สวัสดีคครับ ชาว Pantip ทุกท่าน .. .
พอดีว่าผมมีเรื่องน่าอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก อยากจะระบายและประจานตัวเองต่อหน้าสาธารณะชน เพื่อเป็นการบอกทุกคนว่าไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้เดินทาง backpack ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคนเดียวเป็นเวลา 8 วัน เป็นการเที่ยวที่ค่อนข้างจะหนักและหักโหม เดินทางไปไหนก็สะพายกระเป๋าไปด้วยตลอด เมื่อเที่ยวถึงวันสุดท้ายร่างกายก็เริ่มล้า เพลีย และปวดไหล่มาก ผมเดินทางกลับด้วยสายการบิน AirasiaX ซึ่งต้องไปลงที่สนามบินนาริตะ Terminal2 อาการเบลอๆนี่เริ่มตั้งแต่ผมดันนั่งเลยไป Terminal1 ทำให้ต้องนั่งย้อนกลับมาที่ Terminal2 อีกครั้ง เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน เมื่อถึงก็รีบไป check-in ทันที
เมื่อ check-in เสร็จก็คิดว่าจะไปหาไรกินก่อนขึ้นเครื่อง เพราะวันนี้ทั้งวันกินข้าวปั้นไปแค่สองก้อนเท่านั้น ด้วยความที่ผมไม่ได้โหลดกระเป๋า ผมก็สะพายกระเป๋าและก็ถือถุงรองเท้าที่ซื้อมาถุงนึง เดินไปสำรวจร้านอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่เราจะกลับและเลือกเข้าไปกินร้านราเมน ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ได้เริ่มขึ้น ผมถอดกระเป๋าน้ำหนัก 7กิโลที่สะพายออก วางไว้ที่นั่งตรงข้าม มันช่างเป็นความรู้สึกที่สบายเป็นอย่างมาก และได้วางถุงรองเท้าไว้ข้างตัว แต่ผมจะมีกระเป๋าสะพายเล็กอีกอันหนึ่ง กระเป๋าสะพายใบเล็กนี้ผมจะสะพายติดตัวตลอดเพราะผมจะใส่ Passport และ กระเป๋าตังค์ เอาไว้ เมื่อทานเสร็จ ก็หยิบกระเป๋ารองเท้า เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ มองดูนาฬิกายังเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ เราก็ชิวละ ไปเดินเล่นซื้อของสบายๆ
เมื่อซื้อของเสร็จก็เดินเข้า Gate ผ่านเครื่องตรวจกระเป๋า ผ่านตม.เข้ามาก็เดินเล่นดูของ Duty Free ต่อ กำลังคิดว่าเดี๋ยวไปซื้อเบียร์กินซัก2กระป๋อง ขึ้นเครื่องจะได้หลับสบาย ^^ ว่าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อกันหนาวก่อนดีกว่า เพราะเสื้อกันหนาวที่ใส่มามันหนา เอาตัวเล็กๆใส่สบายๆที่พึ่งซื้อมาใส่ท่าจะดี .. .
