ผมชอบงานแสดงในมุมที่สนุกท้าทาย ตรงที่ว่าเวลาเราคิดว่าเราจะเป็นตัวละครสักตัวหนึ่ง เราจะเป็นได้ไหม เราจะทำได้ไหม เราจะมีสมาธิกับมันมากแค่ไหน และจะมีความมันส์เหมือนเราเล่นกีฬาที่ว่าเราจะชนะได้ไหม เราสนุกยังไงแบบนั้นครับ" พระเอกหนุ่ม "เจมส์- จิรายุ" เผยถึงเรื่องงานแสดง
ถาม ถึงช่วงที่ละคร "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ตอน "คุณชายพุฒิภัทร" ที่ตัวเองแสดงมีชื่อเสียงภายในข้ามคืน ที่บ้านว่ายังไงบ้าง
พระเอกหนุ่มหน้าสวยกล่าวว่า"เขาก็ดีใจครับที่เห็นผมมาได้ถึงขนาดนี้ และก็มีคนรักผม เขาก็ภูมิใจครับ ที่บ้านผมส่วนมากเขาจะตามใจอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนดื้อขนาดนั้น เรื่องงานในวงการบันเทิงคุณแม่ก็สนับสนุน เขาอยากให้เข้ามาทำตรงส่วนนี้ ส่วนคุณพ่อเขาตามใจผมอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกันแล้ว เหมือนขึ้นมาดูแลผมในช่วงเวลาที่อยู่ที่บ้าน"

สำหรับ เรื่องการเรียน เจมส์เผยว่า "ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งการแบ่งเวลาก็ต้องพยายามหาวันให้ได้ อย่างสมมติว่าถ้ามีละครจันทร์ อังคาร พุธ ก็พยายามหาตารางเรียนเลี่ยง แต่ถ้าเกิดต้องตรงกันจริงๆ ก็ต้องพยายามคุยกับอาจารย์ประจำวิชา ว่าผมสามารถมาเรียนชดเชยวันไหนได้บ้าง หรือว่าขอกองละครออกมาเพื่อที่จะมาเข้าเรียนในวันนั้นๆ และก็พยายามทำงานตามเพื่อน และต้องขอความเมตตาจากอาจารย์ด้วยว่าขอส่งงานย้อนหลังได้ไหม ถ้าเกิดว่าไม่ได้ไปเรียนแบบนี้ครับ และก็พอจะมีเพื่อนที่สนิทที่มหาวิทยาลัยคอยช่วยดูงานให้ คอยบอกอยู่ตลอด"
"ยังไงก็ต้องเรียนให้ได้ตามกำหนดครับ พยายามให้จบตรงตามเกณฑ์ เพราะว่าอีกไม่กี่ตัวก็จบแล้ว" พระเอกหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย
"ยังไงก็ต้องเรียนให้ได้ตามกำหนดครับ พยายามให้จบตรงตามเกณฑ์ เพราะว่าอีกไม่กี่ตัวก็จบแล้ว" พระเอกหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย
มองสาวที่นิสัย-ปัดศัลยกรรมยันของเดิม
มุ่งมั่นทำงานจนไม่มีเวลาให้เรื่องหัวใจ สำหรับพระเอกหนุ่มหน้าสวย "เจมส์-จิรายุ" โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงสเป๊กสาวว่า "ผมชอบผู้หญิงน่ารัก แต่ก็ไม่ค่อยได้ดูเรื่องรูปร่างหน้าตามากเท่าไหร่ ตอนนี้ส่วนมากจะดูเรื่องนิสัยใจคอและวิธีการคิดมากกว่า"
สำหรับสถานะ ตอนนี้ เจ้าตัวว่า "โสดครับ ทำงานอย่างเดียวเลย ไม่ได้คุยกับใครเลย ถามว่ามี ผู้หญิงที่ถูกใจไหม ไม่ได้มีขนาดนั้นที่ว่าอยากจะเข้าไปจีบหรือเจาะจง แต่แค่มีว่าเป็นดาราหน้าตาสวย น่ารักแล้วผมชอบแค่นั้น แต่ที่จะให้เข้าไปจีบไม่มี จริงๆ ด้วยเวลาที่ทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะมีขนาดนั้น ถ้าเกิดมีก็คงจะทำให้เขาลำบากไปด้วย ก็เลยไม่มีดีกว่าครับ"
