[CR] ยินดีที่ได้รู้จัก ‘โยโกสุกะ’ เมืองเล็ก สุขล้น ที่อยากให้ทุกคนไปเที่ยว

ห่างหายไปนานค่ะสำหรับการรีวิวทริปต่างประเทศ กลับมาคราวนี้เราไม่ได้พาไปที่ไหนไกล…
“ญี่ปุ่น” ประเทศขวัญใจของคนไทยเรานี่เอง แต่อ่านชื่อกระทู้แล้วหลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า “โยโกสุกะ ไหนวะ? ไม่เคยได้ยิน”
ไม่แปลกค่ะถ้าจะงง เพราะเราก็เพิ่งมารู้จักกับนาง เพิ่งมารู้ว่านางน่าคบหามากกกกกกก
รีวิวนี้เลยขอแนะนำ “เมืองโยโกสุกะ” ให้กับทุกคนค่ะ ไปเล้ยยยยยยยยยยย



“โยโกสุกะ (Yokosuka)” เป็นเมืองไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่ ตั้งอยู่ในจังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น ค่ะ
เมืองนี้หันหน้าเข้าอ่าวโตเกียว และ อ่าวซางามิ เรื่องทรัพยากรทางทะเลและธรรมชาตินี่ไม่ต้องพูดถึง…อุดมสมบูรณ์เว่อร์
แถมยังมีการขึ้นปลาของการประมงชายฝั่งมากที่สุดในจังหวัด เรียกได้ว่า กุ้ง หอย ปู ปลา นี่สดสุดสุดไปเลย

จุดเด่นอีกอย่างของโยโกสุกะ คือ เมืองนี้มีความเป็นอเมริกันผสมอยู่ค่ะ ก็หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่ทหารเมกันแกเข้ามาใช้อำนาจ และตั้งกองทัพเรือ เพื่อจะควบคุมดำเนินสงครามเวียดนาม และสงครามเกาหลีได้สะดวกขึ้น ปัจจุบันนอกจากตึกและอาคารสไตล์อเมริกันที่เหลืออยู่ ข้าวแกงกะหรี่ และ แฮมเบอร์เกอร์ สูตรจากฐานทัพเรืออเมริกัน ก็เป็นสิ่งที่คนมาเที่ยวโยโกสุกะพลาดไม่ได้เด็ดขาดดดดดดดดดดดด

เกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว เราไปดูวิธีการเดินทางไปยังเมืองนี้เลยดีกว่า…



ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ออกจากสนามบินดอนเมืองตอน 5ทุ่มกว่าของวันที่ 10 มกรา 59
และถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เวลา 8 โมงเช้าของวันที่ 11 มกรา 59 ค่ะ จากนั้นต่อรถบัสไปที่จังหวัด “โยโกฮาม่า (Yokohama)”
และต่อรถไฟไปลงสถานี “ชิโออิริ (Shioiri)”
เท่านี้ก็ถึงโรงแรมและย่านที่พวกเราจะไปเที่ยวกันวันนี้แล้ว

ส่วนตั๋วรถบัสนาริตะ – โยโกฮาม่า (เที่ยวเดียว) พวกนายสามารถซื้อได้ในราคา 3,600 เยน ที่เคาท์เตอร์ชั้นล่างของสนามบิน…
ซื้อเสร็จ กระโดดขึ้นรถ นอนหลับฝันสัก 2 ชั่วโมง ก็ถึงโยโกฮาม่าแล้วค่ะ!




ถึงแล้วก็อย่าลอกแลก มองหาป้าย “Yokohama Sta.”  หรือ “Keikyu Line” เอาไว้
เจอปุ๊ป เอาเงิน 360 เยน ซื้อตั๋วปั๊ป จากนั้นนั่งสวยๆประมาณ 25 นาที ก็จะถึงสถานีชิโออิริค่ะ






มาถึงก็จะบ่ายแล้ว หิว จนน้ำย่อยในกระเพาะออกมาเต้นระบำ พวกเราขออนุญาตเติมพลังที่ร้าน “โยชิดะ (Yoshida)” ก่อนเลยแล้วกัน…
นั่น! งงอ่ะดิว่าทำไมใช้คำว่า “พวกเรา”… ทริปนี้เราไม่ได้มาคนเดียวค่ะ มากับทีมงานรายการ “อาริกาโตะ Go I Must” รายการพาเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 11.30 น. ทางช่อง NOW26 บอกเลยว่ารับประกันความสนุกสนานเฮฮาตลอดทริป!



