:: THE DANISH GIRL ::
“จิตเภท รักร่วมเพศ กามวิปริต หรือ วิปริตทางกาย”
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการแสดงของนักแสดงเจ้าบทบาทเจ้าของรางวัลออสก้าปีที่ผ่านมาเชียวนะคะ นั่นคือสามีคนที่ 10.75 ของเจ้เอง แอ็ดดี้ เรย์แมน นั่นเองค่ะ ซึ่งครั้งนี้ พลิกบทบาท และท้าทายคุณพี่เรย์แมน เป็นอย่างมากที่จะต้องมารับบท “ลิลลี่ เอลเบ” สตรีข้ามเพศคนแรกของโลก...หรือคุณแม่ของลูกๆทั้งหลายคนแรกนั่นแหละค่ะ
เรื่องราวของภาพยนตร์ชีวประวัตินี้ เริ่มตั้งแต่ คุณแม่ลิลลี่ นั้นยังเป็น ไอนาร์ แวกเนอร์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งของแดนมาร์ก ซึ่งแต่งงานฉันสามีภรรยากับ เจอร์ด้ามานานถึง 6 ปี เจอร์ด้าก็พอมีชื่อเสียงในด้านการรังสรรค์ภาพอยู่บ้าง จนจุดพลิกผันในวันที่เธอ นึกสนุกเอาสามีเธอมาเป็นแบบให้เธอวาดรูปในวันนั้นนั่นเอง และนี่แหละคือจุดเริ่มต้น ที่จิตวิญญาณของคุณแม่ลิลลี่จะปรากฏ....
หนังเล่าเรื่องราวไปอย่างค่อนข้างชัดเจน และรัดกุม ทั้งเรื่องดราม่าหนักหนาสากันมากค่ะ ตุ๊ดยังว่าน้ำตาแตกและ อีชะนีที่เข้ามาดูยิ่งน้ำตาแตกมากกว่าตุ๊ดอีกเจ้าค่ะ ในยุควินเทจแสนวินเทจในสมัยนั้น กะเทย เกย์ หรือรักร่วมเพศอะไรก็แล้วแต่ ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคมวงกว้าง หรือ อาจจะไม่ปรากฏให้เห็นในสังคมในสมัยนั้นเลย ไม่แปลกที่จะเกิดเกย์มินิสขึ้นมา (นอกจากเฟมินิสต์แล้ว) ไอนาร์ หรือ ลิลลี่ ถือเป็นตัวแทนของสตรีข้ามเพศในสมัยนั้นที่กล้าเปิดเผยตัวตนของเธอออกมา และเธอเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านจิตรกรอีกด้วย...เห็นไหมเป็นอะไรก็ได้ขอให้เป็นคนดี คุณแม่บอกเจ้เสมอ
จิตเภท กามวิปริต หรือแท้จริงแล้ว ร่างกายนั่นแหละวิปริต ??
จะสังเกตได้จากคำพูดของตัวละครต่างๆ หรือเห็นได้จาก หมอทั้งหลายแหล่ที่ปรากฏตัวออกมา แล้วยัดเยียดโรคนี้ให้กับคุณแม่ลิลลี่ มีไม่กี่โรค จิตเภท กามวิปริต เอาง่ายๆ พวกนี้บอกว่า คุณแม่ลิลลี่เป็นบ้า ! เพราะอย่างที่บอกในสมัยนั้นจะให้ยอมรับเก้งกว้าง กะเทยเทคยาคุมนั้นเป็นไปได้ยากมากๆ คำว่า “บ้า” นี้ ครั้งแรกเลยที่ไอนาร์กระ
