“ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน
ตอนที่ 1 กรุงจาการ์ตา
10 ธ.ค. 2558 ออกจากบ้านเวลา 18'50 น. ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 19.20 น. ออกจากดอนเมืองเวลา20.55 น. โดยแอร์เอเชีย ถึง สนามบินนานาชาติจาการ์ต้าหลัง เที่ยงคืน เล็กน้อย รอให้เช้าออกจากสนามบิน สนามบินมีที่ให้นั่งหลับ นอนหลับได้ แต่หนาวมากเพราะเปิดแอร์เย็นเฉียบ และเก้าอี้เป็นสแตนเลสเย็นเฉียบ มีคนใช้บริการเหมือนเราพอประมาณ ตอนเช้าจึงเห็นว่ามีที่หลบหนาวอยู่ข้างๆ เป็นมุมเด็ก ตอนเช้าจอแจ มีผู้โดยสารเข้า ออกตลอดเวลา คนอินโดส่วนใหญ่เป็นมิตรและมีอัธยาศัยดี
อินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Indonesia) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Republik Indonesia) เป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างคาบสมุทรอินโดจีนกับทวีปออสเตรเลีย และระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียวหรือกาลีมันตัน (Kalimantan), ประเทศปาปัวนิวกินีบนเกาะนิวกินีหรืออีเรียน (Irian) และประเทศติมอร์-เลสเตบนเกาะติมอร์(Timor) อินโดนีเซียเคยเป็นอาณานิคมของประเทศเนเธอร์แลนด์ ประมาณ 301 ปี ในปี 2556 มีประชากรประมาณ 250 ล้านคน ประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย คือ ดร.ซูการ์โน(วิกิพีเดีย)
วันศุกร์ ที่ 11 ธันวาคม 2558 : ตอนออกไปรอรถบัส วิ่งตามรถคันนั้น คันนี้แต่ไม่ใช่สักคน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มา ป้าส่งใบ Damri - Gambir ที่จนท.ปชส.ในสนามบินเขียนชื่อรถให้ ดู รถออกจากสนามบินเวลา 06.15-07.10 น. จนท.เห็นเรารอรถนานเดินไปถาม และบอกเราว่า อีก 20 นาทีรถไปแกมเบียร์จะมา ถึงสถานีแกมเบียร์ ซื้อตั๋วรถไปบันดุงเที่ยวเย็น ตั๋วหมดแล้ว จนท.ขายตั๋วบอกให้ไปซื้อตั๋วรถบัส อีกด้านหนึ่ง รปภ.พาไปส่งต่อกันเป็นทอดๆ เขาพาไปถามรถตู้ คนขับบอกว่าเหมาไปคนละ 1 ล้านรูเปียออกได้เลย
ลุงเปลี่ยนแผนเป็นค้างที่จาการ์ต้า กลับไปซื้อตั๋วรถไฟใหม่ จนท.ให้ไปซื้อโซนที่เราเพิ่งไปเจอรถตู้มาเพราะเป็นตั๋วล่วงหน้า เดินไปถามรปภ. เขาก็เรียกรปภ.อีกคนให้พาไป พอไปถึงจุดที่จะซื้อตั๋วก็มีการส่งต่อ ให้อีกคนรับช่วง คนรับช่วงพาไปที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ เขาคีย์ให้แต่ตอนพิมพ์ชื่อช้ามาก ป้าจึงขอพิมพ์เอง พอพิมพ์เสร็จแล้ว สอดธนบัตรตามราคาเข้าไป ต้องไปรับตั๋วอีกตู้หนึ่ง ค่าตั๋วคนละ 75,000 รูเปียประมาณ 200 บาท