ความช๊อคมันเกิดขึ้นตอนนี้ครับ แว๊บนั้นคืออุทานในใจออกมาว่า
ยยยยยยยยย กระเป๋ากูล่ะะะะะะะะะะะ กระเป๋ากูอยู่ไหน (เข้าใจความรู้สึกของจาพนมที่ตามหาช้างขึ้นมาทันที)
ด้วยความลนเพราะอีก 1ชั่วโมงก็จะ bording แล้ว ก็เลยวิ่งไปที่ตม. ตอนนั้นเข้าใจว่าลืมไว้ตรงที่ตรวจกระเป๋า ตม.เลยพาไปที่ห้องๆนึง เค้าบอกว่า ผมออกตม.มาแล้วกลับเข้าไปอีกไม่ได้ เค้าเลยโทรถามจุดตรงนั้นให้ ซึ่งคำตอบคือไม่มี ผมก็ตื้อเค้าต่อว่าผมขอไปดูเองได้มั้ย ไม่งั้นมันจะหายไปไหนได้ล่ะ จนเค้าส่งพนักงานคนนึงเดินประกบผมไปจนถึงที่ตรวจกระเป๋า เพื่อให้ผมแล้วใจว่าไม่มีนะ ซึ่งก็ไม่มีจริงๆ ผมมาตั้งสติคิดดูดีดี หรือว่าเราลืมไว้ข้างนอกก่อนเข้า Gate และในที่สุดผมก็นึกออก
ร้านราเมน ใช่ครับ ผมถอดมันออกตอนที่จะกินราเมนวางไว้ที่เก้าอี้ตรงข้าม ไอ่โง่เอ๊ยยยยยย ด่าตัวเอง แต่เมื่อเรานึกออกแล้วก็สบายใจ เลยบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า ผมรู้แล้วครับ ผมลืมไว้ที่ร้านราเมน ข้างนอกก่อนเข้า Gate ครับ เค้าเลยให้ไปติดต่อที่ Informetion เจอกับผู้หญิงญี่ปุ่นหน้าตาน่ารักคนนึง เค้าก็สอบถามลักษณะกระเป๋าเราว่าเป็นยังไง และได้สอบถามไปที่จุดต่างๆเวลามีของหาย ทางสาวญี่ปุ่นน่าตาน่ารักคนนี้ตอบกลับมาว่า
"ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาว่ามีคนเอาของไปฝากไว้ตรงที่ของหายค่ะ"
ซึ่งเค้าต้องการบอกว่า เค้าทำอะไรไม่ได้นะ จนกว่าจะมีคนนำกระเป๋าผมไปฝากไว้ที่จุดของหายแล้วเค้าถึงแจ้งเข้ามา เลยบอกให้ผมรอก่อน!! ทั้งที่ผมก็บอกแล้วว่าผมลืมไว้ที่ร้านราเมน โทรหาที่ร้านราเมนให้ไม่ได้เหรอ เค้าก็ตอบมาคำเดิมว่าถ้าเราลืมไว้จริงๆทางร้านก็จะแจ้งไปที่จุดลืมของ ละที่จุดลืมของก็จะแจ้งมาที่เค้าอยู่แล้ว แต่นี่ยังไม่มีใครแจ้งมา -*- และนี่เหลือเวลาอีกไม่ถึง1ชั่วโมงเครื่องก็จะออกแล้ว แล้วจะให้ผมรอเหรอ ผมก็กระวนกระวายก็คิดว่าจะทำยังไงดีนะ สุดท้ายผมเลยเสิร์จหาร้านราเมนร้านนั้นเพื่อที่จะได้โทรถามเค้าเอง ทางพนักงานคงเห็นว่าผมกำลังเสิร์จหาอยู่ เค้าก็เลยบอกว่า โอเคเดี๋ยวเค้าโทรถามให้ โทรไปที่ร้านประมาณ5สายได้ ไม่มีใครรับ เวลาผ่านไปผมก็เครียด จนครั้งที่6 พนักงานก็มีการพูดคุยกับสายตรงข้าม แต่ท่าทางนิ่งๆไม่ได้ออกอาการอะไร ผมนี่ลุ้นมาก เมื่อวางสายปุ๊บ ผมรีบถามเค้าว่า ตกลงเจอมั้ยครับ เค้าบอกว่า
"มีค่ะ" ผมแบบโล่งอกได้แป๊ปเดียว
"แต่ ตอนนี้ทางพนักงานไม่สามารถเอาเข้ามาให้ได้ ขอให้คุณลูกค้ากลับประเทศไปก่อนเลยนะคะ เพราะนี่ก็ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว แล้วค่อยโทรมาที่เบอร์นี้ (ยื่นกระดาษเบอร์โทรมาให้) เพื่อติดต่อว่าเราจะรับกระเป๋ากันอย่างไรค่ะ" ???? ??
ผมนี่ย้อนถามกลับว่า "ให้กลับไทยไปก่อนเลยเหรอครับ?"