กระสน มีเซ็กกับภรรยาของฮีด้วยชุดนอนผู้หญิง และหนีไปแอบแต่งหญิง ตอนแรกเจ้ก็สงสัยนะคะ ว่า จิตป่าววะ ? แต่ก็ไม่แปลกอะไรผัวเจ้ก็แอบแต่งหญิงอยู่ทุกวัน ชื่นชมตัวเองน่ากระจก งง ค่ะ
ไนอาร์ แวกเนอร์....เป็นเพียงร่างกาย
หลังจากที่หมอแต่ละคนพิสูจน์ว่า ไนอาร์ ฮีแกเป็นโรคจิต แต่จิตใจฮีแกไม่คิดเช่นนั้น คิดแค่เพียงว่า ร่างฉันนี่แหละผิดปกติ ไนอาร์ ได้กำลังใจล้นหลามอย่าง เจอร์ด้า ศรีภรรยาสุดที่รักเธอมาก ถึงแม้นางจะเจ็บช้ำน้ำใจอย่างไรที่ผัวไปเป็นเมียคนอื่นก็เถอะ ทั้งคู่ ไม่เชื่อว่า การที่เป็นอยู่แบบนี้ เรียกว่า บ้า และพยายามหาคำตอบว่าแท้จริงนั้นคืออะไร ไนอาร์เป็นหนุ่มที่มีปมฝังลึกในใจ ถึงแม้จะเป็นจิตรกร แต่เขาก็วาดเพียงวิวเดิมๆ ซึ่งบางทีจะเห็นได้ว่า ต้องมีความหลังอยู่เป็นแน่แท้
“ลิลลี่ อยู่มาตั้งนานแล้ว....แต่เธอพึ่งทำให้มันมีตัวตนขึ้นมา”
ลิลลี่ เอลเบ.....เธอมาในรูปแบบจิตใจ
ลิลลี่ เธอถูกปลุกขึ้นมาโดยที่แบบไม่ตั้งใจ จากการที่ศรีภรรยาให้สามีอย่างไอนาร์เป็นแบบวาดรูป ณ ช่วงนั้น ขณะนั้น พี่เรย์แมนได้เล่นถึงอารมณ์มากๆ เหมือนพิศวาส ชอบ รัก เหมือนใกล้จะตรัสรู้ว่าแท้จริงแล้ว ฉันชอบนะอะไรทำนองนี้ เหมือนถูกปลุกจิตวิญญาณที่แท้จริงออกมา...ทำให้เรารู้สึกได้ว่า การมาของ ลิลลี่ นั้น กลับรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครตัวนี้ ถึงบางที จะแอบสงสาร เจอร์ด้า ก็ตามแต่ แต่ศรีภรรยาอย่างเธอ ก็ยังคอยอยู่ดูแลลิลลี่มาตลอด ถึงแม้จะรู้ว่า สามีเธอกู่ไม่กลับแล้วก็ตาม
ด้วยปมในอดีตของไอนาร์ ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภาพวาดนั้น และเพื่อนสนิทของฮีอย่าง ฮานส์ ซึ่ง ฮานส์ก็ถือเป็นตัวละครอีกตัวที่มีบทบาททำให้ ไอนาร์สับสนทางเพศมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน เพราะจูบแรกของไอนาร์ก็คือ ฮานส์ แต่ท่านพ่อกลับมาขัดขวาง ตายละ...ชีวิตเหมือนตุ๊ดหลายๆคนเนอะ จากเหตุนี้ ไอนาร์จึงต้องปกปิดความเป็นลิลลี่มาตลอด
"พระเจ้าสร้างฉันมาเป็นผู้หญิง แต่ร่างกายนี้ไม่ใช่ของฉัน..."
