ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมมองหารถมือสอง7ที่นั่งอยู่ หลังจากที่ขายนิสสัน นาวาร่า4ประตูออกไป
ทีแรกก็มองมิตซูบิชิ สเปซแวก้อนมือสอง สวยดี เหมาะกับการเป็นรถครอบครัว
แต่คิดอีกที มันเริ่มจะเก่ามากละ แถมไม่ค่อยลุยเท่าไหร่ รูดถนนปุๆปะๆอย่างถนนบ้านเราไม่ค่อยดี ผมก็เลยตัดออกไป มองหาIsuzu Mu7แทน
ก็มาพิจารณาดู ก็จะพบว่าMu7นั้น มีหลายราคา หลากรุ่นด้วยกัน เพราะมันออกมาหลายปีแล้ว ราคาก็มีตั้งแต่3แสนกว่าๆไปจนถึง7แสนกว่า
แต่พอคิดให้เยอะอีกที ก็เห็นรถอยู่ค่ายนึงที่ยังเป็นโฉมใหม่ แถมยังไม่ตกรุ่นซะด้วย และราคาก็พอกันกับเจ้าIsuzu Mu7ซะด้วย
นั่นก็คือChevrolet Trailblazer ครับ
ผมก็เริ่มศึกษาละว่ามันมีรุ่นอะไรบ้าง แล้วราคาเท่าไหร่ ก็พบว่าถ้าเป็นตัวต่ำสุดคือเครื่อง2500cc.ราคาก็จะตกราว5แสนกว่าๆเท่านั้น
ส่วนรุ่นTop รองTop โฟร์วีลล์ ก็จะมีตั้งแต่7แสนขึ้นไปยันหลัก8-9แสนแล้วแต่ปี
ซึ่งในความคิดของผมในการเลือกซื้อรถมือสองของผมเนี่ย ผมจะมองแต่รถที่ตลาดไม่นิยม ที่ราคาตกครับ ซึ่งมันก็เลยมาตกอยู่กับเจ้าเชฟโรเล็ต เทรลเบลเซอร์ตัวนี้
ส่วนเรื่องข่าวปัญหาต่างๆของรถยี่ห้อนี้ ก็จะพบว่าส่วนใหญ่ มักจะมีแต่ในพวกรถรุ่นเครื่องเบนซินเท่านั้น เช่นแคปติว่า หรือครูซอะไรนั่นซะมากกว่า
พวกเครื่องดีเซลอย่างโคโรลาโด้ หรือเทรลเบลเซอร์ แทบจะไม่ได้ยินว่าจะพบปัญหา หรือจะมี ก็นานๆจะมีมาที
ก็ไม่ต่างอะไรกับรถยอดนิยมล่ะครับ ซึ่งมันย่อมที่จะมีหลุดรอดQcออกมาบ้าง
แล้วจากการที่นั่งเฝ้าหน้าจอคอม ผมมองหารถรุ่นนี้มานานหลายเดือน บอกตามตรงว่าหายากชะมัด เพราะมันเป็นรถที่ตลาดไม่นิยมนี่ จะให้มีมือสองเยอะได้ไง
ไอ้ที่ประกาศขายในเวปตลาดรถ หรือขายดี ก็จะมีแต่พวกเต๊นท์จับมาขายกันทั้งนั้น ซึ่งราคาก็มักจะแรง ซึ่งผมก็เข้าใจนะว่าเป็นอาชีพของเขาที่ต้องการทำกำไร
แม้จะเป็นเต๊นท์ก็เหอะ ผมก็ไม่เกี่ยงนะ ผมก็ไปดู ต่อราคาแล้วนะ แต่จบกันไม่ได้ซักคัน บางคันผมสู้ราคาสูงสุดก็แค่8แสนบาทเท่านั้นแหละ
ซึ่งถ้าแพงมากกว่านี้ ไปคว้าฟอร์จูนเนอรปี12มาจะดีกว่า
หรือบางที ก็มีประกาศเป็นรถบ้านแท้ๆนะ ตั้งราคาก็ไม่ได้แพงเว่อ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน มีคนคว้าตัดหน้าผมไปซะก่อนแล้ว
ดูมานาน หาจนเริ่มท้อ จนคิดจะซื้อรถใหม่ซะให้ดูแล้วรู้แร่ดไปเลย และแล้ว คราวนี้ก็ได้พบเนื้อคู่กันเสียที แถมมากันพร้อมกันสองคันเลย
