เราว่าจุดหมายปลายทางกับสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง มันสำคัญพอกัน เราเลือกที่จะวาดปลายทางของเราไว้ก่อน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นเป็นเหมือนของสะสม เป็นประสบการณ์ และเป็นแรงบันดาลใจ เมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้ว่าการเดินทางนั้นมีคุณค่าเพียงไร
หลังจากที่เราได้พบกับนางพญาเสือโคร่งเมื่อสามปีก่อนที่เชียงใหม่ การเดินทางครั้งนั้นทำให้เรามีความประทับใจต่อเจ้าดอกไม้ชนิดนี้มาก ถึงกับให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะต้องหาทางไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งให้ได้อีกแน่นอน และในครั้งนี้เราออกเดินทางมาที่..ภูลมโล ภูเขาสีชมพู
ภูลมโลขึ้นได้สองทาง ทางบ้านร่องกล้า จ.พิษณุโลก และทาง อ.ด่านซ้าย จ.เลย ด้วยความที่ถิ่นฐานบ้านเกิดข้าพเจ้าอยู่ทางภาคอีสาน เราจึงขึ้นภูลมโลทาง อ.ด่านซ้าย ซึ่งทางขึ้นจะดูโหดและแอดเวนเจอร์เป็นอย่างยิ่ง เราแนะนำให้ติดต่อขอใช้บริการรถของชมรมกกสะทอน (โทร 062-5570912 / 062-5570913) ราคา 1,500 บาท/คัน มีกี่คนก็หารกันเอา ไปจอยกับกลุ่มอื่นก็ได้ ส่วนเรื่องที่พักก็ติดต่อที่นี่ได้เช่นกันนะ
เราได้ที่พักชื่อ ภูลมโล@เลย ราคา 600 บาทต่อคนต่อคืน ราคานี้รวมอาหารคนละสองมื้อ และแม่ครัวที่นี่ช่างทำกับข้าวอร่อยมากมาย เฮ้ยมันอร่อย แบบว่าอร่อยมากๆๆๆๆๆๆ แล้วเป็นกับข้าวจริงจังอ่ะ มื้อเย็นเป็นต้มยำไก่ ปลาราดพริก ผัดผัก มื้อเช้าเป็นข้าวต้มหมูตักได้ไม่อั้นพร้อมกับขิงดองที่ดองเองรสเลิศ เจ้าของก็ใจดี ตอนเราไปถึงเป็นช่วงใกล้ค่ำ แสงไฟที่ส่องมาที่โต๊ะอาหารเรามันดูสลัวๆ เจ้าของถึงขั้นจะขุดหลุมเพื่อปักเสาห้อยหลอดไฟให้เลยจ้าาาา
อันนี้คือภาพด้านหน้าและด้านหลังที่พัก มีดอกหญ้ามุ้งมิ้งมากมาย
รถมารับเราเวลาตีห้าตรง เจ้าของที่พักให้เราหิ้วกระติกน้ำร้อนขึ้นไปต้มมาม่าข้างบนด้วย อะไรจะดีปานนี้ >.<
แล้วถนนนี่นะต้องใช้โฟลวีลเท่านั้นเลย นั่ง (หลับ) กันหัวโคลงเคลง หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็จะถึงยอดภูลมโล ที่ออกตั้งแต่ตีห้านี่ก็เพราะจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่นี่แหละ แต่!! ฟ้าปิด!! ทำอะไรกันดีล่ะทีนี้ โอย หนาวก็หนาว รีบไปหยิบกระติกน้ำร้อนมานั่งประชดความหนาวแล้วซดน้ำอุ่นรัวๆ
เราออกจากจุดนี้เกือบเป็นกลุ่มสุดท้าย เพราะมีความหวังว่าอยากจะถ่ายวิวด้านหลังให้เห็นถนนและสีชมพูของต้นนางพญาเสือโคร่งฟรุ้งฟริ้งสักใบ
จุดต่อไป (คนขับรถพาไป) คือจุดชมนางพญาสเือโคร่งในมุมกว้างๆ ช่วงที่เราไป (19 มกราคม 2559) ดอกไม้ยังบานไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ได้เห็นเท่านี้ก็ประทับใจสุดๆแล้ว คนขับรถเล่าให้เราฟังว่าต้นนางพญาเสือโคร่งที่นี่มีทั้งหมด 8 แปลง บานอยู่ในตอนนั้น 2 แปลง แต่ละแปลงจะบานไม่พร้อมกันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศล้วนๆ แนะนำให้โทรสอบถามทางอุทยานหรือทางชมรมเป็นระยะๆก่อนตัดสินใจเดินทางมานะจ๊ะเด็กๆ แล้วก็เตรียมแผนสำรองไว้ด้วยถ้ามันไม่ได้บานอย่างที่คาดคิด
แปลงแรกที่ไปถึง ฟ้ายังขมุกขมัวอยู่เล็กน้อย แต่สายๆหน่อยจะมีแดดส่องมาเป็นพักๆ ออ เดินกันดีๆล่ะ อย่ามัวแต่แหงนหน้ามองฟ้า ขี้วัวแอบเยอะนะ >.<
แปลงที่สอง เราชอบแปลงนี้นะ มองไปข้างๆเห็นด้านล่างเป็นสีชมพูด้วย ต่างคนต่างมีมุมของตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูป เราจะไม่คุยกันนะคะ 5555
อยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ค่ะ....
