เพิ่งสอบไปเมื่อวานซืนค่ะ (วันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2559) เราสอบกับ British Council สถานที่สอบเป็นโรงแรม Landmark ชั้น 7 สอบเวลา 09.00น. ขับรถไปเอง จอดที่โรงแรมได้เลย (หาที่จอดไม่ยาก วนประมาณ 5-6 ชั้นเอ๊งง) ปั๊มบัตรจอดรถฟรีได้ที่หน้าลิฟต์ชั้นที่สอบได้เลย (ถ้ามา Bts ลงสถานีนานา เผื่อเวลาเดินจากสถานีไปโรงแรมซัก 10 นาทีนะ) เราไปถึงก่อน ประมาณ 30 นาที เค้าเริ่มเข้าห้องสอบกันไปแล้ว 80% 5555 ไปถึงแล้วก็
1.ดูบอร์ด หาชื่อ หาเลขที่นั่งสอบ (เรียงตามชื่อ A-Z)
2.เข้าไปข้างใน พกไปได้แค่บัตรประชาชน(ใช้ใบขับขี่ไม่ได้)กับเสื้อกันหนาว (นาฬิกา/เครื่องเขียนก็ไม่ได้ เอ้ออ ในเวปเขียนว่าให้ปริ้นท์ใบเสร็จไปด้วย แต่จริงๆไม่ต้องใช้นะคะ) เค้าจะแยกโต๊ะลงทะเบียนตามเลขที่นั่งสอบ
3.พอเข้าไปแล้ว จนท.จะให้เราตรวจตัวสะกดชื่อ-นามสกุลและเลขที่บัตรประชาชนให้ถูกต้อง เซ็นชื่อ
4.ถ่ายรูป (แยกโต๊ะตามเลขที่นั่งสอบเช่นกัน) เอาผมทัดหูให้ได้มากที่สุด ขนอ่อนๆหน้าหูก็ต้องเก็บ มองกล้อง ห้ามยิ้มเห็นฟัน และสแกนลายนิ้วมือ
พอเสร็จเรียบร้อย จะมีเจ้าหน้าที่บอกว่าเลขที่นั่งสอบเราอยู่แถวไหน 1 โต๊ะสอบให้นั่ง 2 คน คนที่นั่งสอบกับเราเค้าเขย่าขาตลอดช่วงที่จนท.อธิบายกฎ เรานี่ตึ๊บเลยเสียสมาธิสุดๆ โต๊ะสั่น ผ้าคลุมโต๊ะก็ด้วย แต่ก็ยังดีที่ตอนเค้าทำข้อสอบเค้าหยุดเขย่า (แต่พอทำเสร็จก็นั่งเขย่าต่อ 5555) แม่คุณเอ้ยยย

Part 1 Listening 40 ข้อ สำเนียงไม่อังกฤษจ๋า พูดไม่เร็ว ไม่รัวจนฟังไม่รู้เรื่อง คำศัพท์ไม่ใช้ศัพท์เทคนิค แต่ส่วนที่หลอกคือ choice เช่น
โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อไหร่?
A 1990
B 1992
C 1995
ถ้าใครคิดว่าจะฟังปีให้ถูกแล้วเลือก คือไม่ใช่ค่ะ ไม่เหมือน TOEIC เค้าพูดทั้ง 3 choice คือ
ปี 1990 ผู้ก่อตั้งมีแนวคิดจะก่อตั้งโรงเรียน 1992 เริ่มก่อสร้างโรงเรียนและเปิดรับนักเรียน และปี 1995 โรงเรียนเพิ่มรับนักเรียนอีก 200 คน เพราะฉะนั้นคำตอบคือข้อ B

ในพาร์ทนี้เวลาฟังสามารถเขียนทดและจดคำตอบลงในกระดาษคำถามได้ พอฟังเสร็จแล้วเค้าจะให้เวลา 10 นาทีในการลอกคำตอบลงกระดาษคำตอบอีกทีนึง และพาร์ทนี้ห้ามทุกคนไปเข้าห้องน้ำค่ะ

Part 2 Reading 40 ข้อ แต่ละ Passage ไม่ยากแต่ยาว คำถามไม่ได้ละเอียดมาก เพราะฉะนั้นอ่านคำถามให้หมด แล้วอ่านเนื้อเรื่องแบบเร็วมากๆ แล้วกลับไปอ่านคำถามอีกที แล้วค่อยมาหาในเนื้อเรื่องว่าเค้าถามในย่อหน้าไหน ดูเวลาดีๆ จะได้มีเวลาเช็คคำตอบด้วย

