ตอนแรกเราไม่ได้สนใจละครเรื่องนี้เลย ไม่ได้ดูละครไทยมานานมาก เพราะเบื่อละครลูกกวาด คู่จิ้น นางเอกง๊องแง๊งเอาใจแฟนขับ
แต่เพราะได้ยินเสียงชมเยอะ บอกว่าดีๆ ทำให้เราสนใจขึ้นมา
เกริ่นก่อนว่าเนื้อหาที่จะเขียนนี้ อาจจะแตกต่างกับความเห็นในกท.ชื่นชมอื่นๆค่ะ
เพราะไม่ได้ชื่นชมการแสดงของนักแสดงเลย เนื่องจาก 2 เหตุผล
เหตุผลแรก คือ เราเป็นนักอ่านนิยายมากกว่านักดูละคร ทำให้เราดูเนื้อหามากกว่าการแสดง
เหตุผลที่สอง คือ เราอ่านบทละครล้วนๆโดยแทบไม่ได้ดูละคร!!
ค่ะ ..... ที่จะพูดถึงทั้งหมด ในย่อหน้าอื่นๆต่อไปนี้ มาจากการอ่านล้วนๆ
(และก็ไม่รู้ว่าแตกต่างจากตัวนิยายและการนำเสนอเป็นละครมากแค่ไหน)ซึ่งแม้จะแค่อ่าน แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าบทละครเขียนออกมาได้ดีมาก
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าช่อง 3 เองก็น่าจะฟังและ 'แคร์' คนกลุ่มอื่นๆ 'บ้างละมั้ง' และไม่ได้มุ่งจะขายแค่ละครลูกกวาด ฟินๆจิ้นๆเท่านั้น
ตรงกันข้าม นี่เป็นละครน้ำดี สะท้อนแง่คิดที่หนุ่มสาวสมัยนี้ควรจะสนใจเลยล่ะ
คำเตือน
มีการสปอยเนื้อหาของบทละครค่ะ
---------------
เพราะอะไรถึงคิดว่าดี?
จริงๆถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าละครมีครบสูตรตามแบบละครน้ำเน่าจะมีเลย
เริ่มจากนางเอกยากจน ถูกเก็บมาเลี้ยง บ้านใหม่ไม่ได้มีสถานะอย่างลูกสาวจริงๆ พอมีเรื่องก็ส่งนางเอกไปผจญปัญหาแทน
นอกจากนี้ยังมีตัวอิจฉา แฟนเก่าพระเอกที่ตามมาพัวพัน
รวมทั้งผู้ชายชาติตระกูลดีที่แอบหลงรักนางเอกมาตามให้พระเอกหึงหวง
มีโจรและความยากลำบากของต่างจังหวัดรที่คอยมาสร้างปัญหาและบททดสอบคู่พระนาง
เท่านั้นยังไม่พอ ... ยังมีนางเอกกลายเป็นลูกเศรษฐีในตอนท้ายๆขึ้นมาอีก
(ครบเครื่องสิ่งที่ละครน้ำเน่าไทยจะต้องมีที่สุดเรื่องนึง ไม่แพ้น้ำตากามเทพเลย)
แต่สิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ต่างออกไป จนเราอดชื่นชมไม่ได้ อยู่ที่การนำเสนอปัญหาและทางแก้ต่างหาก
ตั้งแต่บ้านที่เลี้ยงนางเอก .... บทละครทำให้เห็นว่าแม้จะโตมาอย่างเด็กถูกเก็บมาเลี้ยง ทำงานบ้าน
นางเอกก็ถูกเลี้ยงดูมา โตมาด้วยกันในบ้านที่พ่อแม่มีความเป็นผู้ดี มีการศึกษา คอยอบรมสั่งสอนนะ
ไม่ได้มีแต่ความเกลียดชัง อิจฉาริษยา หรือมุ่งจะทำร้ายเสมอไป
แม่แท้ๆของนางเอกก็ไม่ได้คิดตามพล๊อตน้ำเน่าที่เลือกจะทิ้งลูกไว้บ้านใครเพราะแค่บ้านนั้นรวย
เมื่อมีปัญหา ด้วยพื้นฐานที่มีของครอบครัว ทำให้การตัดสินใจให้นางเอกไปแต่งงานแทนมีน้ำหนักขึ้นมา
พ่อบุญธรรมไม่ได้เลือกนางเอกเพราะแค่รักลูกตัวเอง แม่บุญธรรมก็ไม่ได้แค่เห็นแก่ตัวจนลืมคิดถึงคนอื่น
และเพราะพื้นฐานครอบครัวที่ดี ทำให้เห็นว่าก็มีพ่อแม่บุญธรรมนี่แหละคอยอบรมสั่งสอนการครองคู่ให้ได้
แม้แต่พี่สาว (หรือน้องสาวนะ) บราลี บรานีเอง แลดูเป็นเด็กงอแง ทำอะไรไม่เป็น
แต่ก็มีความคิด รู้ว่านางเอกช่วยตัว แต่งงานแทน และเคยดูแลมาแต่เด็ก สมกับที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
พอนางเอกมีปัญหา ก็คิดหาทางช่วย สมกับที่เคยโตมาด้วยกัน ช่วยกันมาตลอด
บทละครทำให้เราเห็น 'คน' จริงๆที่มีพื้นฐานความคิดของวิญญูชน ที่มีธรรมะ มีสติในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่อิจฉาหรือหมั่นไส้ไปวันๆ
ตัวนางอิจฉา ก็แสดงให้เห็นถึงความเอาแต่ใจ ถูกตามใจมาจนเคยตัว
พอเห็นของที่เลือกไม่ได้ดีจริง ก็ทิ้งขว้าง และเกิดเสียดายของเดิมที่เคยทิ้งไปขึ้นมา