ปิดท้ายด้วยคุณวัวเจ้าถิ่นจ้าาาา
อยู่ๆก็มีเฮลิคอปเตอร์บินวนผ่านมา ทันใดนั้นฝูงวัวที่กินหญ้าอยู่ในตอนนั้นก็ตื่น ขอวิ่งก่อนล่ะนะ อืม มันก็ดูเข้ากันดีกับดอกนางพญเสือโคร่ง (รึเปล่านะ)
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางในทริปนี้เป็นอย่างสูง ที่มาเป็นนางแบบให้ (โดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว) และออกเดินทางไปด้วยกัน (10 ชั่วโมงไป-กลับ อุดร-กกสะทอน + หนึ่งคืนหนึ่งวันที่กกสะทอนและภูลมโล) มิตรภาพมันเกิดขึ้นระหว่างทาง
บันทึกความทรงจำในทริปนี้ด้วยกล้องฟิล์ม Nikon FM และ Fuji Xtra 400, Kodak Color Plus 200
ขอบคุณและพบกันใหม่จ้า
Wanna be Thai traveler
*******************
[CR] เจอกันแล้วนะ นางพญาเสือโคร่ง ภูลมโล
เราว่าจุดหมายปลายทางกับสิ่งที่อยู่ระหว่างทาง มันสำคัญพอกัน เราเลือกที่จะวาดปลายทางของเราไว้ก่อน แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นเป็นเหมือนของสะสม เป็นประสบการณ์ และเป็นแรงบันดาลใจ เมื่อเวลาผ่านไปเราจะรู้ว่าการเดินทางนั้นมีคุณค่าเพียงไร
หลังจากที่เราได้พบกับนางพญาเสือโคร่งเมื่อสามปีก่อนที่เชียงใหม่ การเดินทางครั้งนั้นทำให้เรามีความประทับใจต่อเจ้าดอกไม้ชนิดนี้มาก ถึงกับให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะต้องหาทางไปดูดอกนางพญาเสือโคร่งให้ได้อีกแน่นอน และในครั้งนี้เราออกเดินทางมาที่..ภูลมโล ภูเขาสีชมพู
ภูลมโลขึ้นได้สองทาง ทางบ้านร่องกล้า จ.พิษณุโลก และทาง อ.ด่านซ้าย จ.เลย ด้วยความที่ถิ่นฐานบ้านเกิดข้าพเจ้าอยู่ทางภาคอีสาน เราจึงขึ้นภูลมโลทาง อ.ด่านซ้าย ซึ่งทางขึ้นจะดูโหดและแอดเวนเจอร์เป็นอย่างยิ่ง เราแนะนำให้ติดต่อขอใช้บริการรถของชมรมกกสะทอน (โทร 062-5570912 / 062-5570913) ราคา 1,500 บาท/คัน มีกี่คนก็หารกันเอา ไปจอยกับกลุ่มอื่นก็ได้ ส่วนเรื่องที่พักก็ติดต่อที่นี่ได้เช่นกันนะ
เราได้ที่พักชื่อ ภูลมโล@เลย ราคา 600 บาทต่อคนต่อคืน ราคานี้รวมอาหารคนละสองมื้อ และแม่ครัวที่นี่ช่างทำกับข้าวอร่อยมากมาย เฮ้ยมันอร่อย แบบว่าอร่อยมากๆๆๆๆๆๆ แล้วเป็นกับข้าวจริงจังอ่ะ มื้อเย็นเป็นต้มยำไก่ ปลาราดพริก ผัดผัก มื้อเช้าเป็นข้าวต้มหมูตักได้ไม่อั้นพร้อมกับขิงดองที่ดองเองรสเลิศ เจ้าของก็ใจดี ตอนเราไปถึงเป็นช่วงใกล้ค่ำ แสงไฟที่ส่องมาที่โต๊ะอาหารเรามันดูสลัวๆ เจ้าของถึงขั้นจะขุดหลุมเพื่อปักเสาห้อยหลอดไฟให้เลยจ้าาาา
