~~~ ล่าขุมทรัพย์สุดใจ ไทยเกาหลี #4 ~~~ ตอน เที่ยวเกาหลี

เที่ยวเกาหลี


………
“การเดินทางเพื่อค้นพบ ที่แท้จริง ... ไม่ใช่การมองหาดินแดนใหม่ แต่คือการได้มุมมองใหม่”
(Marcel Proust)
………



    ในฐานะอดีตคนชอบเกาหลีขึ้นสมอง จิตใจก็จะโฟกัสอยู่ประเทศเดียว เมื่อมีโอกาสไปต่างประเทศ ก็แทบไม่ไปประเทศไหนเลย ไปแต่เกาหลี ไปมาในหลายแบบ เช่น แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม, ดูงานแสดงสินค้า, มาเที่ยวกับทัวร์, มางานแต่งงานเพื่อนเกาหลี, มาเที่ยวเอง, มาอบรม แม้ยังไม่อาจเรียกว่าได้เที่ยวเยอะแยะทั่วถึงอะไร แต่ก็ยังจะอยากแบ่งปันอยู่ดี เผื่อกระตุกไอเดียการเที่ยวเกาหลีของเพื่อนๆ แล้วก็ทบทวนขุมทรัพย์ที่เก็บตกเป็นระยะๆ

    มีหลายที่ ประทับใจ แต่ที่แตะจิตใจที่สุด มันได้อารมณ์แบบนี้ที่สุด ก็คือ!

1 ร้านขายเครื่องสำอางเกาหลี

(55555) ซื้อเลย ถูกกว่าไทยเกือบทุกรายการ อันนี้เบเบเนอะ เหล่าติ่งเกาหลีคงรู้กันดีอยู่แล้ว ย่านที่ครบก็มีเมียงดง (เปรียบเป็นย่านสยามเมืองไทย) ย่านท่องเที่ยวดังๆ มีทั้งนั้น แถวรถไฟใต้ดินทั้งหลายก็เพียบ และมักมีของแถมให้ด้วย ซื้อจนได้ร่ม ได้กระเป๋ากันเป็นล่ำเป็นสัน


2 home stay (มินบัก)/ บ้านพักเยาวชน/ guesthouse
(หาภาพเจอแล้วจะมาแปะภาพอัพเดทเพิ่มเติมนะคะ ^^)

    นอกเหนือจากโรงแรมแล้ว ก็มี guest house ที่อยู่แล้วสนุกกว่า เพราะได้พบปะผู้คนและวิถีชีวิตของคนเกาหลีทั่วไปมากกว่า และที่น่าสนใจที่สุดก็คือ homestay เพราะนอกจากจะได้กลิ่นอายการใช้ชีวิตแบบเกาหลีจริงๆ แล้ว ยังได้เรียนรู้หลายสิ่ง ที่อาจไม่มีในโรงแรม เราจะรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่เกาหลีเลย

    เช่น การนอนกับพื้นอุ่นๆ ที่มีท่อน้ำร้อนไหลผ่านอยู่ใต้พื้น...สบายเฟร่อ , ได้เล่นเปียโนในบ้าน และได้พูดคุยกับเพื่อนเกาหลีของเจ้าของบ้าน ได้เห็นเพื่อนเกาหลีหิ้วแตงโมลูกยักษ์มาหั่นกินกัน เห็นวิธีการหั่นแตงโม เห็นวิธีการทำอาหารเช้าที่ไม่สามารถพบเห็นได้ในร้านอาหารใดใด (เช่น กินพริกหยวก จิ้มน้ำพริกเกาหลี กับปลานึ่ง, อีกบ้านก็กินผักพื้นบ้านจิ้มน้ำพริก...กับข้าวกล้อง...รักสุขภาพได้โล่ห์ทองคำฝังมงกุฎตรีเพชรมากๆ  ดีที่บ้านเราก็ฝึกกินแบบนี้มาเป็นอย่างดี....แต่อึ้งว่ามันมีเมนูอย่างนี้เป็นอาหารเกาหลีด้วยรึ, ได้รู้วิธีกินสาหร่ายห่อข้าวแบบบ้านๆ  เวลาคีบกินกับข้าว ให้วางสาหร่ายแผ่นเล็ก (ที่ขายซองละ 35 บาท 3 ซอง 100 ) บนข้าว...แล้วแค่เอาตะเกียบกอบข้าวจากซ้ายและขวา ให้ข้าวม้วนอยู่ข้างในสาหร่าย โดยให้สาหร่ายเหมือนเครื่องหมายโอห์มของไฟฟ้า ทำแบบนี้ก็ได้ข้าวห่อสาหร่ายหม่ำแล้ว สุดจะง่ายและอร่อยอ่ะ นี่นะ ม้วนสาหร่ายให้เป็นทรงแบบนี้ ข้าวอยู่ด้านในป่องโอห์ม


