ทริปนี้เกิดจากชักชวนเพื่อนในกลุ่มแบกเป้เที่ยว
นักเดินทางหลายคนคงจะคุ้นเคยกับกลุ่มนี้เป็นอย่างดี
เราจะพาทุกคนไปสัมผัสบ้านพักฟาร์มสเตย์ดีไซน์บ้านไร่
บ้านพักหลังน้อยที่กลมกลืนไปด้วยธรรมชาติ
อบอุ่นไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ซ่อนตัวอยู่ที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง
ที่นี่ครับ
"บ้านไร่ ไออรุณ"
เราออกเดินทางด้วยรถทัวร์ขึ้นกันที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
ทริปนี้เรานัดกันไป 5 คน
แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัดเลยถอนตัวกันไปเยอะ
เหลือเพียงแค่เราสองคน ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าสวีทไปปะวะ ฮ่าๆๆ
เป้าหมายที่เราวางไว้ยังคงเดินทางกันต่อ
จุดหมายปลายทางแรกอยู่ที่ จ.พังงา
เราจะไปล่องเรือดูงูกันที่คลองสังเน่ห์ครับ
เราถึงกันแต่เช้าตรู่ที่บขส.ตะกั่วป่า
หลังจากงัวเงียจนได้ที่
เราก็ล้างหน้าแปรงฟันกันที่ห้องน้ำบขส.นี่เลยครับ
กินข้าวเติมพลังกันเสร็จ
เดินไปขึ้นพี่วินเพื่อต่อไปยังคลองสังเน่ห์
เราได้ราคาต่อเที่ยวไปกลับ 30 บาทครับ
นี่เราออกกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า
งูมันจะตื่นยังเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
เรามาถึงกันเช้ามาก
น้ำยังน้อยอยู่เลยครับ
สำหรับการล่องเรือที่นี่
จะมีอยู่สองแบบด้วยกันนั่งได้ 2 คน
คือเรือยางราคา 500 บาท และเรือเครื่อง ราคา 700 บาทครับ
นั่งรอกันไปสักพักใหญ่ๆ
เจ้าหน้าที่ประจำที่นี่ก็มาต้อนรับพวกเราแล้วครับ
เส้นทางในการเที่ยวล่องเรือในคลองสังเน่ห์นี้
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พร้อมแล้วก็ไปกันเลยครับ
ตลอดเส้นทางในคลองสังเน่ห์
เราจะพบกับต้นไทรขนาดใหญ่อยู่เต็มไปหมด
ถ้าโชคดีเราจะได้เจอนกเงือก
แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างพวกเราอดเจอครับ
ที่นี่มีระบบนิเวศค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
บรรยากาศคล้ายป่าโบราณจนได้รับฉายาว่า "ลิตเติ้ลอเมซอน" ครับ
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพบางส่วนของที่นี่
เพราะหนังเรื่องพี่มากพระโขนงก็มาถ่ายทำกันที่นี่แหละครับ
แล้วสิ่งที่เราอยากเจอ
ก็มาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
งูตัวแรกที่เราเห็น "งูปล้องทอง" ครับ
สีสันของมันสวยงามน่าดู เด่นเป็นสง่าตัดกับสีต้นไม้เลยครับ