ที่สำคัญ เมื่ออ่านจนจบ บทละครแสดงให้เห็นชัดเลยว่าตัวละครนี้ไม่ได้รักพระเอกเท่าไหร่ สิ่งที่รักคือตัวเองต่างหาก
เพราะนิสัยเคยได้อะไรต้องได้นี่ ทำให้เมื่อรู้สึกว่ากำลังแพ้ ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาชนะให้ได้
ไม่ต่างจากวิสัยของคุณหนูเอาแต่ใจที่แพ้ไม่เป็น เคยได้ทุกอย่างที่ต้องการ ... ถึงได้ถลำลึก เล่นสกปรกไปเรื่อยๆ
จนบทเรียนสุดท้ายทำให้คิดได้ ว่าอิจฉาไป อยากได้ไป คนที่ไม่มีความสุขที่สุดก็ไม่ใช่ใครนอกจากใจตัวเอง
ที่ชอบอีกอย่างคือ ในขณะที่มีภาพนางร้าย
บทละครก็ไม่ลืมให้เห็นว่าในขณะที่ตัวละครทำแบบนี้ พ่อแม่ของเค้า ญาติ หรือสามีเค้าเองก็ไม่ได้พอใจหรือเห็นด้วยไปซะหมด
บทละครทำให้เห็นถึงการต้องหลบๆซ่อนๆ คอยโกหกครอบครัว เพื่อจะมาอยู่ใกล้พระเอกให้ได้
ครอบครัวเอง ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการตามจับพระเอก เพียงเพราะสามีที่แต่งงานไปไม่ได้รวยจริง
ตรงกันข้าม กลับพยายามช่วยสามีให้ลืมตาอ้าปาก รับมาช่วยงานในบ้าน เพื่อให้ครอบครัวลูกสาวไปรอด
ซึ่งคิดจากความคิดปุถุชนในสังคมจริง คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนที่ลูกเพิ่งแต่งงานแล้วอยากให้ครอบครัวลูกแตกแยก
ยิ่งลูกสาวคนเดียว รักมาก ยังไงก็ต้องพยายามประคับประคอง ช่วยเหลือไปจนถึงที่สุด
ในขณะที่ชีวิตคู่ของนางเอกสะท้อนการแต่งงานแบบผู้ใหญ่คิดแทน
ลูกสาวอีกคนของครอบครัวนางเอกก็สะท้อนอีกแง่มุมของการเลือกคู่ชีวิต
บราลี-บรานี เลือกคู่เพราะความถูกใจหวือหวา เลือกโดยไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอให้ดี ไม่รู้ภูมิหลังให้ถี่ถ้วน
ทั้งที่ครอบครัวก็ทัดทาน แต่เพราะความรักและนิสัยยังไม่โต ทำให้ใช้อารมณ์ตัดสินใจแทนเหตุผล
เมื่อเกิดปัญหา .... ด้วยความรัก ความต้องการรักษาครอบครัว ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่สามีทำมันผิด กลับเลือกจะขอให้นางเอกช่วยสามี
ในบทยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามยื้อ ไม่ใช่เพราะรักทั้งหมดซะทีเดียว แต่เพราะความรู้สึกอับอายต่อกระแสสังคม
โชคดีที่สิ่งที่เธอมี ก็คือครอบครัวที่ดี ถึงแม้จะล้ม แต่ก็ยังมีพ่อแม่พี่น้อง คอยช่วยเหลือดูแลให้กลับมายืนหยัดให้ได้
และบทก็ทำให้เห็นว่าการผ่านสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ... เพียงแต่เมื่อมันเกิด ก็ต้องต่อสู้เพื่อผ่านไปให้ได้
ที่สำคัญ แม้จะเลือกในทางที่ถูกที่ควร บทก็ยังทำให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีตอนจบชีวิตที่สวยงามแบบมีผู้ชายอื่นเข้ามาช่วยแทนที่
และเน้นให้เห็นว่าแม้ชีวิตคู่จะล้มเหลว และไม่มีผู้ชายใหม่มารัก ... คนเราก็มีค่าได้ด้วยตัวเองและการงานรับผิดชอบ
ตรงกันข้ามกับผู้หญิงอีกคนที่เลือกจะใช้ชีวิตล่องลอยไปตามสิ่งแวดล้อมที่เป็น
เมื่อนิ่ม(? ลูกสาวกำนัน) ได้สามีเป็นโจรคอยปล้นคนอื่น ... นอกจากจะไม่ตักเตือนกัน ไม่เลือกจะแยกจากกันเพื่อใช้ชีวิตในทางที่ควรแล้ว
เธอยังเลือกจะ 'ถลำลึก' เดินไปในเส้นทางที่ผิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโจรเต็มตัว และจบชีวิตลง
การตายของเธอไม่ได้แสดงถึงแค่จุดจบของตัวร้ายตัวนึง แต่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของพ่อแม่ที่หัวใจสลายเพราะลูกเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดด้วย
บุรณีเป็นอีกคนที่สะท้อนชีวิตที่ต่างออกไป
ด้วยความเป็นคนช่างคิด ใช้สติในการคิด ใช้เหตุผลนำในการคบคนและเลือกคู่