เค้าบอกว่า "ค่ะ แล้วเมื่อโทรมาให้แจ้งcodeนี้นะคะ (เขียนรหัสประมาณ7ตัวใส่กระดาษยื่นมาให้) จะทำให้การดำเนินการเร็วขึ้นค่ะ "
ผมนี้อึ้งมากครับ เวลาเหลือประมาณ 20นาที ซึ่งผมคิดว่ามันเพียงพอต่อการที่จะเอามาให้มากๆ ผมคงเผลอแสดงสีหน้ากังวลออกมา พนักงานสาวจึงพยามปลอบผมว่า "ไม่ต้องกังวลนะคะ ยังไงก็เจอกระเป๋าคุณแล้วแน่นอนคะ"
คืออยากจะบอกว่า ตอนนี้กูไม่ได้กังวลเรื่องกระเป๋าแล้ว แต่กูกังวลที่ต้องกลับไปโดยไม่มีกระเป๋าตะหาก .. .
ผมกลับมาถึงไทยประมาณตี2 เช้าอีกวัน10โมงผมรีบโทรหาทันที และได้แจ้ง code ตามที่เค้าให้มา และการดำเนินการก็เร็วอย่างที่เค้าว่า ปลายสายถามผมมาเป็นชุดเลยว่า
"กระเป๋าสีอะไรคะ"
"ข้างในมีอะไรบ้างคะ"
"แล้วมีอะไรอีกคะ"
"กระเป๋ายี่ห้ออะไรคะ"
"ลืมไว้ที่ไหนคะ"
"ไปแจ้งเรื่องนี้ที่จุดไหนคะ"
"โอเคค่ะ เรามั่นใจแล้วว่าคุณเป็นเจ้าของกระเป๋าจริงๆ"
อื้อหือ เช็คกันละเอียดขนาดนี้ นี่ไม่ต้องให้ code กูมาก็ได้นะ (แอบคิดในใจ 555)
คุยกันเสร็จสรุปได้ว่า เราต้องหาคนไปเอา เค้าไม่สามารถส่งมาให้เราได้ หรือ เราถ้าเรามีโอกาสได้ไปอีกครั้งหน้าเมื่อไหร่ก็บอกเค้า เค้าจะเก็บไว้ให้ !!
โชคดีว่า ผมมีเพื่อนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นจะกลับมาอีก3วันหลังจากนั้นพอดี ผมจึงรบกวนเพื่อนผมให้ไปเอาให้ ซึ่งทางสนามบินจึงขอให้ผมส่งเมลยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร โดยพิมพ์ชื่อผม เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ตามด้วยรหัสที่เค้าบอก ต่อด้วยชื่อคนที่จะไปรับ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ เที่ยวบินและเวลาที่จะกลับ เมื่อส่งแล้ว ให้โทรไปหาเค้าอีกรอบ เค้าถึงจะบอกสถามที่และเวลาที่จะรับกระเป๋าอีกทีนึง .. .
คือวิธีการอะไรต่างๆนี่ทั้งเยอะและโครตจะยุ่งยากมากเลยครับ ดีที่ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ไม่งั้นอะไรอะไรมันคงยุ่งยากมากกว่านี้ แต่ไม่ได้รู้สึกโทษอะไรทางญี่ปุ่นเลยนะครับ รู้เลยว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะทำอะไรทุกอย่างมีขั้นตอนหมด จะโกรธก็โกรธตัวเองนี่แหละ ที่ทำไมลืมอะไรได้ขนาดนี้ ก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับตัวเองและก็หวังว่าเรื่องราวแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆทุกคนนะครับ ^^
ปล.เมื่อเจอหน้าเพื่อนที่อุตส่าห์แบกกระเป๋ากลับมาให้ มันพูดมาทันทีเลยว่า "กระเป๋าใบขนาดนี้ลืมได้ยังไงวะ!"
ครับๆ อย่าตอกย้ำ กูขอโทษ .. .