อ้ะ! ว่ากันต่อเรื่องร้านอาหาร… ร้านนี้เขาดังเรื่อง “โอะโคะโนะมิยากิ (Okonomiyaki)” หรือที่พี่ไทยเราเรียกว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” ค่ะ
ร้านนี้เขามีเมนูส่วนผสมให้เราเลือกมาmixได้(แต่จะmatchมั้ยก็อีกเรื่องหนึ่ง)ถ้าอยากจะทำกินเอง หรือจะให้เขาทำให้กินแบบเรา ก็ปลอดภัยดีค่ะ อร่อยน้ำตาไหล…  ไม่เข้าใจว่าจะอร่อยอะไรเบอร์นั้น บอกพิกัดให้ค่ะสำหรับคนที่อยากมาเสียน้ำตา ออกมาจากสถานีชิโออิริ เลี้ยวซ้ายทีหนึ่ง ข้ามถนนทีหนึ่ง ร้านสีขาว ประตูสีดำ นั่นแหละค่ะ อ่ะ! แปะลิงก์ไว้ให้ https://www.facebook.com/okonomiyaki.yoshida/?__mref=message_bubble




เมนูที่เราสั่ง ราคารวม tax 8% แล้ว คือ 1,296 เยน ค่ะ ส่วนราคาเมนูอื่นๆก็ตามในรูปเลย




เติมพลังเสร็จ พร้อมลุยค่ะ! แต่ก่อนที่จะไปลุย ขอแวะฝากของที่โรงแรมสักแป๊ป จะได้เที่ยวกันสะดวกๆ
โรงแรมที่เรานอนคืนนี้ชื่อ “Mercure hotel” ค่ะ อยู่ใกล้กับร้านเมื่อกี๊อ่ะแหละ เดินประมาณ 3-5 นาที ก็ถึงแล้ว
เก็บของเสร็จ เดินต่ออีก 10 นาที ก็จะถึงที่หมายแรกของวันนี้… “Yokosuka military port” ค่ะ




นี่คือหน้าตาของเรือที่จะพาพวกเราไปโลดแล่น…



นั่งข้างล่างก็สะดวก หรือจะนั่งข้างบนก็สบาย




ก่อนจะไปทัวร์ Yokosuka military port ขอเล่านิดนึงค่ะว่า ช่วงที่สหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพเรือที่เมืองโยโกสุกะ
นายพลเพอร์รี่ (Matthew Calbraith Perry) เขาพัฒนาเมืองโยโกสุกะให้เป็นเมืองท่าเรือทหาร มีการตั้งคลังสรรพาวุธ
ตั้งเขตปกครองทางทะเล และป้อมป้องกันการรุกรานทางทะเลในอ่าวโตเกียว ซึ่งตอนนี้เรือรบรูปแบบต่างๆยังจอดอยู่ที่เมืองนี้
เปิดให้คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าชมได้ทุกวัน วันละ 6 รอบ (10.00, 11.00, 12.00, 13.00, 14.00 และ 15.00 น.)
รอบละ 45 นาที โดยคิดค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 1,400 เยน และสำหรับเด็ก 700 เยน
ค่ะ





ใครที่สนใจจะมาทัวร์ Yokosuka military port แนะนำให้หาข้อมูลมาก่อนนิดนึงค่ะ เพราไกด์ที่นี่เขาไม่พูดอังกฤษ รัวภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
โชคดีที่พี่ที่ไปด้วยกันพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เลยพอจะได้ความรู้มาบ้างค่ะ อย่างเช่น เรือหมายเลข 301 กับ 303 ทำมาจากต้นสนทั้งลำ ,
เรือ DDG-170 เป็นเรือรบพิฆาตที่ทรงพลานุภาพมากๆ ส่วนเรือชิระเซะ เป็นเรือที่เคยใช้สำรวจขั้วโลกใต้ ซึ่งตอนี้ถูกประมูลไปเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำค่ะ

เดินจาก Yokosuka military port ไปประมาณ 20 นาที ยังมีเรืออีกลำที่เป็นพระเอกของเมืองนี้ นั่นก็คือออออออออออ
“เรือรบมิคาสะ (Battle ship Mikasa)” 1 ใน 3 เรือรบที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังถูกเก็บรักษาไว้ค่ะ



เข้ามาซื้อตั๋วตรงนี้นะ ตั๋วราคา 600 เยน สำหรับผู้ใหญ่ 500 เยน สำหรับผู้สูงอายุ และ 300 เยน สำหรับนักเรียนมัธยมปลาย ต่ำกว่านั้นเข้าฟรี ค่ะ