เป็นรถบ้านที่ใช้เองด้วยกันทั้งสองคัน แล้วก็อยู่ต่างจังหวัดด้วยกันทั้งคู่อีก คันนึงอยู่ขอนแก่น อีกคันนึงอยู่ภูเก็ต
ผมโทรคุยกันถามถึงสภาพ ดูรูปทางLine กันทั้งสองคัน และต่อรองราคาสุดไปเลยว่าได้เท่าไหร่แม้จะยังไม่เห็นรถจริงๆก็ตาม เพราะรถอยู่ไกล ไปถึงแล้ว ไม่ต้องต่อราคากันอีก
แล้วผมก็โทรเช็ครายละเอียดกับทางศูนย์ว่ารถแต่ละคันเข้าศูนย์ครั้งหลังสุดเมื่อไหร่ เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นไหนไปบ้าง สอดคล้องกับระยะทางที่แต่ละเจ้าให้ขอมูลมาว่าวิ่งเท่านั้นวิ่งเท่านี้จริงหรือเปล่า
แล้วผมก็เสิร์ชหาในกูเกิ้ลกับรถทะเบียนนี้ๆว่ามีอุบัติเหตุอะไรจนอกข่าวหรือไม่ ซึ่งถึงแม้ว่าอาจจะคาดหวังอะไรไม่ได้ หาข้อมูลไม่เจอ แต่ก็ดีกว่าไม่เช็คอะไรเลย
เสร็จแล้วผมก็ให้อีกล็อกอินถามคห.จากเพื่อนๆดูเป็นแนวทาง ดีกว่านั่งคิดเอง เออเองคนเดียว คราวนี้ก็ตัดสินใจเลือกละว่าจะเอาคันไหน
1.รถขอนแก่น6.6แสนบาทรถอายุ3ปีพอดิบพอดี วิ่งมาแล้ว8หมื่นกว่ากม.หมดวารันตีแล้ว รถเดิมๆ มีรอยต้องเก็บสีนิดหน่อย ยางและล้อจะต้องเปลี่ยน
2.รถภูเก็ต ราคา7.5แสนบาท รถเดิม แต่งเครื่องเสียงทีวีมาพร้อม อายุรถ2ปีครึ่ง วิ่งมาแล้ว5หมื่นกม.เศษ เหลือวารันตีรถอีกประมาณ6เดือน ยางและล้อยังใช้ได้อยู่
แล้วการตัดสินใจก็มาลงเอยคันที่อยู่ในภูเก็ตครับ เป็นรถที่อุปกรณ์ออฟชั่นพร้อม ทีวีหน้าหลัง กล้องมองหลัง
เพราะผมเอาราคารถของขอนแก่นที่ถูกกว่าคันภูเก็ต9หมื่นบาท แต่ถ้าเอามาหักกลบลบอะไรต่อมิอะไรออกไปอีก ไม่ว่าจะเป็นต่อทะเบียนเอง8พันบาท
เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยางที่ใกล้จะหมดสภาพอีกเกือบ4หมื่นบาท ค่าเก็บทำสีอีกตีซะว่า3พันบาท แล้วถ้าต้องมาซื้อฟร้อนท์ใหม่ ติดทีวีเข้าไปอีก ก็เท่ากับว่าแพงกว่าคันที่อยู่ขอนแก่นเพียงแค่3หมื่นบาทเท่านั้น
แล้วการเลือกรถที่แพงกว่า3หมื่นบาทอีกข้อนึงที่ได้จากเพื่อนๆช่วยแชร์ความคิดก็คือ
รถภูเก็ตวิ่งน้อยกว่า3หมื่นกิโล แถมยังเหลือวารันตีอีกครึ่งปี
ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกรถคันนี้ อย่างน้อยเผื่อมันเอ๊กซิเด็นอะไรขึ้นมา ก็เอารถเข้าศูนย์เคลมละวะ
ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเงินก็คือรถคันนี้เหลือผ่อนอีก30งวด ซึ่งผมจะต้องจ่ายเป็นเงิน5.2แสนบาท และจ่ายค่าเงินดาวน์ให้กับเจ้าของรถอีก2.3แสนบาท
