สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
งานมันหายากตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วหละ
ยิ่งใช้ภาษาอังกฤษหาเงินยิ่งยากใหญ่เพระการแข่งขันสูงมากๆ ต้องหมั่นเรียนรู้เพิ่มเติมให้เก่งขึ้นเรื่อยๆอยู่ตลอดเวลาม่ายงั้นอยู่ไม่รอด
การใช้ภาษาอังกฤษหางานต้องดูระดับความรู้อังกฤษเราและดูความถนัดส่วนตัวด้วย จะได้ไปอยู่ใน niche ที่ตัวเองได้เปรียบ
ยกตัวอย่างเช่น
เพื่อนเราคนหนึ่งจบอังกฤษธุรกิจจากราชภัฏเชียงใหม่ เธอพูดอังกฤษผิด grammar เละเกือบทุกประโยค ยิ่งเขียนอังกฤษยิ่งเละไม่เป็นภาษาคน แต่เธอทำงานไกด์ วันๆหลอกให้นักท่องเที่ยวซื้อของแพงๆเกินราคา เธอรับค่า commissions เยอะมากๆ ยิ่งพานักท่องเที่ยวผู้ชายไปลงอ่างนะ หมอนวดคิดคนละ 2,000 บาท เธอไปชาร์จนักท่องเที่ยวคนละ 5,000 บาท กำไรหัวละ 3,000 บาท มีนักท่องเที่ยวชายวันละ 10 คนก็หาเงินได้วันละ 30,000 บาทสบายๆแล้ว ตัวไกด์สบาย แต่ปล่อยให้หมอนวดต้องยกแข้งยกขาเหนื่อยไปเอง555 จนตอนนี้เธอมีเงินซื้อบ้านซื้อรถไปเที่ยวต่างประเทศ ลองให้เด็กจบเอกอังกฤษจากมหาลัยปิดดังๆที่ฟังพูดอ่านเขียนอังกฤษแม่นเป๊ะๆไปทำงานแบบนี้ดิ ทำแค่ไม่กี่วันก็เผ่นหมด เพราะเด็กเรียนเก่งไม่จัดจ้านโลกเรื่องต้มตุ๋นคนให้ซื้อของแพงๆเกินราคา ยิ่งขายผู้หญิงด้วยเด็กเรียนเก่งไม่กล้าขายหรอก555
เพื่อนเราอีกคนหนึ่งเรียนเอกอังกฤษปี 4 ม.บูรพา คุยอังกฤษกับเราทาง line (เธอบอกให้เราแก้ grammar ให้เธอ) เธอพิมพ์อังกฤษผิด grammar เละเกือบทุกประโยค พอเราบอกว่ามันผิดกี่แห่ง เธอตกใจสุดขีดบอกว่า "เพิ่งรู้อะว่าภาษาอังกฤษฉันมันผิด grammar เละขนาดนี้นะ555" แต่เธอทำงานเสิร์ฟเหล้าเสิร์ฟอาหารใน pub หรูๆแถวๆบางแสน ได้ค่าตัว + tips คืนหนึ่ง 2,000 บาท เธอบอกว่ามีพนักงานสาวอ๊อฟไปกับแขกคืนหนึ่งได้หลายหมื่นบาท แต่เธอไม่กล้าทำงั้น ขอแค่คืนละ 2,000 บาท ก็พอส่งตัวเองเรียนจบแล้ว555 เธอบอกเราว่าพอเธอเรียนจบแล้วเธอจะลาออกไปหางานด้านภาษาอังกฤษในบริษัทอันทรงเกียรติ์ แต่เราแนะนำว่า “ให้ทำงานที่ pub เก็บเงินไปเรื่อยๆชีวิตจะรุ่งไวกว่า” 555
รายนี้ดิเหลือเชื่อสุดๆ กระทาชายนายหนึ่งเอากระดาษไปลอกรูปจากวัด (ต้นทุนไม่น่าเกิน 20 บาทต่อรูปหนึ่งแผ่น) แล้วมาวางขายที่ท่าน้ำ Oriental Hotel พี่แกพูดอังกฤษกระท่อนกระแท่น (แบบคงเปิดตำราเรียนด้วยตัวเองท่องเป็นประโยคๆ) เรานั่งๆอยู่แถวนั้นจับตามองเงี่ยหูฟังอยู่ โห แค่ชั่วโมงเดียวเอง พี่แกขายรูปลอกให้นักท่องเที่ยวรูปละ 500 บาทไปได้ตั้ง 4-5 รูปแน่ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ภาษาอังกฤษระดับพูดดำน้ำแบบนั้นจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้ สุดยอดมนุษย์เลยอะ 555
