ชวนคุย: ปริทรรศน์ของความเจ็บปวดแห่ง The X-Files

ชวยคุยเรื่องของมัลเดอร์ สกัลลี่ และวิลเลี่ยมล้วนๆเลยนะ

อาจมีการสปอลย์ Episode1-2 ของ Season 10 บ้างในส่วนที่เกี่ยวข้อง ขอไม่ซ่อนข้อความนะ

กลับมาคราวนี้ น่าจะเล่นเรื่องของวิลเลียม (ลูกของสองคนนี้) แล้วก็.....คริส คาร์เตอร์ คงขยี้อารมณ์ ความรู้สึกและความสัมพันธ์ของตัวละครน่าดูเลย

___________________________________H e l l o  S h i p p e r s ! !_______________________________________ : )



"คนที่ไม่เคยผ่านความเจ็บปวดย่อมไม่มี"


มัลเดอร์เคยสูญเสียน้องสาวจากเหตุการณ์ในอดีต กระทั่งเป็นแรงผลักให้เขาเข้าทำงานในเอฟบีไอ เพื่อที่จะหาเบาะแสและหลักฐานเพียงเพื่อยืนยันให้กับใจตัวเองว่าเธอยังอยู่หรือตายไปแล้ว

สกัลลี่สูญเสียความสามารถในการเป็น "แม่" จากการตกเป็นเหยื่อในการปองร้ายของผู้ไม่หวังดี เธอไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป แต่ด้วยวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์และความช่วยเหลือในการตามหา ovum จากคลังเก็บตัวอย่างของรัฐบาลจากมัลเดอร์ และการให้น้ำเชื้อของเขา ด้วยความพยายามหลายครั้ง เธอจึงมีลูกชายหนึ่งคนชื่อ "วิลเลียม"

ใน The X Files ปูเรื่องให้สงสัยว่าทำไมวิลเลียมถึงเป็นเด็กพิเศษ(วิลเลียมมีพลังจิต ซึ่งสามารถคาดเดาไปได้หลายมุมว่าขณะที่เธอพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ตั้งครรภ์นั้น 1.เธอมีดีเอ็นเอของเอเลี่ยนในตัวซึ่งเกิดขึ้นในสมัยที่ถูกลักพาตัวหรือเปล่า----แต่ถ้าทำเช่นนี้มันไม่สามารถส่งผลต่อเซลล์สืบพันธุ์ เว้นแต่จะเอาไข่มาเจาะใส่ทีละฟอง หรือ...2.ทางสถาบันที่เธอไปทำ อาจแอบใส่ดีเอ็นเอเอเลี่ยนไว้ในระยะไซโกตก่อนที่จะฉีดเข้ามาในตัวเธอ----เป็นไปได้มากกว่าข้อแรก) ที่บรรดาสาวกบูชาเอเลี่ยนต้องการตัว ฯลฯ ซึ่งนั่นไม่บีบคั้นอารมณ์เท่ากับคนเป็นแม่ที่ต้องปกป้องลูกตลอดเวลา ในตอนที่สกัลลี่ได้รับข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ เป็นจังหวะเดียวกับที่มัลเดอร์ถูกจับตัวไปด้วยวิทยาการของต่างดาว(ซึ่งในภายหลังยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นต่างดาวจริงๆหรือเป็นเพียงกลุ่มมนุษย์ที่ใช้วิทยาการต่างดาวในการนี้กันแน่.... ตอนนี้เรายังไม่รู้ แต่หนังตั้งสมมุติฐานในตอนแรกของซีซั่น 10 ว่าคือการนำเทคโนโลยีต่างดาวมาใช้โดยมนุษย์) เธอเจ็บปวดและดีใจไปพร้อมๆกัน สุดท้ายความหวังที่จะได้มัลเดอร์กลับมาแบบมีชีวิตแทบจะเป็นศูนย์ แต่ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นได้ มัลเดอร์ฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่า ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของทั้งสามคนจะปกติสุข เพราะมัลเดอร์เลือกที่จะทำตามอุดมการณ์ คือ การค้นหาความจริงและเพื่อ "หยุด" และเปิดโปงกระบวนการในการคุกคามชีวิตมนุษย์เพื่อนำไปเป็นสิ่งทดลองให้แก่ "ใคร" หรือ "อะไร"