แต่สิ่งที่ทำให้ผมเสียดายก็คือ รถคันนี้สามารถผ่อนต่อได้ทันทีโดยไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งถ้าผมสามารถเอาคนมาค้ำประกันผมได้ ผมก็จะจ่ายเพียงแค่เดือนละ17000บาทเศษ อีก28งวดเท่านั้น(ต้องจ่ายล่วงหน้าสองเดือน) รวมเป็นเงิน5.2แสนบาท
แต่ผมต้องจ่ายเงินสด5.2แสนไปแทน เพราะผมไม่ได้เอาคนค้ำไป ด้วยเหตุผลเพราะ
1.เกรงใจคนค้ำประกัน เพราะจะต้องไปเซ็นต์เอกสารถึงภูเก็ตสถานเดียว ก็เลยตัดสินใจจ่ายเงินสดไป
2.หากสภาพไม่เป็นไปตามที่คุย ผมจะได้ลำบากถ่อสังขารกลับบ้านมือเปล่าคนเดียว โดยที่ไม่ต้องทำให้คนอื่นต้องมาเซ็งกับผมด้วย
อ่ะมาที่รถครับ พอได้เจอกับเจ้าของรถตัวจริง ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยเกือบ40 สาธยายว่ารถซื้อมาเท่าไหร่ ติดเครื่องเสียง พร้อมทีวีติดผนังไปแสนนึงนะ
แต่ผมดูแล้ว ให้ราคาแค่3-4หมื่นบาทเท่านั้นแหละ เพราะดูมียี่ห้อเพียงแค่ฟรอนท์เคนวูดเท่านั้นแหละ
พวกแอมป์อะไรนั่น โนเนมครับ แต่ผมไม่อยากจะทัก เพราะเจ๊แกอาจจะถูกสามีแกเม้มเงินตอนเอารถไปติดเครื่องเสียง ทำแค่3หมื่น แต่บอกว่าเจ๊ทำมาแสนนึง5555555
แต่เรื่องเครื่องเสียง ผมไม่ได้สนใจให้ราคานักหรอกครับ แค่มองเป็นของแถมเท่านั้นแหละ ได้ก็ดี ไม่มีก็ได้ เพราะผมให้น้ำหนักที่สภาพรถมากกว่า
สภาพรถโดยรวม ดูแล้วไม่ว่าจะเป็นตะเข็บตัวถังรถ เครื่องยนต์ โอเคครับ สภาพดีเกินกว่า90%
มีข้อตำหนิเพียงแค่สี รอยขีดข่วนที่ประตูเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร เด๋วเอาประกันภัยที่เหลืออยู่ครึ่งปีไปเคลมเอา
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ให้คาร์แคร์เก็บรอยให้ได้ หายเกือบเกลี้ยงเลยครับ (หลงเหลือนิดหน่อย เพราะกินเนื้อเยอะไปนิด)
มาถึงการขับขี่ ก็โอเคดีครับ มีข้อตำหนิที่พวงมาลัยค่อนข้างจะหนัก ซึ่งเช็คดูแล้วพบว่าเทรลเบลเซอร์จะเป็นแบบนี้ทุกคัน
อัตราการกินน้ำมันสำหรับรุ่นนี้ ที่ผมขับมาจากภูเก็ตถึงกรุงเทพ เหยียบโดยความเร็ว120-140 จับกี่ครั้ง กี่ทีก็ตกประมาณ9.5กม/ลิตรครับ
ก็ไม่มีอะไรจะแชร์แล้วครับ แค่อยากจะอวดเฉยๆว่า ผมซื้อรถมือสองคันนึง ถ่อไกลถึงภูเก็ตครับ
และการไปซื้อรถมือสองครั้งนี้ ครอบครัวผม พ่อแม่พี่น้องของผม ไม่มีใครทราบว่าผมไปไหนครับ เพราะผมบอกแค่ว่าไม่อยู่บ้านสองวันนะ
แล้วแต่ละคนก็คิดไปต่างๆนานาว่าแอบหนีไปเที่ยวกะกิ๊กเกิ๊กผู้หญิงที่ไหนแหงๆ
เหตุที่ผมไม่อยากจะบอกก็คือ ผมไปซื้อรถมือสองครับ กลัวว่าจะไม่ได้รถกลับมาแล้ว จะทำให้แต่ละคนเสียความรู้สึกกัน และไปดูคันอื่นที่อยู่ตจว.ยากเข้าไปอีก
