เป็นการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกเลยครับ ปกติไม่ค่อยชอบเที่ยวแนวธรรมชาติแบบนี้ แต่ตอนนี้ไม่ปกติเลยลองดูครับ
เค้าบอกว่าให้ลองไปในที่ที่คนไม่รู้จักเราดู เราจะรู้จักตัวเองมากขึ้น พอดีมีน้องแนะนำที่นี่มาเลยลองไปดูครับ
ไปมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ตอนไปนี่ไม่ได้วางแผนเลย จองวันอาทิตย์ไปวันอังคารเลยที่เพิ่งมารีวิวเพราะช่วงนี้เที่ยวคนเดียวบ่อย
ที่ที่ไปก็ประมาณแบบนี้ครับ เริ่มเสพย์ติดการเที่ยวคนเดียวไปแล้ว สบายดีอยากจอดตรงไหนก็จอด อยากพักตรงไหนก็พักไม่ต้องรีบ
ปล.รูปไม่สวยไม่ว่าเนอะผมใช้มือถือถ่ายทั้งหมดเลย เดินเจอมุมไหนสวยถ่ายมุมนั้น
ทางไปไปหาเอาในอากู๋นะครับ ไปง่ายผมไปคนเดียวยังไม่หลงเลยครับ จอดถามเอาบ้างตามอัธยาศัย
ถึงที่หมายประมาณสี่โมงเย็นผู้ใหญ่บ้านบอกให้รอแปปเลยบอก ผญ.บ้านว่าผมไม่รีบ เดินเล่นเลยครับ
จอดรถตรงหน้าวัด ถามเค้าเค้าบอกมีพระอยู่กลางน้ำเลยลองไปเดินลัดเลาะลงไปไหว้ดู
ผมบอกตามตรงนะแค่บรรยากาศตรงนี้ ที่ขับมาเกือบ 700 โลหายเหนื่อยเลยครับ
ซักพักลุงผู้ใหญ่โทรมาบอกว่าให้ไปที่บ้านพักบ้านหมายเลข 3 ชื่อเจ้าของบ้านชื่อป้าอำพร
พอขนของถึงบ้านพักเสร็จก็คุยกับป้าพักนึงแล้วก็เดินเล่นเรื่อยๆตรงหมู่บ้าน แสงเริ่มน้อยเลยไม่ได้ถ่ายรูป
และก็กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านเลย นี่ไงข้าวเย็นผม
กินคำแรกนะครับ คืออร่อยมากผมไม่ได้ค่าโฆษณา ไม่ได้อะไรผมสาบาน คือมันอร่อยจริงๆ
ป้าใจดีและทำกับข้าวอร่อยมากครับ แต่ผมไม่กล้ากินเยอะกลัวป้าแกหาว่าตะกละ 555 (แต่สุดท้ายก็สองจาน)
กินข้าวคนเดียวแต่ไม่เหงาครับ มีลุงแกเดินมาจากไหนไม่รู้มานั่งคุยเป็นเพื่อน ผมว่าคนที่นี่อัธยาศัยดีและใจดีมากผมเริ่มรักที่นี่ละ
พอดีป้าบอกว่าคืนนั้นมีสวดมนต์ ผมเลยขอติดตามป้าไปด้วยเผื่อสวดมนต์แล้วผมจะสบายใจขึ้น
บรรยากาศในโบสถ์ ผมชอบนะ จิตใจสงบดี ร่มรื่น สวดมนต์เสร็จป้ากับพี่อ้อม(ลูกสาวป้า)นอนวัด ผมก็เดินกลับบ้านคนเดียว
บรรยากาศที่โน่นตอนกลางคืนเงียบมากเลยครับ ได้ยินเสียงลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้านแนวๆโลโมโซนิค นี่ไงที่นอนผม
ต้องรีบนอนครับเพราะพรุ่งนี้จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วฝิ่น แผนวันรุ่งขึ้นมีแค่นี้ครับที่เหลือด้นสด
