[CR] Honeymoon in France: Ep.8 - Mont Saint Michel ท่องปราสาท The Lord of the Rings


- Honeymoon in France: จุดเริ่มต้นของ13 วัน ในฝรั่งเศส - http://ppantip.com/topic/34326406
- Ep.1: Chamonix เมืองขนมหวาน กลางเทือกเขาแอลป์ - http://ppantip.com/topic/34326743
- Ep.2: Annecy "Little Venice" แห่งฝรั่งเศส - http://ppantip.com/topic/34347401
- Ep.3: Avignon สะพานขาดก็มิอาจพรากเราได้ - http://ppantip.com/topic/34382391
- Ep.4: Provence หมู่บ้านบนเนินเขา และเราสองคน - http://ppantip.com/topic/34468041
- Ep.5: Arles ตามรอย วินเซนต์ เเวนโก๊ะ - http://ppantip.com/topic/34493023
- Ep 6: L'isle sur la Sorgue ปิกนิคกลางเมืองกังหันน้ำ - http://ppantip.com/topic/34581875
- Ep 7: Rennes บ้านเอียง เคียงกัน - http://ppantip.com/topic/34643659
- Ep 8: Mont Saint Michel ท่องปราสาท The Lord of the Rings - http://ppantip.com/topic/34760301
- Ep 9: Paris "Je t'aime" หลงรักปารีส 24 ชั่วโมง - http://ppantip.com/topic/34821139
- Ep 10: Loire Valley ขอเป็นเจ้าหญิงในปราสาท 1 วัน - http://ppantip.com/topic/34875863
- Ep 11: Disneyland Paris แอ๊บเด็กไปกับ Mickey & Minnie - http://ppantip.com/topic/34904619
- Ep 12: Montmarte เสน่ห์ของถนนเส้นหลังบ้าน - http://ppantip.com/topic/34933456


          วันนี้เราตื่นมาด้วยความตื่นเต้น เม่าดี๊ด๊า  
          กับการไปเที่ยวสถานที่ในฝันของเราที่ชื่อว่า Mont Saint Michel แม้หน้าตาของที่นี่จะเหมือนปราสาท แต่อันที่จริงที่นี่ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับปราสาท หรือพระราชวังเลย  แต่แล้วมันเคยเป็นทั้งป้อมปราการ  คุก และสุดท้ายถูกเปลี่ยนเป็นโบสถ์วิหารที่สร้างอุทิศให้หัวหน้าทูตสวรรค์เซนต์ไมเคิล (Archangel Michel) จึงเป็นที่มาของชื่อ Mont Saint Michel นั่นเอง

           และด้วยความอลังการของวิหารนี้ทำให้ผู้กำกับหนังชื่อดังอย่าง Peter Jackson นำไปใช้เป็นแรงบรรดาลใจในการออกแบบเมือง Minas Thirith ในหนัง The Lord of the Rings  เราลองเอาภาพมาเปรียบเทียบให้ดู  จะเห็นความคล้ายคลึงได้อย่างชัดเจน  
(ภาพของเราขาดก็แต่แกนดัลฟ์พ่อมดขาวนี่แหละ เค้าล้อเล่น)


Mont Saint Michel & Minas Thirith

          
          การเดินทางไป Mont Saint Michel นั้น หากไม่มีรถยนต์ส่วนตัว เราต้องใช้บริการรถบัส หมายเลข 101  เพราะเมืองนี้ไม่มีรถไฟเข้าถึง  จากเมือง Rennes เราสามารถขึ้นรถบัสได้ที่ด้านข้างของสถานีรถไฟ TGV ออกจากสถานี เลี้ยวขวา เดินไปนิดหน่อยก็ถึง

สามารถเช็ครอบรถบัสได้จากเว็บนี้ http://www.destination-montsaintmichel.com

ตารางรถบัสขาไป Mont St Michel


ตารางรถบัสขากลับ Rennes

          
         นี่คือหน้าตาของรถบัสที่จะพาเราไปยัง Mont Saint Michel  เราขึ้นรถบัสรอบ 9:40  ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ถึงที่สถานี Mont Siant Michel เวลา 10:55


          การไป Mont saint Michel สามารไปแบบไปเช้าเย็นกลับได้  จากทั้ง Rennes และ Paris  แต่เนื่องจากสถานที่นี้เป็นที่ๆเราใฝ่ฝันอยากจะมาสักครั้งตั้งแต่เด็ก  และอยากใช้เวลาที่นี่นานๆ  เราจึงจองโรงแรมนอนแถวๆนี้เลย