ของเราดิดิ้นรนแทบกระอักเลือด เราพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษมานานหลายปี แต่เราเรียนไม่จบปริญญา กลับมาเมืองไทยเดินย่ำต๊อกๆหางาน ไม่มีใครจ้างคนไร้ปริญญา เราเลยเล่นลักไก่ รับสอนภาษาอังกฤษได้เงินเยอะเหมือนกันนะ แต่โหทรมาณจิตใจเพราะต้องแต่งตัวเรียบร้อยให้สมเป็นครู (จริงๆแล้วเราแต่งตัวซ่ามากๆใส่แนวสายเดี่ยวและ/หรือกระโปรงสั้นๆ makeup หน้าเหมือนคุณตัว555) แถมเรายังต้องไปโกหกนักเรียนอีกต่างหากว่าเรียนจบสูงๆจากอังกฤษ ทำๆไปได้ไม่นาน ก็เลยเลิกทำ แล้วหันมาเอาดีทางด้านการแปล
เราอยากแปลหนังสือ howto เพราะเราอ่านภาษาอังกฤษแนว howto ที่สอนคิดแปลกๆแหวกแนว กับอ่านหนังสือศาสตร์เร้นลับเช่นคัมภีร์กำลังภายในแปลจีนเป็นอังกฤษ แต่สมัคร สนพ ไปนะ ได้แต่งานแปลนิยาย โห เราแทบไม่เคยอ่านนิยายมาเลยในชีวิต ไม่มีความรู้เรื่อง literature เลย แปลได้แต่มันช้ากว่าจะเขียนภาษาไทยให้เป็นภาษานิยายแบบได้อารมณ์อันสุทรีย์อะนะ
แต่ในขณะเดียวกันเพื่อนเราหลายๆคนที่จบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษแปลนิยายได้จนรุ่งมากๆเพราะพวกเขาอ่านนิยายกันมาตั้งแต่เด็กๆ และเก่ง literature มากๆ ซึ่งช่วยด้านการแปลนิยายมากๆเลยหละ ขืนเราไปสู้กับพวกเค้าใน niche ของพวกเค้า เราก็กระอักเลือดดิ555
เราเลยเปลี่ยนแนวไปเป็นหัดแปลเอกสารเพราะมันไม่ต้องเขียนด้วยภาษาที่ใช้อารมณ์ยังไงล่ะ ทำไปทำมาเรากลายเป็นถนัดแปลเอกสารกฎหมาย หนังสือราชการ และเอกสารในเชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วแม่นยำและสวยงามมากๆ ความเร็ว (แปลแล้วออกมาสวยงามด้วย) ในการแปลเอกสารแนวนี้ของเราเล่นเอาเพื่อนๆเราที่จบอักษรศาสตร์จุฬาหลายๆคนตกใจอ้าปากตาค้างไม่อยากมาแข่งกับเราใน niche นี้ ยิ่งแปลไทยเป็นอังกฤษด้วยเรายิ่งชนะพวกเค้าลอยลำเพราะ grammar เราไม่แพ้พวกเขาเนื่องจากว่าเราเรียนภาษาอังกฤษมาแบบธรรมชาติตั้งแต่อยู่ต่างแดนตอนเด็กๆ สรุปแล้วค้นหา niche ของตัวเองให้ดีๆ แล้วต่างคนต่างอยู่ใน niche ของตัวเองนั่นแหละ ชีวิตมันค่อยง่ายหน่อย