ขณะที่สองคนแยกกัน สกัลลี่เลี้ยงลูกเพียงลำพัง แต่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อน สุดท้ายการคุกคามของกลุ่มคนที่จะนำเอาวิลเลียมไปจากเธอรุมเร้าหนักขึ้น สกัลลี่ตัดสินใจบริจาคลูกของตนเองเพื่อลบประวัติการเกิดและผู้ให้กำเนิด เหลือเพียงชื่อ "วิลเลียม" ที่เธอเป็นผู้ตั้งให้ โดยใช้ชื่อของพ่อมัลเดอร์มาตั้ง.....เพื่อให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กปกติ เพื่อให้เขามีความปลอดภัยแม้เธอจะเจ็บปวดไปชั่วชีวิตก็ตาม




ในความทรงจำของอดีต


ชีวิตของทั้งคู่เริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากที่มัลเดอร์หนีรอดจากคุกทหารภายหลังจากการถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือด โดยการช่วยเหลืออย่างลับๆของจอห์น ด็อกเก็ต, โมนิกา เรเยส และอดีตผู้บังคับบัญชา-วอลเทอร์ สกินเนอร์ ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันในบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่ห่างไกลผู้คน มัลเดอร์ต้องหลบซ่อนการตามล่าจากรัฐบาลจนกว่าอายุความจะหมด ส่วนสกัลลี่ทำหน้าที่เป็นศัลยแพทย์(ซึ่งมักมีเคสเด็กให้เธอผ่าตัดเสมอ นั่นหมายความว่าเธอมักจะมองเด็กพวกนี้ด้วยสายตาและความรู้สึกของคนเป็นแม่ที่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตที่ผ่านมา) จนกระทั่งวันหนึ่งที่ทางเอฟบีไอขอให้มัลเดอร์ร่วมมือในการสืบคดี สกัลลี่ไม่สามารถเคียงข้างเขาได้อีกต่อไป มัลเดอร์เสี่ยงชีวิตในการทำคดีนี้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากวอลเทอร์ สกินเนอร์....และเดนา สกัลลี่

หลายคนมักกล่าวว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส บางทีคำกล่าวนี้อาจเป็นจริงสำหรับบางคน เราจึงไม่สามารถใส่คำว่า "เสมอ" ต่อท้ายข้อความได้ แต่โลกใบหม่นของทั้งคู่ยังดำเนินต่อไป ไม่นานสกัลลี่แยกทางกับมัลเดอร์ ชีวิตอย่างคู่รักที่พึงมี หรือชีวิตที่ใครหลายคนปรารถนาก็จบลงด้วยรอยร้าวในใจของทั้งคู่ แม้ว่ารอยร้าวนี้จะไม่สามารถหยั่งลงไปถึงความผูกพันธ์ทางใจในฐานะ "เพื่อนตาย" อันแน่นแฟ้นของพวกเขาก็ตามที




มัลเดอร์ยังคงโหยหาวันเวลาเก่าๆ จมอยู่กับอดีตและอุดมการณ์ที่ผ่านมา เขายังคิดถึงเธอเสมอ แต่ไม่สามารถบอกหรือแสดงออกใดๆได้ เขาเองก็ระทมทุกข์ในเรื่องลูกไม่แพ้เธอเช่นกัน ปรารถนาที่จะมีชีวิตปกติสุขเคียงข้างกับคนที่เขารักและรักเขา.... แต่มันจบลงแล้ว

สกัลลี่ดำเนินชีวิตผ่านวันเวลาด้วยการเป็นแพทย์ เธอทำงานหนักเพื่อให้ไม่มีเวลาคิดถึงลูกหรืออดีตที่ผ่านมา เธออาจมีความรู้สึกดีๆกับชายอื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถร่วมชีวิตกับผู้คนเหล่านั้นได้ ในเมื่อสิ่งที่เป็นตะกอนอยู่ก้นบึ้งของจิตวิญญาณ คือ มัลเดอร์และวิลเลี่ยม





ปริทรรศน์ของความเจ็บปวด


ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเฉดสีเทา เราไม่สามารถโยนบาปให้กับใครได้ทั้งนั้น มนุษย์ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือก เช่นเดียวกับคนเป็นแม่อย่างสกัลลี่ที่เธอเลือกความปลอดภัยของลูก แม้ว่าจะเจ็บปวดกับการตัดสินใจเพียงใดก็ตาม และไม่ว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานถึง 15 ปี ไม่มีวันใดเลยที่เธอจะไม่คิดถึงลูก

