“จับมือเดินไป ไต่ตามโค้งฝัน ร้อยใจเรียงเคียงกันฝันเคียงกาย หลอมวิญญาณรวมกัน ใจผูกพันมิหน่าย… “
เสียงเพลงประจำสโมสรบีอีซีเทโรยังคงก้องอยู่ในสมองผมจนถึงตอนนี้
บางครั้งยังเคยคิดว่า มันจะเศร้าไปมั้ย ยิ่งพอนึกถึงเพลงนี้ในสถานการณ์แบบนี้ มันยิ่งหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ในฐานะคนนอกเรายังสัมผัสได้ขนาดนี้ แล้วคนที่เป็นแฟนบอลของสโมสรนี้จริงๆพวกเขาจะรู้สึกเช่นไร
ในฐานะผู้บุกเบิกคนแรกๆที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการฟุตบอลไทยในยุคมืด แต่น่าเสียดายที่ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อยอดจากตรงจุดนั้นได้เลย พัฒนาการของสโมสรเหมือนจะดิ่งลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ สวนทางกับกระแสความนิยมของไทยลีกที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ขึ้นมาแทน
ความเป็นจริงบางครั้งมันก็โหดร้าย เครดิตในการเป็นผู้จุดประกายของไทยลีกไม่ใช่พวกเขา แต่คือ สามสโมสรนี้ ชลบุรี-เมืองทอง และ บุรีรัมย์ (รวมสมัยยังเป็นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย) โดยบีอีซี เทโร เป็นได้แค่เพียงผู้ช่วยเท่านั้น
จากสโมสรที่เคยเป็นเจ้าบุญทุ่ม กวาดต้อนนักเตะฝีเท้าดีกรีทีมชาติมาร่วมทีมอย่างคับคั่งทั้งๆที่ตอนนั้นสโมสรในไทยมีสถานะเป็นแค่ระดับกึ่งอาชีพเท่านั้น
จากสโมสรที่ได้ชื่อว่าเคยเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยใหญ่ของเอเชีย (ACL ในปัจจุบัน) แม้จะชวดแชมป์ไปอย่างค้านสายตาก็ตาม
จนวันนี้ความเป็นจริงที่อยู่ท่ามกลางความโกลาหลครั้งมโหฬารของฟุตบอลไทย และ ความเป็นจริงหนึ่งในนั้นคือ บีอีซี เทโร ตกชั้น !!!
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ทีมมังกรไฟกลับมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อมีคำตัดสินจาก TPL ว่าพวกเขาจะได้อยู่รอดปลอดภัยในลีกต่อไป หลังจากการถอนทีมเพราะปัญหาทางการเงินของทีมสระบุรี
แต่ถึงอย่างนั้น เทโร ยังคงอยู่ท่ามกลางความอึมครึมที่ยังมีเมฆหมอกปกคลุมสโมสรอยู่ นักเตะระดับแม่เหล็กของทีมไม่อยู่แล้ว เฮดโค้ชก็ไม่มี ข่าวการเทคโอเวอร์ก็ยังอยู่บนเครื่องหมายคำถาม นี่คงไม่ใช่เวลาที่น่าจดจำสำหรับสาวกมังกรไฟอย่างแน่นอน
วันนี้เราจะมาดูกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับไดโนเสาร์ตัวสุดท้ายที่ยังหลงเหลือมาจากยุคมืดของฟุตบอลไทยที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุด กับสโมสรแห่งนี้
บีอีซี เทโรศาสน
[BEC TERO] มังกรไฟใจทรหด สูงสุดคืนสู่ความโกลาหล
เสียงเพลงประจำสโมสรบีอีซีเทโรยังคงก้องอยู่ในสมองผมจนถึงตอนนี้
บางครั้งยังเคยคิดว่า มันจะเศร้าไปมั้ย ยิ่งพอนึกถึงเพลงนี้ในสถานการณ์แบบนี้ มันยิ่งหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ในฐานะคนนอกเรายังสัมผัสได้ขนาดนี้ แล้วคนที่เป็นแฟนบอลของสโมสรนี้จริงๆพวกเขาจะรู้สึกเช่นไร
ในฐานะผู้บุกเบิกคนแรกๆที่สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการฟุตบอลไทยในยุคมืด แต่น่าเสียดายที่ว่าพวกเขาไม่สามารถต่อยอดจากตรงจุดนั้นได้เลย พัฒนาการของสโมสรเหมือนจะดิ่งลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ สวนทางกับกระแสความนิยมของไทยลีกที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ขึ้นมาแทน
ความเป็นจริงบางครั้งมันก็โหดร้าย เครดิตในการเป็นผู้จุดประกายของไทยลีกไม่ใช่พวกเขา แต่คือ สามสโมสรนี้ ชลบุรี-เมืองทอง และ บุรีรัมย์ (รวมสมัยยังเป็นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคด้วย) โดยบีอีซี เทโร เป็นได้แค่เพียงผู้ช่วยเท่านั้น
จากสโมสรที่เคยเป็นเจ้าบุญทุ่ม กวาดต้อนนักเตะฝีเท้าดีกรีทีมชาติมาร่วมทีมอย่างคับคั่งทั้งๆที่ตอนนั้นสโมสรในไทยมีสถานะเป็นแค่ระดับกึ่งอาชีพเท่านั้น
จากสโมสรที่ได้ชื่อว่าเคยเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยใหญ่ของเอเชีย (ACL ในปัจจุบัน) แม้จะชวดแชมป์ไปอย่างค้านสายตาก็ตาม
จนวันนี้ความเป็นจริงที่อยู่ท่ามกลางความโกลาหลครั้งมโหฬารของฟุตบอลไทย และ ความเป็นจริงหนึ่งในนั้นคือ บีอีซี เทโร ตกชั้น !!!
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ทีมมังกรไฟกลับมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อมีคำตัดสินจาก TPL ว่าพวกเขาจะได้อยู่รอดปลอดภัยในลีกต่อไป หลังจากการถอนทีมเพราะปัญหาทางการเงินของทีมสระบุรี
แต่ถึงอย่างนั้น เทโร ยังคงอยู่ท่ามกลางความอึมครึมที่ยังมีเมฆหมอกปกคลุมสโมสรอยู่ นักเตะระดับแม่เหล็กของทีมไม่อยู่แล้ว เฮดโค้ชก็ไม่มี ข่าวการเทคโอเวอร์ก็ยังอยู่บนเครื่องหมายคำถาม นี่คงไม่ใช่เวลาที่น่าจดจำสำหรับสาวกมังกรไฟอย่างแน่นอน
วันนี้เราจะมาดูกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับไดโนเสาร์ตัวสุดท้ายที่ยังหลงเหลือมาจากยุคมืดของฟุตบอลไทยที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุด กับสโมสรแห่งนี้
บีอีซี เทโรศาสน