ตอนเด็กๆเราอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องเด็กผู้ชายคนหนึ่งพ่อแม่ตายแล้วทิ้งเงินไว้ให้นิดหนึ่งกับแมวตัวผู้ตัวเมียอย่างละตัว เขางงว่าจะหาเลี้ยงชีพได้ไง เค้าเลยใช้เงินที่มีอยู่ออกเดินทางไปที่เกาะแห่งหนึ่งที่มีหนูชุมมากๆ และชาวเกาะเดือดร้อนจากหนูมากๆ เค้าเลยรับอาสาปราบหนูให้ด้วยการเพาะพันธ์แมวเป็นว่าเล่นจากแมว 2 ตัว กลายเป็นแมวขโยงใหญ่ แล้วปราบหนูได้หมดเกาะ ชาวเกาะเผอิญมีทองเยอะ เลยเอาทองให้เด็กผู้ชายคนนั้นตั้งมากมาย ให้ลงเรือเดินทางกลับบ้านกลายเป็นมหาเศรษฐีไป
^
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...แปลกแต่จริง...ความรู้ที่มีแค่นิดเดียว (อย่างเจ้าหมอนั่นที่ขายรูปลอกที่ท่าน้ำ Oriental Hotel) ถ้านำเข้าไปที่ niche ที่ถูกทางของตัวเองได้นะ ก็ทำเงินได้มหาศาลอย่างน่าประหลาด แต่ทางที่ดีก็ควรเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องนะ เพื่อความปลอดภัย ตอนนี้ถึงเราจะไปรอดแล้วเรื่องการแปลระดับที่เราแปลไทยเป็นอังกฤษแล้วคำแปลภาษาอังกฤษเราออกมาเหมือนฝรั่งเจ้าของภาษาได้ แต่เราก็ยังเรียนภาษาอังกฤษต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะความรู้เรียนไม่มีที่สิ้นสุดหรอก
ยิ่งใช้ภาษาอังกฤษหาเงินยิ่งยากใหญ่เพระการแข่งขันสูงมากๆ ต้องหมั่นเรียนรู้เพิ่มเติมให้เก่งขึ้นเรื่อยๆอยู่ตลอดเวลาม่ายงั้นอยู่ไม่รอด
การใช้ภาษาอังกฤษหางานต้องดูระดับความรู้อังกฤษเราและดูความถนัดส่วนตัวด้วย จะได้ไปอยู่ใน niche ที่ตัวเองได้เปรียบ
ยกตัวอย่างเช่น
เพื่อนเราคนหนึ่งจบอังกฤษธุรกิจจากราชภัฏเชียงใหม่ เธอพูดอังกฤษผิด grammar เละเกือบทุกประโยค ยิ่งเขียนอังกฤษยิ่งเละไม่เป็นภาษาคน แต่เธอทำงานไกด์ วันๆหลอกให้นักท่องเที่ยวซื้อของแพงๆเกินราคา เธอรับค่า commissions เยอะมากๆ ยิ่งพานักท่องเที่ยวผู้ชายไปลงอ่างนะ หมอนวดคิดคนละ 2,000 บาท เธอไปชาร์จนักท่องเที่ยวคนละ 5,000 บาท กำไรหัวละ 3,000 บาท มีนักท่องเที่ยวชายวันละ 10 คนก็หาเงินได้วันละ 30,000 บาทสบายๆแล้ว ตัวไกด์สบาย แต่ปล่อยให้หมอนวดต้องยกแข้งยกขาเหนื่อยไปเอง555 จนตอนนี้เธอมีเงินซื้อบ้านซื้อรถไปเที่ยวต่างประเทศ ลองให้เด็กจบเอกอังกฤษจากมหาลัยปิดดังๆที่ฟังพูดอ่านเขียนอังกฤษแม่นเป๊ะๆไปทำงานแบบนี้ดิ ทำแค่ไม่กี่วันก็เผ่นหมด เพราะเด็กเรียนเก่งไม่จัดจ้านโลกเรื่องต้มตุ๋นคนให้ซื้อของแพงๆเกินราคา ยิ่งขายผู้หญิงด้วยเด็กเรียนเก่งไม่กล้าขายหรอก555