เมื่อมองเห็นว่าผู้ชายไม่ได้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตด้วยซะทีเดียว เธอเลือกที่จะรักษาระยะไว้
และใช้เวลา รวมถึงโอกาสที่มีในการสังเกตนิสัยใจคอ พื้นฐานความเป็นมา จิตใจ
สิ่งที่เราชอบ คือ ในสังคมและยุคสมัยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ตาม เป็นช้างเท้าหลังอยู่บ้าน ทำงานบ้านให้สามี แม้แต่โทนเรื่องแทบทั้งหมดก็เป็นไปในทางที่ผู้หญิงไม่ได้มีหน้าที่การงานอะไรเด่นชัดนอกจากงานบ้านและการติดตามช่วยเหลือสามี ในบทก็ยังมีตัวละครอย่างบุรณี ที่ไม่ได้ทิ้งความฝันตัวเองในการไปเรียนต่อ และไม่ได้บังคับให้ผู้ชายยอมตามความฝันเธอ
เธอให้โอกาสทั้งตัวเองและฝ่ายชาย 'เลือก' ว่าจะยินยอมสละบางอย่าง เพื่อจะคบกันหรือเปล่า
ถ้าคำตอบคือ 'ไม่' เธอก็ยังคงยืนหยัดจะทำตามความฝันตัวเองต่อไป
พระเอกเองก็เป็นภาพสะท้อนของ 'ผู้ชายธรรมดา'
เมื่อรัก เมื่อคิดว่าคนนี้คือคนที่ 'ใช่' ... และด้วยเวลา โอกาส ก็ไม่สามารถจะหักห้ามใจตัวเองชิงสุกก่อนห่าม
เมื่อต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และแฟนเก่ากลับมา ก็มีความลังเลใจ ไม่แน่ใจ และเกือบจะพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ที่มี
แต่ด้วยเพราะการอบรมสั่งสอน การถูกเลี้ยงดูมา สติ ... ทำให้ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
พระเอกไม่ได้อดทนเป็นพระอิฐพระปูน ขนาดจะยืนหยัดโดนยั่วแล้วไม่หวั่นไหวคล้อยตาม
ตรงกันข้าม ในเมื่อมองแล้วว่าสู้ต่อไปอาจจะเสี่ยงพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ เค้าก็เลือกที่จะไม่เอาตัวไปพัวพันจนถลำลึก
และกับนางเอกเอง ก็ไม่ใช่ความรักแบบปุปปัป ไม่มีที่มา ไร้เหตุผลรองรับ
การหยอด ป้อนคำหวาน รวมทั้งถึงเนื้อถึงตัวนางเอก มาจากวิสัยผู้ชายแท้ๆที่มีผู้หญิงสวยๆใกล้ตัวก็อดจะพัวพันไม่ได้
หลายครั้งในช่วงแรก แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีปัญหา ไม่ใช่เพราะความรักที่ทำให้พระเอกไปง้องอนนางเอกกลับมา
แต่เป็นเพราะหน้าที่ ความรับผิดชอบ และการเชื่อฟังคำของแม่ ทำให้อยู่รอดกันมาได้
ทั้งสองคน 'รู้' และยอมรับด้วยซ้ำว่าสิ่งที่รู้สึก ยังไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความรู้สึกห่วงใยเหมือนเพื่อน
ความรักค่อยๆงอกงามอย่างช้าๆ ตรงไปตรงมา ด้วยคุณความดี ความจริงใจ ห่วงใย และความเข้าใจ
นางเอกเองก็ไม่ใช่นางในวรรณคดีที่แสนดี แสนอดทน นั่งร้องไห้ก้นครัว ยอมให้พระเอกพัวพันกับตัวร้ายโดยไม่หือไม่อือ
เธอไม่ได้รักแรกพบ แต่เพราะการอบรมสั่งสอน ความอดทน ความรักครอบครัวเก่า ทำให้ยืนหยัดอยู่ได้
และก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา อายุยังน้อย มีโกรธ มีเสียใจ น้อยใจ มียอมแพ้ กลับไปหาครอบครัวเก่า
ซึ่งเพราะครอบครัวทั้งสองฝ่ายที่ดี ช่วยเหลือ แนะนำอบรม ทำให้ทั้งสองคนค่อยๆเรียนรู้วิธีคิดและปรับตัว
คนดูเองก็ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยถึงวิธีการแก้ปัญหา การจัดการกับปัญหา ที่อาจมีผิดพลาดบ้างไป
บททำให้เห็นว่าการใช้ 'เหตุผล' และ'สติ' เหนือ 'อารมณ์' สำคัญมากแค่ในไหนการประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่รอดยามเจออุปสรรค
ในตอนท้าย .... บททำให้เห็นถึงความรักที่ 'แตกต่าง' ในเรื่องของฐานะ
ถึงจะมาในจุดที่น้ำเน่าและบังเอิญที่สุดในเรื่อง แต่บทก็กลับยังให้แง่คิดในการ 'ครองคู่' ได้
