สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ หลังจากผมได้ลงบทรีวิว และบทวิเคราะห์ The Danish Girl ไปแล้ว
The Revenant จะเป็นเรื่องแรก ที่ผมขอข้ามไม่เขียน "รีวิว" แต่จะขอเขียนบทวิเคราะห์ลงรายละเอียดไปเลยทีเดียวในกระทู้นี้
ถ้าพร้อมแล้ว... เรามาไล่เรียงเหตุการณ์ และนึกภาพตามไปกับบทวิเคราะห์นี้กันดีกว่านะครับ
ลำดับที่ 1 : ถูกซุ่มโจมตี
ในฉากนี้ ข้อผิดพลาด อยู่ที่การระมัดระวัง จัดเวรยาม และการสังเกต ที่มีความหละหลวมและไม่รอบคอบ
จะสังเกตได้ว่าพลซุ่มยิงแท้จริงก็ซุ่มซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้นั่นเอง เพียงแต่ด้วยความตกใจ ทำให้ไม่ทันมีใครเฉลียวใจคิด
ที่ยิงพุ่งมากจากทางด้านนอก ก็มีอยู่ประปราย พอให้ตัดกำลังผุ้ถืออาวุธออกไปบ้าง แนวที่ตั้งของค่ายพัก แม้มีแนวต้นไม้เป็นกำบัง
แต่ชัยภูมิความได้เปรียบของฝ่าย ผู้ล่า กินอาณานิคมกว้างขวางกว่า เพราะมีแนวป่าเป็นกำแพงซุ่มโจมตี บังไว้ตามธรรมชาติ
และการใช้ลูกธนูนั้น มีความสัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างมาก ทั้งยังทำให้ศัตรูเสียขวัญได้อย่างร้ายกาจอีกด้วย
การโจมตีโดยใช้ยุทธวิธีแบบตัดกำลังพล เขย่าขวัญและสมาธิของผู้ที่ยังรอด ก่อนออกรบแบบประจัญบาน ทำให้เหล่าผู้ถูกล่า
ไม่สามารถต่อกระบวนกันได้ติด แม้จะถืออาวุธไว้ ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ของตนเองให้ดีขึ้นมาได้
โชคยังดีเพราะฐานที่มั่นมีลู่ทางที่เป็น เรือ สามารถใช้หลบหนีได้ชั่วคราว ซึ่งในข้อนี้ ผ่านไปซักพัก กลาส ได้ทักท้วงว่า เป็นเป้าได้ง่ายดายกว่า
การเดินไปตามระดับภาคพื้นดิน ซึ่งก็จริง การโจมตีแม้ไม่มาจากทางน้ำ ก็สามารถพุ่งมาจากแนวป่าได้ และการลอยลำอยู่เช่นนั้น
ก็เท่ากับการยอมตนให้ตกเป็นเป้า หลายคนไม่ยอมทิ้งคนเจ็บเลยหากยังมีโอกาสที่จะรอด แต่เมื่อต้องเดินทาง ทำให้หลายชีวิตที่ไปต่อไม่ได้
และหมดลมหายใจไป ถูกโยนทิ้งลงน้ำ ซึ่งได้พิสูจน์ชัดลงไปครั้งหนึ่งว่า ความอยู่รอด สำคัญเหนือทุกสิ่ง เหนือกว่าความถูกต้องใดๆตามพิธีทางศาสนา
แต่ก็ตรงนั้นเอง ที่ฟิตซ์เจอรัลด์ ได้แสดงความเย่อหยิ่ง ไม่พอใจ และเดือดดาลในความยโสโอหังของ กลาส เสมอๆ