เพื่อนเราอีกคนหนึ่งเรียนเอกอังกฤษปี 4 ม.บูรพา คุยอังกฤษกับเราทาง line (เธอบอกให้เราแก้ grammar ให้เธอ) เธอพิมพ์อังกฤษผิด grammar เละเกือบทุกประโยค พอเราบอกว่ามันผิดกี่แห่ง เธอตกใจสุดขีดบอกว่า "เพิ่งรู้อะว่าภาษาอังกฤษฉันมันผิด grammar เละขนาดนี้นะ555" แต่เธอทำงานเสิร์ฟเหล้าเสิร์ฟอาหารใน pub หรูๆแถวๆบางแสน ได้ค่าตัว + tips คืนหนึ่ง 2,000 บาท เธอบอกว่ามีพนักงานสาวอ๊อฟไปกับแขกคืนหนึ่งได้หลายหมื่นบาท แต่เธอไม่กล้าทำงั้น ขอแค่คืนละ 2,000 บาท ก็พอส่งตัวเองเรียนจบแล้ว555 เธอบอกเราว่าพอเธอเรียนจบแล้วเธอจะลาออกไปหางานด้านภาษาอังกฤษในบริษัทอันทรงเกียรติ์ แต่เราแนะนำว่า “ให้ทำงานที่ pub เก็บเงินไปเรื่อยๆชีวิตจะรุ่งไวกว่า” 555
รายนี้ดิเหลือเชื่อสุดๆ กระทาชายนายหนึ่งเอากระดาษไปลอกรูปจากวัด (ต้นทุนไม่น่าเกิน 20 บาทต่อรูปหนึ่งแผ่น) แล้วมาวางขายที่ท่าน้ำ Oriental Hotel พี่แกพูดอังกฤษกระท่อนกระแท่น (แบบคงเปิดตำราเรียนด้วยตัวเองท่องเป็นประโยคๆ) เรานั่งๆอยู่แถวนั้นจับตามองเงี่ยหูฟังอยู่ โห แค่ชั่วโมงเดียวเอง พี่แกขายรูปลอกให้นักท่องเที่ยวรูปละ 500 บาทไปได้ตั้ง 4-5 รูปแน่ะ! นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ภาษาอังกฤษระดับพูดดำน้ำแบบนั้นจะทำเงินได้มากมายขนาดนี้ สุดยอดมนุษย์เลยอะ 555
ของเราดิดิ้นรนแทบกระอักเลือด เราพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษมานานหลายปี แต่เราเรียนไม่จบปริญญา กลับมาเมืองไทยเดินย่ำต๊อกๆหางาน ไม่มีใครจ้างคนไร้ปริญญา เราเลยเล่นลักไก่ รับสอนภาษาอังกฤษได้เงินเยอะเหมือนกันนะ แต่โหทรมาณจิตใจเพราะต้องแต่งตัวเรียบร้อยให้สมเป็นครู (จริงๆแล้วเราแต่งตัวซ่ามากๆใส่แนวสายเดี่ยวและ/หรือกระโปรงสั้นๆ makeup หน้าเหมือนคุณตัว555) แถมเรายังต้องไปโกหกนักเรียนอีกต่างหากว่าเรียนจบสูงๆจากอังกฤษ ทำๆไปได้ไม่นาน ก็เลยเลิกทำ แล้วหันมาเอาดีทางด้านการแปล
เราอยากแปลหนังสือ howto เพราะเราอ่านภาษาอังกฤษแนว howto ที่สอนคิดแปลกๆแหวกแนว กับอ่านหนังสือศาสตร์เร้นลับเช่นคัมภีร์กำลังภายในแปลจีนเป็นอังกฤษ แต่สมัคร สนพ ไปนะ ได้แต่งานแปลนิยาย โห เราแทบไม่เคยอ่านนิยายมาเลยในชีวิต ไม่มีความรู้เรื่อง literature เลย แปลได้แต่มันช้ากว่าจะเขียนภาษาไทยให้เป็นภาษานิยายแบบได้อารมณ์อันสุทรีย์อะนะ
แต่ในขณะเดียวกันเพื่อนเราหลายๆคนที่จบอักษรศาสตร์จุฬาเอกอังกฤษแปลนิยายได้จนรุ่งมากๆเพราะพวกเขาอ่านนิยายกันมาตั้งแต่เด็กๆ และเก่ง literature มากๆ ซึ่งช่วยด้านการแปลนิยายมากๆเลยหละ ขืนเราไปสู้กับพวกเค้าใน niche ของพวกเค้า เราก็กระอักเลือดดิ555