ตื่นเช้ามาประมาณตีห้ายังมืดๆอยู่เลยครับ เดินลงไปเอารถขับขึ้นกิ่วฝิ่นคนเดียวเลยลุย ด้วยความมืดเลยไม่ได้ถ่ายข้างทางนะครับ
และไปจอดรถตรงจุดรักษาการณ์อะไรซักอย่างนี่แหละ เดินขึ้นกิ่วฝิ่นคนเดียว ทางก็มืดมากตอนแรกกลัวนะครับ
แต่มาแล้วถ้าไม่ใจก็กลับบ้านคิดแค่นี้ ตอนแรกจะกลับเหมือนกัน แต่ก็กัดฟันเดินขึ้นไปบนกิ่วฝิ่น พอเดินถึงกิ่วฝิ่นเท่านั้นแหละครับ
น้ำตาผมนี่แทบไหลออกมาเลย ลืมเอามือถือมาจากบ้าน คือกิ่วฝิ่นห่างจากหมู่บ้านประมาณ 7-8 กิโลเมตร ไม่เป็นไรครับ
ผมบันทึกด้วยตากับสมองแทน ผมยืนอยู่บนกิ่วฝิ่นคนเดียวเลยครับสองชั่วโมง นั่งตามหินบ้าง ถอดรองเท้ายืนบนหินบ้างเย็นเท้าดี
รู้สึกว่าสายลมเย็นๆมาปะทะหน้าใหญ่ๆของผมแล้วเย็นดี สบายใจแบบบอกไม่ถูก เป็นสองชั่วโมงที่ผมไม่ได้คิดอะไรเลย สมองโล่งแปลกๆ
มีน้องนางแอ่น(คงใช่มั้ง) บินไล่จับแมลงเป็นฝูงเลย พอพระอาทิตย์ขึ้นมาได้ซักหน่อยผมก็กลับแล้วครับ นัดป้าทานข้าวเช้าไว้แปดโมง
เดี่ยวรูปกิ่วฝิ่นติดไว้ก่อนนะครับ ^_^
เมื่อถึงบ้านอากาศยังเย็นอยู่ก็เลยถ่ายวิวหน้าบ้านเล่นหน่อย สวยดีชอบๆ
และนี่ครับอาหารเช้าที่ป้าเตรียมไว้ ข้าวต้มหมู
ข้าวต้มกับหมู มีกะเทียมทอดกับไข่ต้ม เหมือนเดิมครับ คำแรกจนถึงคำสุกท้ายผมให้สองคำ "หมดหม้อ"
เป็นข้าวต้มที่อร่อยมากจริงๆ ป้าเค้าเห็นผมกินได้ป้าแกก็ยิ้มครับ ผมชอบมากครับรสชาดกับกลิ่นหอมๆนี่ มีสองหม้อผมก็หมดสองหม้อ
เอาละครับกินข้าวแล้ว อาบน้ำ เริ่มเดินสำรวจหมู่บ้านกันดีกว่ากะว่าจะไปน้ำตกแต่เดินไปนะครับ ชอบเดินมากกว่าประมาณ 1-2 กิเมตรเอง
เดี่ยวผมลงรูปอย่างเดียวเลยเนอะ เดินเรื่อยๆ อากาศดีมาก เดินได้ทั้งวันแบบนี้
ผมชอบนะบรรยากาศแบบนี้เงียบสงบดี ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ขนาดดอกหญ้าที่นี่ยังสวยเลย(ดอกหญ้าใช่ไหมเนอะ)
และก็มาถึงจุดแรกก่อนถึงน้ำตก ร้านกาแฟ"ชมนกชมไม้" ข้อดีของการมาวันธรรมดาคือมันโล่งแบบนี้เลย อาจจะช่วงเช้าด้วย
ร้านนี้เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ตอนแรกไม่ได้กะมารีวิว ชื่อร้านยังถ่ายมาไม่ตรงเลย 555
ผมนั่งโต๊ะตรงกลางเลย
และนี่วิวจากโต๊ะที่ผมนั่ง
เป็นคนไม่กินกาแฟครับ แต่ชอบนั่งร้านกาแฟแบบนี้ เลยสั่งแอปเปิ้ลโซดามากิน
จากนั้นก็เดินต่อไปให้ถึงน้ำตก สภาพทางที่เดินขึ้นไปก็ประมาณนี้ครับ
จุดนี้เลี้ยวซ้ายก็ถึงน้ำตกละ ผมชอบมากถนนที่มีน้ำไหลผ่าน คลาสสิคดีผมว่า ^^
เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอน้ำตก น้ำเย็นมาก วิวสวยด้วย
"เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความทุกข์โยนไปกับภูเขาและฟ้าสีคราม"
เดินเล่นแช่น้ำจนพอใจแล้วก็เดินลงมาข้างล่างเค้าว่ามีร้านกาแฟอีกร้านนนึงครับสวยดี
ระหว่างทางก็ถ่ายรูปไปเรื่อย เดินเลยร้านกาแฟไปก่อน ถนนวันธรรมดาไม่ค่อยมีคนสวยดี
และแล้วก็มาถึงร้านกาแฟอีกร้าน ร้าน"ลุงปุ๊ดป้าเป็ง" นี่ไง
เหมือนเดิมครับ วันธรรมดาช่วงเช้ายังไม่ค่อยมีคนไม่ต้องแย่งกัน นั่งตรงไหนก็ได้ เอามุมที่ดีที่สุดไป(ความคิดผมนะ)
เอาละครับในหมู่บ้านก็เดินเล่นหมดแล้ว ผมเดินเยอะแต่ไม่ได้ถ่ายมาลงหมดนะครับ เหลือไว้ให้ไปค้นหาเองบ้างเนอะ
ภารกิจต่อไปอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเค้าว่าอยู่ใกล้ๆเลยลองไปดู ถามลุงในหมู่บ้านมา และที่ไม่ลืม
มันเป็นทางที่ผ่านกิ่วฝิ่นไง ถ่ายรูปแก้มือกันหน่อย นี่ไงทางขึ้น ตอนนี้สว่างไม่น่ากลัวแล้ว
ตอนมาถ่ายรูปก็ยังมีแค่คนเดียว อยากตะโกนดังๆว่า"เหินฟ้าาาาาา" กลัวมีคนตอบมาว่า"สวยยยยย" (เช็คอายุกันประโยคนี้)
ถ่ายรูปเสร็จได้เวลาลุยต่อที่แจ้ซ้อน ทางคดเคี้ยวแต่คุ้มค่าเชื่อผม ลองดูเองนะ ผมว่ามันร่มรื่นดี
ขับมาซักพัก จะเจอลำธารผ่านถนนอีก ขับช้าๆนะครับ ดูแลเพื่อนร่วมโลกด้วย ตอนแรกนึกว่าตัวอะไร"ผีเสื้อ"นี่เอง
ถ่ายไปถ่ายมามุมสวยดีถ่ายรถมั่ง อุตส่าพามาเดี๋ยวมันน้อยใจ
จากนั้นก็ขับตามทางไปเรื่อยๆครับ ข้างทางก็ประมาณนี้นะ
ตื่นเต้นกับความสวยงามข้างทางมากไปหน่อยลืมถ่ายทางเข้าอุทยานมาถ่ายอีกทีที่ทางขึ้นน้ำตกเลย
มีหลายชั้นนะครับ แต่มาคนเดียวเดินขึ้นคนเดียว ดันจินตนาการว่ามีเสือ ขึ้นไปไม่กี่ชั้นลงดีกว่า
ขากลับก็แวะถ่ายหลักกิโลแจ้ซ้อนหน่อยเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง
กลับก็กลับทางเดิมครับ แต่ขากลับมีแดดส่องลงมานิดหนอย ผมชอบรูปนี้นะ
พอมาถึงบ้านแม่กำปอง ผมนอนที่นี่อีกคืนนึงครับ และนี่อาหารเย็นนะครับ ไม่ต้องบอกครับ"กินคลีน"ไม่เหลืออะไรเลย
และพอรุ่งเช้าก็ข้าวต้มหมูครับเหมือนเดิมหมดหม้อเลย บ้านป้าเค้าสวยดีครับ ขออนูญาตถ่ายให้ดูนะครับ นี่ระเบียง
สุดท้ายก็ต้องบอกลากัน ความประทับใจเหรอเต็มสิบผมคงให้ประมาณ 15 มั้งชอบจริงๆบอกไม่ถูก
อยากบรรยายมากกว่านี้แต่มาค้นหากันเองดีกว่า นี่แค่ส่วนหนึ่งของที่นี่ คนที่นี่ใจดี คุยเก่ง ทำอาหารอร่อย
สถานที่ ที่นี่ เย็นสบาย เงียบสงบแฝงไว้ด้วยความคลาสสิคเหมาะกับการพักใจและค้นหาตัวเอง ว่างๆมาลองเองนะ