อันนี้คือภาพด้านหน้าและด้านหลังที่พัก มีดอกหญ้ามุ้งมิ้งมากมาย
รถมารับเราเวลาตีห้าตรง เจ้าของที่พักให้เราหิ้วกระติกน้ำร้อนขึ้นไปต้มมาม่าข้างบนด้วย อะไรจะดีปานนี้ >.<
แล้วถนนนี่นะต้องใช้โฟลวีลเท่านั้นเลย นั่ง (หลับ) กันหัวโคลงเคลง หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็จะถึงยอดภูลมโล ที่ออกตั้งแต่ตีห้านี่ก็เพราะจะมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่นี่แหละ แต่!! ฟ้าปิด!! ทำอะไรกันดีล่ะทีนี้ โอย หนาวก็หนาว รีบไปหยิบกระติกน้ำร้อนมานั่งประชดความหนาวแล้วซดน้ำอุ่นรัวๆ
เราออกจากจุดนี้เกือบเป็นกลุ่มสุดท้าย เพราะมีความหวังว่าอยากจะถ่ายวิวด้านหลังให้เห็นถนนและสีชมพูของต้นนางพญาเสือโคร่งฟรุ้งฟริ้งสักใบ
จุดต่อไป (คนขับรถพาไป) คือจุดชมนางพญาสเือโคร่งในมุมกว้างๆ ช่วงที่เราไป (19 มกราคม 2559) ดอกไม้ยังบานไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ได้เห็นเท่านี้ก็ประทับใจสุดๆแล้ว คนขับรถเล่าให้เราฟังว่าต้นนางพญาเสือโคร่งที่นี่มีทั้งหมด 8 แปลง บานอยู่ในตอนนั้น 2 แปลง แต่ละแปลงจะบานไม่พร้อมกันขึ้นอยู่กับสภาพอากาศล้วนๆ แนะนำให้โทรสอบถามทางอุทยานหรือทางชมรมเป็นระยะๆก่อนตัดสินใจเดินทางมานะจ๊ะเด็กๆ แล้วก็เตรียมแผนสำรองไว้ด้วยถ้ามันไม่ได้บานอย่างที่คาดคิด
แปลงแรกที่ไปถึง ฟ้ายังขมุกขมัวอยู่เล็กน้อย แต่สายๆหน่อยจะมีแดดส่องมาเป็นพักๆ ออ เดินกันดีๆล่ะ อย่ามัวแต่แหงนหน้ามองฟ้า ขี้วัวแอบเยอะนะ >.<
แปลงที่สอง เราชอบแปลงนี้นะ มองไปข้างๆเห็นด้านล่างเป็นสีชมพูด้วย ต่างคนต่างมีมุมของตัวเอง ตั้งหน้าตั้งตาถ่ายรูป เราจะไม่คุยกันนะคะ 5555
อยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ค่ะ....
ปิดท้ายด้วยคุณวัวเจ้าถิ่นจ้าาาา
อยู่ๆก็มีเฮลิคอปเตอร์บินวนผ่านมา ทันใดนั้นฝูงวัวที่กินหญ้าอยู่ในตอนนั้นก็ตื่น ขอวิ่งก่อนล่ะนะ อืม มันก็ดูเข้ากันดีกับดอกนางพญเสือโคร่ง (รึเปล่านะ)
------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางในทริปนี้เป็นอย่างสูง ที่มาเป็นนางแบบให้ (โดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว) และออกเดินทางไปด้วยกัน (10 ชั่วโมงไป-กลับ อุดร-กกสะทอน + หนึ่งคืนหนึ่งวันที่กกสะทอนและภูลมโล) มิตรภาพมันเกิดขึ้นระหว่างทาง
บันทึกความทรงจำในทริปนี้ด้วยกล้องฟิล์ม Nikon FM และ Fuji Xtra 400, Kodak Color Plus 200
ขอบคุณและพบกันใหม่จ้า
Wanna be Thai traveler
*******************