ไม่ใช่ชีวิตคู่ทุกคู่จะจบลงอย่างมีความสุขเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีชาติตระกูลดีและมีฐานะร่ำรวย
ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้ เมื่อคนสองคนรักกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่มีความต่างของสังคมและเงินทอง
ในบท มีทั้งการเปลี่ยนสังคมและสิ่งรอบตัวของนางเอก ทั้งการแต่งตัว ปฎิกิริยาโต้ตอบของคนในสังคม และหน้าที่การงาน
เราดีใจที่บทไม่ได้แก้ปัญหาง่ายๆด้วยการยอมให้นางเอก 'สละ' ทุกอย่างที่มี เพียงเพื่อไปใช้ชีวิตยากจนกับพระเอก
แต่กลับยืนหยัดให้ครอบครัวที่แท้จริง 'ปฎิเสธ' ความคิดนั้นและทำให้นางเอกตระหนักถึง 'หน้าที่' ที่มาพร้อมกับความมั่งมีที่ได้รับ
นางเอกยังมี 'พ่อ' ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และต้องการให้ลูกสาวที่หายสาปสูญไปนานคอยอยู่ดูแลใกล้ชิด
ไม่ต่างจากทุกอย่างในโลกของความเป็นจริง ที่เราไม่มีทางได้อะไรมาฟรีโดยไม่สูญเสียอะไรไป
และไม่ใช่ว่าชีวิตทุกคนจะมีปุ่มรีเซ็ทให้กลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ณ จุดเริ่มต้นได้ทุกคน
นางเอกได้เข้าใจว่าความหวังดี จะยกบ้านเดิมของพระเอกที่เคยเสียไป ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีกับผู้รับเสมอไป
พระเอกเองก็ต้อง 'เลือก' ที่จะยอมละความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีต่อฐานะ เพื่อจะมาอยู่กับนางเอกมีหน้าที่ดูแลพ่อที่บ้าน
------------------------
ท้ายนี้ อยากจะชื่นชมว่าบทละครทำให้เราเข้าใจในคำพูดที่ว่าไม่ใช่แค่ 'ความรัก' ที่ทำให้การใช้ชีวิตคู่ไปรอด
เพราะแทนที่จะเป็นแบบนั้น บทกลับแสดงตัวอย่างของปัญหาให้คนดูเห็นภาพ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ว่าชีวิตไม่ได้โดยด้วยกลีบกุหลาบที่จบลงด้วยการแต่งงาน Happily ever after อย่างในนิทาน แต่มีอะไรอีกมากมายรออยู่
ผ่านความคิดและค่านิยมของคนสมัยก่อน ที่มีการอบรมสั่งสอนทั้งหน้าที่ ความรับผิดชอบของสามี-ภรรยา
ต่างจากปัจจุบันดังที่เราจึงเห็นหลายคู่ที่แต่งงานไปได้ไม่นานแล้วเลิกรากัน เพียงเพราะความรักหมดลง .....
เมื่อมีโอกาส 'เลือก' การใช้สติ ใช้ปัญญาในการพิจารณาคนที่เข้ามาในชีวิตเป็นสิ่งที่ควรจะนำหน้าอารมณ์
เมื่อได้ 'เลือก' แล้ว ..... สิ่งที่จะทำให้อยู่ด้วยกันรอด อย่างมีความสุข คือ ศีลธรรม ความอดทน ความไว้เนื้อเชื่อใจ การยอมละ ลดทิฐิ ตัวฉัน ของฉัน ศักดิ์ศรีฉัน ครอบครัวฉันคือคำตอบ
และต้องไม่ลืมว่า หากอีกฝ่ายไม่ได้มีทุกอย่างเสมอกันก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจะจบ การให้อะไรกับคนไม่คู่ควรไปเรื่อยๆไม่รู้จบไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป แม้การเลิกราไม่ใช่สิ่งที่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ง่ายๆ แต่การเลือกจะเมินเฉยและอดทนก็ไม่ใช่ทางที่ควรเลือกเดิน เพราะหากเราถลำลึกไป ไม่ได้มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่ทุกข์ ครอบครัว พ่อแม่ที่มองเราด้วยความเป็นห่วงนั้นทุกข์กว่าเราเสียอีก
ปดิวรัดา ...... สิ่งที่มากกว่าแค่ละครลูกกวาด
แต่เพราะได้ยินเสียงชมเยอะ บอกว่าดีๆ ทำให้เราสนใจขึ้นมา
เกริ่นก่อนว่าเนื้อหาที่จะเขียนนี้ อาจจะแตกต่างกับความเห็นในกท.ชื่นชมอื่นๆค่ะ
เพราะไม่ได้ชื่นชมการแสดงของนักแสดงเลย เนื่องจาก 2 เหตุผล
เหตุผลแรก คือ เราเป็นนักอ่านนิยายมากกว่านักดูละคร ทำให้เราดูเนื้อหามากกว่าการแสดง
เหตุผลที่สอง คือ เราอ่านบทละครล้วนๆโดยแทบไม่ได้ดูละคร!!