ถาม ถึงเรื่องที่ไปเดินแบบในงาน ปารีส เมน แฟชั่น วีก 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส
เจมส์กล่าวว่า "ตื่นเต้นมากครับ ถามว่าเรียกว่าโกอินเตอร์มั้ย ไม่ใช่หรอก เรียกว่ามีโอกาสได้ไปเดินแบบที่โน่น เป็นเสื้อผ้าแบรนด์ Yohji Yamamoto จากญี่ปุ่น เป็นงานปารีสแฟชั่นวีก ที่ได้ไปเดินแบบให้เพราะมีโอกาสไปเจอคุณโยจิ ยามาโมโตะ ที่ญี่ปุ่น เขาเลยให้โอกาสครับ
มีข่าวใหญ่โตเรื่องคุณยายจะยกที่ดินและบ้านให้ เพราะเขาชอบเรา รู้สึกยังไง
"ตกใจมากครับ ตอนที่ทราบข่าว รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่คุณยายชอบงานของผม อาจจะเป็นจังหวะที่ละครกำลังออนแอร์ด้วย คุณยายเลยชอบ ขอบคุณคุณยายด้วยที่ปลื้มครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน ส่วนที่คุณยายจะให้คงไม่รับอยู่แล้ว แค่คุณยายรักเรามันก็เป็นสิ่งที่มีค่า มันเทียบกับเงินไม่ได้หรอกครับ"
ไม่รับของคุณยายเพราะอะไร "มันมูลค่าสูงเกินไปครับ อยากให้คุณยายมีความสุขมากกว่า ผมจะตั้งใจทำงานละคร ทำเพลงออกมาให้คุณยายได้มีความสุขมากขึ้นแน่นอนครับ"
ที่ผ่านมามีแฟนคลับเอาของมาให้เยอะขนาดไหน "ที่เอามาให้ส่วนใหญ่เป็นข้าวของเครื่องใช้ เพราะส่วนใหญ่ที่ผมใส่ทุกวันนี้ ผมไม่ได้ซื้อเองสักเท่าไร เห็นสวยก็หยิบขึ้นมาใส่"
ต่อข้อถามถึงกระแสดราม่าเรื่องศัลยกรรม ตกลงได้ทำอะไรมาบ้างไหม พระเอกหนุ่มยืนยัน "ไม่มีครับ ไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกอย่างของเดิมหมด ไม่ได้เสริมเติมแต่งอะไรเลย จมูก คาง ไม่มีครับ ไม่ได้ทำจริงๆ ที่คนจับจ้องเรื่องนี้ก็ปกติครับ
ส่วนคนที่อยากเสริมอยากเติมอยากสวยอยากหล่อ บางคนทำแล้วก็ออกมาดี แต่บางคนทำก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน ต้องศึกษากันดีๆ ครับ"
แต่ของตัวเองน่ะ เรียกว่าแม่ให้มาล้วนๆ
ส่วนคนที่อยากเสริมอยากเติมอยากสวยอยากหล่อ บางคนทำแล้วก็ออกมาดี แต่บางคนทำก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน ต้องศึกษากันดีๆ ครับ"
แต่ของตัวเองน่ะ เรียกว่าแม่ให้มาล้วนๆ
กลับมาจิ้นกับนางเอกสาว "เบลล่า"ราณี แคมเปน อีกครั้ง ในละคร "ปดิวรัดา" ทางช่อง 3 สำหรับพระเอกหนุ่ม "เจมส์"จิรายุ ตั้งศรีสุข หลังห่างหายกันไปนานหลายปี
ปรากฏผลตอบรับดี ไปไหนมาไหนตอนนี้มีแต่คนเรียก "ปลัดศรัณย์" วันนี้จังหวะดี ได้มีโอกาสพูดคุยกับหนุ่มเจมส์
... ละครเรื่อง "ปดิวรัดา" รับบทเป็นใคร...
