี่วินัยของสาขาฉันชวนน้องไปดื่มที่ร้านนั่งชิวแห่งหนึ่ง ฉันเพิ่งรู้ว่าเขาก็มาด้วยก็ตอนที่เห็นเขาเดินมาชนแก้วที่โต๊ะของฉัน ความกล้าเกินตัวของฉันเกิดขึ้นเมื่อแอลกอฮอล์ไหลลงคอไปหลายแก้ว ฉันชวนเขาคุย ชวนเขาดื่ม ชวนเขาเต้น หลังจากวันนั้น ฉันก็ตัดสินใจจีบเขา สิ่งที่รู้สึกตอนนั้น คือ ฉันอยากเห็นหน้าเขาทุกวัน อยากใช้เวลากับเขาก่อนที่เขาจะเรียนจบ และ ไม่อยากให้เขาจากไปไหน ฉันเริ่มทักแชทไลน์เขาไป จนตอนนี้ฉันคุยกับเขาได้เกือบสองเดือนแล้ว เรามักจะคุยกันผ่านทางไลน์บ้าง ทางเฟสบ้าง บางทีก็เจอหน้ากัน
สิ่งที่ทำให้ฉันจีบเขา ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในคืนวันปลดวินัย แต่เป็นเพราะตัวของฉันละทิ้งอคติ ทิ้งความอาย ความกลัว ออกไป เลือกที่จะทำตามหัวใจของตัวเอง ลองจีบเขาสักครั้ง ก่อนที่เขาจะจบไป เตรียมใจรับผลทั้งหมดที่จะตามมา ไม่ว่าจะสมหวัง หรือ ผิดหวัง ก็ไม่กลัว ฉันคิดเพียงแค่ว่า ตอนนี้ตอนที่เขาอยู่ฉันจะทำทุกสิ่ง ทุกวันให้ดีที่สุด เก็บเกี่ยวความสุขไว้ให้มากที่สุด อยากทำอะไรก็รีบทำ ก่อนที่มันจะสายเกินไป
ตอนนี้ชีวิตของฉันก็มีความสุขดี แต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก็รู้สึกเสียดายวัน เวลาตอนที่อยู่ปี 1 ทำไมฉันถึงไม่กล้าทักเขา ไม่กล้าคุยกับเขา ไม่กล้าไปจีบเขา จนตอนนี้เวลาที่ฉันจะได้อยู่กับเขาเหลือเพียงแค่เทอมสองเทอมสุดท้าย มันเป็นเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด แต่ช่วงเวลานี้กลับมีค่ากับฉันมาก เพราะฉันไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นรอยยิ้มที่ทำให้ฉันตกหลุมรัก และไม่รู้ว่าไหนจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นหน้าผู้ชายคนที่ทำให้ฉันรักเขาหมดหัวใจ