เมื่อสองสามวันก่อน ได้มีโอกาสหยิบแผ่น Re-master ของ Snow white and The seven Dwarfs อีกครั้ง หลังจากไม่ได้ดูนานมากๆ ผมค้นพบว่าการ์ตูนยาวเรื่องแรกของโลกเรื่องนี้ ยังมีเสน่ห์ที่ล้นเหลือให้ลูกหลานดูได้อีกเป็นหลายสิบปีเลยทีเดียว อีกทั้งนี่เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลก เป็นแอนิเมชั่นที่มาจากไอเดียสดใหม่ของชายชื่อ Walt Disney ในสมัยที่ยังอุดมไปด้วยทรัพย์สินที่รอการออกตลาดอย่างล้นมือ (ปัจจุบันแทบจะเกาะ Marvel, Pixar กับ Star Wars ทำรายได้แล้ว) ผมอยากนำท่านไปย้อนมนตร์เสน่ห์ของเจ้าหญิงสโนวไวท์อีกรอบ
ปล. ลืมสโนว์ไวท์แบบคริสเต็นไปซะ นั่นคือนางเบลล่าที่หลงดินแดนเฉยๆ
อย่างที่บอก นี่คือภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลก ความคลาสสิคมันอยู่ตรงที่แอนิเมชั่นสมัยก่อน อาศัยการวาดมือให้ออกมาเป็นเฟรมต่อเฟรม (ตามความรู้ก็ 24 เฟรม/1 วินาที) การทำภาพยนตร์ยาวขนาดนี้ได้ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจในส่วนทีมงานที่สุดส่วนนึงเลย
เนื้อเรื่องชวนฝันหวานราวกับเทพนิยายของผู้หญิงทุกคนที่อยากมีเจ้าชายรูปงามมารักเรา ร้องรำทำเพลงคู่กับเรา เจ้าชายมีการดีไซน์ได้มีออร่าเจ้าชายมาก แม้จะโผล่มาแว๊บเดียวและได้เมียไปเลยก็ตาม
เพลงเพราะนี่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ Disney ฉบับแอนิเมชั่นมานานแล้ว การร้องเพลงประสานเสียงของสโนว์ไวท์กับสัตว์ป่า , สโนว์ไวท์กับเจ้าชายล้วนไพเราะและจับใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็น เวอร์ชั่นภาษาใดๆก็ตาม
นางแม่มดตัวร้าย นี่คือการดีไซน์ตัวละครที่ยอดเยี่ยมมากๆตัวนึง เราดูแต่ไกลก็รู้ว่าอีนี่มันตัวร้าย ตอนเป็นราชินีก็ดูโหดเหี้ยม ไร้ปราณี ตอนเป็นหญิงแก่ก็ชวนน่ากลัวขนลุกดีแท้
ประโยคสุดคลาสสิคและอมตะอย่าง 'กระจกวิเศษ บอกข้าเถิด ..' เป็น Meme ยอดฮิตที่นำไปลอกเลียน ล้อเลียนนับไม่ถ้วน
ส่วนที่ดีที่สุดที่แท้จริงของภายนตร์เรื่องนี้ ทุกตัวละครคนแคระมีเสน่ห์ล้นเหลือให้น่าจดจำทุกตัว ตั้งแต่ผู้นำซุ่มซ่าม จนถึงตัวที่เป็นใบ้ ถามว่าน่ารักมากขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่า ทำให้สโนว์ไวท์กลายเป็นตัวประกอบได้เลย
ปล. ใครบ้างไม่ชอบเพลง Heigh Ho ตอนดูจบต้องร้องเพลงนี้
Snow White and The Seven Dwarfs คือตัวอย่างที่ดีงามของสิ่งที่ดีย่อมอยู่เหนือกาลเวลา ใครบ้างจะสังเกตและรู้ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) ซึ่งแปลว่าปีหน้า แอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็อยู่กับเรามา 80 ปีพอดี
กระทู้นี่ อยากพาไปชมความคลาสสิคของสโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด
ปล. ลืมสโนว์ไวท์แบบคริสเต็นไปซะ นั่นคือนางเบลล่าที่หลงดินแดนเฉยๆ
อย่างที่บอก นี่คือภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องยาวเรื่องแรกของโลก ความคลาสสิคมันอยู่ตรงที่แอนิเมชั่นสมัยก่อน อาศัยการวาดมือให้ออกมาเป็นเฟรมต่อเฟรม (ตามความรู้ก็ 24 เฟรม/1 วินาที) การทำภาพยนตร์ยาวขนาดนี้ได้ ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจในส่วนทีมงานที่สุดส่วนนึงเลย
เนื้อเรื่องชวนฝันหวานราวกับเทพนิยายของผู้หญิงทุกคนที่อยากมีเจ้าชายรูปงามมารักเรา ร้องรำทำเพลงคู่กับเรา เจ้าชายมีการดีไซน์ได้มีออร่าเจ้าชายมาก แม้จะโผล่มาแว๊บเดียวและได้เมียไปเลยก็ตาม
เพลงเพราะนี่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของ Disney ฉบับแอนิเมชั่นมานานแล้ว การร้องเพลงประสานเสียงของสโนว์ไวท์กับสัตว์ป่า , สโนว์ไวท์กับเจ้าชายล้วนไพเราะและจับใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็น เวอร์ชั่นภาษาใดๆก็ตาม
นางแม่มดตัวร้าย นี่คือการดีไซน์ตัวละครที่ยอดเยี่ยมมากๆตัวนึง เราดูแต่ไกลก็รู้ว่าอีนี่มันตัวร้าย ตอนเป็นราชินีก็ดูโหดเหี้ยม ไร้ปราณี ตอนเป็นหญิงแก่ก็ชวนน่ากลัวขนลุกดีแท้
ประโยคสุดคลาสสิคและอมตะอย่าง 'กระจกวิเศษ บอกข้าเถิด ..' เป็น Meme ยอดฮิตที่นำไปลอกเลียน ล้อเลียนนับไม่ถ้วน
ส่วนที่ดีที่สุดที่แท้จริงของภายนตร์เรื่องนี้ ทุกตัวละครคนแคระมีเสน่ห์ล้นเหลือให้น่าจดจำทุกตัว ตั้งแต่ผู้นำซุ่มซ่าม จนถึงตัวที่เป็นใบ้ ถามว่าน่ารักมากขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่า ทำให้สโนว์ไวท์กลายเป็นตัวประกอบได้เลย
ปล. ใครบ้างไม่ชอบเพลง Heigh Ho ตอนดูจบต้องร้องเพลงนี้
Snow White and The Seven Dwarfs คือตัวอย่างที่ดีงามของสิ่งที่ดีย่อมอยู่เหนือกาลเวลา ใครบ้างจะสังเกตและรู้ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายตั้งแต่ปี ค.ศ. 1937 (พ.ศ. 2480) ซึ่งแปลว่าปีหน้า แอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็อยู่กับเรามา 80 ปีพอดี