เรือรบมิคาสะสร้างขึ้นในปี 1890  เพื่อเป็นเรือธงให้ “พลเอกโทโง เฮฮะชิโร่” ในสงคราม รัสเซีย-ญี่ปุ่น ค่ะ
เรือลำนี้ออกแบบและดัดแปลงมาจากเรือประจัญบานของราชนาวีอังกฤษ กว้าง 23.2 เมตร และยาวววววววววววววววถึง 131.7 เมตร
ตามสนธิสัญญาวอชิงตัน เธอต้องถูกปลดประจำการ และบดทิ้งเมื่อเดือนกันยายน ปี 1922 แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยื่นเรื่องให้เธอเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ โดยเปิดให้เข้าชมครั้งแรกวันที่ 12 พ.ย. 1926 และปิดปรับปรุงในช่วงปี 1950… ส่วนตอนนี้เธอเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้เราเข้าชมได้ทุกวัน
(เดือนมี.ค.-ต.ค. เปิด 9.00-17.00 น. และ เดือนพ.ย.-ก.พ. เปิด 9.00-16.30 น.)







นี่ห้องควบคุมของกัปตันค่ะ



มาต่อกันที่ชั้นล่าง ชิ้นส่วนและหลักฐานสำคัญของเรือลำนี้ยังอยู่ครบค่ะ






ไปเที่ยวแบบเน้นสาระมา 2 ที่ละ เราไปเบาสมองกันหน่อยดีกว่าค่ะ ที่ “Port Market” ชื่อก็บอกอยู่แล้วเนอะว่าคือตลาด
ที่ Port Market เขาขายเฉพาะของสดค่ะ ไม่สดเขาไม่ขาย ทั้งปลาสด ผักสด ผลไม้สด… นักท่องเที่ยวอย่างเราถ้าไปแล้วไม่สะดวกซื้อของสด ก็เดินดูเฉยๆ หรือจะสั่งเมนูซาชิมิมาชิมก็ได้นะ เอ้อ! ลืมบอก จากเรือรบมิคาสะเดินมาที่นี่ ใช้เวลาแค่ 5 นาทีเอง ไม่แวะก็ยังไงยู่











เดินดูของสดกันจนหิว งั้นเราไปหาร้านสำหรับมื้อเย็นกันเลยดีกว่าค่ะ! เขาบอกว่าที่ “ถนนโดบุอิตะ (Dobuita street)”
มีร้านขายเบอร์เกอร์ และ ข้าวแกงกะหรี่ สูตรจากฐานทัพเรืออเมริกันอยู่ ฉะนั้นจัดไปอย่าให้เสีย



ร้าน “สึนามิ (Tsunami)” (แค่ชื่อร้านก็ปังแล้ว) เดินจาก Port Market มาประมาณ 15 นาที ค่ะ
มาถึงแล้วก็อย่ารีรอ พุ่งตัวเข้าไปหาที่นั่งก่อนเลย ร้านนี้มี  2 ชั้น ชั้นล่างเป็นบาร์ กับโต๊ะเล็กๆ
ชั้นบนจะแบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องมีโต๊ะใหญ่ เรียกง่ายๆว่า private กว่าชั้นล่าง ค่ะ



พวกเราเลือกที่จะโดนเมนูแนะนำของร้านนี้กระแทกปากค่ะ นั่นก็คือ ข้าวหน้าแกงกะหรี่เนื้อ 1,200 เยน
(เพิ่มอีก 200 เยน ถ้าสั่งเป็นชุด รวมเครื่องดื่ม กับ สลัด) และ Double R Burger ในราคา 2,000 เยน
ส่วนเรื่องรสชาติเรามาว่ากันทีละเมนู…



ข้าวแกงกะหรี่… อร่อยมากกกกกก อร่อยจริง อร่อยสมคำล่ำลือ ดั่งประโยคที่ว่า “ผู้ใดได้เอาลิ้นสัมผัสรสของข้าวแกงกะหรี่ที่ร้านสึนามิ ผู้นั้นนอนตายตาหลับ” (คิดเองอีกอ่ะ) เนื้อวัวคือนุ่มมากอ่ะ คนชอบกินเนื้อ นายต้องมานะ! ส่วนรสของแกงกะหรี่ก็หวานๆกลมกล่อม ต่างจากแกงกะหรี่บ้านเราที่เน้นรสจัด เผ็ดๆเค็มๆ ไว้ก่อน หลายคนอาจจะงงว่าเขาให้นมมาทำไมหนึ่งแก้ว คำตอบคือเขาให้เอามากินกับแกงกะหรี่ค่ะ มันเป็นสูตรของเขา ตักข้าวตักแกงเข้าปาก แล้วจิบนมตามเข้าไป นั่นแหละ คุณได้ขึ้นสวรรค์แล้ว
ชื่อสินค้า:   โยโกสุกะ จังหวัดคานากาว่า ประเทศญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่