เมื่อผมลืมกระเป๋าไว้ที่สนามบินนาริตะ!!!
พอดีว่าผมมีเรื่องน่าอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก อยากจะระบายและประจานตัวเองต่อหน้าสาธารณะชน เพื่อเป็นการบอกทุกคนว่าไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้เดินทาง backpack ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นคนเดียวเป็นเวลา 8 วัน เป็นการเที่ยวที่ค่อนข้างจะหนักและหักโหม เดินทางไปไหนก็สะพายกระเป๋าไปด้วยตลอด เมื่อเที่ยวถึงวันสุดท้ายร่างกายก็เริ่มล้า เพลีย และปวดไหล่มาก ผมเดินทางกลับด้วยสายการบิน AirasiaX ซึ่งต้องไปลงที่สนามบินนาริตะ Terminal2 อาการเบลอๆนี่เริ่มตั้งแต่ผมดันนั่งเลยไป Terminal1 ทำให้ต้องนั่งย้อนกลับมาที่ Terminal2 อีกครั้ง เสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมงเหมือนกัน เมื่อถึงก็รีบไป check-in ทันที
เมื่อ check-in เสร็จก็คิดว่าจะไปหาไรกินก่อนขึ้นเครื่อง เพราะวันนี้ทั้งวันกินข้าวปั้นไปแค่สองก้อนเท่านั้น ด้วยความที่ผมไม่ได้โหลดกระเป๋า ผมก็สะพายกระเป๋าและก็ถือถุงรองเท้าที่ซื้อมาถุงนึง เดินไปสำรวจร้านอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่เราจะกลับและเลือกเข้าไปกินร้านราเมน ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ได้เริ่มขึ้น ผมถอดกระเป๋าน้ำหนัก 7กิโลที่สะพายออก วางไว้ที่นั่งตรงข้าม มันช่างเป็นความรู้สึกที่สบายเป็นอย่างมาก และได้วางถุงรองเท้าไว้ข้างตัว แต่ผมจะมีกระเป๋าสะพายเล็กอีกอันหนึ่ง กระเป๋าสะพายใบเล็กนี้ผมจะสะพายติดตัวตลอดเพราะผมจะใส่ Passport และ กระเป๋าตังค์ เอาไว้ เมื่อทานเสร็จ ก็หยิบกระเป๋ารองเท้า เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ มองดูนาฬิกายังเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ เราก็ชิวละ ไปเดินเล่นซื้อของสบายๆ
เมื่อซื้อของเสร็จก็เดินเข้า Gate ผ่านเครื่องตรวจกระเป๋า ผ่านตม.เข้ามาก็เดินเล่นดูของ Duty Free ต่อ กำลังคิดว่าเดี๋ยวไปซื้อเบียร์กินซัก2กระป๋อง ขึ้นเครื่องจะได้หลับสบาย ^^ ว่าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อกันหนาวก่อนดีกว่า เพราะเสื้อกันหนาวที่ใส่มามันหนา เอาตัวเล็กๆใส่สบายๆที่พึ่งซื้อมาใส่ท่าจะดี .. .