ลำดับที่ 2 : ปะทะหมีกริซลี่
หนึ่งในฝันร้ายของ นักล่าสัตว์ หรือ พรานส่วนใหญ่ คือ การปะทะกับสัตว์เข้าแบบกระทันหัน หรือจวนตัวอย่างที่สุด
ซึ่งการพบปะกันในลักษณะนั้น เป็นอันเชื่อได้ทีเดียวว่า การผละหนีเป็นสิ่งที่ ฝ่ายมนุษย์หวัง แต่การปะทะ เป็นสิ่งที่สัตว์ถูกสัญชาตญาณ "สั่ง" ให้ทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีอย่าง หมีกริซลี่ ในช่วงที่มีลูกอ่อนติดพันแบบนี้ จะมีความดุร้าย และหวงแหนลูกเป็นพิเศษ
การพบหน้ากันแบบไม่ทันระวังตัวนี้เอง ถือเป็นแกน หรือจุดเริ่มเรื่องทั้งหมด ด้วยกำลังปะทะอันหนักหน่วง น้ำหนักตัว และความจวนตัว
ปราศจากอาวุธขนาดสั้น รองรับการจู่โจมแบบกระทันหัน กลาส จึงเสียทีถูกตบ ผลัก กัด และสบัดลงไปกับพื้น
อย่างไม่อาจต่อกรกับพละอันมหาศาลของมันได้ และการยิงปืนใส่ ไม่ได้ช่วยให้ดับความดุร้ายของมันลง เพราะไม่ถูกจุดตาย
กระสุนนัดนั้น เพียงแค่สร้างแรงปะทะประมาณหนึ่ง เพราะถูกเข้าที่หัวไหล่ การยิงในนัดนั้น เป็นการยิงเพื่อหยุดยั้งการปะทะ และสร้างโอกาสในการยิงซ้ำ
แต่ด้วยอานุภาพของกระสุนที่ขนาดไม่เหมาะกับสัตว์ที่จะยิง ตัวของ กลาส เอง ก็คงรู้ความจริงในข้อนี้
จึงต้องใช้มีดพกเข้าต่อสู้และจ้วงแทงในระยะประชิด ถือเป็นการต่อสู้อย่างยุติธรรมที่สุดในฐานะ "ผู้ถูกล่า"
ซึ่งต้องไว้ลายให้สุดทางของตนเอง สุดท้ายการกระซวกจ้วงแทงก็สัมฤทธิ์ผล
เขาสามารถสยบความร้ายของมันลงได้ หากแต่บาดแผลฉกรรจ์หนัก มีแผลที่หลัง คอ หัวไหล่ และมือ ที่เสียเลือดหนักที่สุด
และอาจทำให้ถึงตาย คือ บาดแผลที่คอ ซึ่งทำให้เกิดภาวะบาดเจ็บ ไม่สามารถใช้สื่อสารได้ระยะหนึ่ง
และความลำบากจากบาดแผลที่อาจจะติดเชื้อไปทั่วแผ่นหลังอีกประการหนึ่ง
ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของพิษไข้ ที่แทรกซ้อนเข้ามาในร่างกายอย่างฉับพลัน การลำเลียงตัว กลาส ไปในขณะเดินทาง
จึงมีความหวังอันน้อยนิดที่จะรอดตายได้ ผลพวงจากเหตุการณ์นั้นได้สร้างห่วงโซ่ของปมปัญหาการตัดสินใจของคณะเดินทางขึ้นมา
เพราะสภวการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อการมีภาระ...