ได้ตั๋วแล้ว ก็ถามหาเช่ามอเตอร์ไซด์ ปรากฏว่า ไม่มีแบบให้เช่าขี่เอง มีแต่แบบจ้าง ถามหารถประจำทาง ไม่มีคนบอกได้ จึงไปเดินเที่ยวกัน พอออกจากสถานีก็เป็นสถานที่ราชการ โบสถ์ มัสยิด พิพิธภัณฑ์ และหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคง ด้านหน้าสถานีเป็นสวนสาธารณะใหญ่ชื่อ Kawasan Monas (Monas ย่อมาจาก Monumen Nasional) Sky Tower สูงเด่นเป็นสง่า สร้างในปี 1961 เป็นสัญลักษณ์ในการประกาศอิสรภาพ โดยมีประธานาธิบดีซูการ์โน เป็นผู้มีส่วนสำคัญ ประตูเปิดแค่ 2 ประตู ไกลจากสถานีรถไฟมาก ด้านในนอกจาก Monas แล้ว ยังมีอนุสาวรีย์ทหารและอนุสาวรีย์ Togo ด้วย
มีรถบริการพาทัวร์รอบสวน หอโมนาสเปิดขายตั๋วให้คนขึ้นไปชมวิวได้ด้วย ลานรอบๆหอโมนาสปูด้วยหินแกรนิต แผ่นเล็กทำเป็นลวดลาย มีลู่ให้วิ่งบนพื้นหินแกรนิต เสาร์อาทิตย์มีคนมาออกกำลังกายเป็นกลุ่มๆ มีทหารเฝ้าทั้งที่ประตู และข้างในโดยเฉพาะที่อนุสาวรีย์ และหอโมนาส
ดูเหมือนว่าจะเปิดบริการเฉพาะวันหยุด เพราะวันก่อนไม่เห็นมีคนรอขึ้น มีแต่คนออกกำลังกาย เราได้ข้อมูลการไปทำเนียบจากคู่สามีภรรยา ที่ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ สถานที่ราชการและสวนสาธารณะมีการป้องกันเข้มงวดมาก มีทั้งทหาร และ รปภ. สถานที่ราชการส่วนใหญ่มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว และห้ามคนนอกเข้า ยกเว้นที่มัสยิดกลาง ที่ให้เข้าออกได้โดยไม่หวงห้ามแต่มีจนท.คอยบอก ให้ถอดรองเท้า ด้านหน้าของมัสยิดกลางฝั่งตรงข้ามมีมหาวิหารทรงเดียวกับที่มิลาน อยู่ในระหว่างปรับปรุง
ลานหน้ามัสยิดกลางมีถนนคนเดินด้วย ของที่ขายส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าและน้ำ ลานใกล้ๆกับทางเข้าออกสวนสาธารณะก็เช่นเดียวกัน แต่ที่นั่นมีมะพร้าวอ่อนขายกองเป็นภูเขา มีผลไม้อย่างเดียวคือมะพร้าว อย่างอื่นขายเป็นน้ำปั่น ถนนที่จาการ์ตาร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ถนนที่ไปโรงแรมเป็นถนนที่มีเกาะกลางถนนด้านข้างเป็นต้นไม้คล้ายๆ มะฮ็อกกานี ที่เกาะกลางถนนเป็นต้นก้ามปู
เราพักที่โรงแรม n hotel ชั้น 3 คืนละ 295,000 รูเปีย (785 บาท) อยู่ไม่ไกลจากทำเนียบและกอรมน. ชั้นแรก 380,000 ชั้น 2 360,000 ยิ่งสูงยิ่งถูก ตรงข้ามกับปลาหมึก ยิ่งสูงยิ่งแพง มีอาหารเช้าให้เลือกว่าจะกินข้าวหรือขนมปัง เราเลือกข้าว เป็นข้าวผัดมีลูกชิ้นไก่ชิ้นบางเท่ากับเหรียญบาทเล็กแปะมา 1 ชิ้น กับผักดองหวานเล็กน้อย เป็นแครอทกับหอมหัวใหญ่ และมีซอสพริกประมาณ ครึ่งช้อนชา มีชา กาแฟ น้ำเปล่าให้กดเอง ในห้องนอนมีน้ำใส่กระติกให้แต่ไม่มีสายให้เสียบกระติก