ความช๊อคมันเกิดขึ้นตอนนี้ครับ แว๊บนั้นคืออุทานในใจออกมาว่า ยยยยยยยยย กระเป๋ากูล่ะะะะะะะะะะะ กระเป๋ากูอยู่ไหน (เข้าใจความรู้สึกของจาพนมที่ตามหาช้างขึ้นมาทันที)
ด้วยความลนเพราะอีก 1ชั่วโมงก็จะ bording แล้ว ก็เลยวิ่งไปที่ตม. ตอนนั้นเข้าใจว่าลืมไว้ตรงที่ตรวจกระเป๋า ตม.เลยพาไปที่ห้องๆนึง เค้าบอกว่า ผมออกตม.มาแล้วกลับเข้าไปอีกไม่ได้ เค้าเลยโทรถามจุดตรงนั้นให้ ซึ่งคำตอบคือไม่มี ผมก็ตื้อเค้าต่อว่าผมขอไปดูเองได้มั้ย ไม่งั้นมันจะหายไปไหนได้ล่ะ จนเค้าส่งพนักงานคนนึงเดินประกบผมไปจนถึงที่ตรวจกระเป๋า เพื่อให้ผมแล้วใจว่าไม่มีนะ ซึ่งก็ไม่มีจริงๆ ผมมาตั้งสติคิดดูดีดี หรือว่าเราลืมไว้ข้างนอกก่อนเข้า Gate และในที่สุดผมก็นึกออก
ร้านราเมน ใช่ครับ ผมถอดมันออกตอนที่จะกินราเมนวางไว้ที่เก้าอี้ตรงข้าม ไอ่โง่เอ๊ยยยยยย ด่าตัวเอง แต่เมื่อเรานึกออกแล้วก็สบายใจ เลยบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า ผมรู้แล้วครับ ผมลืมไว้ที่ร้านราเมน ข้างนอกก่อนเข้า Gate ครับ เค้าเลยให้ไปติดต่อที่ Informetion เจอกับผู้หญิงญี่ปุ่นหน้าตาน่ารักคนนึง เค้าก็สอบถามลักษณะกระเป๋าเราว่าเป็นยังไง และได้สอบถามไปที่จุดต่างๆเวลามีของหาย ทางสาวญี่ปุ่นน่าตาน่ารักคนนี้ตอบกลับมาว่า
"ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเข้ามาว่ามีคนเอาของไปฝากไว้ตรงที่ของหายค่ะ"
ซึ่งเค้าต้องการบอกว่า เค้าทำอะไรไม่ได้นะ จนกว่าจะมีคนนำกระเป๋าผมไปฝากไว้ที่จุดของหายแล้วเค้าถึงแจ้งเข้ามา เลยบอกให้ผมรอก่อน!! ทั้งที่ผมก็บอกแล้วว่าผมลืมไว้ที่ร้านราเมน โทรหาที่ร้านราเมนให้ไม่ได้เหรอ เค้าก็ตอบมาคำเดิมว่าถ้าเราลืมไว้จริงๆทางร้านก็จะแจ้งไปที่จุดลืมของ ละที่จุดลืมของก็จะแจ้งมาที่เค้าอยู่แล้ว แต่นี่ยังไม่มีใครแจ้งมา -*- และนี่เหลือเวลาอีกไม่ถึง1ชั่วโมงเครื่องก็จะออกแล้ว แล้วจะให้ผมรอเหรอ ผมก็กระวนกระวายก็คิดว่าจะทำยังไงดีนะ สุดท้ายผมเลยเสิร์จหาร้านราเมนร้านนั้นเพื่อที่จะได้โทรถามเค้าเอง ทางพนักงานคงเห็นว่าผมกำลังเสิร์จหาอยู่ เค้าก็เลยบอกว่า โอเคเดี๋ยวเค้าโทรถามให้ โทรไปที่ร้านประมาณ5สายได้ ไม่มีใครรับ เวลาผ่านไปผมก็เครียด จนครั้งที่6 พนักงานก็มีการพูดคุยกับสายตรงข้าม แต่ท่าทางนิ่งๆไม่ได้ออกอาการอะไร ผมนี่ลุ้นมาก เมื่อวางสายปุ๊บ ผมรีบถามเค้าว่า ตกลงเจอมั้ยครับ เค้าบอกว่า
"มีค่ะ" ผมแบบโล่งอกได้แป๊ปเดียว
"แต่ ตอนนี้ทางพนักงานไม่สามารถเอาเข้ามาให้ได้ ขอให้คุณลูกค้ากลับประเทศไปก่อนเลยนะคะ เพราะนี่ก็ใกล้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว แล้วค่อยโทรมาที่เบอร์นี้ (ยื่นกระดาษเบอร์โทรมาให้) เพื่อติดต่อว่าเราจะรับกระเป๋ากันอย่างไรค่ะ" ???? ??
ผมนี่ย้อนถามกลับว่า "ให้กลับไทยไปก่อนเลยเหรอครับ?"