จากประโยคนี้ได้สะท้อนภาพของมนุษย์หลากหลายประเภท โดยเฉพาะพวกที่ปิดกั้นตัวตน หลอกตัวเองไปวันๆ...แต่สักวัน คุณอาจจะกลายเป็ฯคุณในอีกคน ซึ่งที่คุณไม่เคยพบมาก่อนเลย...และไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เป็น...ปลดพรรธนาการนั้นออกมาเถอะ เหมือนเช่นกับ ลิลลี่ เอลเบ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นลิลลี่ หรือ ไนอาร์ ก็สุดประทับใจในบทของเจอร์ด้า ภรรยาสุดแสนดีของไอนาร์ ช่วงที่เธอปล่อยให้สามีรื่นเริงในบทของลิลลี่ นั้น เป็นช่วงที่ชีวิตเธอมืดมนลงมากๆ เรียกน้ำตาได้ทุกครั้ง คือ เข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่เธอก็อย่าลืมนะ ว่าเธอปลุกความเป็นแม่ ให้ลิลลี่ตื่นขึ้นมา บทของไอนาร์และเจอร์ด้า คอยรับส่งกันตลอดเคมีเข้ากันอย่างมาก เธอรับฟังทุกอย่าง รวมถึงสภาพจิตใจของไอนาร์ ที่อยากจะเปลี่ยนเป็นลิลลี่เต็มทน แต่เราสามารถสัมผัสความรักของเขาทั้งสองได้อยากมาก ไม่ว่าจะเป็น ไอนาร์ กับ เจอร์ด้า หรือ ลิลลี่ กับ เจอร์ด้า
ท้ายสุดๆละค่ะ ถึงแม้ ความผิดหวังจะบังเกิดกับคุณแม่ในตอนท้ายที่สุด แต่ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะรู้สึก หลงรักลิลลี่ตั้งแต่เธอถูกปลุกขึ้นมา พอๆกับที่ไอนาร์จะจางหายไปเลยค่ะ เจ้น้ำตาซึมตลอด Escape From Freedom มากๆ เสมือนไอนาร์ได้ปลดปล่อยไปสู่ในโลกของอิสรเสรี ถึงแม้การผ่าตัดจะสำเร็จลุล่วงไปได้ระดับนึงนั้น แต่เจ้ว่า ลิลลี่เธอไม่เสียใจหรอก เธอย่อมมีความสุขแล้ว มีทั้งคนรักที่คอยอยู่ข้างกายตลอด ถึงแม้จะกลายเป็นเพศเดียวกันก็เถอะ และที่สำคัญ ลิลลี่ ไอนาร์ ทั้งคู่ได้ปลดเปลืองเปลือกนอกของตนเองได้ และพาตัวเองไปสู่อิสรภาพ...ซึ่งในที่ แห่งนั้น ไม่มีใครว่าเธอ จิตวิปริต อีกต่อไป.....
แทน..แท่น..แท๊นน ให้คะแนนตามจริตตุ๊ดนั่งดูหนัง 4.5 / 5
ปล. 4.5 คือคะแนนความเห็นที่เปี่ยมล้นใจเจ้สุดๆแล้ว ถ้าเต็ม 5 ไม่อาจได้ เพราะไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่ดีที่สุด และไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่แย่ที่สุดค่ะ
หากถูกใจรีวิวแบบจริตตุ๊ดนั่งดูหนัง ตามเพจได้ที่ :
https://www.facebook.com/reviewmoviesbytode/
รีวิว :: THE DANISH GIRL :: “จิตเภท กามวิปริต หรือ วิปริตทางกาย”
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานการแสดงของนักแสดงเจ้าบทบาทเจ้าของรางวัลออสก้าปีที่ผ่านมาเชียวนะคะ นั่นคือสามีคนที่ 10.75 ของเจ้เอง แอ็ดดี้ เรย์แมน นั่นเองค่ะ ซึ่งครั้งนี้ พลิกบทบาท และท้าทายคุณพี่เรย์แมน เป็นอย่างมากที่จะต้องมารับบท “ลิลลี่ เอลเบ” สตรีข้ามเพศคนแรกของโลก...หรือคุณแม่ของลูกๆทั้งหลายคนแรกนั่นแหละค่ะ
เรื่องราวของภาพยนตร์ชีวประวัตินี้ เริ่มตั้งแต่ คุณแม่ลิลลี่ นั้นยังเป็น ไอนาร์ แวกเนอร์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งของแดนมาร์ก ซึ่งแต่งงานฉันสามีภรรยากับ เจอร์ด้ามานานถึง 6 ปี เจอร์ด้าก็พอมีชื่อเสียงในด้านการรังสรรค์ภาพอยู่บ้าง จนจุดพลิกผันในวันที่เธอ นึกสนุกเอาสามีเธอมาเป็นแบบให้เธอวาดรูปในวันนั้นนั่นเอง และนี่แหละคือจุดเริ่มต้น ที่จิตวิญญาณของคุณแม่ลิลลี่จะปรากฏ....