คุณภาพประมาณ 3-4 ดาว ต้องเดินขึ้นบันไดไม่มีลิฟต์ น้ำดื่มที่ขายกันโดยทั่วไปขวดครึ่งลิตรราคา 5,000 รูเปียประมาณ 15 บาท ส่วนน้ำส้มขวดเล็กราคา 10,000 รูเปีย เราเดินเที่ยวในวันที่อากาศร้อนมาก ตอนบ่ายจึงนอนอยู่ในห้อง พอแดดร่มลมตกจึงออกไปหาข้าวกิน เป็นร้านข้าวแกงที่เน้นขายให้ลูกค้าประจำ อาหารเป็นพวกผัด กับแกง เน้นสีขมิ้น รสชาติไม่เลว ลุงกิน 2 จาน 2 จานแรก 24,000 รูเปีย จานที่ 3 15,000 รูเปีย กับข้าว 3 อย่าง ไม่แน่ใจว่าถือโอกาสไม่ทอนรึเปล่าเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง
ตอนแรกมีหนุ่มลูกค้าบอกราคาให้ แต่จานที่ 3 ส่งให้ 15,000 แล้วเห็นแม่ค้าทำเฉย แม่ค้าอายุราว50 เศษ เคี้ยวหมากด้วย ยังมีคนเคี้ยวหมากอยู่บ้างแต่ไม่มาก บนถนนก็เห็นมีรอยน้ำหมาก สภาพทั่วไปของกรุงจาการ์ตาสะอาดและร่มรื่น มีชุมชนริมคลองรอบๆ สถานที่ราชการ น้ำในคลองดำและเหม็น มีคนพายเรือเก็บขยะไปขายด้วย
วันเสาร์ ที่ 12 ธันวาคม 2558 : เดินออกจากโรงแรม n Hotel ไปสถานีรถไฟ Gambir บริเวณนั้นเป็นถนน 4 เลน เกาะกลางถนนเป็นต้นก้ามปูที่น่าจะมีอายุหลายสิบปี ด้านหนึ่งเป็นย่านโรงแรม อีกด้านหนึ่งเป็นรั้วเหล็กยาวตลอดแนวถนน บนถนนเห็นมีคราบน้ำหมากด้วย เดินผ่านที่ทำการรัฐบาล มองเข้าไปด้านหลังกอรมน. เห็นมีมัสยิดสวยงามอยู่ด้านใน เราตั้งใจจะเก็บภาพก่อนจากจาการ์ต้า เขาเอาแท่งปูนกั้นไว้ เราคิดว่าเขากั้นเฉพาะรถ จึงเดินเข้าไป ได้ยินเสียงโวยวาย พอหันไปเห็นทหารเป็นปึก พวกเขาส่งเสียงโหวกเหวก ทำมือให้เราออกจากที่หวงห้าม ห้ามๆๆๆๆ
ตอนนั่งรอรถ ได้คุยกับคนที่อยู่บาหลี แต่รอรถไปสุระบายา พอเขาลุกไปแล้วมีคนมานั่งแทนเป็นหนุ่มบันดุงที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาบอกว่า ที่จาการ์ต้ามีรถไฟสายรอบเมืองด้วย โชคดีตอนที่เรานั่งรถไฟไปบันดุง เห็นชุมชนข้างทางรถไฟมีลักษณะคล้ายๆ ชุมชนที่สถานีรถไฟจรัลสนิทวงศ์ ของเรา แต่ในตัวเมืองมีรั้วกั้น กันการรุกล้ำเขตรถไฟ บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน หลังคาหน้าจั่วเป็นกระเบื้องสีอิฐ สภาพของดินที่อินโดนีเซียน่าจะเรียกว่า สุวรรณภูมิของแท้ เพราะสีแดงทุกที่ และเป็นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก
[CR][SR] “ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก” ตะลุยอินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ 14 วัน ตอนที่ 1 กรุงจาการ์ตา