แล้วงูตัวที่สองก็โผล่มาให้เราเห็น
"งูเขียวหางไหม้" งูตัวนี้ทำให้เราตื่นเต้นที่สุด
ด้วยลำตัวของมันยาวเกือบสองเมตรเลยครับ
ระหว่างล่องเรือเราก็สงสัย
ว่าทำไมงูต้องมาขดตัวนอนเกาะอยู่ตามต้นไม้
ลุงเล่าให้เราฟังว่างูที่นี่มันจะมานอนรับแสงแดด
ที่สำคัญเลยคือมันมาหลบงูจงอาง ถ้างูจงอางโผล่มามันจะโดดลงน้ำทันทีครับ
แล้วแบบนี้มันจะโดดลงน้ำมามั๊ยลุง
รีบไปกันต่อดีกว่าครับ เริ่มเสียว ฮ่าๆๆๆ
พวกเรากลับมาอย่างปลอดภัยครับ
ลุงยังบอกพวกเราว่างูมันไม่ทำอะไรเราหรอก
ถ้าเราไม่ไปทำร้ายมัน
สำหรับใครคิดจะมาล่องเรือที่นี่สบายใจได้ครับ
หลังจากตื่นเต้นกับงูกันไปแล้ว
ไฮไลท์ของเราในทริปนี้คือการได้มานอนพักผ่อนกันที่บ้านไร่ ไออรุณนี่แหละครับ
รอเวลารถมาพวกเราจะนั่งกันต่อไปที่อำเภอกะเปอร์
ไม่ใกล้ไม่ไกลครับแค่ 100 กว่ากิโลเอง หลับกันต่อครับ
หลับไปพักใหญ่
เราก็มาลงรถแถวสี่แยกบ้านนา อำเภอกะเปอร์
รอคุณเบส เจ้าของบ้านไร่ ไออรุณมารับครับ
แล้วการพักผ่อนของเราก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่
สัมผัสแรกที่เรารู้สึกได้เลย
บ้านไร่แห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติครับ
ผักสีเขียวปลอดสารพิษ ต้นไม้สีสันสวยงามขึ้นเต็มไปหมดทั่วทุกพื้นที่
เรือนรับรองสำหรับทุกคนที่มาเยี่ยมชมครับ
ดอกต้อยติ่งครับ ดอกนี้จะบานในตอนเช้า
และจะหุบลงตอนบ่าย ๆ เมื่อแดดจัดครับ
เจ้านี่เป็นดอกมอร์นิ่งกลอรี่
ดอกไม้สัญลักษณ์ประจำบ้านไร่
คุณเบสบอกกับเราว่าต้องการให้ดอกไม้ในพื้นที่นี้
เป็นพื้นที่แห่งรักมากกว่าคิดว่าเป็นบ้านที่มาพักอาศัย ฟังแล้วก็โรแมนติกสุด ๆ ครับ
มาถึงกันเหนื่อย ๆ
มีน้ำอัญชันผสมมะนาวมาเสริฟรอต้อนรับ
กินแล้วหายเหนื่อย สดชื่นอร่อยมากครับ
มื้อเที่ยงของเราครับ
ข้าวผัดต้มยำห่อใบตองหอมสุด ๆ
จากนั้นเราไปเก็บกระเป๋าเข้าสู่บ้านพัก
เราได้พักกันที่บ้านพราวตะวันครับ
บ้านหลังนี้เหมาะกับวัยรุ่นหน่อย ๆ
เนื่องจากสภาพบ้านต้องปีนขึ้นบันไดค่อนข้างชันครับ
ที่นอนของเราอยู่ชั้นบนสุด
วิวริมหน้าต่างเขียวขจีสุด ๆ ครับ
ส่วนเพื่อนเรานอนชั้นสองครับ
ประตูบ้านหลังนี้เป็นแบบนี้ครับ
เวลาปิดประตูหน้าตาจะเป็นแบบนี้
ให้อารมณ์ย้อนยุคที่คลาสสิคน่าดูครับ
แล้วเราก็เดินสำรวจรอบบ้าน
บรรยากาศเย็นสบายตา
ที่เห็นกันอยู่ไกล ๆ บ้านหลังนั้นชื่อ "บ้านละอองดาว" ครับ
ที่นี่ยังปลูกต้นพลับพลึงธารไว้
เป็นพืชน้ำหนึ่งเดียวในโลก