ลำดับที่ 3 : การตัดสินใจ...ของผู้กอง
ในบางความเห็นของผม การอยู่รอดของคนๆหนึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงตัวของเขาเท่านั้น แต่ในบางครั้งก็เกิดจากมโนธรรม
ความสำนึก ความรู้จักโทษ รู้จักบาปของผู้ร่วมคณะด้วย กรณีของ กลาส ก็ป็นเช่นนั้น ถ้าแม้ว่า การลั่นกระสุนนัดนั้น คือการจบความทุกข์ของเขา
มันก็เป็นความทุกข์ที่เขายังคงยินดีจะรับ ไม่ใช่เพราะเขาห่วงตัว กลัวตาย แต่เพราะห่วงใยในตัวลูกชายที่ติดตามมา และมีเขาเป็นเพียงหลักปะกันเดียวบนโลกที่โหดร้าย ชิงชัง และเต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบายของเหล่ามนุษย์ ในวินาทีที่ผ้าถูกปิดตานั้น สำนึกในใจของ กลาสเอง คงไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง
แต่คงอยู่กับการวาดความคิดไป ถึงลูกที่ไร้เขาคอยชี้นำในแบบต่าง ตามที่พ่อควรอยู่ร่วมเผชิญมันด้วยกัน แม้สภาวการณ์ในขณะนั้น จะบีบบังคับ
ให้ผู้กองต้องตัดสินใจลงไปอย่างใดอย่างหนึ่งเต็มที่ โดยมี ฟิตซ์เจอรัลด์ เป็นหน่วยยุแยงอยู่ด้านข้าง แต่สติยังคงพร้อมมูล เหตุผล และสำนึกบอกเขาว่า
ชายคนนี้ยังมีสิทธิที่จะรอด มีสิทธิที่จะจากไปเองอย่างสมเกียรติยศของเขา เขาจึงให้ภาระการตัดสินใจนี้เป็นของคนที่ยินดีจะอยู่
เพื่อเงินรางวัลในการดูแล จนกว่า กลาส จะตายไปเอง ซึ่งได้แก่ ฟิตซ์เจอรัลด์ บรีดเจอร์ และ ฮอล์ก ลูกชายของกลาส
ในภาวะการตัดสินใจเดิมพันด้วยชีวิตคนในคณะ แบบนี้ หัวใจของผู้กอง อาจคิดในสองแบบ คือหนึ่งในทางสุภาพบุรุษ ให้เกียรติ กลาส ด้วยใจจริง
หรือ ในอีกทางหนึ่ง คือ ผู้ไม่อยากให้มือของเขาเปื้อนเลือด ติดไปกับข้อหาที่ว่า เขาได้ฆ่าคนของตนเอง ซึ่งจะเป็นความผิดบาปอยู่ในใจ
การตัดสินใจของหัวหน้าคณะเดินทางในครั้งนี้ จึงแฝงความหมายให้ต้องคิดและตีความดูว่าภายใต้การแสดงภาวะผู้นำที่มีมโนธรรมนั้น
เขาต้องการผลแบบใดระหว่างแบบที่ 1 หรือแบบที่ 2
ลำดับที่ 4 : สัญญาแห่งความกลัวของ ฟิตซ์เจอรัลด์
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของแกนเรื่อง ที่พลิกจากปมความบาดเจ็บและการอยู่รอด มาเป็นเพลิงแค้น เมื่อ ฟิตซ์เจอรัลด์ เอ่ยปากขอทำข้อตกลง
ให้ กลาส ยอมตายไปเสียโดยดี เพื่อที่ลูกของเขาจะได้ไม่ต้องโดนฆ่าตายจากชนเผ่ารี แต่ในแววตาของ กลาส รู้ดี ว่าทุกสิ่งมาจากความขลาดกลัว
และความปรารถนาที่จะเห็นเขาตายอยู่ก่อนแล้วของมัน ตัวของ ฟิตซ์เจอรัลด์ เองก็รู้ทัน ประเภทชิงเหลี่ยมบังเงาซึ่งกันและกัน
เลยใช้ไม้ตายงัดเอาสูตรกระพริบตา แปลว่า ตกลง มาใช้กับ กลาส และเมื่อแผนเข้าทาง ฟิตซ์เจอรัลด์ ได้ลงมือตามแผนฆาตกรรมที่วางขึ้นทันที