Part 3 Writing มี 2 task อันแรกให้เขียนอธิบายกราฟ 150 คำ ใช้เวลา 20 นาที เป็นกราฟเส้นเปรียบเทียบเรื่องอัตราการใช้โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ต ในประเทศจีนช่วงปี xxx-xxx เราไม่ได้นั่งนับคำ แต่กะๆ เอาว่า 1 บรรทัด 10 คำ ก็เขียนให้เกิน 15 บรรทัดไปหน่อย ส่วนอันที่ 2 แสดงความคิดเห็นเรื่อง คุกใช้ลงโทษคนที่ทำผิด คุณเห็นด้วยมั๊ยว่าถ้าให้การศึกษา people จะทำให้อาชญากรรมลดลง 250 คำ ใช้เวลา 40 นาที ก็แสดงความคิดเห็นกันไป ตามที่ได้เล่าเรียนมา

ช่วงเช้าสอบเสร็จประมาณเที่ยง 10 เวลาที่สอบพูดอยู่บนสติ๊กเกอร์บนโต๊ะ เรียงตาม ชื่อ A-Z เช่นเดิม แบ่งเวลาเป็น 3 ช่วง บางคนได้สอบวันอาทิตย์ก็กลับบ้านไปเลย ห้องสอบ speaking ไม่ใช่ห้องเดิม อาจจะเป็นชั้น 7 หรือชั้น 3 คนที่สอบช่วงบ่าย ให้มาก่อนเวลา แต่เอาจริงๆ มาก่อนได้สอบก่อน เราได้สอบเวลา 16.00น. มารอ 14.30น. รอประมาณ 30 นาทีก็ได้เรียกไปรอหน้าห้อง รออีกซักพัก นั่งทำสมาธิ เรียกสติ พยายามไม่ตื่นเต้น คิดว่าอาจารย์ใจดี เหมือนคุยกับฝรั่งทั่วไป แต่พอเข้าไปคนละเรื่องเลย เป็นฝรั่งดุ ไม่ขำ ทำตามหน้าที่ เค้ามีหน้าที่ถาม เราตอบ จบ

Part 4 Speaking เปิดมาก็ทักทายแป๊บ เริ่มมาก็กดที่อัดเสียง ไม่ถามสุขภาพซักคำ ไอ้ที่เตรียมๆมาว่า Tell me about yourself ก็ไม่มี
1.เริ่มถามคำถามแรกก็อะไรใกล้ๆตัวก่อน อยู่ไหน? ชอบส่วนไหนของบ้านมากที่สุด? ส่วนไหนไม่ชอบ? ทำไมไม่ชอบ? อยากปรับปรุงอะไร?
2.จากนั้นก็ถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป ทุกวันนี้ใช้อะไรติดต่อกับพ่อแม่/เพื่อน? เคยเขียนจดหมาย/การ์ดให้ใครมั๊ย? เคยทำของ handmade มั๊ย? ตอนเด็กๆเคยทำอะไร(ด้วยมือ)เองบ้าง?
3.แล้วก็มีหัวข้อให้พูด มีเวลาเตรียมตัว 1 นาที พูด 1-2 นาที เกี่ยวกับเพื่อนสนิท มี คำแนะนำมา 3 บรรทัดว่า เจอกันครั้งแรกเมื่อไหร่ ตอนว่างชอบทำอะไร ทำไมถึงสนิทกับเพื่อนคนนี้ มีกระดาษปากกาให้โน้ตด้วย พูดยังไม่ทันจบ อาจารย์บอกพอ
4.ถามเรื่องความสัมพันธ์ต่อ ประมาณว่า หัวหน้าเป็นเพื่อนกับลูกน้องได้มั๊ย? เพื่อนของผช กับเพื่อนของผญ คิดว่าต่างกันมั๊ย? คนที่สนิทกับคนอื่นง่ายๆนี่คิดว่าดี/ไม่ดี? คิดว่างานอะไรต้องใช้ teamwork? ส่วนมากจะเริ่มคำถามด้วย Do you think…? ถ้าตอบสั้นก็จะถามต่อว่าทำไม?

ตอนแรกคิดว่าพาร์ทนี้กินหมู เพราะถามเพื่อนสนิทที่ไปสอบมา 3-4 ปีที่แล้ว มันได้ 7.5 มันบอกว่า ให้เล่าเรื่องตัวเอง(เตรียมมาล่วงหน้า) แล้วก็ถามแค่ 3 ข้อ ส่วนที่มีหัวข้อให้พูด พูดไปเรื่อยๆ ไม่มีตัดจบ สบายๆ

ก็นั่นแหละฮะทั่นผู้ชม ประสบการณ์สอบครั้งแรก เตรียมตัว 2 สัปดาห์ หวังไม่มากมาย เอาแค่ผ่านเกณฑ์ >.<

อ้อออ ส่วนการแต่งกาย เราใส่รองเท้าแตะไป(ไม่ตั้งใจ ลืมเปลี่ยน) แต่จนท.โอเค ไม่ซีเรียส ให้เข้าสอบได้
เรื่องฝากของ เก็บไว้ในรถเถอะ อย่าไปฝากเลย คิวยาว