ที่เดียวในประเทศไทย ที่อยู่ในจังหวัดระนองครับ
พืชน้ำต้นนี้จะบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์
ของระบบนิเวศน์ที่ดีในบ้านไร่ ไออรุณแห่งนี้ครับ
ระหว่างวันจะมีโทรศัพท์เข้ามาจองกันโดยตลอด
ใครจะมาพักที่นี่ โทรจองล่วงหน้ากันก่อนเลยครับ
บ้านพักที่นี่มีแค่ 3 หลัง คือ บ้านม่านหมอก บ้านหลังนี้จะอยู่ชั้นสองไม่มีแอร์ ชั้นล่างจะเป็นบ้านของคุณเบส
ส่วนบ้านละอองดาว กับบ้านพราวตะวัน สองหลังนี้จะอยู่ในโซนบ้านไร่ครับ
คุณแม่คุณเบสกำลังเก็บผักครับ
ผักที่นี่จะนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร
และเอาไปขายยังตลาดนัดกะเปอร์ครับ
เดินชมบรรยากาศกันเต็มอิ่ม
คุณเบสชวนพวกเราไปดูแผงผักที่ตลาดนัดกะเปอร์กันครับ
ผลผลิตจากบ้านไร่
ถูกส่งมายังตลาดแห่งนี้
ด้วยผักสด ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพปลอดสารพิษทุกชนิดครับ
แม่ค้าจำเป็นของเรา
มาช่วยขายผักครับ
"ผักม๊าย ผักม๊าย" สำเนียงใต้
แม่ค้าสวยแบบนี้แผงผักคงขายหมดเร็วแน่ครับ
หลังกลับจากตลาด
พวกเราชวนกันไปปั่นจักรยานต่อครับ
บรรยากาศระหว่างปั่นจักรยาน
จะเต็มไปด้วยสวนยางพาราที่เรียงต้นกันเป็นทิวแถวครับ
หลังจากเหนื่อยกันมาทั้งวัน
ได้เวลากินข้าวเย็นกันแล้วครับ
[CR] พาใจไปสัมผัสบ้านไร่ ไออรุณ : ฟาร์มสเตย์หลังน้อยที่ซ่อนตัวไว้ในอำเภอกะเปอร์
นักเดินทางหลายคนคงจะคุ้นเคยกับกลุ่มนี้เป็นอย่างดี
เราจะพาทุกคนไปสัมผัสบ้านพักฟาร์มสเตย์ดีไซน์บ้านไร่
บ้านพักหลังน้อยที่กลมกลืนไปด้วยธรรมชาติ
อบอุ่นไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ซ่อนตัวอยู่ที่อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง
ที่นี่ครับ "บ้านไร่ ไออรุณ"
เราออกเดินทางด้วยรถทัวร์ขึ้นกันที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่
ทริปนี้เรานัดกันไป 5 คน
แต่ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัดเลยถอนตัวกันไปเยอะ
เหลือเพียงแค่เราสองคน ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าสวีทไปปะวะ ฮ่าๆๆ
เป้าหมายที่เราวางไว้ยังคงเดินทางกันต่อ
จุดหมายปลายทางแรกอยู่ที่ จ.พังงา
เราจะไปล่องเรือดูงูกันที่คลองสังเน่ห์ครับ
เราถึงกันแต่เช้าตรู่ที่บขส.ตะกั่วป่า
หลังจากงัวเงียจนได้ที่
เราก็ล้างหน้าแปรงฟันกันที่ห้องน้ำบขส.นี่เลยครับ
กินข้าวเติมพลังกันเสร็จ
เดินไปขึ้นพี่วินเพื่อต่อไปยังคลองสังเน่ห์
เราได้ราคาต่อเที่ยวไปกลับ 30 บาทครับ