หากแต่มันไม่หลุดรอดสายตาของบุตรชายกลาสไปได้ กลาสได้รับการยื้อชีวิต
แต่ความโชคร้ายได้หันไปเยือน ฮอล์ก เช่นกัน ซึ่งนั่นก็เป็นเหมือนการจุดชนวน "วันแห่งมรณกรรม" ของฟิตซ์เจอรัลด์ให้เร็วยิ่งขึ้น
ด้วยการเดินเรื่องทีเน้นพลังภายในของนักแสดงทันทีที่ ฮอล์ก ล้มลง
กลาส แทบสิ้นสติและอยากฆ่า ฟิตซ์เจอรัลด์ เสียเดียวนั้น จับฉีกเนื้อ ถลกหนังหัวออก ให้สมกับความแค้น
ตรงนี้กล้องเลือกที่จะเน้นโฟกัสไปที่สัญญาณแห่งความชิงชังบนใบหน้าของ กลาส โดยเฉพาะ ซึ่งทำออกมาได้เยี่ยม
เฉียดตาย ลำดับที่ 5 : รอดมาเพื่อจะชนะ
แกนเรื่องทั้งหมดใน The Revenant มุ่งเป้าไปที่สิ่งเดียว คือ ต้องรอดเพื่อล้างแค้น พล็อตนี้ดูเชยและซ้ำ
เพียงแต่เมื่อมันอยู่ในตัวละครที่รับบท โดยนักแสดงนำที่ "ใช่" ก็ทำให้ความซ้ำของพล้อตดูกลบไปได้บ้างตามสมควร
การชิงไหวชิงพริบ มีมาให้เราเห็นเสมอ แต่ก็ยังคงความสมจริงไว้ได้ ทีมงานทำการบ้านมาดี
การตายของ ผู้กอง ไม่ใช่จุดสำคัญ แต่เป็นการทิ้งเป้าล่อไว้ให้ กลาส ชนิดที่ ฟิตซ์เจอรัลด์ เองก็ไม่ได้นึกถึง
กลาสเองคงรู้อย่แล้วว่า ฟิตซ์เจอรัลด์ มีนิสัยขี้ขลาดและเลือกที่จะสุ่มยิงมากกว่า ลอบทำร้ายมากกว่า จึงใช้แผนตัวลวงได้อย่างดี
และในการสู้กันครั้งสุดท้าย ระหว่าง กลาส กับ ฟิตซ์เจอรัลด์ ลำพังการอยากเอาชนะ ไม่ทำให้โทสะของ กลาส รุนแรงได้มากขนาดนี้
ความทรหดต่อบาดแผลเพิ่มขึ้นหลายเท่า ฟิตซ์เจอรัลด์ ถึงกับเอ่ยปากถามว่า "แกดั้นด้นตามฉันมาถึงนี่เพื่อที่จะฆ่าฉันแค่นี้เหรอ??"
"ฆ่าฉันไป ลูกแกก็ไม่มีทางฟื้นมาได้หรอก" ซึ่งก็จริงอย่างที่สุด
แต่.... กลาสไม่ได้ต้องการให้ใครฟื้น เขาต้องการความเป็นธรรมให้กับ ฮอล์ก
และเขายังเผื่อแผ่รางวัลแห่งการล่าให้กับ หัวหน้าเผ่ารีเสียอีกด้วย ในการช่วยจัดการชำระแค้นให้อย่างสาแก่ใจในครั้งนี้...
คนอย่าง ฟิตซ์เจอรัลด์ ไร้ค่า ไม่ใช่สิ่งที่ควรแก่การแลกชีวิตด้วยซ้ำ คนที่โกหก คิดถึงแต่ตัวเอง
แต่คนอย่าง ฮอล์ก เด็กที่เทิดทูนพ่อสุดหัวใจ ปกป้องพ่อ แม้รู้ว่าความตายรออยู่ตรงหน้า...
เขามีค่า พอที่พ่อ จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนลูก...
บทสรุป : คำพูดหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของ กลาสได้เป็นอย่างดี ต่อชีวิตที่เหลือของตัวเอง คือ
"ผมไม่ได้กลัวความตายอีกต่อไป เพาะผมเคยตายมาแล้ว!"
กลาส มีธาตุทรหดชนิดหนึ่งในตัวเอง ธาตุชนิดนั้นเรียกว่า ความรัก ความรักเป็นพลังให้เขามีชีวิตรอด เพื่อทำสิ่งสุดท้ายให้คนที่เขารัก
พลังที่เอาชนะทุกความท้าทาย ความโหดร้ายที่พระเจ้ามอบให้กับชีวิตของเขาตลอดการเดินทางและการฟันฝ่าอุปสรรคมาเพื่อชำระแค้น...
ด้วยรักและขอบคุณ...