    ถ้าใครสนใจอยู่ homestay  ลองหาใน homestaykorea.com หรือหาใน google มีหลายเว็บอยู่ โดยเลือกว่าเป็นแหล่งที่เดินทางสะดวกไหม (กี่นาทีจากสถานีรถไฟใต้ดิน) มีใครอยู่ในบ้านบ้าง พูดภาษาอะไรได้บ้าง ห้องน้ำแยกหรือรวม มีอุปกรณ์อะไรให้ใช้ในบ้านบ้าง แล้วก็แจ้งความประสงค์จองเข้าไป เราเลือกเขา และเขาก็เลือกเราด้วย เผื่อเวลาในการคัดเลือกบ้าน และจองล่วงหน้านานๆ นะ คุณสมบัติมันมีหลากหลายละลานตามากค่ะ
    ถ้าเช็คข้อมูลในเว็บท่องเที่ยวเกาหลีตอนนี้ มีการเที่ยวเชิงเรียนรู้ เรียนภาษาไปด้วย เหมาะสำหรับคนชอบพัฒนาตนเองดีนะ เรียนภาษาเกาหลี 7 วัน อยู่โฮมสเตย์ ได้มีเพื่อนในมหาวิทยาลัยของเกาหลีด้วย





3 War memorial



pix: rootsweb.ancestry.com


อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเกาหลี ที่นิตยสาร Times แนะนำให้เป็น 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ในเกาหลี  ก็คือ War memorial (อนุสรณ์สถานสงคราม) ของเกาหลี ซึ่งข้าพเจ้าเห็นด้วยเต็มๆ
ไม่ใช่ทุกทัวร์จะพาไปที่นี่นะ แต่ทัวร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ครั้งหนึ่งเรามีโอกาสได้ร่วมนั้น...พาไป...ซึ่งเป็นอะไรที่อยากแนะนำเช่นเดียวกันเลย คือมันน่าสนใจ และใหญ่อลังมลังเมลือง ราวกับเป็นเมือง


Pix: content.time.com

เราถึงกับเอ่ยปากกับเพื่อนอาสาชาวเกาหลีที่พาไป ว่า
“อนุสรณ์สถานสงครามของเกาหลีนี่ยิ่งใหญ่และทำดี ลึกซึ้งเนอะ เคยไปดูที่ออสเตรเลีย มันไม่อลังการขนาดนี้เลย”
เพื่อนเกาหลีก็ตอบว่า “เพราะเกาหลีมีสงครามเยอะมากยังไงล่ะ”
“....” ฉันถึงกับพูดต่อไม่ออก


ในอนุสรณ์สถานสงครามเกาหลี มีอาวุธ อุปกรณ์ เรื่องราวเกี่ยวกับสงครามที่หลากหลาย เรียกว่าประเทศคาบสมุทรแห่งนี้ ปะทะตั้งแต่จีน, ญี่ปุ่น ซ้ำแล้วหลายระรอก ที่เจ็บช้ำมากก็กับญี่ปุ่นนี่ล่ะ เรียกว่าเป็นสงคราม 7 ปี ที่ข้อมูลทางประวัติศาสตร์บอกว่า เสียหายและทารุณหนักยิ่งกว่าสงครามเกาหลีเสียอีก (ชาวเกาหลีจึงแค้นชาวญี่ปุ่นมาก)

คือ อ่านรายละเอียดสงครามที่ญี่ปุ่นบุกเกาหลีแล้วหน้ายู่อ่ะ ตึงเครียด! มันทารุณ มันโหดร้าย
(ข้อมูลจาก: https://goo.gl/UM7qtA  )

จะรู้จักการรบ ก็ต้องรู้จักพาหนะ รู้จักอาวุธ
ทุกสิ่งมีพร้อมที่นี่ ตั้งแต่เรือรบ, เครื่องบินรบ, อาวุธ, มิสซายส์ต่างๆ ไปจนถึงเชิญเล่นเกมส์ยิงจรวด
ซึ่งโดยปกติแล้ว คนอย่างเราที่ไม่ค่อยสนใจสงครามอะไรนัก แต่รู้สึกไม่น่าเบื่อเลย


  
Pix: wikipedia

ได้เห็นยุทโธปกรณ์อะไรมากมายในนั้น แต่ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็น เรือรบเต่า 거북선
(คอบุกชอน)  ที่บรรพบุรุษชาวเกาหลี คิดไว้อย่างแยบคาย




นับเป็นเรือรบหุ้มเกราะแบบแรกของโลก