เจมส์ - "เป็น ปลัดศรัณย์ ฟีดแบ็กดี หลายคนบอกว่าอยากดูเพราะเป็นละครบู๊ด้วย ไม่เคยเห็นผมบู๊ ครั้งนี้เป็นการพลิกบทบาทและเป็นการกลับมาเล่นคู่กับเบลล่ากลับมาคู่จิ้นอีก ครั้ง หลายคนก็รอดู เพราะมีครบรสชาติมีหลากหลายบทบาท ปลัดศรัณย์เป็นปลัดหนุ่มที่อดีตบ้านรวยแต่ตกอับ เพราะโดนโกง ก็เลยได้แรงบันดาลใจในการเป็นปลัด เขาเคยคบหาผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง แต่ด้วยเขาตกอับก็เลยทิ้งกันไป สุดท้ายมีพันธสัญญาที่แม่อยากให้ลืมผู้หญิงคนเก่า เลยให้ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเกิดขึ้น"
"ตัวปลัดศรัณย์เป็นคนมุ่งมั่น จริงจัง จะทำอะไรต้องทำให้ได้ เป็นคนสู้ชีวิต จริงๆ เป็นบทที่ค่อนข้างยากและลึก ด้วยมีเบื้องลึกเบื้องหลังเยอะ เวลาเราทำอะไร การแสดงออกจะต้องมีอะไรติดๆ อยู่ในใจบ้าง ส่วนหนึ่งก็จะเป็นคนอารมณ์รุนแรงแต่ไม่ถึงกับมาก และเป็นคนชอบเอาชนะทุกๆ อย่างเลย"
... ในเรื่องนี้ต้องเล่นบทบู๊ด้วย...
เจมส์ - "ใช่ครับ ต้องบู๊ ต่อยมวย จับโจรจับเสือ มีขี่ม้า ต้องเก่งยิงปืนด้วย ขี่มอเตอร์ไซค์ ยิงปืนก็มี ทักษะต่างๆ ต้องไปฝึกก่อนจะเล่นละคร ก็ได้มีโอกาสไปฝึกอยู่สักพักหนึ่ง ทางกองเขาส่งไปฝึกไปเรียนเพื่อให้เกิดความชำนาญ ซึ่งกับละครเรื่องนี้ถ้าพูดถึงการแสดง อาจจะเป็นความแตกต่างด้านการแสดงมากขึ้น เพราะหลายๆ คนอาจจะเห็นหรือติดบทบาทคุณชาย ใส่สูทแต่งตัวโก้ๆ สวยๆ แต่ปลัดศรัณย์ค่อนข้าง ติดดิน มีบู๊สู้กันเหงื่อแตกเลือดตกยางออก"
... กลับมาร่วมงานกับ เบลล่า-ราณี อีกครั้ง เป็นอย่างไรบ้าง...
เจมส์ - "ดีเลยครับ เข้าขากันง่ายขึ้น ถ้าเป็นนักแสดงใหม่ๆ คงต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะทำความรู้จักทำความคุ้นเคยกันได้ กว่าจะเข้าบทกว่าจะชิน แต่พอเป็นเบลล่า มันก็ง่าย เพียงแค่ปรับบทตัวละครก็เข้ากันได้แล้ว ซึ่งในเรื่องจะมีฉากกุ๊กกิ๊กจะมีความฟินเยอะมากครับ"
... เห็นว่าร้องเพลงประกอบละครเองด้วย...
... เห็นว่าร้องเพลงประกอบละครเองด้วย...