ค่ะ ..... ที่จะพูดถึงทั้งหมด ในย่อหน้าอื่นๆต่อไปนี้ มาจากการอ่านล้วนๆ
(และก็ไม่รู้ว่าแตกต่างจากตัวนิยายและการนำเสนอเป็นละครมากแค่ไหน)ซึ่งแม้จะแค่อ่าน แต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่าบทละครเขียนออกมาได้ดีมาก
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าช่อง 3 เองก็น่าจะฟังและ 'แคร์' คนกลุ่มอื่นๆ 'บ้างละมั้ง' และไม่ได้มุ่งจะขายแค่ละครลูกกวาด ฟินๆจิ้นๆเท่านั้น
ตรงกันข้าม นี่เป็นละครน้ำดี สะท้อนแง่คิดที่หนุ่มสาวสมัยนี้ควรจะสนใจเลยล่ะ
คำเตือน
มีการสปอยเนื้อหาของบทละครค่ะ
---------------
เพราะอะไรถึงคิดว่าดี?
จริงๆถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าละครมีครบสูตรตามแบบละครน้ำเน่าจะมีเลย
เริ่มจากนางเอกยากจน ถูกเก็บมาเลี้ยง บ้านใหม่ไม่ได้มีสถานะอย่างลูกสาวจริงๆ พอมีเรื่องก็ส่งนางเอกไปผจญปัญหาแทน
นอกจากนี้ยังมีตัวอิจฉา แฟนเก่าพระเอกที่ตามมาพัวพัน
รวมทั้งผู้ชายชาติตระกูลดีที่แอบหลงรักนางเอกมาตามให้พระเอกหึงหวง
มีโจรและความยากลำบากของต่างจังหวัดรที่คอยมาสร้างปัญหาและบททดสอบคู่พระนาง
เท่านั้นยังไม่พอ ... ยังมีนางเอกกลายเป็นลูกเศรษฐีในตอนท้ายๆขึ้นมาอีก
(ครบเครื่องสิ่งที่ละครน้ำเน่าไทยจะต้องมีที่สุดเรื่องนึง ไม่แพ้น้ำตากามเทพเลย)
แต่สิ่งที่ทำให้ละครเรื่องนี้ต่างออกไป จนเราอดชื่นชมไม่ได้ อยู่ที่การนำเสนอปัญหาและทางแก้ต่างหาก
ตั้งแต่บ้านที่เลี้ยงนางเอก .... บทละครทำให้เห็นว่าแม้จะโตมาอย่างเด็กถูกเก็บมาเลี้ยง ทำงานบ้าน
นางเอกก็ถูกเลี้ยงดูมา โตมาด้วยกันในบ้านที่พ่อแม่มีความเป็นผู้ดี มีการศึกษา คอยอบรมสั่งสอนนะ
ไม่ได้มีแต่ความเกลียดชัง อิจฉาริษยา หรือมุ่งจะทำร้ายเสมอไป
แม่แท้ๆของนางเอกก็ไม่ได้คิดตามพล๊อตน้ำเน่าที่เลือกจะทิ้งลูกไว้บ้านใครเพราะแค่บ้านนั้นรวย
เมื่อมีปัญหา ด้วยพื้นฐานที่มีของครอบครัว ทำให้การตัดสินใจให้นางเอกไปแต่งงานแทนมีน้ำหนักขึ้นมา
พ่อบุญธรรมไม่ได้เลือกนางเอกเพราะแค่รักลูกตัวเอง แม่บุญธรรมก็ไม่ได้แค่เห็นแก่ตัวจนลืมคิดถึงคนอื่น
และเพราะพื้นฐานครอบครัวที่ดี ทำให้เห็นว่าก็มีพ่อแม่บุญธรรมนี่แหละคอยอบรมสั่งสอนการครองคู่ให้ได้
แม้แต่พี่สาว (หรือน้องสาวนะ) บราลี บรานีเอง แลดูเป็นเด็กงอแง ทำอะไรไม่เป็น
แต่ก็มีความคิด รู้ว่านางเอกช่วยตัว แต่งงานแทน และเคยดูแลมาแต่เด็ก สมกับที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
พอนางเอกมีปัญหา ก็คิดหาทางช่วย สมกับที่เคยโตมาด้วยกัน ช่วยกันมาตลอด
บทละครทำให้เราเห็น 'คน' จริงๆที่มีพื้นฐานความคิดของวิญญูชน ที่มีธรรมะ มีสติในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่อิจฉาหรือหมั่นไส้ไปวันๆ
ตัวนางอิจฉา ก็แสดงให้เห็นถึงความเอาแต่ใจ ถูกตามใจมาจนเคยตัว
พอเห็นของที่เลือกไม่ได้ดีจริง ก็ทิ้งขว้าง และเกิดเสียดายของเดิมที่เคยทิ้งไปขึ้นมา
ที่สำคัญ เมื่ออ่านจนจบ บทละครแสดงให้เห็นชัดเลยว่าตัวละครนี้ไม่ได้รักพระเอกเท่าไหร่ สิ่งที่รักคือตัวเองต่างหาก
เพราะนิสัยเคยได้อะไรต้องได้นี่ ทำให้เมื่อรู้สึกว่ากำลังแพ้ ก็ทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาชนะให้ได้