กับการเอาอาวุธซ่อนเอาไว้ในเรือ ดาดฟ้าหุ้มด้วยหลังคาเหล็ก มีเดือยแหลมยื่นออกมา ไว้สำหรับแทงศัตรูที่จะกระโดดมา ด้านหน้าเป็นหัวมังกร มีไว้เพื่อข่มขวัญเหล่าศัตรู และหัวมังกรนี้ยังสามารถพ่นควันได้อีกด้วยเพื่อเป็นการพรางตัวและบดบังทัศนวิสัยของฝ่ายศัตรู
แหม สุดยอดสร้างสรรค์
เรือรบนี้ช่วยให้รบชนะอย่างงดงาม
ในยุคเก่าขนาดช่วงผลิตอักษรเกาหลีก่อนนู้นปู้นเลย

และระหว่างเดินๆ อยู่ในอนุสรณ์สถานสงครามเกาหลีนั้น จู่ๆ เพื่อนเกาหลีในกลุ่ม ก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ขอบคุณประเทศไทยนะ ที่มาช่วยเรารบในตอนนั้น”
“หือ?”
แล้วเราก็เดินถึงจุดที่กล่าวถึงประเทศที่มาช่วยเกาหลีรบในสงครามเกาหลี แน่นอน มีธงชาติไทย มีอนุสรณ์ทหารไทย และมีรายชื่อนักรบไทยที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี
เหล่าทหารไทย ที่เสียสละเหล่านี้ ทำให้พวกเราชาวไทยรู้สึกซาบซึ้งใจ ได้รับเกียรติและได้รับคำขอบคุณเหล่านั้นจากเหล่าเพื่อนชาวเกาหลี
หากค้นหาคำว่า War memorial korea จาก google คุณจะพบประโยคที่แสดงความซาบซึ้งใจของเกาหลีที่มีต่อเหล่าประเทศที่ส่งกำลังมาช่วยเกาหลีในตอนนั้นว่า



“ประเทศของเราเคารพนับถือเหล่าลูกชายลูกสาวของประเทศเหล่านี้ ที่ตอบรับมาร่วมปกป้องประเทศที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก และผู้คนที่เขาไม่เคยพานพบ”

ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ส่งกำลังมาช่วยประเทศเกาหลีรบ บ้างว่า 6,000 กว่าคน (http://www.thaiarmedforce.com/taf-article/48-skyman/148-60-year-of-korean-war.html)  บางข้อมูลว่า 10,000 กว่าคน (http://en.wikipedia.org/wiki/Thailand_in_the_Korean_War#cite_note-6)  รวมทั้งเสบียงเป็นข้าวจำนวน 4 ตัน ในจำนวนนี้ มีทหารไทยเสียชีวิตในสนามรบจำนวน 136 คน และบาดเจ็บสาหัสพันกว่าคน

วีรกรรมความกล้าหาญและเสียสละของนักรบไทย ที่ได้รับฉายาว่า พยัคฆ์น้อย (ตัวเล็กแต่ดุดันดั่งเสือ) เปรียบเหมือนการรบกับข้าศึกอย่างกล้าหาญราวปกป้องบ้านเมืองของตัวเอง แม้ว่าสภาพอากาศจะหนาวเหน็บถึงไขสันหลังชั้นใน เสื้อหนาวที่ใส่จะหนาใหญ่ยักษ์ แค่จะใส่ยืนก็ยากแล้ว แถมยังไม่เคยเผชิญหน้ากับความหนาวเย็นมาก่อน แต่ต่อสู้อย่างยอดเยี่ยมจนเป็นที่กล่าวขาน                                                                        
เป็นเหตุผลให้คนไทยสามารถไปมาหาสู่ที่เกาหลีได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้วีซ่า
(แม้ตม. อาจโหดบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ก็ผ่านมาได้นะ...ต้องขอบคุณเหล่าทหารหาญไทยทุกคน มา ณ ที่นี้)



และแล้วฉันก็เดินมาจนถึงห้องๆ หนึ่ง ...เพียงก้าวแรกที่เข้าไป หยดน้ำใสๆ ก็ออกมาจากตา...