สกัลลี่พูดเสมอเมื่อมัลเดอร์แสดงอาการเป็นห่วงในเรื่องที่จะมากระทบจิตใจอันเปราะบางของเธอ สกัลลี่ยืนยันว่าเธอรับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ แต่แท้จริงแล้วเธอก็แค่ซ่อนความเจ็บปวดเหล่านี้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย และรอยยิ้มอันแห้งผาก



ในตอนหนึ่ง เธอถามมัลเดอร์ว่าคิดถึงลูกบ้างไหม?

เขาตอบว่าคิดถึงอยู่เสมอ แต่ต้องอำพรางไว้....




มัลเดอร์เป็นนักจิตวิทยาที่เก่งชนิดหาตัวจับได้ยาก เขารู้ว่าหากแสดงออกถึงความเศร้าภายใน สกัลลี่จะต้องเป็นห่วงเขาและเธอจะไม่มีหลักยึด

ในตอนแรกมัลเดอร์สามารถเลือกที่จะเป็นเพียงผู้บริจาคเชื้อก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีสัมพันธ์ทางใจใดๆ แต่เขาเลือกที่จะเป็น "พ่อ" ของเด็กที่เกิดมา.... ในฐานะพ่อ.... เขาใฝ่ฝันที่จะทำครอบครัวให้สมบูรณ์ ซึ่งในส่วนลึกแล้วเขายังคงตำหนิตัวเอง แล้วกล่าวโทษว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของแผลในใจสกัลลี่อยู่เสมอมา จึงไม่แปลกที่หลังจากที่ทั้งคู่แยกทางกัน มัลเดอร์ไม่มีใครอีกเลย และยังอยู่กับอดีตของตน

และทุกครั้งที่เขาได้เจอเธอ เขาดีใจเสมอ.....เพราะเธอคือเพื่อนชีวิตคนเดียวของเขา

สกัลลี่วิเคราะห์ว่ามัลเดอร์ซึมเศร้าจากสภาวะภายนอก เธอคิดว่าการที่เขาอยู่กับเธอทำให้เขาไม่มีความสุข เธอจึงเดินออกมา แต่แท้จริงแล้วเขาซึมเศร้าจากข้างใน (สเวตาที่มีความสามารถในการอ่านใจคนได้กล่าวกับดร.สกัลลี่ my struggle:epsode 10/2016)

ในขณะที่สกัลลี่โทษตัวเองว่าไม่เข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับใครหรืออะไรก็ตามที่จะทำอันตรายแก่ลูกเธอนั้น มัลเดอร์เองก็โทษตัวเองว่าเขาได้ทำลายชีวิตคนๆเดียวที่เขาเหลืออยู่.....คือ สกัลลี่







บางเรื่อง... บางอย่าง... บางที...เราไม่สามารถที่จะบอกแก่ใครหรือแม้แต่คนที่อยู่ข้างๆได้ เพราะเกรงว่าเขาจะทุกข์ไปพร้อมกับเรา แต่การที่แสดงออกให้เห็นว่าไม่มีอะไรสามารถมาทำให้จิตใจไหวหวั่นได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความรู้สึกข้างในที่มันพร้อมที่จะแตกสลาย มันเป็นเหมือนมีดที่กรีดแทงและตัดทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นกระทั่งความสัมพันธ์ใดๆให้คงอยู่ได้อีก ทุกอย่างมันดูบิดเบี้ยวพิกลพิการ

เพียงเพราะพยายาม "เข้มแข็ง" ให้ใครหลายคนไม่ห่วง

มนุษย์ไม่เคยเข้มแข็งอย่างแท้จริงได้เลย

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงไรหรือหลีกลี้หนีหายไปสุดขอบจักรวาล "สิ่งนั้น"....ยังคงอยู่กับเรา ข้างในหัวใจอันเปราะบางที่ประกอบด้วยเลือดและเนื้อที่ยังคงเต้นอยู่นั่นแหละ

..............................................................................................................................................................................................

เอาเลยค่ะ คริส คาเตอร์ บดขยี้อวัยวะภายในของดิฉันด้วยดราม่าเรื่องวิลเลียมเลยค่ะ พร้อมแล้ว!!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่