เจมส์ - "ใช่ครับ ชื่อเพลง "ทุกอณูหัวใจ" เป็นเพลงที่พี่หนึ่ง-ณรงค์วิทย์ แต่ง เป็นอีกครั้งที่ได้ร้องเพลงประกอบละคร ปดิวรัดาเป็นละครครบทุกรส นอกจากความสนุกที่ได้รับ ละครยังให้ข้อคิดและสิ่งดีๆ สอดแทรกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณแม่ที่เห็นลูกมีรักสองรัก ก็จะบอกลูกว่าให้คิดดูให้ดี ผู้หญิงมี 2 ประเภท คนหนึ่งมีไว้ตรึงกาย หมายถึงมีไว้ตักตวงทำให้สุขกาย แต่อีกคนหนึ่งเอาไว้ตรึงใจ หมายถึงคนที่จะทำให้ใจของเรามีความสุข อันนี้จะเป็นข้อคิดในมุมมองความรัก ส่วนมุมมองการทำงานที่ตัวปลัดศรัณย์ บอกว่า ข้าราชการคือข้าของพระเจ้าอยู่หัวและเป็นบ่าวของประชาชน"
... ผลงานต่อไปมีเรื่องอะไรอีก...
เจมส์ - "ผมมีละครอีก 2 เรื่อง ใยเสน่หา เล่นคู่กับ พี่แต้ว-ณฐพร และ บ่วงหงส์ เล่นกับ คิม-คิมเบอร์ลี่ น่าจะได้ชมกันปลายปี หรือไม่ก็เป็นต้นปีหน้า มีละครต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะได้ไม่ลืมหน้ากัน
... เห็นเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ...
เจมส์ - "ครับ พอดีมีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นเรื่องเพลง ต้องทำงานร่วมกับเขา 3 ปี จริงๆ เริ่มทำแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ผลงาน ที่ผ่านมาตอนนี้มีแค่บทสัมภาษณ์ลงตามหนังสือ ก็จะมีไปออกเพลงให้คนที่ญี่ปุ่นฟังช่วงเดือนเมษายนนี้ เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่น พยายามฝึกเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่ม ตอนนี้เร่งฝึกอยู่ครับ เพราะยังได้ไม่ดีมากเท่าที่ควร ถามว่าถือว่าเป็นการโกอินเตอร์เลยไหม ก็ไม่ขนาดนั้นครับ แค่เป็นประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งในชีวิต"
... เข้าวงการมา 3-4 ปีแล้ว วงการบันเทิงสอนอะไรเราบ้าง...
เจมส์ - "สอนเยอะเลยครับ วงการบันเทิงเป็นวงการที่ให้แง่คิดที่ดี เราได้มีโอกาสเจอคนตั้งแต่คนจบสูงจนถึงคนที่ทำงานทุกระดับที่เราจะต้องได้ เจอได้มุมมองวิธีการคิดตั้งแต่ข้างหน้ายันข้างหลังให้เราได้เรียนรู้สังคม ครับ ส่วนเรื่องอนาคตในวงการบันเทิงของผม ผมก็จะทำสิ่งที่ผมทำอยู่นี่แหละให้ดีที่สุด ให้ดีกว่าเดิมเท่าที่เราจะสามารถทำได้"
... หลายคนบอกว่าตอนนี้เราเริ่มจะขาลงแล้ว...
เจมส์ - "ขาลงไหมไม่แน่ใจ ก็ไม่ได้อาจจะเปรี้ยงปร้างเหมือนยุคแรกๆ อย่างยุคคุณชายนั้นคนรู้จักในมุมกว้างมากและมีความนิยมค่อนข้างสูง แต่เขาคงไม่ลืมหน้าผมหรอกครับ(หัวเราะ) แต่ความนิยมอาจจะลดลงก็ได้ อาจจะไม่เท่าตอนนั้น ส่วนตัวไม่ซีเรียส ถ้าเกิดเราทำในสิ่งที่ทำให้ดี ผมว่าสักพักหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งเด็กใหม่ ผมก็เคยเป็นเด็กใหม่เวลาผ่านไปเขาก็จะกลายเป็นเด็กเก่า ซึ่งเขาอาจจะไม่ได้นิยมที่รูปร่างหน้าตาเสมอไป สุดท้ายก็ต้องมองดูที่ผลงาน อย่างเพลงสักเพลงหนึ่งก็สุดท้ายเวลาผ่านไปผลงานก็ยังอยู่ สุดท้ายพอผ่านจากตรงนี้ไปทุกคนก็จะต้องพยายามหาจุดของตัวเองเพื่อสามารถให้ อยู่ตรงจุดๆ นั้นให้ได้ ผมว่านี่คือจุดสูงสุดของวงการบันเทิงครับ"
... ตอนนี้มีคนเข้ามาเป็นดาราหน้าใหม่เยอะขึ้น อยากบอกอะไรเด็กรุ่นน้องไหม...