ฮือๆๆๆ
อะไรเนี่ยะ...
เสียงร้องไห้...ดังมาจากโซนของรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งชาวบ้านมากมายท่ามกลางซากปรักหักพัง เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเพราะแรงระเบิด ผสานเสียงร้องไห้ระงมท่ามกลางศพมากมาย


สงคราม...เกิดมีในโลกนี้ได้ยังไงกันนะ บรรยากาศสุดสิ้นหวัง และโค-ตระอภิมหาเศร้า กระแทกฉันน้ำตาไหลพรั่งพรูเลย
เพื่อนเกาหลีตกใจกันใหญ่ อันว่าฉันเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
แต่ถ้างานมโนจะมา ก็คงคิดดราม่าไปได้ว่า ฉันอาจเป็นทหารเกาหลี ที่มีทหารไทยเคยช่วยเหลือกันไว้มาก่อน ชาตินี้ฉันก็มาตอบแทนบุญคุณชาติไทย แต่ก็ยังคงไม่ลืมความรู้สึกคุ้นเคยที่มีกับประเทศเกาหลีก็ได้มั้ง ฮ่าๆๆ
เพื่อนเกาหลีก็ขอบคุณและซาบซึ้งที่ฉันเห็นใจและอินไปกับช่วงเวลาแห่งความมืดมิดและยากลำบากตอนนั้นของพวกเขา

ก็คงไม่ต้องแปลกใจว่า...ทำไมถึงมีกลิ่นอายความเศร้าอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเกาหลี
มีเป็นอะไรที่เศร้าเข้าถึงเซี่ยงจี๊จริงๆ

จะว่าไป ตั้งแต่รู้จักเกาหลีมานี่...
ฉันต้องเสียน้ำตาไปกับการปฏิสัมพันธ์กับประเทศนี้เยอะมาก
ทั้งซึ้งใจ, สะเทือนใจ,เห็นใจ, น้อยใจ...เสียใจ
=_= เฮ่อ...ควรตีตัวออกห่างดีไหม ตาบวมไปหมดแล้วฉัน



    ขอแถมเรื่องเล่าชวนขนลุกที่เกิดขึ้นที่นี่อีกนิดนะ ในกลุ่มคนไทยที่ไปชม War Memorial ด้วยกัน มีคนหนึ่ง ที่ลองไล่ดูรายชื่อทหารไทยที่เสียชีวิตเมื่อครั้งมาช่วยสงครามเกาหลี แล้วดันไปเจอชื่อของคนที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกับตัวเองเข้าให้ ! เขาตื่นเต้นตกใจมาก  และขอให้เพื่อนอีกคนช่วยถ่ายรูปเขากับชื่อนั้นซะเลย
    แต่...อะไรๆ มันกลับไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะเพื่อนกดชัตเตอร์ไม่ลงอยู่เป็นนาน...พยายามจะถ่ายเท่าไรก็ถ่ายไม่ได้ ...ทำเอาแก๊งค์ตรงนั้นหน้าซีด ขนลุกไปตามๆ กัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่