- C r e a t e d B y E n d C r e d i t M a n -
[SPOIL ZONE] The Revenent : วิเคราะห์ 5 เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อ "ฮิวจ์ กลาส"
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ หลังจากผมได้ลงบทรีวิว และบทวิเคราะห์ The Danish Girl ไปแล้ว
The Revenant จะเป็นเรื่องแรก ที่ผมขอข้ามไม่เขียน "รีวิว" แต่จะขอเขียนบทวิเคราะห์ลงรายละเอียดไปเลยทีเดียวในกระทู้นี้
ถ้าพร้อมแล้ว... เรามาไล่เรียงเหตุการณ์ และนึกภาพตามไปกับบทวิเคราะห์นี้กันดีกว่านะครับ
ลำดับที่ 1 : ถูกซุ่มโจมตี
ในฉากนี้ ข้อผิดพลาด อยู่ที่การระมัดระวัง จัดเวรยาม และการสังเกต ที่มีความหละหลวมและไม่รอบคอบ
จะสังเกตได้ว่าพลซุ่มยิงแท้จริงก็ซุ่มซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้นั่นเอง เพียงแต่ด้วยความตกใจ ทำให้ไม่ทันมีใครเฉลียวใจคิด
ที่ยิงพุ่งมากจากทางด้านนอก ก็มีอยู่ประปราย พอให้ตัดกำลังผุ้ถืออาวุธออกไปบ้าง แนวที่ตั้งของค่ายพัก แม้มีแนวต้นไม้เป็นกำบัง
แต่ชัยภูมิความได้เปรียบของฝ่าย ผู้ล่า กินอาณานิคมกว้างขวางกว่า เพราะมีแนวป่าเป็นกำแพงซุ่มโจมตี บังไว้ตามธรรมชาติ
และการใช้ลูกธนูนั้น มีความสัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างมาก ทั้งยังทำให้ศัตรูเสียขวัญได้อย่างร้ายกาจอีกด้วย
การโจมตีโดยใช้ยุทธวิธีแบบตัดกำลังพล เขย่าขวัญและสมาธิของผู้ที่ยังรอด ก่อนออกรบแบบประจัญบาน ทำให้เหล่าผู้ถูกล่า
ไม่สามารถต่อกระบวนกันได้ติด แม้จะถืออาวุธไว้ ก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขสถานการณ์ของตนเองให้ดีขึ้นมาได้
โชคยังดีเพราะฐานที่มั่นมีลู่ทางที่เป็น เรือ สามารถใช้หลบหนีได้ชั่วคราว ซึ่งในข้อนี้ ผ่านไปซักพัก กลาส ได้ทักท้วงว่า เป็นเป้าได้ง่ายดายกว่า
การเดินไปตามระดับภาคพื้นดิน ซึ่งก็จริง การโจมตีแม้ไม่มาจากทางน้ำ ก็สามารถพุ่งมาจากแนวป่าได้ และการลอยลำอยู่เช่นนั้น
ก็เท่ากับการยอมตนให้ตกเป็นเป้า หลายคนไม่ยอมทิ้งคนเจ็บเลยหากยังมีโอกาสที่จะรอด แต่เมื่อต้องเดินทาง ทำให้หลายชีวิตที่ไปต่อไม่ได้
และหมดลมหายใจไป ถูกโยนทิ้งลงน้ำ ซึ่งได้พิสูจน์ชัดลงไปครั้งหนึ่งว่า ความอยู่รอด สำคัญเหนือทุกสิ่ง เหนือกว่าความถูกต้องใดๆตามพิธีทางศาสนา