          โรงแรมชื่อว่า Le Relais du Roy คืนละประมาณ 112 ยูโร

หน้าโรงแรม Le Relais du Roy

          จากหน้าโรงแรม เราก็จะไปขึ้นรถบัสประจำทางที่รับส่งระหว่างในเมืองกับตัวโบสถ์ Mont Saint Michel เนื่องจาก Mont Saint Michel เป็นโบสถ์ที่ยื่นลงไปในทะเล  ถ้าเป็นช่วงน้ำขึ้น น้ำก็จะปิดเส้นทางเดินทั้งหมด  ช่วงน้ำลงก็จะมีพื้นดินให้สามารถเดินจากฝั่งไปที่ตัวโบสถ์ได้

          แต่เพราะความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ ทำให้ในปีๆหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก  ทางฝรั่งเศสจึงสร้างถนนยื่นต่อไปจนถึงตัวโบสถ์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา  และมีรถให้บริการวิ่งวนรับส่ง เพื่อความสะดวกสบาย จุดขึ้นรถรับส่งนี้อยู่เยื้องกับโรงแรมที่เราพักเลย


          นั่งรถไปไม่ถึง 5 นาที ก็ถึงจุดที่รถจะจอดให้เราลง  จุดนี้เหมาะกับการถ่ายรูป Mont saint Michel มาก เพราะจะเก็บภาพตัวโบสถ์ได้ทั้งหมด รวมทั้งทะเลที่อยู่รอบๆด้วย  เพราะความยิ่งใหญ่ของมัน เมื่อเดินเข้าไปใกล้  จะเก็บภาพได้ลำบาก


          แน่นอนว่าเรากับคุณสามี  ใช้เวลาตรงนี้นานมาก  ตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์สุดอลังการอันนี้ หัวใจ

          เรารู้จัก Mont Saint Michel ครั้งแรกจากรายการโปรดในวัยเด็กของเรา รายการ "TV Champion" ของญี่ปุ่นนั่นเอง  ตอนนั้นเป็นการแข่งขันทำเค้กรอบชิงชนะเลิศ  ได้มีผู้เข้าแข่งขันคนนึงทำเค้กเป็นรูป Mont Saint Michel เขาทำได้สวยงามเหมือนจริงมากๆ  ตอนที่เขาฉายภาพ Mont Saint Michel ที่เขาใช้เป็นแแบบให้ดูนั้น  เราทึ่งกับความสวยงามของสถานที่นี้  ที่เหมือนหลุดมาจากเทพนิยาย  และคิดว่าอยากจะลองไปเยือนที่แบบนั้นสักครั้งในชีวิต เพี้ยนไฟลุก

ได้มาแล้ว  สวยงาม น้ำตาจะไหล เม่าฝึกจิต (สามีเราแซวว่าเว่อร์) แต่ว่า ......


"คุณแฟนไปกันเถอะ  อยากเข้าไปข้างในแล้ว"  เราเริ่มเร่งให้เดินหน้าต่อหลังจากอยู่ตรงนี้มา 10 กว่านาทีแล้ว
"ขออีกรูปๆ" ดูเหมือนคุณแฟนของเราก็จะประทับใจกับที่นี่ไม่น้อยเลยทีเดียว



          ระหว่างรอแฟนเก็บภาพบรรยากาศ  ดูไปก็เราสงสัยว่าทำมั้ย ทำไม ต้องลำบากมาสร้างโบสถ์อยู่กลางทะเล ?

          จริงๆแล้วที่นี่เริ่มแรกถูกเป็นป้อมปราการที่เป็นเกาะกลางทะเล ในสมัย ศตวรรษที่ 6 ถึง 7 มีชื่อเรียกว่า Monte Tombe ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 8 มีตำนานเล่ามา หัวหน้าทูตสวรรค์ ไมเคิล (Archangel Michel)  ได้มาเข้าฝัน  St. Aubert บิชอป แห่ง Avranche ให้สร้างโบสถ์บนเกาะแห่งนี้  ในฝันได้บอกว่า "Build here and build high"  หรือก็คือ สร้างตรงนี้ และสร้างให้สูง แต่ St. Aubert ไม่สนใจ  จน St.Michel ใช้นิ้วจิ้มเผากระโหลกของ St.Aubert จนเป็นรู  St.Aubert จึงเริ่มการก่อสร้าง Mont Saint Michel ในปี 708
(โหดจัง  แต่เอ๊ะ  หรือนี่จะเป็นที่มาของคำไทยว่า จำใส่กระโหลก.... เกี่ยวมั้ยเนี่ย เม่าอุ้มห่าน)