ไม่ต่างจากวิสัยของคุณหนูเอาแต่ใจที่แพ้ไม่เป็น เคยได้ทุกอย่างที่ต้องการ ... ถึงได้ถลำลึก เล่นสกปรกไปเรื่อยๆ
จนบทเรียนสุดท้ายทำให้คิดได้ ว่าอิจฉาไป อยากได้ไป คนที่ไม่มีความสุขที่สุดก็ไม่ใช่ใครนอกจากใจตัวเอง
ที่ชอบอีกอย่างคือ ในขณะที่มีภาพนางร้าย
บทละครก็ไม่ลืมให้เห็นว่าในขณะที่ตัวละครทำแบบนี้ พ่อแม่ของเค้า ญาติ หรือสามีเค้าเองก็ไม่ได้พอใจหรือเห็นด้วยไปซะหมด
บทละครทำให้เห็นถึงการต้องหลบๆซ่อนๆ คอยโกหกครอบครัว เพื่อจะมาอยู่ใกล้พระเอกให้ได้
ครอบครัวเอง ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการตามจับพระเอก เพียงเพราะสามีที่แต่งงานไปไม่ได้รวยจริง
ตรงกันข้าม กลับพยายามช่วยสามีให้ลืมตาอ้าปาก รับมาช่วยงานในบ้าน เพื่อให้ครอบครัวลูกสาวไปรอด
ซึ่งคิดจากความคิดปุถุชนในสังคมจริง คงไม่มีพ่อแม่ที่ไหนที่ลูกเพิ่งแต่งงานแล้วอยากให้ครอบครัวลูกแตกแยก
ยิ่งลูกสาวคนเดียว รักมาก ยังไงก็ต้องพยายามประคับประคอง ช่วยเหลือไปจนถึงที่สุด
ในขณะที่ชีวิตคู่ของนางเอกสะท้อนการแต่งงานแบบผู้ใหญ่คิดแทน
ลูกสาวอีกคนของครอบครัวนางเอกก็สะท้อนอีกแง่มุมของการเลือกคู่ชีวิต
บราลี-บรานี เลือกคู่เพราะความถูกใจหวือหวา เลือกโดยไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอให้ดี ไม่รู้ภูมิหลังให้ถี่ถ้วน
ทั้งที่ครอบครัวก็ทัดทาน แต่เพราะความรักและนิสัยยังไม่โต ทำให้ใช้อารมณ์ตัดสินใจแทนเหตุผล
เมื่อเกิดปัญหา .... ด้วยความรัก ความต้องการรักษาครอบครัว ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่สามีทำมันผิด กลับเลือกจะขอให้นางเอกช่วยสามี
ในบทยังแสดงให้เห็นถึงความพยายามยื้อ ไม่ใช่เพราะรักทั้งหมดซะทีเดียว แต่เพราะความรู้สึกอับอายต่อกระแสสังคม
โชคดีที่สิ่งที่เธอมี ก็คือครอบครัวที่ดี ถึงแม้จะล้ม แต่ก็ยังมีพ่อแม่พี่น้อง คอยช่วยเหลือดูแลให้กลับมายืนหยัดให้ได้
และบทก็ทำให้เห็นว่าการผ่านสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ ... เพียงแต่เมื่อมันเกิด ก็ต้องต่อสู้เพื่อผ่านไปให้ได้
ที่สำคัญ แม้จะเลือกในทางที่ถูกที่ควร บทก็ยังทำให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีตอนจบชีวิตที่สวยงามแบบมีผู้ชายอื่นเข้ามาช่วยแทนที่
และเน้นให้เห็นว่าแม้ชีวิตคู่จะล้มเหลว และไม่มีผู้ชายใหม่มารัก ... คนเราก็มีค่าได้ด้วยตัวเองและการงานรับผิดชอบ
ตรงกันข้ามกับผู้หญิงอีกคนที่เลือกจะใช้ชีวิตล่องลอยไปตามสิ่งแวดล้อมที่เป็น
เมื่อนิ่ม(? ลูกสาวกำนัน) ได้สามีเป็นโจรคอยปล้นคนอื่น ... นอกจากจะไม่ตักเตือนกัน ไม่เลือกจะแยกจากกันเพื่อใช้ชีวิตในทางที่ควรแล้ว
เธอยังเลือกจะ 'ถลำลึก' เดินไปในเส้นทางที่ผิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นโจรเต็มตัว และจบชีวิตลง
การตายของเธอไม่ได้แสดงถึงแค่จุดจบของตัวร้ายตัวนึง แต่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของพ่อแม่ที่หัวใจสลายเพราะลูกเลือกทางเดินชีวิตที่ผิดด้วย
บุรณีเป็นอีกคนที่สะท้อนชีวิตที่ต่างออกไป
ด้วยความเป็นคนช่างคิด ใช้สติในการคิด ใช้เหตุผลนำในการคบคนและเลือกคู่
เมื่อมองเห็นว่าผู้ชายไม่ได้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตด้วยซะทีเดียว เธอเลือกที่จะรักษาระยะไว้