ก็มีแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ ที่อ่านกระทู้ผม
หนีเมียไปภูเก็ต ซื้อรถมือสอง
ทีแรกก็มองมิตซูบิชิ สเปซแวก้อนมือสอง สวยดี เหมาะกับการเป็นรถครอบครัว
แต่คิดอีกที มันเริ่มจะเก่ามากละ แถมไม่ค่อยลุยเท่าไหร่ รูดถนนปุๆปะๆอย่างถนนบ้านเราไม่ค่อยดี ผมก็เลยตัดออกไป มองหาIsuzu Mu7แทน
ก็มาพิจารณาดู ก็จะพบว่าMu7นั้น มีหลายราคา หลากรุ่นด้วยกัน เพราะมันออกมาหลายปีแล้ว ราคาก็มีตั้งแต่3แสนกว่าๆไปจนถึง7แสนกว่า
แต่พอคิดให้เยอะอีกที ก็เห็นรถอยู่ค่ายนึงที่ยังเป็นโฉมใหม่ แถมยังไม่ตกรุ่นซะด้วย และราคาก็พอกันกับเจ้าIsuzu Mu7ซะด้วย
นั่นก็คือChevrolet Trailblazer ครับ
ผมก็เริ่มศึกษาละว่ามันมีรุ่นอะไรบ้าง แล้วราคาเท่าไหร่ ก็พบว่าถ้าเป็นตัวต่ำสุดคือเครื่อง2500cc.ราคาก็จะตกราว5แสนกว่าๆเท่านั้น
ส่วนรุ่นTop รองTop โฟร์วีลล์ ก็จะมีตั้งแต่7แสนขึ้นไปยันหลัก8-9แสนแล้วแต่ปี
ซึ่งในความคิดของผมในการเลือกซื้อรถมือสองของผมเนี่ย ผมจะมองแต่รถที่ตลาดไม่นิยม ที่ราคาตกครับ ซึ่งมันก็เลยมาตกอยู่กับเจ้าเชฟโรเล็ต เทรลเบลเซอร์ตัวนี้
ส่วนเรื่องข่าวปัญหาต่างๆของรถยี่ห้อนี้ ก็จะพบว่าส่วนใหญ่ มักจะมีแต่ในพวกรถรุ่นเครื่องเบนซินเท่านั้น เช่นแคปติว่า หรือครูซอะไรนั่นซะมากกว่า
พวกเครื่องดีเซลอย่างโคโรลาโด้ หรือเทรลเบลเซอร์ แทบจะไม่ได้ยินว่าจะพบปัญหา หรือจะมี ก็นานๆจะมีมาที
ก็ไม่ต่างอะไรกับรถยอดนิยมล่ะครับ ซึ่งมันย่อมที่จะมีหลุดรอดQcออกมาบ้าง
แล้วจากการที่นั่งเฝ้าหน้าจอคอม ผมมองหารถรุ่นนี้มานานหลายเดือน บอกตามตรงว่าหายากชะมัด เพราะมันเป็นรถที่ตลาดไม่นิยมนี่ จะให้มีมือสองเยอะได้ไง
ไอ้ที่ประกาศขายในเวปตลาดรถ หรือขายดี ก็จะมีแต่พวกเต๊นท์จับมาขายกันทั้งนั้น ซึ่งราคาก็มักจะแรง ซึ่งผมก็เข้าใจนะว่าเป็นอาชีพของเขาที่ต้องการทำกำไร
แม้จะเป็นเต๊นท์ก็เหอะ ผมก็ไม่เกี่ยงนะ ผมก็ไปดู ต่อราคาแล้วนะ แต่จบกันไม่ได้ซักคัน บางคันผมสู้ราคาสูงสุดก็แค่8แสนบาทเท่านั้นแหละ
ซึ่งถ้าแพงมากกว่านี้ ไปคว้าฟอร์จูนเนอรปี12มาจะดีกว่า
หรือบางที ก็มีประกาศเป็นรถบ้านแท้ๆนะ ตั้งราคาก็ไม่ได้แพงเว่อ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน มีคนคว้าตัดหน้าผมไปซะก่อนแล้ว
ดูมานาน หาจนเริ่มท้อ จนคิดจะซื้อรถใหม่ซะให้ดูแล้วรู้แร่ดไปเลย และแล้ว คราวนี้ก็ได้พบเนื้อคู่กันเสียที แถมมากันพร้อมกันสองคันเลย
เป็นรถบ้านที่ใช้เองด้วยกันทั้งสองคัน แล้วก็อยู่ต่างจังหวัดด้วยกันทั้งคู่อีก คันนึงอยู่ขอนแก่น อีกคันนึงอยู่ภูเก็ต