ตอนที่ 1 กรุงจาการ์ตา
10 ธ.ค. 2558 ออกจากบ้านเวลา 18'50 น. ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 19.20 น. ออกจากดอนเมืองเวลา20.55 น. โดยแอร์เอเชีย ถึง สนามบินนานาชาติจาการ์ต้าหลัง เที่ยงคืน เล็กน้อย รอให้เช้าออกจากสนามบิน สนามบินมีที่ให้นั่งหลับ นอนหลับได้ แต่หนาวมากเพราะเปิดแอร์เย็นเฉียบ และเก้าอี้เป็นสแตนเลสเย็นเฉียบ มีคนใช้บริการเหมือนเราพอประมาณ ตอนเช้าจึงเห็นว่ามีที่หลบหนาวอยู่ข้างๆ เป็นมุมเด็ก ตอนเช้าจอแจ มีผู้โดยสารเข้า ออกตลอดเวลา คนอินโดส่วนใหญ่เป็นมิตรและมีอัธยาศัยดี
อินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Indonesia) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (อินโดนีเซีย: Republik Indonesia) เป็นหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างคาบสมุทรอินโดจีนกับทวีปออสเตรเลีย และระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีพรมแดนติดกับประเทศมาเลเซียบนเกาะบอร์เนียวหรือกาลีมันตัน (Kalimantan), ประเทศปาปัวนิวกินีบนเกาะนิวกินีหรืออีเรียน (Irian) และประเทศติมอร์-เลสเตบนเกาะติมอร์(Timor) อินโดนีเซียเคยเป็นอาณานิคมของประเทศเนเธอร์แลนด์ ประมาณ 301 ปี ในปี 2556 มีประชากรประมาณ 250 ล้านคน ประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย คือ ดร.ซูการ์โน(วิกิพีเดีย)
วันศุกร์ ที่ 11 ธันวาคม 2558 : ตอนออกไปรอรถบัส วิ่งตามรถคันนั้น คันนี้แต่ไม่ใช่สักคน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มา ป้าส่งใบ Damri - Gambir ที่จนท.ปชส.ในสนามบินเขียนชื่อรถให้ ดู รถออกจากสนามบินเวลา 06.15-07.10 น. จนท.เห็นเรารอรถนานเดินไปถาม และบอกเราว่า อีก 20 นาทีรถไปแกมเบียร์จะมา ถึงสถานีแกมเบียร์ ซื้อตั๋วรถไปบันดุงเที่ยวเย็น ตั๋วหมดแล้ว จนท.ขายตั๋วบอกให้ไปซื้อตั๋วรถบัส อีกด้านหนึ่ง รปภ.พาไปส่งต่อกันเป็นทอดๆ เขาพาไปถามรถตู้ คนขับบอกว่าเหมาไปคนละ 1 ล้านรูเปียออกได้เลย
ลุงเปลี่ยนแผนเป็นค้างที่จาการ์ต้า กลับไปซื้อตั๋วรถไฟใหม่ จนท.ให้ไปซื้อโซนที่เราเพิ่งไปเจอรถตู้มาเพราะเป็นตั๋วล่วงหน้า เดินไปถามรปภ. เขาก็เรียกรปภ.อีกคนให้พาไป พอไปถึงจุดที่จะซื้อตั๋วก็มีการส่งต่อ ให้อีกคนรับช่วง คนรับช่วงพาไปที่ตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ เขาคีย์ให้แต่ตอนพิมพ์ชื่อช้ามาก ป้าจึงขอพิมพ์เอง พอพิมพ์เสร็จแล้ว สอดธนบัตรตามราคาเข้าไป ต้องไปรับตั๋วอีกตู้หนึ่ง ค่าตั๋วคนละ 75,000 รูเปียประมาณ 200 บาท