นี่เราออกกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า
งูมันจะตื่นยังเนี่ย ฮ่าๆๆๆ
เรามาถึงกันเช้ามาก
น้ำยังน้อยอยู่เลยครับ
สำหรับการล่องเรือที่นี่
จะมีอยู่สองแบบด้วยกันนั่งได้ 2 คน
คือเรือยางราคา 500 บาท และเรือเครื่อง ราคา 700 บาทครับ
นั่งรอกันไปสักพักใหญ่ๆ
เจ้าหน้าที่ประจำที่นี่ก็มาต้อนรับพวกเราแล้วครับ
เส้นทางในการเที่ยวล่องเรือในคลองสังเน่ห์นี้
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พร้อมแล้วก็ไปกันเลยครับ
ตลอดเส้นทางในคลองสังเน่ห์
เราจะพบกับต้นไทรขนาดใหญ่อยู่เต็มไปหมด
ถ้าโชคดีเราจะได้เจอนกเงือก
แต่วันนี้โชคไม่เข้าข้างพวกเราอดเจอครับ
ที่นี่มีระบบนิเวศค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
บรรยากาศคล้ายป่าโบราณจนได้รับฉายาว่า "ลิตเติ้ลอเมซอน" ครับ
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับภาพบางส่วนของที่นี่
เพราะหนังเรื่องพี่มากพระโขนงก็มาถ่ายทำกันที่นี่แหละครับ
แล้วสิ่งที่เราอยากเจอ
ก็มาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว
งูตัวแรกที่เราเห็น "งูปล้องทอง" ครับ
สีสันของมันสวยงามน่าดู เด่นเป็นสง่าตัดกับสีต้นไม้เลยครับ
แล้วงูตัวที่สองก็โผล่มาให้เราเห็น
"งูเขียวหางไหม้" งูตัวนี้ทำให้เราตื่นเต้นที่สุด
ด้วยลำตัวของมันยาวเกือบสองเมตรเลยครับ
ระหว่างล่องเรือเราก็สงสัย
ว่าทำไมงูต้องมาขดตัวนอนเกาะอยู่ตามต้นไม้
ลุงเล่าให้เราฟังว่างูที่นี่มันจะมานอนรับแสงแดด
ที่สำคัญเลยคือมันมาหลบงูจงอาง ถ้างูจงอางโผล่มามันจะโดดลงน้ำทันทีครับ
แล้วแบบนี้มันจะโดดลงน้ำมามั๊ยลุง
รีบไปกันต่อดีกว่าครับ เริ่มเสียว ฮ่าๆๆๆ
พวกเรากลับมาอย่างปลอดภัยครับ
ลุงยังบอกพวกเราว่างูมันไม่ทำอะไรเราหรอก
ถ้าเราไม่ไปทำร้ายมัน
สำหรับใครคิดจะมาล่องเรือที่นี่สบายใจได้ครับ
หลังจากตื่นเต้นกับงูกันไปแล้ว
ไฮไลท์ของเราในทริปนี้คือการได้มานอนพักผ่อนกันที่บ้านไร่ ไออรุณนี่แหละครับ
รอเวลารถมาพวกเราจะนั่งกันต่อไปที่อำเภอกะเปอร์
ไม่ใกล้ไม่ไกลครับแค่ 100 กว่ากิโลเอง หลับกันต่อครับ
หลับไปพักใหญ่
เราก็มาลงรถแถวสี่แยกบ้านนา อำเภอกะเปอร์
รอคุณเบส เจ้าของบ้านไร่ ไออรุณมารับครับ
แล้วการพักผ่อนของเราก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่
สัมผัสแรกที่เรารู้สึกได้เลย
บ้านไร่แห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติครับ
ผักสีเขียวปลอดสารพิษ ต้นไม้สีสันสวยงามขึ้นเต็มไปหมดทั่วทุกพื้นที่