เราเลยเปลี่ยนแนวไปเป็นหัดแปลเอกสารเพราะมันไม่ต้องเขียนด้วยภาษาที่ใช้อารมณ์ยังไงล่ะ ทำไปทำมาเรากลายเป็นถนัดแปลเอกสารกฎหมาย หนังสือราชการ และเอกสารในเชิงพาณิชย์ได้รวดเร็วแม่นยำและสวยงามมากๆ ความเร็ว (แปลแล้วออกมาสวยงามด้วย) ในการแปลเอกสารแนวนี้ของเราเล่นเอาเพื่อนๆเราที่จบอักษรศาสตร์จุฬาหลายๆคนตกใจอ้าปากตาค้างไม่อยากมาแข่งกับเราใน niche นี้ ยิ่งแปลไทยเป็นอังกฤษด้วยเรายิ่งชนะพวกเค้าลอยลำเพราะ grammar เราไม่แพ้พวกเขาเนื่องจากว่าเราเรียนภาษาอังกฤษมาแบบธรรมชาติตั้งแต่อยู่ต่างแดนตอนเด็กๆ สรุปแล้วค้นหา niche ของตัวเองให้ดีๆ แล้วต่างคนต่างอยู่ใน niche ของตัวเองนั่นแหละ ชีวิตมันค่อยง่ายหน่อย
ตอนเด็กๆเราอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นเรื่องเด็กผู้ชายคนหนึ่งพ่อแม่ตายแล้วทิ้งเงินไว้ให้นิดหนึ่งกับแมวตัวผู้ตัวเมียอย่างละตัว เขางงว่าจะหาเลี้ยงชีพได้ไง เค้าเลยใช้เงินที่มีอยู่ออกเดินทางไปที่เกาะแห่งหนึ่งที่มีหนูชุมมากๆ และชาวเกาะเดือดร้อนจากหนูมากๆ เค้าเลยรับอาสาปราบหนูให้ด้วยการเพาะพันธ์แมวเป็นว่าเล่นจากแมว 2 ตัว กลายเป็นแมวขโยงใหญ่ แล้วปราบหนูได้หมดเกาะ ชาวเกาะเผอิญมีทองเยอะ เลยเอาทองให้เด็กผู้ชายคนนั้นตั้งมากมาย ให้ลงเรือเดินทางกลับบ้านกลายเป็นมหาเศรษฐีไป
^
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...แปลกแต่จริง...ความรู้ที่มีแค่นิดเดียว (อย่างเจ้าหมอนั่นที่ขายรูปลอกที่ท่าน้ำ Oriental Hotel) ถ้านำเข้าไปที่ niche ที่ถูกทางของตัวเองได้นะ ก็ทำเงินได้มหาศาลอย่างน่าประหลาด แต่ทางที่ดีก็ควรเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องนะ เพื่อความปลอดภัย ตอนนี้ถึงเราจะไปรอดแล้วเรื่องการแปลระดับที่เราแปลไทยเป็นอังกฤษแล้วคำแปลภาษาอังกฤษเราออกมาเหมือนฝรั่งเจ้าของภาษาได้ แต่เราก็ยังเรียนภาษาอังกฤษต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะความรู้เรียนไม่มีที่สิ้นสุดหรอก
แสดงความคิดเห็น
ทำไมช่วงนี้งานหายากจังครับ...
ไม่รู้จะสมัครงานอะไรดี ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ
แนะนำหน่อยเถอะครับ
จบปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ ม.รัฐไม่ดัง
ประสบการณ์การทำงาน สอนภาษาอังกฤษ รร.เอกชน 1 ปี
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าครับ
ปล.นอนไม่หลับ เครียด