และใช้เวลา รวมถึงโอกาสที่มีในการสังเกตนิสัยใจคอ พื้นฐานความเป็นมา จิตใจ
สิ่งที่เราชอบ คือ ในสังคมและยุคสมัยที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ตาม เป็นช้างเท้าหลังอยู่บ้าน ทำงานบ้านให้สามี แม้แต่โทนเรื่องแทบทั้งหมดก็เป็นไปในทางที่ผู้หญิงไม่ได้มีหน้าที่การงานอะไรเด่นชัดนอกจากงานบ้านและการติดตามช่วยเหลือสามี ในบทก็ยังมีตัวละครอย่างบุรณี ที่ไม่ได้ทิ้งความฝันตัวเองในการไปเรียนต่อ และไม่ได้บังคับให้ผู้ชายยอมตามความฝันเธอ
เธอให้โอกาสทั้งตัวเองและฝ่ายชาย 'เลือก' ว่าจะยินยอมสละบางอย่าง เพื่อจะคบกันหรือเปล่า
ถ้าคำตอบคือ 'ไม่' เธอก็ยังคงยืนหยัดจะทำตามความฝันตัวเองต่อไป
พระเอกเองก็เป็นภาพสะท้อนของ 'ผู้ชายธรรมดา'
เมื่อรัก เมื่อคิดว่าคนนี้คือคนที่ 'ใช่' ... และด้วยเวลา โอกาส ก็ไม่สามารถจะหักห้ามใจตัวเองชิงสุกก่อนห่าม
เมื่อต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และแฟนเก่ากลับมา ก็มีความลังเลใจ ไม่แน่ใจ และเกือบจะพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ที่มี
แต่ด้วยเพราะการอบรมสั่งสอน การถูกเลี้ยงดูมา สติ ... ทำให้ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา
พระเอกไม่ได้อดทนเป็นพระอิฐพระปูน ขนาดจะยืนหยัดโดนยั่วแล้วไม่หวั่นไหวคล้อยตาม
ตรงกันข้าม ในเมื่อมองแล้วว่าสู้ต่อไปอาจจะเสี่ยงพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ เค้าก็เลือกที่จะไม่เอาตัวไปพัวพันจนถลำลึก
และกับนางเอกเอง ก็ไม่ใช่ความรักแบบปุปปัป ไม่มีที่มา ไร้เหตุผลรองรับ
การหยอด ป้อนคำหวาน รวมทั้งถึงเนื้อถึงตัวนางเอก มาจากวิสัยผู้ชายแท้ๆที่มีผู้หญิงสวยๆใกล้ตัวก็อดจะพัวพันไม่ได้
หลายครั้งในช่วงแรก แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีปัญหา ไม่ใช่เพราะความรักที่ทำให้พระเอกไปง้องอนนางเอกกลับมา
แต่เป็นเพราะหน้าที่ ความรับผิดชอบ และการเชื่อฟังคำของแม่ ทำให้อยู่รอดกันมาได้
ทั้งสองคน 'รู้' และยอมรับด้วยซ้ำว่าสิ่งที่รู้สึก ยังไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความรู้สึกห่วงใยเหมือนเพื่อน
ความรักค่อยๆงอกงามอย่างช้าๆ ตรงไปตรงมา ด้วยคุณความดี ความจริงใจ ห่วงใย และความเข้าใจ
นางเอกเองก็ไม่ใช่นางในวรรณคดีที่แสนดี แสนอดทน นั่งร้องไห้ก้นครัว ยอมให้พระเอกพัวพันกับตัวร้ายโดยไม่หือไม่อือ
เธอไม่ได้รักแรกพบ แต่เพราะการอบรมสั่งสอน ความอดทน ความรักครอบครัวเก่า ทำให้ยืนหยัดอยู่ได้
และก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา อายุยังน้อย มีโกรธ มีเสียใจ น้อยใจ มียอมแพ้ กลับไปหาครอบครัวเก่า
ซึ่งเพราะครอบครัวทั้งสองฝ่ายที่ดี ช่วยเหลือ แนะนำอบรม ทำให้ทั้งสองคนค่อยๆเรียนรู้วิธีคิดและปรับตัว
คนดูเองก็ค่อยๆเรียนรู้ไปด้วยถึงวิธีการแก้ปัญหา การจัดการกับปัญหา ที่อาจมีผิดพลาดบ้างไป
บททำให้เห็นว่าการใช้ 'เหตุผล' และ'สติ' เหนือ 'อารมณ์' สำคัญมากแค่ในไหนการประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่รอดยามเจออุปสรรค
ในตอนท้าย .... บททำให้เห็นถึงความรักที่ 'แตกต่าง' ในเรื่องของฐานะ
