อย่างนี้เขาเรียกว่าทุกขลาภหรือเปล่าครับ เพราะรถผมมันงอแง จำเป็นต้องเข้าอู่เป็นเวลาหลายวัน ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่มีธุระปะปังมากมาย การขาดพาหนะเดินทางทำให้ชีวิตเกิดความยากลำบากมากขึ้น จังหวะแฟนต้องไปทำงานต่างประเทศ นางก็ใจดี “เธอก็เอารถเราไปใช้สิ” เซอร์ไพรส์มาก เอาจริงๆ ผมค่อนข้างประหม่ากับรถของคันนี้ครับ เพราะนางเพิ่งถอยมาได้ไม่นาน ก็เรียกว่ายังเห่ออยู่พอสมควร และอีกอย่างเป็นรุ่น Camry Hybrid Premium 2015 (ตัวท็อปซะด้วย) แต่ก็เอาวะ เป็นโอกาสที่ดี ที่นางให้เอามาใช้ในยามที่ไม่มีรถ นี่มันลาภชัดๆ

เมื่อแรกสัมผัส

บอกกันตามตรงครับ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจ Toyota มาก่อนเลย  คือไม่เคยจับ ไม่เคยสัมผัสจริงๆจังๆ แต่พอได้มาใช้จริงต้องคิดใหม่แล้วแหละ ทั้งภายนอกและภายในไม่ได้เป็นอย่างเป็นที่ผมคิด ลุคของรถคันนี้ดูภูมิฐาน แต่ก็ยังมีเส้นสายของความเท่อยู่ไม่น้อย




นอกจากเอารถคันนี้ขับไปทำงาน ใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป ผมก็ยังมีภารกิจที่นัดกับชาวแก๊งค์ไว้หลายวันแล้ว คือการไปปั่นจักรยานที่สนาม Skylane สุวรรณภูมิ  เริ่มออกเดินทางตอนตีห้าเพราะต้องไปรับเพื่อนครับ จังหวะนี้ยัดรถจักรยานเข้าเบาะหลังได้สบายมากครับ เพราะมีพื้นที่ด้านหลังกว้าง เพียงแค่ถอดล้อหน้าจักรยานออกเอาใส่หลังรถเท่านั้น แต่เพื่อความปลอดภัยต่อรอยเปื้อนก็ขอเอาผ้ารองหน่อยครับ



หลังจากจัดการที่นั่งให้น้องจั๊กเสร็จเรียบร้อย ภารกิจถัดไปคือขับรถไปรับเพื่อนอีกคน ถึงบ้านเพื่อนก็จัดแจงติดแร็คท้ายรถ เพิ่มครับ จังหวะนี้เมิงลุยเลยละกันนะ ฮ่า



แค่นี้เราก็เดินทางไปปั่นกันสบายๆครับ ระยะทาง 20-30 กิโลนี้ทำให้ผมรู้เลยครับว่ารถคันนี้พุ่งดีมาก จนเกิดคำถามในใจ นี่ผมขับเครื่อง hybrid  อยู่จริงๆใช่มั้ย คืออัตราเร่งดีกว่าที่คิด การเก็บเสียงทำได้ถือว่าโอเค เงียบ ถึงจะขับ 120+  ความรู้สึกก็เหมือนขับความเร็วไม่ถึง นั่นก็คือเวลาผมขับแล้วรู้สึกมั่นใจ นิ่ง ทรงตัวดี