เจมส์ - "ดีครับ เป็นโอกาสที่ดีของน้องๆ ยิ่งสมัยนี้อายุน้อยๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่น้องๆ จะได้เข้ามาหาประสบการณ์ แต่อยากบอกไว้ในฐานะเด็กรุ่นใหม่เหมือนกัน (หัวเราะ)"
"อยากบอกน้องๆ ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าเรามีชื่อเสียงดังมากแค่ไหน แต่มันอยู่ที่สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่ามากแค่ไหนมากกว่า"
---บทความสัมภาษณ์จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด----
เจมส์จิ ไม่สนชื่อเสียง เน้นสิ่งที่ทำให้มีคุณค่า
ผมชอบงานแสดงในมุมที่สนุกท้าทาย ตรงที่ว่าเวลาเราคิดว่าเราจะเป็นตัวละครสักตัวหนึ่ง เราจะเป็นได้ไหม เราจะทำได้ไหม เราจะมีสมาธิกับมันมากแค่ไหน และจะมีความมันส์เหมือนเราเล่นกีฬาที่ว่าเราจะชนะได้ไหม เราสนุกยังไงแบบนั้นครับ" พระเอกหนุ่ม "เจมส์- จิรายุ" เผยถึงเรื่องงานแสดง
ถาม ถึงช่วงที่ละคร "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ" ตอน "คุณชายพุฒิภัทร" ที่ตัวเองแสดงมีชื่อเสียงภายในข้ามคืน ที่บ้านว่ายังไงบ้าง
พระเอกหนุ่มหน้าสวยกล่าวว่า"เขาก็ดีใจครับที่เห็นผมมาได้ถึงขนาดนี้ และก็มีคนรักผม เขาก็ภูมิใจครับ ที่บ้านผมส่วนมากเขาจะตามใจอยู่แล้ว เพราะว่าผมไม่ได้เป็นคนดื้อขนาดนั้น เรื่องงานในวงการบันเทิงคุณแม่ก็สนับสนุน เขาอยากให้เข้ามาทำตรงส่วนนี้ ส่วนคุณพ่อเขาตามใจผมอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็มาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วยกันแล้ว เหมือนขึ้นมาดูแลผมในช่วงเวลาที่อยู่ที่บ้าน"
สำหรับ เรื่องการเรียน เจมส์เผยว่า "ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งการแบ่งเวลาก็ต้องพยายามหาวันให้ได้ อย่างสมมติว่าถ้ามีละครจันทร์ อังคาร พุธ ก็พยายามหาตารางเรียนเลี่ยง แต่ถ้าเกิดต้องตรงกันจริงๆ ก็ต้องพยายามคุยกับอาจารย์ประจำวิชา ว่าผมสามารถมาเรียนชดเชยวันไหนได้บ้าง หรือว่าขอกองละครออกมาเพื่อที่จะมาเข้าเรียนในวันนั้นๆ และก็พยายามทำงานตามเพื่อน และต้องขอความเมตตาจากอาจารย์ด้วยว่าขอส่งงานย้อนหลังได้ไหม ถ้าเกิดว่าไม่ได้ไปเรียนแบบนี้ครับ และก็พอจะมีเพื่อนที่สนิทที่มหาวิทยาลัยคอยช่วยดูงานให้ คอยบอกอยู่ตลอด"
"ยังไงก็ต้องเรียนให้ได้ตามกำหนดครับ พยายามให้จบตรงตามเกณฑ์ เพราะว่าอีกไม่กี่ตัวก็จบแล้ว" พระเอกหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย
"ยังไงก็ต้องเรียนให้ได้ตามกำหนดครับ พยายามให้จบตรงตามเกณฑ์ เพราะว่าอีกไม่กี่ตัวก็จบแล้ว" พระเอกหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย
มองสาวที่นิสัย-ปัดศัลยกรรมยันของเดิม
มุ่งมั่นทำงานจนไม่มีเวลาให้เรื่องหัวใจ สำหรับพระเอกหนุ่มหน้าสวย "เจมส์-จิรายุ" โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงสเป๊กสาวว่า "ผมชอบผู้หญิงน่ารัก แต่ก็ไม่ค่อยได้ดูเรื่องรูปร่างหน้าตามากเท่าไหร่ ตอนนี้ส่วนมากจะดูเรื่องนิสัยใจคอและวิธีการคิดมากกว่า"