แต่ก็ตรงนั้นเอง ที่ฟิตซ์เจอรัลด์ ได้แสดงความเย่อหยิ่ง ไม่พอใจ และเดือดดาลในความยโสโอหังของ กลาส เสมอๆ
ลำดับที่ 2 : ปะทะหมีกริซลี่
หนึ่งในฝันร้ายของ นักล่าสัตว์ หรือ พรานส่วนใหญ่ คือ การปะทะกับสัตว์เข้าแบบกระทันหัน หรือจวนตัวอย่างที่สุด
ซึ่งการพบปะกันในลักษณะนั้น เป็นอันเชื่อได้ทีเดียวว่า การผละหนีเป็นสิ่งที่ ฝ่ายมนุษย์หวัง แต่การปะทะ เป็นสิ่งที่สัตว์ถูกสัญชาตญาณ "สั่ง" ให้ทำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีอย่าง หมีกริซลี่ ในช่วงที่มีลูกอ่อนติดพันแบบนี้ จะมีความดุร้าย และหวงแหนลูกเป็นพิเศษ
การพบหน้ากันแบบไม่ทันระวังตัวนี้เอง ถือเป็นแกน หรือจุดเริ่มเรื่องทั้งหมด ด้วยกำลังปะทะอันหนักหน่วง น้ำหนักตัว และความจวนตัว
ปราศจากอาวุธขนาดสั้น รองรับการจู่โจมแบบกระทันหัน กลาส จึงเสียทีถูกตบ ผลัก กัด และสบัดลงไปกับพื้น
อย่างไม่อาจต่อกรกับพละอันมหาศาลของมันได้ และการยิงปืนใส่ ไม่ได้ช่วยให้ดับความดุร้ายของมันลง เพราะไม่ถูกจุดตาย
กระสุนนัดนั้น เพียงแค่สร้างแรงปะทะประมาณหนึ่ง เพราะถูกเข้าที่หัวไหล่ การยิงในนัดนั้น เป็นการยิงเพื่อหยุดยั้งการปะทะ และสร้างโอกาสในการยิงซ้ำ
แต่ด้วยอานุภาพของกระสุนที่ขนาดไม่เหมาะกับสัตว์ที่จะยิง ตัวของ กลาส เอง ก็คงรู้ความจริงในข้อนี้
จึงต้องใช้มีดพกเข้าต่อสู้และจ้วงแทงในระยะประชิด ถือเป็นการต่อสู้อย่างยุติธรรมที่สุดในฐานะ "ผู้ถูกล่า"
ซึ่งต้องไว้ลายให้สุดทางของตนเอง สุดท้ายการกระซวกจ้วงแทงก็สัมฤทธิ์ผล
เขาสามารถสยบความร้ายของมันลงได้ หากแต่บาดแผลฉกรรจ์หนัก มีแผลที่หลัง คอ หัวไหล่ และมือ ที่เสียเลือดหนักที่สุด
และอาจทำให้ถึงตาย คือ บาดแผลที่คอ ซึ่งทำให้เกิดภาวะบาดเจ็บ ไม่สามารถใช้สื่อสารได้ระยะหนึ่ง
และความลำบากจากบาดแผลที่อาจจะติดเชื้อไปทั่วแผ่นหลังอีกประการหนึ่ง
ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของพิษไข้ ที่แทรกซ้อนเข้ามาในร่างกายอย่างฉับพลัน การลำเลียงตัว กลาส ไปในขณะเดินทาง
จึงมีความหวังอันน้อยนิดที่จะรอดตายได้ ผลพวงจากเหตุการณ์นั้นได้สร้างห่วงโซ่ของปมปัญหาการตัดสินใจของคณะเดินทางขึ้นมา
เพราะสภวการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่อการมีภาระ...