ถึงจะมาในจุดที่น้ำเน่าและบังเอิญที่สุดในเรื่อง แต่บทก็กลับยังให้แง่คิดในการ 'ครองคู่' ได้
ไม่ใช่ชีวิตคู่ทุกคู่จะจบลงอย่างมีความสุขเมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีชาติตระกูลดีและมีฐานะร่ำรวย
ปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้ เมื่อคนสองคนรักกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน แต่มีความต่างของสังคมและเงินทอง
ในบท มีทั้งการเปลี่ยนสังคมและสิ่งรอบตัวของนางเอก ทั้งการแต่งตัว ปฎิกิริยาโต้ตอบของคนในสังคม และหน้าที่การงาน
เราดีใจที่บทไม่ได้แก้ปัญหาง่ายๆด้วยการยอมให้นางเอก 'สละ' ทุกอย่างที่มี เพียงเพื่อไปใช้ชีวิตยากจนกับพระเอก
แต่กลับยืนหยัดให้ครอบครัวที่แท้จริง 'ปฎิเสธ' ความคิดนั้นและทำให้นางเอกตระหนักถึง 'หน้าที่' ที่มาพร้อมกับความมั่งมีที่ได้รับ
นางเอกยังมี 'พ่อ' ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และต้องการให้ลูกสาวที่หายสาปสูญไปนานคอยอยู่ดูแลใกล้ชิด
ไม่ต่างจากทุกอย่างในโลกของความเป็นจริง ที่เราไม่มีทางได้อะไรมาฟรีโดยไม่สูญเสียอะไรไป
และไม่ใช่ว่าชีวิตทุกคนจะมีปุ่มรีเซ็ทให้กลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม ณ จุดเริ่มต้นได้ทุกคน
นางเอกได้เข้าใจว่าความหวังดี จะยกบ้านเดิมของพระเอกที่เคยเสียไป ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีกับผู้รับเสมอไป
พระเอกเองก็ต้อง 'เลือก' ที่จะยอมละความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีต่อฐานะ เพื่อจะมาอยู่กับนางเอกมีหน้าที่ดูแลพ่อที่บ้าน
------------------------
ท้ายนี้ อยากจะชื่นชมว่าบทละครทำให้เราเข้าใจในคำพูดที่ว่าไม่ใช่แค่ 'ความรัก' ที่ทำให้การใช้ชีวิตคู่ไปรอด
เพราะแทนที่จะเป็นแบบนั้น บทกลับแสดงตัวอย่างของปัญหาให้คนดูเห็นภาพ ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในเรื่อง
ว่าชีวิตไม่ได้โดยด้วยกลีบกุหลาบที่จบลงด้วยการแต่งงาน Happily ever after อย่างในนิทาน แต่มีอะไรอีกมากมายรออยู่
ผ่านความคิดและค่านิยมของคนสมัยก่อน ที่มีการอบรมสั่งสอนทั้งหน้าที่ ความรับผิดชอบของสามี-ภรรยา
ต่างจากปัจจุบันดังที่เราจึงเห็นหลายคู่ที่แต่งงานไปได้ไม่นานแล้วเลิกรากัน เพียงเพราะความรักหมดลง .....
เมื่อมีโอกาส 'เลือก' การใช้สติ ใช้ปัญญาในการพิจารณาคนที่เข้ามาในชีวิตเป็นสิ่งที่ควรจะนำหน้าอารมณ์
เมื่อได้ 'เลือก' แล้ว ..... สิ่งที่จะทำให้อยู่ด้วยกันรอด อย่างมีความสุข คือ ศีลธรรม ความอดทน ความไว้เนื้อเชื่อใจ การยอมละ ลดทิฐิ ตัวฉัน ของฉัน ศักดิ์ศรีฉัน ครอบครัวฉันคือคำตอบ
และต้องไม่ลืมว่า หากอีกฝ่ายไม่ได้มีทุกอย่างเสมอกันก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจะจบ การให้อะไรกับคนไม่คู่ควรไปเรื่อยๆไม่รู้จบไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป แม้การเลิกราไม่ใช่สิ่งที่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ง่ายๆ แต่การเลือกจะเมินเฉยและอดทนก็ไม่ใช่ทางที่ควรเลือกเดิน เพราะหากเราถลำลึกไป ไม่ได้มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่ทุกข์ ครอบครัว พ่อแม่ที่มองเราด้วยความเป็นห่วงนั้นทุกข์กว่าเราเสียอีก