สำหรับสถานะ ตอนนี้ เจ้าตัวว่า "โสดครับ ทำงานอย่างเดียวเลย ไม่ได้คุยกับใครเลย ถามว่ามี ผู้หญิงที่ถูกใจไหม ไม่ได้มีขนาดนั้นที่ว่าอยากจะเข้าไปจีบหรือเจาะจง แต่แค่มีว่าเป็นดาราหน้าตาสวย น่ารักแล้วผมชอบแค่นั้น แต่ที่จะให้เข้าไปจีบไม่มี จริงๆ ด้วยเวลาที่ทำให้เราไม่มีโอกาสที่จะมีขนาดนั้น ถ้าเกิดมีก็คงจะทำให้เขาลำบากไปด้วย ก็เลยไม่มีดีกว่าครับ"
ถาม ถึงเรื่องที่ไปเดินแบบในงาน ปารีส เมน แฟชั่น วีก 2016 ที่ประเทศฝรั่งเศส
เจมส์กล่าวว่า "ตื่นเต้นมากครับ ถามว่าเรียกว่าโกอินเตอร์มั้ย ไม่ใช่หรอก เรียกว่ามีโอกาสได้ไปเดินแบบที่โน่น เป็นเสื้อผ้าแบรนด์ Yohji Yamamoto จากญี่ปุ่น เป็นงานปารีสแฟชั่นวีก ที่ได้ไปเดินแบบให้เพราะมีโอกาสไปเจอคุณโยจิ ยามาโมโตะ ที่ญี่ปุ่น เขาเลยให้โอกาสครับ
มีข่าวใหญ่โตเรื่องคุณยายจะยกที่ดินและบ้านให้ เพราะเขาชอบเรา รู้สึกยังไง
"ตกใจมากครับ ตอนที่ทราบข่าว รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่คุณยายชอบงานของผม อาจจะเป็นจังหวะที่ละครกำลังออนแอร์ด้วย คุณยายเลยชอบ ขอบคุณคุณยายด้วยที่ปลื้มครับ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน ส่วนที่คุณยายจะให้คงไม่รับอยู่แล้ว แค่คุณยายรักเรามันก็เป็นสิ่งที่มีค่า มันเทียบกับเงินไม่ได้หรอกครับ"
ไม่รับของคุณยายเพราะอะไร "มันมูลค่าสูงเกินไปครับ อยากให้คุณยายมีความสุขมากกว่า ผมจะตั้งใจทำงานละคร ทำเพลงออกมาให้คุณยายได้มีความสุขมากขึ้นแน่นอนครับ"
ที่ผ่านมามีแฟนคลับเอาของมาให้เยอะขนาดไหน "ที่เอามาให้ส่วนใหญ่เป็นข้าวของเครื่องใช้ เพราะส่วนใหญ่ที่ผมใส่ทุกวันนี้ ผมไม่ได้ซื้อเองสักเท่าไร เห็นสวยก็หยิบขึ้นมาใส่"
ต่อข้อถามถึงกระแสดราม่าเรื่องศัลยกรรม ตกลงได้ทำอะไรมาบ้างไหม พระเอกหนุ่มยืนยัน "ไม่มีครับ ไม่ได้ทำอะไรเลย ทุกอย่างของเดิมหมด ไม่ได้เสริมเติมแต่งอะไรเลย จมูก คาง ไม่มีครับ ไม่ได้ทำจริงๆ ที่คนจับจ้องเรื่องนี้ก็ปกติครับ
ส่วนคนที่อยากเสริมอยากเติมอยากสวยอยากหล่อ บางคนทำแล้วก็ออกมาดี แต่บางคนทำก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน ต้องศึกษากันดีๆ ครับ"
แต่ของตัวเองน่ะ เรียกว่าแม่ให้มาล้วนๆ
ส่วนคนที่อยากเสริมอยากเติมอยากสวยอยากหล่อ บางคนทำแล้วก็ออกมาดี แต่บางคนทำก็ไม่ใช่ว่าจะดีทุกคน ต้องศึกษากันดีๆ ครับ"
แต่ของตัวเองน่ะ เรียกว่าแม่ให้มาล้วนๆ
กลับมาจิ้นกับนางเอกสาว "เบลล่า"ราณี แคมเปน อีกครั้ง ในละคร "ปดิวรัดา" ทางช่อง 3 สำหรับพระเอกหนุ่ม "เจมส์"จิรายุ ตั้งศรีสุข หลังห่างหายกันไปนานหลายปี
ปรากฏผลตอบรับดี ไปไหนมาไหนตอนนี้มีแต่คนเรียก "ปลัดศรัณย์" วันนี้จังหวะดี ได้มีโอกาสพูดคุยกับหนุ่มเจมส์
... ละครเรื่อง "ปดิวรัดา" รับบทเป็นใคร...