ลำดับที่ 3 : การตัดสินใจ...ของผู้กอง
ในบางความเห็นของผม การอยู่รอดของคนๆหนึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นเพียงตัวของเขาเท่านั้น แต่ในบางครั้งก็เกิดจากมโนธรรม
ความสำนึก ความรู้จักโทษ รู้จักบาปของผู้ร่วมคณะด้วย กรณีของ กลาส ก็ป็นเช่นนั้น ถ้าแม้ว่า การลั่นกระสุนนัดนั้น คือการจบความทุกข์ของเขา
มันก็เป็นความทุกข์ที่เขายังคงยินดีจะรับ ไม่ใช่เพราะเขาห่วงตัว กลัวตาย แต่เพราะห่วงใยในตัวลูกชายที่ติดตามมา และมีเขาเป็นเพียงหลักปะกันเดียวบนโลกที่โหดร้าย ชิงชัง และเต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบายของเหล่ามนุษย์ ในวินาทีที่ผ้าถูกปิดตานั้น สำนึกในใจของ กลาสเอง คงไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง
แต่คงอยู่กับการวาดความคิดไป ถึงลูกที่ไร้เขาคอยชี้นำในแบบต่าง ตามที่พ่อควรอยู่ร่วมเผชิญมันด้วยกัน แม้สภาวการณ์ในขณะนั้น จะบีบบังคับ
ให้ผู้กองต้องตัดสินใจลงไปอย่างใดอย่างหนึ่งเต็มที่ โดยมี ฟิตซ์เจอรัลด์ เป็นหน่วยยุแยงอยู่ด้านข้าง แต่สติยังคงพร้อมมูล เหตุผล และสำนึกบอกเขาว่า
ชายคนนี้ยังมีสิทธิที่จะรอด มีสิทธิที่จะจากไปเองอย่างสมเกียรติยศของเขา เขาจึงให้ภาระการตัดสินใจนี้เป็นของคนที่ยินดีจะอยู่
เพื่อเงินรางวัลในการดูแล จนกว่า กลาส จะตายไปเอง ซึ่งได้แก่ ฟิตซ์เจอรัลด์ บรีดเจอร์ และ ฮอล์ก ลูกชายของกลาส
ในภาวะการตัดสินใจเดิมพันด้วยชีวิตคนในคณะ แบบนี้ หัวใจของผู้กอง อาจคิดในสองแบบ คือหนึ่งในทางสุภาพบุรุษ ให้เกียรติ กลาส ด้วยใจจริง
หรือ ในอีกทางหนึ่ง คือ ผู้ไม่อยากให้มือของเขาเปื้อนเลือด ติดไปกับข้อหาที่ว่า เขาได้ฆ่าคนของตนเอง ซึ่งจะเป็นความผิดบาปอยู่ในใจ
การตัดสินใจของหัวหน้าคณะเดินทางในครั้งนี้ จึงแฝงความหมายให้ต้องคิดและตีความดูว่าภายใต้การแสดงภาวะผู้นำที่มีมโนธรรมนั้น
เขาต้องการผลแบบใดระหว่างแบบที่ 1 หรือแบบที่ 2
ลำดับที่ 4 : สัญญาแห่งความกลัวของ ฟิตซ์เจอรัลด์
อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของแกนเรื่อง ที่พลิกจากปมความบาดเจ็บและการอยู่รอด มาเป็นเพลิงแค้น เมื่อ ฟิตซ์เจอรัลด์ เอ่ยปากขอทำข้อตกลง
ให้ กลาส ยอมตายไปเสียโดยดี เพื่อที่ลูกของเขาจะได้ไม่ต้องโดนฆ่าตายจากชนเผ่ารี แต่ในแววตาของ กลาส รู้ดี ว่าทุกสิ่งมาจากความขลาดกลัว
และความปรารถนาที่จะเห็นเขาตายอยู่ก่อนแล้วของมัน ตัวของ ฟิตซ์เจอรัลด์ เองก็รู้ทัน ประเภทชิงเหลี่ยมบังเงาซึ่งกันและกัน
เลยใช้ไม้ตายงัดเอาสูตรกระพริบตา แปลว่า ตกลง มาใช้กับ กลาส และเมื่อแผนเข้าทาง ฟิตซ์เจอรัลด์ ได้ลงมือตามแผนฆาตกรรมที่วางขึ้นทันที