หัวหน้าทูตสวรรค์ Saint Michel กับ Saint Aubert


           การออกแบบในยุคแลกเป็นสไตล์ Romanesque โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน William de Volpiano  แต่ต่อมาในปี 1204 กษัตริย์ของฝรั่งเศส Philip Augustus ได้ให้เงินสนับสนุนการก่อสร้าง และต่อเติม  ในสไตล์ Gothic

          ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสโบสถ์นี้ถูกปิดลง  และใช้เป็นคุกสำหรับขังนักการเมืองระดับสูง จนถึงปี 1836 Victor Hugo และคนมีอิทธพลอีกหลายคนได้สนับสนุนการบูรณะที่แห่งนี้ และประกาศให้เป็นสมบัติของชาติฝรั่งเศส
    

          ต่อมาในปี 1979 Mont Saint Michel ก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลก โดย UNESCO
          จบเรื่องประวัติกันแค่นี้ก่อน  มาเที่ยวกันต่อ


          เดินทะลุผ่านเข้าไปในกำแพงจะเจอกับ Tourist Information เราสามารถเข้าไปหยิบ Brochure และแผนที่ภาษาอังกฤษจากในนี้ได้


          ต่อจากทางเข้า จะเป็นถนนเล็กๆ ที่ขนาบด้วยร้านรวงมากมาย  ชื่อถนน Cour de Avancee  ถนนนี้ดูคึกคัก และเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว



          ของฝากขึ้นชื่อของที่นี่คือคุกกี้  ที่ดูเหมือนจะมีมากมายหลายรส  ที่สำคุญ Package สวยงามน่าซื้อ  เราจะเสียตังค์ก็เพราะกล่องสวยๆนี่แหละ  บางร้านก็มีให้ชิมด้วย

          เราซื้อมากล่องนึงอร่อยมาก เป็นรส Apple Caramel จากการชิมมาหลายยี่ห้อ เรามาของเจ้านี้อร่อยสุด ชื่อ Les Cookies de La Mere Poulard ตอนนี้มีขายแค่ที่นี่เท่านั้นด้วยนะ



          เดินขึ้นมาสักพักก็จะเจอโบสถ์เล็กๆที่สร้างให้เซนต์ไมเคิล ที่มีจุดเด่นก็คือ Silver Statue of Saint Michel ตั้งอยู่ด้านหน้า  แต่ที่นี่ยังไม่ใช่โบสถ์หลักของ Mont Saint Michel นะ  นี่แค่ครึ่งทางเท่านั้น  ที่นี่เหมือนภูเขาย่อมๆเลยทีเดียว  เรายังต้องปีนขึ้นไปอีก เม่าเป็นลม

Jeanne d'arc

Silver Statue of Saint Michel

          แต่ก่อนอื่นขอแวะเติมพลังแถวนี้ก่อน   วันนี้เราไม่ได้เตรียมหาร้านอาหารมาล่วงหน้า จึงเลือกร้านที่เดินผ่านแล้วดูคึกคักมีลูกค้าเยอะที่สุด แล้วก็มองออกไปเห็นวิวสวย

          ร้านนี้ชื่อ Les Terrasses Poulard
          (http://en.terrasses-poulard.fr/263-restaurant/443-panoramic-restaurant-br-les-terrasses-poulard.html)

หน้าร้านอาหาร Les Terrasses Pouland



          เข้าไปร้านใหญ่เลยทีเดียว แต่บรรยากาศวุ่นวายมากเพราลูกค้าเยอะ   เราจึงรีบสั่ง รีบกิน เพื่อไปเที่ยวต่อ

          
          อาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ ไข่คนออมเล็ต  อาหารทะเล และขาแกะ  แต่ออมเล็ตของที่นี่แพงมาก  และเราก็ไม่ได้ชอบกินเท่าไหร่ เราเลยขอเน้นไปที่อาหารทะเล กับ แกะ แทน

          จานแรกเป็นสลัด Seafood รสชาติแปลกดี  ตอนยกมาวางแว๊บแรก  เราคิดว่า "นี่มันส้มตำนี่นา"  

สลัดซีฟู๊ด


          จานที่ 2 เป็นซี่โครงแกะ  อันนี้อร่อยใช้ได้  แย่งกันกิน แป๊บเดียวหมด

สเต็คขาเเกะ


สุดท้าย ของโปรดเรา  ของหวานที่เราให้ชนะเลิศ ก็คือ Tiramisu ที่ถึงแม้หน้าตาอาจดูไม่สวย  แต่รสชาตเหนือความคาดหมายมาก
        
ท้องอิ่มเราก็พร้อมเดินต่อ  เดินขึ้นทางลาดชันไปเรื่อยๆ  ถ่ายรูปไปพลางๆ
ชื่อสินค้า:   Mont Saint Michel
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่