เจมส์ - "เป็น ปลัดศรัณย์ ฟีดแบ็กดี หลายคนบอกว่าอยากดูเพราะเป็นละครบู๊ด้วย ไม่เคยเห็นผมบู๊ ครั้งนี้เป็นการพลิกบทบาทและเป็นการกลับมาเล่นคู่กับเบลล่ากลับมาคู่จิ้นอีก ครั้ง หลายคนก็รอดู เพราะมีครบรสชาติมีหลากหลายบทบาท ปลัดศรัณย์เป็นปลัดหนุ่มที่อดีตบ้านรวยแต่ตกอับ เพราะโดนโกง ก็เลยได้แรงบันดาลใจในการเป็นปลัด เขาเคยคบหาผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง แต่ด้วยเขาตกอับก็เลยทิ้งกันไป สุดท้ายมีพันธสัญญาที่แม่อยากให้ลืมผู้หญิงคนเก่า เลยให้ไปแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ เรื่องราวทั้งหมดก็เลยเกิดขึ้น"
"ตัวปลัดศรัณย์เป็นคนมุ่งมั่น จริงจัง จะทำอะไรต้องทำให้ได้ เป็นคนสู้ชีวิต จริงๆ เป็นบทที่ค่อนข้างยากและลึก ด้วยมีเบื้องลึกเบื้องหลังเยอะ เวลาเราทำอะไร การแสดงออกจะต้องมีอะไรติดๆ อยู่ในใจบ้าง ส่วนหนึ่งก็จะเป็นคนอารมณ์รุนแรงแต่ไม่ถึงกับมาก และเป็นคนชอบเอาชนะทุกๆ อย่างเลย"
... ในเรื่องนี้ต้องเล่นบทบู๊ด้วย...
เจมส์ - "ใช่ครับ ต้องบู๊ ต่อยมวย จับโจรจับเสือ มีขี่ม้า ต้องเก่งยิงปืนด้วย ขี่มอเตอร์ไซค์ ยิงปืนก็มี ทักษะต่างๆ ต้องไปฝึกก่อนจะเล่นละคร ก็ได้มีโอกาสไปฝึกอยู่สักพักหนึ่ง ทางกองเขาส่งไปฝึกไปเรียนเพื่อให้เกิดความชำนาญ ซึ่งกับละครเรื่องนี้ถ้าพูดถึงการแสดง อาจจะเป็นความแตกต่างด้านการแสดงมากขึ้น เพราะหลายๆ คนอาจจะเห็นหรือติดบทบาทคุณชาย ใส่สูทแต่งตัวโก้ๆ สวยๆ แต่ปลัดศรัณย์ค่อนข้าง ติดดิน มีบู๊สู้กันเหงื่อแตกเลือดตกยางออก"
... กลับมาร่วมงานกับ เบลล่า-ราณี อีกครั้ง เป็นอย่างไรบ้าง...