ได้ตั๋วแล้ว ก็ถามหาเช่ามอเตอร์ไซด์ ปรากฏว่า ไม่มีแบบให้เช่าขี่เอง มีแต่แบบจ้าง ถามหารถประจำทาง ไม่มีคนบอกได้ จึงไปเดินเที่ยวกัน พอออกจากสถานีก็เป็นสถานที่ราชการ โบสถ์ มัสยิด พิพิธภัณฑ์ และหน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคง ด้านหน้าสถานีเป็นสวนสาธารณะใหญ่ชื่อ Kawasan Monas (Monas ย่อมาจาก Monumen Nasional) Sky Tower สูงเด่นเป็นสง่า สร้างในปี 1961 เป็นสัญลักษณ์ในการประกาศอิสรภาพ โดยมีประธานาธิบดีซูการ์โน เป็นผู้มีส่วนสำคัญ ประตูเปิดแค่ 2 ประตู ไกลจากสถานีรถไฟมาก ด้านในนอกจาก Monas แล้ว ยังมีอนุสาวรีย์ทหารและอนุสาวรีย์ Togo ด้วย
มีรถบริการพาทัวร์รอบสวน หอโมนาสเปิดขายตั๋วให้คนขึ้นไปชมวิวได้ด้วย ลานรอบๆหอโมนาสปูด้วยหินแกรนิต แผ่นเล็กทำเป็นลวดลาย มีลู่ให้วิ่งบนพื้นหินแกรนิต เสาร์อาทิตย์มีคนมาออกกำลังกายเป็นกลุ่มๆ มีทหารเฝ้าทั้งที่ประตู และข้างในโดยเฉพาะที่อนุสาวรีย์ และหอโมนาส
ดูเหมือนว่าจะเปิดบริการเฉพาะวันหยุด เพราะวันก่อนไม่เห็นมีคนรอขึ้น มีแต่คนออกกำลังกาย เราได้ข้อมูลการไปทำเนียบจากคู่สามีภรรยา ที่ไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ สถานที่ราชการและสวนสาธารณะมีการป้องกันเข้มงวดมาก มีทั้งทหาร และ รปภ. สถานที่ราชการส่วนใหญ่มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว และห้ามคนนอกเข้า ยกเว้นที่มัสยิดกลาง ที่ให้เข้าออกได้โดยไม่หวงห้ามแต่มีจนท.คอยบอก ให้ถอดรองเท้า ด้านหน้าของมัสยิดกลางฝั่งตรงข้ามมีมหาวิหารทรงเดียวกับที่มิลาน อยู่ในระหว่างปรับปรุง
ลานหน้ามัสยิดกลางมีถนนคนเดินด้วย ของที่ขายส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าและน้ำ ลานใกล้ๆกับทางเข้าออกสวนสาธารณะก็เช่นเดียวกัน แต่ที่นั่นมีมะพร้าวอ่อนขายกองเป็นภูเขา มีผลไม้อย่างเดียวคือมะพร้าว อย่างอื่นขายเป็นน้ำปั่น ถนนที่จาการ์ตาร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ถนนที่ไปโรงแรมเป็นถนนที่มีเกาะกลางถนนด้านข้างเป็นต้นไม้คล้ายๆ มะฮ็อกกานี ที่เกาะกลางถนนเป็นต้นก้ามปู
เราพักที่โรงแรม n hotel ชั้น 3 คืนละ 295,000 รูเปีย (785 บาท) อยู่ไม่ไกลจากทำเนียบและกอรมน. ชั้นแรก 380,000 ชั้น 2 360,000 ยิ่งสูงยิ่งถูก ตรงข้ามกับปลาหมึก ยิ่งสูงยิ่งแพง มีอาหารเช้าให้เลือกว่าจะกินข้าวหรือขนมปัง เราเลือกข้าว เป็นข้าวผัดมีลูกชิ้นไก่ชิ้นบางเท่ากับเหรียญบาทเล็กแปะมา 1 ชิ้น กับผักดองหวานเล็กน้อย เป็นแครอทกับหอมหัวใหญ่ และมีซอสพริกประมาณ ครึ่งช้อนชา มีชา กาแฟ น้ำเปล่าให้กดเอง ในห้องนอนมีน้ำใส่กระติกให้แต่ไม่มีสายให้เสียบกระติก