ผมโทรคุยกันถามถึงสภาพ ดูรูปทางLine กันทั้งสองคัน และต่อรองราคาสุดไปเลยว่าได้เท่าไหร่แม้จะยังไม่เห็นรถจริงๆก็ตาม เพราะรถอยู่ไกล ไปถึงแล้ว ไม่ต้องต่อราคากันอีก
แล้วผมก็โทรเช็ครายละเอียดกับทางศูนย์ว่ารถแต่ละคันเข้าศูนย์ครั้งหลังสุดเมื่อไหร่ เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นไหนไปบ้าง สอดคล้องกับระยะทางที่แต่ละเจ้าให้ขอมูลมาว่าวิ่งเท่านั้นวิ่งเท่านี้จริงหรือเปล่า
แล้วผมก็เสิร์ชหาในกูเกิ้ลกับรถทะเบียนนี้ๆว่ามีอุบัติเหตุอะไรจนอกข่าวหรือไม่ ซึ่งถึงแม้ว่าอาจจะคาดหวังอะไรไม่ได้ หาข้อมูลไม่เจอ แต่ก็ดีกว่าไม่เช็คอะไรเลย
เสร็จแล้วผมก็ให้อีกล็อกอินถามคห.จากเพื่อนๆดูเป็นแนวทาง ดีกว่านั่งคิดเอง เออเองคนเดียว คราวนี้ก็ตัดสินใจเลือกละว่าจะเอาคันไหน
1.รถขอนแก่น6.6แสนบาทรถอายุ3ปีพอดิบพอดี วิ่งมาแล้ว8หมื่นกว่ากม.หมดวารันตีแล้ว รถเดิมๆ มีรอยต้องเก็บสีนิดหน่อย ยางและล้อจะต้องเปลี่ยน
2.รถภูเก็ต ราคา7.5แสนบาท รถเดิม แต่งเครื่องเสียงทีวีมาพร้อม อายุรถ2ปีครึ่ง วิ่งมาแล้ว5หมื่นกม.เศษ เหลือวารันตีรถอีกประมาณ6เดือน ยางและล้อยังใช้ได้อยู่
แล้วการตัดสินใจก็มาลงเอยคันที่อยู่ในภูเก็ตครับ เป็นรถที่อุปกรณ์ออฟชั่นพร้อม ทีวีหน้าหลัง กล้องมองหลัง
เพราะผมเอาราคารถของขอนแก่นที่ถูกกว่าคันภูเก็ต9หมื่นบาท แต่ถ้าเอามาหักกลบลบอะไรต่อมิอะไรออกไปอีก ไม่ว่าจะเป็นต่อทะเบียนเอง8พันบาท
เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนยางที่ใกล้จะหมดสภาพอีกเกือบ4หมื่นบาท ค่าเก็บทำสีอีกตีซะว่า3พันบาท แล้วถ้าต้องมาซื้อฟร้อนท์ใหม่ ติดทีวีเข้าไปอีก ก็เท่ากับว่าแพงกว่าคันที่อยู่ขอนแก่นเพียงแค่3หมื่นบาทเท่านั้น
แล้วการเลือกรถที่แพงกว่า3หมื่นบาทอีกข้อนึงที่ได้จากเพื่อนๆช่วยแชร์ความคิดก็คือ
รถภูเก็ตวิ่งน้อยกว่า3หมื่นกิโล แถมยังเหลือวารันตีอีกครึ่งปี
ซึ่งตรงนี้แหละที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกรถคันนี้ อย่างน้อยเผื่อมันเอ๊กซิเด็นอะไรขึ้นมา ก็เอารถเข้าศูนย์เคลมละวะ
ส่วนเรื่องรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับเงินก็คือรถคันนี้เหลือผ่อนอีก30งวด ซึ่งผมจะต้องจ่ายเป็นเงิน5.2แสนบาท และจ่ายค่าเงินดาวน์ให้กับเจ้าของรถอีก2.3แสนบาท
แต่สิ่งที่ทำให้ผมเสียดายก็คือ รถคันนี้สามารถผ่อนต่อได้ทันทีโดยไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งถ้าผมสามารถเอาคนมาค้ำประกันผมได้ ผมก็จะจ่ายเพียงแค่เดือนละ17000บาทเศษ อีก28งวดเท่านั้น(ต้องจ่ายล่วงหน้าสองเดือน) รวมเป็นเงิน5.2แสนบาท