หนังเล่าเรื่องราวไปอย่างค่อนข้างชัดเจน และรัดกุม ทั้งเรื่องดราม่าหนักหนาสากันมากค่ะ ตุ๊ดยังว่าน้ำตาแตกและ อีชะนีที่เข้ามาดูยิ่งน้ำตาแตกมากกว่าตุ๊ดอีกเจ้าค่ะ ในยุควินเทจแสนวินเทจในสมัยนั้น กะเทย เกย์ หรือรักร่วมเพศอะไรก็แล้วแต่ ยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคมวงกว้าง หรือ อาจจะไม่ปรากฏให้เห็นในสังคมในสมัยนั้นเลย ไม่แปลกที่จะเกิดเกย์มินิสขึ้นมา (นอกจากเฟมินิสต์แล้ว) ไอนาร์ หรือ ลิลลี่ ถือเป็นตัวแทนของสตรีข้ามเพศในสมัยนั้นที่กล้าเปิดเผยตัวตนของเธอออกมา และเธอเป็นผู้มีชื่อเสียงในด้านจิตรกรอีกด้วย...เห็นไหมเป็นอะไรก็ได้ขอให้เป็นคนดี คุณแม่บอกเจ้เสมอ
จะสังเกตได้จากคำพูดของตัวละครต่างๆ หรือเห็นได้จาก หมอทั้งหลายแหล่ที่ปรากฏตัวออกมา แล้วยัดเยียดโรคนี้ให้กับคุณแม่ลิลลี่ มีไม่กี่โรค จิตเภท กามวิปริต เอาง่ายๆ พวกนี้บอกว่า คุณแม่ลิลลี่เป็นบ้า ! เพราะอย่างที่บอกในสมัยนั้นจะให้ยอมรับเก้งกว้าง กะเทยเทคยาคุมนั้นเป็นไปได้ยากมากๆ คำว่า “บ้า” นี้ ครั้งแรกเลยที่ไอนาร์กระกระสน มีเซ็กกับภรรยาของฮีด้วยชุดนอนผู้หญิง และหนีไปแอบแต่งหญิง ตอนแรกเจ้ก็สงสัยนะคะ ว่า จิตป่าววะ ? แต่ก็ไม่แปลกอะไรผัวเจ้ก็แอบแต่งหญิงอยู่ทุกวัน ชื่นชมตัวเองน่ากระจก งง ค่ะ
ไนอาร์ แวกเนอร์....เป็นเพียงร่างกาย
หลังจากที่หมอแต่ละคนพิสูจน์ว่า ไนอาร์ ฮีแกเป็นโรคจิต แต่จิตใจฮีแกไม่คิดเช่นนั้น คิดแค่เพียงว่า ร่างฉันนี่แหละผิดปกติ ไนอาร์ ได้กำลังใจล้นหลามอย่าง เจอร์ด้า ศรีภรรยาสุดที่รักเธอมาก ถึงแม้นางจะเจ็บช้ำน้ำใจอย่างไรที่ผัวไปเป็นเมียคนอื่นก็เถอะ ทั้งคู่ ไม่เชื่อว่า การที่เป็นอยู่แบบนี้ เรียกว่า บ้า และพยายามหาคำตอบว่าแท้จริงนั้นคืออะไร ไนอาร์เป็นหนุ่มที่มีปมฝังลึกในใจ ถึงแม้จะเป็นจิตรกร แต่เขาก็วาดเพียงวิวเดิมๆ ซึ่งบางทีจะเห็นได้ว่า ต้องมีความหลังอยู่เป็นแน่แท้
ลิลลี่ เอลเบ.....เธอมาในรูปแบบจิตใจ
ลิลลี่ เธอถูกปลุกขึ้นมาโดยที่แบบไม่ตั้งใจ จากการที่ศรีภรรยาให้สามีอย่างไอนาร์เป็นแบบวาดรูป ณ ช่วงนั้น ขณะนั้น พี่เรย์แมนได้เล่นถึงอารมณ์มากๆ เหมือนพิศวาส ชอบ รัก เหมือนใกล้จะตรัสรู้ว่าแท้จริงแล้ว ฉันชอบนะอะไรทำนองนี้ เหมือนถูกปลุกจิตวิญญาณที่แท้จริงออกมา...ทำให้เรารู้สึกได้ว่า การมาของ ลิลลี่ นั้น กลับรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครตัวนี้ ถึงบางที จะแอบสงสาร เจอร์ด้า ก็ตามแต่ แต่ศรีภรรยาอย่างเธอ ก็ยังคอยอยู่ดูแลลิลลี่มาตลอด ถึงแม้จะรู้ว่า สามีเธอกู่ไม่กลับแล้วก็ตาม
ด้วยปมในอดีตของไอนาร์ ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของภาพวาดนั้น และเพื่อนสนิทของฮีอย่าง ฮานส์ ซึ่ง ฮานส์ก็ถือเป็นตัวละครอีกตัวที่มีบทบาททำให้ ไอนาร์สับสนทางเพศมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน เพราะจูบแรกของไอนาร์ก็คือ ฮานส์ แต่ท่านพ่อกลับมาขัดขวาง ตายละ...ชีวิตเหมือนตุ๊ดหลายๆคนเนอะ จากเหตุนี้ ไอนาร์จึงต้องปกปิดความเป็นลิลลี่มาตลอด
"พระเจ้าสร้างฉันมาเป็นผู้หญิง แต่ร่างกายนี้ไม่ใช่ของฉัน..."