เค้าบอกว่า "ค่ะ แล้วเมื่อโทรมาให้แจ้งcodeนี้นะคะ (เขียนรหัสประมาณ7ตัวใส่กระดาษยื่นมาให้) จะทำให้การดำเนินการเร็วขึ้นค่ะ "
ผมนี้อึ้งมากครับ เวลาเหลือประมาณ 20นาที ซึ่งผมคิดว่ามันเพียงพอต่อการที่จะเอามาให้มากๆ ผมคงเผลอแสดงสีหน้ากังวลออกมา พนักงานสาวจึงพยามปลอบผมว่า "ไม่ต้องกังวลนะคะ ยังไงก็เจอกระเป๋าคุณแล้วแน่นอนคะ"
คืออยากจะบอกว่า ตอนนี้กูไม่ได้กังวลเรื่องกระเป๋าแล้ว แต่กูกังวลที่ต้องกลับไปโดยไม่มีกระเป๋าตะหาก .. .
ผมกลับมาถึงไทยประมาณตี2 เช้าอีกวัน10โมงผมรีบโทรหาทันที และได้แจ้ง code ตามที่เค้าให้มา และการดำเนินการก็เร็วอย่างที่เค้าว่า ปลายสายถามผมมาเป็นชุดเลยว่า
"กระเป๋าสีอะไรคะ"
"ข้างในมีอะไรบ้างคะ"
"แล้วมีอะไรอีกคะ"
"กระเป๋ายี่ห้ออะไรคะ"
"ลืมไว้ที่ไหนคะ"
"ไปแจ้งเรื่องนี้ที่จุดไหนคะ"
"โอเคค่ะ เรามั่นใจแล้วว่าคุณเป็นเจ้าของกระเป๋าจริงๆ"
อื้อหือ เช็คกันละเอียดขนาดนี้ นี่ไม่ต้องให้ code กูมาก็ได้นะ (แอบคิดในใจ 555)
คุยกันเสร็จสรุปได้ว่า เราต้องหาคนไปเอา เค้าไม่สามารถส่งมาให้เราได้ หรือ เราถ้าเรามีโอกาสได้ไปอีกครั้งหน้าเมื่อไหร่ก็บอกเค้า เค้าจะเก็บไว้ให้ !!
โชคดีว่า ผมมีเพื่อนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นจะกลับมาอีก3วันหลังจากนั้นพอดี ผมจึงรบกวนเพื่อนผมให้ไปเอาให้ ซึ่งทางสนามบินจึงขอให้ผมส่งเมลยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร โดยพิมพ์ชื่อผม เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ ตามด้วยรหัสที่เค้าบอก ต่อด้วยชื่อคนที่จะไปรับ เบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ เที่ยวบินและเวลาที่จะกลับ เมื่อส่งแล้ว ให้โทรไปหาเค้าอีกรอบ เค้าถึงจะบอกสถามที่และเวลาที่จะรับกระเป๋าอีกทีนึง .. .
คือวิธีการอะไรต่างๆนี่ทั้งเยอะและโครตจะยุ่งยากมากเลยครับ ดีที่ผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ไม่งั้นอะไรอะไรมันคงยุ่งยากมากกว่านี้ แต่ไม่ได้รู้สึกโทษอะไรทางญี่ปุ่นเลยนะครับ รู้เลยว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะทำอะไรทุกอย่างมีขั้นตอนหมด จะโกรธก็โกรธตัวเองนี่แหละ ที่ทำไมลืมอะไรได้ขนาดนี้ ก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับตัวเองและก็หวังว่าเรื่องราวแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆทุกคนนะครับ ^^
ปล.เมื่อเจอหน้าเพื่อนที่อุตส่าห์แบกกระเป๋ากลับมาให้ มันพูดมาทันทีเลยว่า "กระเป๋าใบขนาดนี้ลืมได้ยังไงวะ!"
ครับๆ อย่าตอกย้ำ กูขอโทษ .. .