แต่ผมต้องจ่ายเงินสด5.2แสนไปแทน เพราะผมไม่ได้เอาคนค้ำไป ด้วยเหตุผลเพราะ
1.เกรงใจคนค้ำประกัน เพราะจะต้องไปเซ็นต์เอกสารถึงภูเก็ตสถานเดียว ก็เลยตัดสินใจจ่ายเงินสดไป
2.หากสภาพไม่เป็นไปตามที่คุย ผมจะได้ลำบากถ่อสังขารกลับบ้านมือเปล่าคนเดียว โดยที่ไม่ต้องทำให้คนอื่นต้องมาเซ็งกับผมด้วย
อ่ะมาที่รถครับ พอได้เจอกับเจ้าของรถตัวจริง ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยเกือบ40 สาธยายว่ารถซื้อมาเท่าไหร่ ติดเครื่องเสียง พร้อมทีวีติดผนังไปแสนนึงนะ
แต่ผมดูแล้ว ให้ราคาแค่3-4หมื่นบาทเท่านั้นแหละ เพราะดูมียี่ห้อเพียงแค่ฟรอนท์เคนวูดเท่านั้นแหละ
พวกแอมป์อะไรนั่น โนเนมครับ แต่ผมไม่อยากจะทัก เพราะเจ๊แกอาจจะถูกสามีแกเม้มเงินตอนเอารถไปติดเครื่องเสียง ทำแค่3หมื่น แต่บอกว่าเจ๊ทำมาแสนนึง5555555
แต่เรื่องเครื่องเสียง ผมไม่ได้สนใจให้ราคานักหรอกครับ แค่มองเป็นของแถมเท่านั้นแหละ ได้ก็ดี ไม่มีก็ได้ เพราะผมให้น้ำหนักที่สภาพรถมากกว่า
สภาพรถโดยรวม ดูแล้วไม่ว่าจะเป็นตะเข็บตัวถังรถ เครื่องยนต์ โอเคครับ สภาพดีเกินกว่า90%
มีข้อตำหนิเพียงแค่สี รอยขีดข่วนที่ประตูเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร เด๋วเอาประกันภัยที่เหลืออยู่ครึ่งปีไปเคลมเอา
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ให้คาร์แคร์เก็บรอยให้ได้ หายเกือบเกลี้ยงเลยครับ (หลงเหลือนิดหน่อย เพราะกินเนื้อเยอะไปนิด)
มาถึงการขับขี่ ก็โอเคดีครับ มีข้อตำหนิที่พวงมาลัยค่อนข้างจะหนัก ซึ่งเช็คดูแล้วพบว่าเทรลเบลเซอร์จะเป็นแบบนี้ทุกคัน
อัตราการกินน้ำมันสำหรับรุ่นนี้ ที่ผมขับมาจากภูเก็ตถึงกรุงเทพ เหยียบโดยความเร็ว120-140 จับกี่ครั้ง กี่ทีก็ตกประมาณ9.5กม/ลิตรครับ
ก็ไม่มีอะไรจะแชร์แล้วครับ แค่อยากจะอวดเฉยๆว่า ผมซื้อรถมือสองคันนึง ถ่อไกลถึงภูเก็ตครับ
และการไปซื้อรถมือสองครั้งนี้ ครอบครัวผม พ่อแม่พี่น้องของผม ไม่มีใครทราบว่าผมไปไหนครับ เพราะผมบอกแค่ว่าไม่อยู่บ้านสองวันนะ
แล้วแต่ละคนก็คิดไปต่างๆนานาว่าแอบหนีไปเที่ยวกะกิ๊กเกิ๊กผู้หญิงที่ไหนแหงๆ
เหตุที่ผมไม่อยากจะบอกก็คือ ผมไปซื้อรถมือสองครับ กลัวว่าจะไม่ได้รถกลับมาแล้ว จะทำให้แต่ละคนเสียความรู้สึกกัน และไปดูคันอื่นที่อยู่ตจว.ยากเข้าไปอีก
ก็มีแค่นี้ครับ ขอบคุณครับ ที่อ่านกระทู้ผม