หากแต่มันไม่หลุดรอดสายตาของบุตรชายกลาสไปได้ กลาสได้รับการยื้อชีวิต
แต่ความโชคร้ายได้หันไปเยือน ฮอล์ก เช่นกัน ซึ่งนั่นก็เป็นเหมือนการจุดชนวน "วันแห่งมรณกรรม" ของฟิตซ์เจอรัลด์ให้เร็วยิ่งขึ้น
ด้วยการเดินเรื่องทีเน้นพลังภายในของนักแสดงทันทีที่ ฮอล์ก ล้มลง
กลาส แทบสิ้นสติและอยากฆ่า ฟิตซ์เจอรัลด์ เสียเดียวนั้น จับฉีกเนื้อ ถลกหนังหัวออก ให้สมกับความแค้น
ตรงนี้กล้องเลือกที่จะเน้นโฟกัสไปที่สัญญาณแห่งความชิงชังบนใบหน้าของ กลาส โดยเฉพาะ ซึ่งทำออกมาได้เยี่ยม
เฉียดตาย ลำดับที่ 5 : รอดมาเพื่อจะชนะ
แกนเรื่องทั้งหมดใน The Revenant มุ่งเป้าไปที่สิ่งเดียว คือ ต้องรอดเพื่อล้างแค้น พล็อตนี้ดูเชยและซ้ำ
เพียงแต่เมื่อมันอยู่ในตัวละครที่รับบท โดยนักแสดงนำที่ "ใช่" ก็ทำให้ความซ้ำของพล้อตดูกลบไปได้บ้างตามสมควร
การชิงไหวชิงพริบ มีมาให้เราเห็นเสมอ แต่ก็ยังคงความสมจริงไว้ได้ ทีมงานทำการบ้านมาดี
การตายของ ผู้กอง ไม่ใช่จุดสำคัญ แต่เป็นการทิ้งเป้าล่อไว้ให้ กลาส ชนิดที่ ฟิตซ์เจอรัลด์ เองก็ไม่ได้นึกถึง
กลาสเองคงรู้อย่แล้วว่า ฟิตซ์เจอรัลด์ มีนิสัยขี้ขลาดและเลือกที่จะสุ่มยิงมากกว่า ลอบทำร้ายมากกว่า จึงใช้แผนตัวลวงได้อย่างดี
และในการสู้กันครั้งสุดท้าย ระหว่าง กลาส กับ ฟิตซ์เจอรัลด์ ลำพังการอยากเอาชนะ ไม่ทำให้โทสะของ กลาส รุนแรงได้มากขนาดนี้
ความทรหดต่อบาดแผลเพิ่มขึ้นหลายเท่า ฟิตซ์เจอรัลด์ ถึงกับเอ่ยปากถามว่า "แกดั้นด้นตามฉันมาถึงนี่เพื่อที่จะฆ่าฉันแค่นี้เหรอ??"
"ฆ่าฉันไป ลูกแกก็ไม่มีทางฟื้นมาได้หรอก" ซึ่งก็จริงอย่างที่สุด
แต่.... กลาสไม่ได้ต้องการให้ใครฟื้น เขาต้องการความเป็นธรรมให้กับ ฮอล์ก
และเขายังเผื่อแผ่รางวัลแห่งการล่าให้กับ หัวหน้าเผ่ารีเสียอีกด้วย ในการช่วยจัดการชำระแค้นให้อย่างสาแก่ใจในครั้งนี้...
คนอย่าง ฟิตซ์เจอรัลด์ ไร้ค่า ไม่ใช่สิ่งที่ควรแก่การแลกชีวิตด้วยซ้ำ คนที่โกหก คิดถึงแต่ตัวเอง
แต่คนอย่าง ฮอล์ก เด็กที่เทิดทูนพ่อสุดหัวใจ ปกป้องพ่อ แม้รู้ว่าความตายรออยู่ตรงหน้า...
เขามีค่า พอที่พ่อ จะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนลูก...
บทสรุป : คำพูดหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของ กลาสได้เป็นอย่างดี ต่อชีวิตที่เหลือของตัวเอง คือ
"ผมไม่ได้กลัวความตายอีกต่อไป เพาะผมเคยตายมาแล้ว!"
กลาส มีธาตุทรหดชนิดหนึ่งในตัวเอง ธาตุชนิดนั้นเรียกว่า ความรัก ความรักเป็นพลังให้เขามีชีวิตรอด เพื่อทำสิ่งสุดท้ายให้คนที่เขารัก
พลังที่เอาชนะทุกความท้าทาย ความโหดร้ายที่พระเจ้ามอบให้กับชีวิตของเขาตลอดการเดินทางและการฟันฝ่าอุปสรรคมาเพื่อชำระแค้น...
- C r e a t e d B y E n d C r e d i t M a n -