เรือนรับรองสำหรับทุกคนที่มาเยี่ยมชมครับ
ดอกต้อยติ่งครับ ดอกนี้จะบานในตอนเช้า
และจะหุบลงตอนบ่าย ๆ เมื่อแดดจัดครับ
เจ้านี่เป็นดอกมอร์นิ่งกลอรี่
ดอกไม้สัญลักษณ์ประจำบ้านไร่
คุณเบสบอกกับเราว่าต้องการให้ดอกไม้ในพื้นที่นี้
เป็นพื้นที่แห่งรักมากกว่าคิดว่าเป็นบ้านที่มาพักอาศัย ฟังแล้วก็โรแมนติกสุด ๆ ครับ
มาถึงกันเหนื่อย ๆ
มีน้ำอัญชันผสมมะนาวมาเสริฟรอต้อนรับ
กินแล้วหายเหนื่อย สดชื่นอร่อยมากครับ
มื้อเที่ยงของเราครับ
ข้าวผัดต้มยำห่อใบตองหอมสุด ๆ
จากนั้นเราไปเก็บกระเป๋าเข้าสู่บ้านพัก
เราได้พักกันที่บ้านพราวตะวันครับ
บ้านหลังนี้เหมาะกับวัยรุ่นหน่อย ๆ
เนื่องจากสภาพบ้านต้องปีนขึ้นบันไดค่อนข้างชันครับ
ที่นอนของเราอยู่ชั้นบนสุด
วิวริมหน้าต่างเขียวขจีสุด ๆ ครับ
ส่วนเพื่อนเรานอนชั้นสองครับ
ประตูบ้านหลังนี้เป็นแบบนี้ครับ
เวลาปิดประตูหน้าตาจะเป็นแบบนี้
ให้อารมณ์ย้อนยุคที่คลาสสิคน่าดูครับ
แล้วเราก็เดินสำรวจรอบบ้าน
บรรยากาศเย็นสบายตา
ที่เห็นกันอยู่ไกล ๆ บ้านหลังนั้นชื่อ "บ้านละอองดาว" ครับ
ที่นี่ยังปลูกต้นพลับพลึงธารไว้
เป็นพืชน้ำหนึ่งเดียวในโลก
ที่เดียวในประเทศไทย ที่อยู่ในจังหวัดระนองครับ
พืชน้ำต้นนี้จะบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์
ของระบบนิเวศน์ที่ดีในบ้านไร่ ไออรุณแห่งนี้ครับ
ระหว่างวันจะมีโทรศัพท์เข้ามาจองกันโดยตลอด
ใครจะมาพักที่นี่ โทรจองล่วงหน้ากันก่อนเลยครับ
บ้านพักที่นี่มีแค่ 3 หลัง คือ บ้านม่านหมอก บ้านหลังนี้จะอยู่ชั้นสองไม่มีแอร์ ชั้นล่างจะเป็นบ้านของคุณเบส
ส่วนบ้านละอองดาว กับบ้านพราวตะวัน สองหลังนี้จะอยู่ในโซนบ้านไร่ครับ
คุณแม่คุณเบสกำลังเก็บผักครับ
ผักที่นี่จะนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร
และเอาไปขายยังตลาดนัดกะเปอร์ครับ
เดินชมบรรยากาศกันเต็มอิ่ม
คุณเบสชวนพวกเราไปดูแผงผักที่ตลาดนัดกะเปอร์กันครับ
ผลผลิตจากบ้านไร่
ถูกส่งมายังตลาดแห่งนี้
ด้วยผักสด ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพปลอดสารพิษทุกชนิดครับ
แม่ค้าจำเป็นของเรา
มาช่วยขายผักครับ
"ผักม๊าย ผักม๊าย" สำเนียงใต้
แม่ค้าสวยแบบนี้แผงผักคงขายหมดเร็วแน่ครับ
หลังกลับจากตลาด
พวกเราชวนกันไปปั่นจักรยานต่อครับ
บรรยากาศระหว่างปั่นจักรยาน
จะเต็มไปด้วยสวนยางพาราที่เรียงต้นกันเป็นทิวแถวครับ
หลังจากเหนื่อยกันมาทั้งวัน
ได้เวลากินข้าวเย็นกันแล้วครับ