คุณภาพประมาณ 3-4 ดาว ต้องเดินขึ้นบันไดไม่มีลิฟต์ น้ำดื่มที่ขายกันโดยทั่วไปขวดครึ่งลิตรราคา 5,000 รูเปียประมาณ 15 บาท ส่วนน้ำส้มขวดเล็กราคา 10,000 รูเปีย เราเดินเที่ยวในวันที่อากาศร้อนมาก ตอนบ่ายจึงนอนอยู่ในห้อง พอแดดร่มลมตกจึงออกไปหาข้าวกิน เป็นร้านข้าวแกงที่เน้นขายให้ลูกค้าประจำ อาหารเป็นพวกผัด กับแกง เน้นสีขมิ้น รสชาติไม่เลว ลุงกิน 2 จาน 2 จานแรก 24,000 รูเปีย จานที่ 3 15,000 รูเปีย กับข้าว 3 อย่าง ไม่แน่ใจว่าถือโอกาสไม่ทอนรึเปล่าเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง
ตอนแรกมีหนุ่มลูกค้าบอกราคาให้ แต่จานที่ 3 ส่งให้ 15,000 แล้วเห็นแม่ค้าทำเฉย แม่ค้าอายุราว50 เศษ เคี้ยวหมากด้วย ยังมีคนเคี้ยวหมากอยู่บ้างแต่ไม่มาก บนถนนก็เห็นมีรอยน้ำหมาก สภาพทั่วไปของกรุงจาการ์ตาสะอาดและร่มรื่น มีชุมชนริมคลองรอบๆ สถานที่ราชการ น้ำในคลองดำและเหม็น มีคนพายเรือเก็บขยะไปขายด้วย
วันเสาร์ ที่ 12 ธันวาคม 2558 : เดินออกจากโรงแรม n Hotel ไปสถานีรถไฟ Gambir บริเวณนั้นเป็นถนน 4 เลน เกาะกลางถนนเป็นต้นก้ามปูที่น่าจะมีอายุหลายสิบปี ด้านหนึ่งเป็นย่านโรงแรม อีกด้านหนึ่งเป็นรั้วเหล็กยาวตลอดแนวถนน บนถนนเห็นมีคราบน้ำหมากด้วย เดินผ่านที่ทำการรัฐบาล มองเข้าไปด้านหลังกอรมน. เห็นมีมัสยิดสวยงามอยู่ด้านใน เราตั้งใจจะเก็บภาพก่อนจากจาการ์ต้า เขาเอาแท่งปูนกั้นไว้ เราคิดว่าเขากั้นเฉพาะรถ จึงเดินเข้าไป ได้ยินเสียงโวยวาย พอหันไปเห็นทหารเป็นปึก พวกเขาส่งเสียงโหวกเหวก ทำมือให้เราออกจากที่หวงห้าม ห้ามๆๆๆๆ
ตอนนั่งรอรถ ได้คุยกับคนที่อยู่บาหลี แต่รอรถไปสุระบายา พอเขาลุกไปแล้วมีคนมานั่งแทนเป็นหนุ่มบันดุงที่ทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เขาบอกว่า ที่จาการ์ต้ามีรถไฟสายรอบเมืองด้วย โชคดีตอนที่เรานั่งรถไฟไปบันดุง เห็นชุมชนข้างทางรถไฟมีลักษณะคล้ายๆ ชุมชนที่สถานีรถไฟจรัลสนิทวงศ์ ของเรา แต่ในตัวเมืองมีรั้วกั้น กันการรุกล้ำเขตรถไฟ บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน หลังคาหน้าจั่วเป็นกระเบื้องสีอิฐ สภาพของดินที่อินโดนีเซียน่าจะเรียกว่า สุวรรณภูมิของแท้ เพราะสีแดงทุกที่ และเป็นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น