[CR] คนเดียวสะบายดี EP.1 แม่กำปอง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
เค้าบอกว่าให้ลองไปในที่ที่คนไม่รู้จักเราดู เราจะรู้จักตัวเองมากขึ้น พอดีมีน้องแนะนำที่นี่มาเลยลองไปดูครับ
ไปมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ตอนไปนี่ไม่ได้วางแผนเลย จองวันอาทิตย์ไปวันอังคารเลยที่เพิ่งมารีวิวเพราะช่วงนี้เที่ยวคนเดียวบ่อย
ที่ที่ไปก็ประมาณแบบนี้ครับ เริ่มเสพย์ติดการเที่ยวคนเดียวไปแล้ว สบายดีอยากจอดตรงไหนก็จอด อยากพักตรงไหนก็พักไม่ต้องรีบ
ปล.รูปไม่สวยไม่ว่าเนอะผมใช้มือถือถ่ายทั้งหมดเลย เดินเจอมุมไหนสวยถ่ายมุมนั้น
ทางไปไปหาเอาในอากู๋นะครับ ไปง่ายผมไปคนเดียวยังไม่หลงเลยครับ จอดถามเอาบ้างตามอัธยาศัย
ถึงที่หมายประมาณสี่โมงเย็นผู้ใหญ่บ้านบอกให้รอแปปเลยบอก ผญ.บ้านว่าผมไม่รีบ เดินเล่นเลยครับ
จอดรถตรงหน้าวัด ถามเค้าเค้าบอกมีพระอยู่กลางน้ำเลยลองไปเดินลัดเลาะลงไปไหว้ดู
ผมบอกตามตรงนะแค่บรรยากาศตรงนี้ ที่ขับมาเกือบ 700 โลหายเหนื่อยเลยครับ
ซักพักลุงผู้ใหญ่โทรมาบอกว่าให้ไปที่บ้านพักบ้านหมายเลข 3 ชื่อเจ้าของบ้านชื่อป้าอำพร
พอขนของถึงบ้านพักเสร็จก็คุยกับป้าพักนึงแล้วก็เดินเล่นเรื่อยๆตรงหมู่บ้าน แสงเริ่มน้อยเลยไม่ได้ถ่ายรูป
และก็กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านเลย นี่ไงข้าวเย็นผม
กินคำแรกนะครับ คืออร่อยมากผมไม่ได้ค่าโฆษณา ไม่ได้อะไรผมสาบาน คือมันอร่อยจริงๆ
ป้าใจดีและทำกับข้าวอร่อยมากครับ แต่ผมไม่กล้ากินเยอะกลัวป้าแกหาว่าตะกละ 555 (แต่สุดท้ายก็สองจาน)
กินข้าวคนเดียวแต่ไม่เหงาครับ มีลุงแกเดินมาจากไหนไม่รู้มานั่งคุยเป็นเพื่อน ผมว่าคนที่นี่อัธยาศัยดีและใจดีมากผมเริ่มรักที่นี่ละ
พอดีป้าบอกว่าคืนนั้นมีสวดมนต์ ผมเลยขอติดตามป้าไปด้วยเผื่อสวดมนต์แล้วผมจะสบายใจขึ้น
บรรยากาศในโบสถ์ ผมชอบนะ จิตใจสงบดี ร่มรื่น สวดมนต์เสร็จป้ากับพี่อ้อม(ลูกสาวป้า)นอนวัด ผมก็เดินกลับบ้านคนเดียว
บรรยากาศที่โน่นตอนกลางคืนเงียบมากเลยครับ ได้ยินเสียงลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้านแนวๆโลโมโซนิค นี่ไงที่นอนผม
ต้องรีบนอนครับเพราะพรุ่งนี้จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่กิ่วฝิ่น แผนวันรุ่งขึ้นมีแค่นี้ครับที่เหลือด้นสด
ตื่นเช้ามาประมาณตีห้ายังมืดๆอยู่เลยครับ เดินลงไปเอารถขับขึ้นกิ่วฝิ่นคนเดียวเลยลุย ด้วยความมืดเลยไม่ได้ถ่ายข้างทางนะครับ