จากประโยคนี้ได้สะท้อนภาพของมนุษย์หลากหลายประเภท โดยเฉพาะพวกที่ปิดกั้นตัวตน หลอกตัวเองไปวันๆ...แต่สักวัน คุณอาจจะกลายเป็ฯคุณในอีกคน ซึ่งที่คุณไม่เคยพบมาก่อนเลย...และไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เป็น...ปลดพรรธนาการนั้นออกมาเถอะ เหมือนเช่นกับ ลิลลี่ เอลเบ
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นลิลลี่ หรือ ไนอาร์ ก็สุดประทับใจในบทของเจอร์ด้า ภรรยาสุดแสนดีของไอนาร์ ช่วงที่เธอปล่อยให้สามีรื่นเริงในบทของลิลลี่ นั้น เป็นช่วงที่ชีวิตเธอมืดมนลงมากๆ เรียกน้ำตาได้ทุกครั้ง คือ เข้าใจความรู้สึกของเธอ แต่เธอก็อย่าลืมนะ ว่าเธอปลุกความเป็นแม่ ให้ลิลลี่ตื่นขึ้นมา บทของไอนาร์และเจอร์ด้า คอยรับส่งกันตลอดเคมีเข้ากันอย่างมาก เธอรับฟังทุกอย่าง รวมถึงสภาพจิตใจของไอนาร์ ที่อยากจะเปลี่ยนเป็นลิลลี่เต็มทน แต่เราสามารถสัมผัสความรักของเขาทั้งสองได้อยากมาก ไม่ว่าจะเป็น ไอนาร์ กับ เจอร์ด้า หรือ ลิลลี่ กับ เจอร์ด้า
ท้ายสุดๆละค่ะ ถึงแม้ ความผิดหวังจะบังเกิดกับคุณแม่ในตอนท้ายที่สุด แต่ก็อดใจหายไม่ได้ เพราะรู้สึก หลงรักลิลลี่ตั้งแต่เธอถูกปลุกขึ้นมา พอๆกับที่ไอนาร์จะจางหายไปเลยค่ะ เจ้น้ำตาซึมตลอด Escape From Freedom มากๆ เสมือนไอนาร์ได้ปลดปล่อยไปสู่ในโลกของอิสรเสรี ถึงแม้การผ่าตัดจะสำเร็จลุล่วงไปได้ระดับนึงนั้น แต่เจ้ว่า ลิลลี่เธอไม่เสียใจหรอก เธอย่อมมีความสุขแล้ว มีทั้งคนรักที่คอยอยู่ข้างกายตลอด ถึงแม้จะกลายเป็นเพศเดียวกันก็เถอะ และที่สำคัญ ลิลลี่ ไอนาร์ ทั้งคู่ได้ปลดเปลืองเปลือกนอกของตนเองได้ และพาตัวเองไปสู่อิสรภาพ...ซึ่งในที่ แห่งนั้น ไม่มีใครว่าเธอ จิตวิปริต อีกต่อไป.....
แทน..แท่น..แท๊นน ให้คะแนนตามจริตตุ๊ดนั่งดูหนัง 4.5 / 5
ปล. 4.5 คือคะแนนความเห็นที่เปี่ยมล้นใจเจ้สุดๆแล้ว ถ้าเต็ม 5 ไม่อาจได้ เพราะไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่ดีที่สุด และไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่แย่ที่สุดค่ะ
หากถูกใจรีวิวแบบจริตตุ๊ดนั่งดูหนัง ตามเพจได้ที่ : https://www.facebook.com/reviewmoviesbytode/