และไปจอดรถตรงจุดรักษาการณ์อะไรซักอย่างนี่แหละ เดินขึ้นกิ่วฝิ่นคนเดียว ทางก็มืดมากตอนแรกกลัวนะครับ
แต่มาแล้วถ้าไม่ใจก็กลับบ้านคิดแค่นี้ ตอนแรกจะกลับเหมือนกัน แต่ก็กัดฟันเดินขึ้นไปบนกิ่วฝิ่น พอเดินถึงกิ่วฝิ่นเท่านั้นแหละครับ
น้ำตาผมนี่แทบไหลออกมาเลย ลืมเอามือถือมาจากบ้าน คือกิ่วฝิ่นห่างจากหมู่บ้านประมาณ 7-8 กิโลเมตร ไม่เป็นไรครับ
ผมบันทึกด้วยตากับสมองแทน ผมยืนอยู่บนกิ่วฝิ่นคนเดียวเลยครับสองชั่วโมง นั่งตามหินบ้าง ถอดรองเท้ายืนบนหินบ้างเย็นเท้าดี
รู้สึกว่าสายลมเย็นๆมาปะทะหน้าใหญ่ๆของผมแล้วเย็นดี สบายใจแบบบอกไม่ถูก เป็นสองชั่วโมงที่ผมไม่ได้คิดอะไรเลย สมองโล่งแปลกๆ
มีน้องนางแอ่น(คงใช่มั้ง) บินไล่จับแมลงเป็นฝูงเลย พอพระอาทิตย์ขึ้นมาได้ซักหน่อยผมก็กลับแล้วครับ นัดป้าทานข้าวเช้าไว้แปดโมง
เดี่ยวรูปกิ่วฝิ่นติดไว้ก่อนนะครับ ^_^
เมื่อถึงบ้านอากาศยังเย็นอยู่ก็เลยถ่ายวิวหน้าบ้านเล่นหน่อย สวยดีชอบๆ
และนี่ครับอาหารเช้าที่ป้าเตรียมไว้ ข้าวต้มหมู
ข้าวต้มกับหมู มีกะเทียมทอดกับไข่ต้ม เหมือนเดิมครับ คำแรกจนถึงคำสุกท้ายผมให้สองคำ "หมดหม้อ"
เป็นข้าวต้มที่อร่อยมากจริงๆ ป้าเค้าเห็นผมกินได้ป้าแกก็ยิ้มครับ ผมชอบมากครับรสชาดกับกลิ่นหอมๆนี่ มีสองหม้อผมก็หมดสองหม้อ
เอาละครับกินข้าวแล้ว อาบน้ำ เริ่มเดินสำรวจหมู่บ้านกันดีกว่ากะว่าจะไปน้ำตกแต่เดินไปนะครับ ชอบเดินมากกว่าประมาณ 1-2 กิเมตรเอง
เดี่ยวผมลงรูปอย่างเดียวเลยเนอะ เดินเรื่อยๆ อากาศดีมาก เดินได้ทั้งวันแบบนี้
ผมชอบนะบรรยากาศแบบนี้เงียบสงบดี ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ขนาดดอกหญ้าที่นี่ยังสวยเลย(ดอกหญ้าใช่ไหมเนอะ)
และก็มาถึงจุดแรกก่อนถึงน้ำตก ร้านกาแฟ"ชมนกชมไม้" ข้อดีของการมาวันธรรมดาคือมันโล่งแบบนี้เลย อาจจะช่วงเช้าด้วย
ร้านนี้เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ตอนแรกไม่ได้กะมารีวิว ชื่อร้านยังถ่ายมาไม่ตรงเลย 555
ผมนั่งโต๊ะตรงกลางเลย
และนี่วิวจากโต๊ะที่ผมนั่ง
เป็นคนไม่กินกาแฟครับ แต่ชอบนั่งร้านกาแฟแบบนี้ เลยสั่งแอปเปิ้ลโซดามากิน
จากนั้นก็เดินต่อไปให้ถึงน้ำตก สภาพทางที่เดินขึ้นไปก็ประมาณนี้ครับ
จุดนี้เลี้ยวซ้ายก็ถึงน้ำตกละ ผมชอบมากถนนที่มีน้ำไหลผ่าน คลาสสิคดีผมว่า ^^
เดินไปเรื่อยๆก็จะเจอน้ำตก น้ำเย็นมาก วิวสวยด้วย
"เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ ปล่อยความทุกข์โยนไปกับภูเขาและฟ้าสีคราม"
เดินเล่นแช่น้ำจนพอใจแล้วก็เดินลงมาข้างล่างเค้าว่ามีร้านกาแฟอีกร้านนนึงครับสวยดี
ระหว่างทางก็ถ่ายรูปไปเรื่อย เดินเลยร้านกาแฟไปก่อน ถนนวันธรรมดาไม่ค่อยมีคนสวยดี
และแล้วก็มาถึงร้านกาแฟอีกร้าน ร้าน"ลุงปุ๊ดป้าเป็ง" นี่ไง
เหมือนเดิมครับ วันธรรมดาช่วงเช้ายังไม่ค่อยมีคนไม่ต้องแย่งกัน นั่งตรงไหนก็ได้ เอามุมที่ดีที่สุดไป(ความคิดผมนะ)
เอาละครับในหมู่บ้านก็เดินเล่นหมดแล้ว ผมเดินเยอะแต่ไม่ได้ถ่ายมาลงหมดนะครับ เหลือไว้ให้ไปค้นหาเองบ้างเนอะ
ภารกิจต่อไปอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนเค้าว่าอยู่ใกล้ๆเลยลองไปดู ถามลุงในหมู่บ้านมา และที่ไม่ลืม
มันเป็นทางที่ผ่านกิ่วฝิ่นไง ถ่ายรูปแก้มือกันหน่อย นี่ไงทางขึ้น ตอนนี้สว่างไม่น่ากลัวแล้ว
ตอนมาถ่ายรูปก็ยังมีแค่คนเดียว อยากตะโกนดังๆว่า"เหินฟ้าาาาาา" กลัวมีคนตอบมาว่า"สวยยยยย" (เช็คอายุกันประโยคนี้)
ถ่ายรูปเสร็จได้เวลาลุยต่อที่แจ้ซ้อน ทางคดเคี้ยวแต่คุ้มค่าเชื่อผม ลองดูเองนะ ผมว่ามันร่มรื่นดี
ขับมาซักพัก จะเจอลำธารผ่านถนนอีก ขับช้าๆนะครับ ดูแลเพื่อนร่วมโลกด้วย ตอนแรกนึกว่าตัวอะไร"ผีเสื้อ"นี่เอง
ถ่ายไปถ่ายมามุมสวยดีถ่ายรถมั่ง อุตส่าพามาเดี๋ยวมันน้อยใจ
จากนั้นก็ขับตามทางไปเรื่อยๆครับ ข้างทางก็ประมาณนี้นะ
ตื่นเต้นกับความสวยงามข้างทางมากไปหน่อยลืมถ่ายทางเข้าอุทยานมาถ่ายอีกทีที่ทางขึ้นน้ำตกเลย
มีหลายชั้นนะครับ แต่มาคนเดียวเดินขึ้นคนเดียว ดันจินตนาการว่ามีเสือ ขึ้นไปไม่กี่ชั้นลงดีกว่า
ขากลับก็แวะถ่ายหลักกิโลแจ้ซ้อนหน่อยเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง
กลับก็กลับทางเดิมครับ แต่ขากลับมีแดดส่องลงมานิดหนอย ผมชอบรูปนี้นะ
พอมาถึงบ้านแม่กำปอง ผมนอนที่นี่อีกคืนนึงครับ และนี่อาหารเย็นนะครับ ไม่ต้องบอกครับ"กินคลีน"ไม่เหลืออะไรเลย
และพอรุ่งเช้าก็ข้าวต้มหมูครับเหมือนเดิมหมดหม้อเลย บ้านป้าเค้าสวยดีครับ ขออนูญาตถ่ายให้ดูนะครับ นี่ระเบียง
สุดท้ายก็ต้องบอกลากัน ความประทับใจเหรอเต็มสิบผมคงให้ประมาณ 15 มั้งชอบจริงๆบอกไม่ถูก
อยากบรรยายมากกว่านี้แต่มาค้นหากันเองดีกว่า นี่แค่ส่วนหนึ่งของที่นี่ คนที่นี่ใจดี คุยเก่ง ทำอาหารอร่อย
สถานที่ ที่นี่ เย็นสบาย เงียบสงบแฝงไว้ด้วยความคลาสสิคเหมาะกับการพักใจและค้นหาตัวเอง ว่างๆมาลองเองนะ