เจมส์ - "ดีเลยครับ เข้าขากันง่ายขึ้น ถ้าเป็นนักแสดงใหม่ๆ คงต้องใช้เวลาสักพัก กว่าจะทำความรู้จักทำความคุ้นเคยกันได้ กว่าจะเข้าบทกว่าจะชิน แต่พอเป็นเบลล่า มันก็ง่าย เพียงแค่ปรับบทตัวละครก็เข้ากันได้แล้ว ซึ่งในเรื่องจะมีฉากกุ๊กกิ๊กจะมีความฟินเยอะมากครับ"
... เห็นว่าร้องเพลงประกอบละครเองด้วย...
... เห็นว่าร้องเพลงประกอบละครเองด้วย...
เจมส์ - "ใช่ครับ ชื่อเพลง "ทุกอณูหัวใจ" เป็นเพลงที่พี่หนึ่ง-ณรงค์วิทย์ แต่ง เป็นอีกครั้งที่ได้ร้องเพลงประกอบละคร ปดิวรัดาเป็นละครครบทุกรส นอกจากความสนุกที่ได้รับ ละครยังให้ข้อคิดและสิ่งดีๆ สอดแทรกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณแม่ที่เห็นลูกมีรักสองรัก ก็จะบอกลูกว่าให้คิดดูให้ดี ผู้หญิงมี 2 ประเภท คนหนึ่งมีไว้ตรึงกาย หมายถึงมีไว้ตักตวงทำให้สุขกาย แต่อีกคนหนึ่งเอาไว้ตรึงใจ หมายถึงคนที่จะทำให้ใจของเรามีความสุข อันนี้จะเป็นข้อคิดในมุมมองความรัก ส่วนมุมมองการทำงานที่ตัวปลัดศรัณย์ บอกว่า ข้าราชการคือข้าของพระเจ้าอยู่หัวและเป็นบ่าวของประชาชน"
... ผลงานต่อไปมีเรื่องอะไรอีก...
เจมส์ - "ผมมีละครอีก 2 เรื่อง ใยเสน่หา เล่นคู่กับ พี่แต้ว-ณฐพร และ บ่วงหงส์ เล่นกับ คิม-คิมเบอร์ลี่ น่าจะได้ชมกันปลายปี หรือไม่ก็เป็นต้นปีหน้า มีละครต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จะได้ไม่ลืมหน้ากัน
... เห็นเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ...
เจมส์ - "ครับ พอดีมีโอกาสไปทำงานที่ญี่ปุ่นเรื่องเพลง ต้องทำงานร่วมกับเขา 3 ปี จริงๆ เริ่มทำแล้วตั้งแต่ปีที่แล้ว ผลงาน ที่ผ่านมาตอนนี้มีแค่บทสัมภาษณ์ลงตามหนังสือ ก็จะมีไปออกเพลงให้คนที่ญี่ปุ่นฟังช่วงเดือนเมษายนนี้ เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่น พยายามฝึกเรียนภาษาญี่ปุ่นเพิ่ม ตอนนี้เร่งฝึกอยู่ครับ เพราะยังได้ไม่ดีมากเท่าที่ควร ถามว่าถือว่าเป็นการโกอินเตอร์เลยไหม ก็ไม่ขนาดนั้นครับ แค่เป็นประสบการณ์ดีๆ ครั้งหนึ่งในชีวิต"
... เข้าวงการมา 3-4 ปีแล้ว วงการบันเทิงสอนอะไรเราบ้าง...
เจมส์ - "สอนเยอะเลยครับ วงการบันเทิงเป็นวงการที่ให้แง่คิดที่ดี เราได้มีโอกาสเจอคนตั้งแต่คนจบสูงจนถึงคนที่ทำงานทุกระดับที่เราจะต้องได้ เจอได้มุมมองวิธีการคิดตั้งแต่ข้างหน้ายันข้างหลังให้เราได้เรียนรู้สังคม ครับ ส่วนเรื่องอนาคตในวงการบันเทิงของผม ผมก็จะทำสิ่งที่ผมทำอยู่นี่แหละให้ดีที่สุด ให้ดีกว่าเดิมเท่าที่เราจะสามารถทำได้"
... หลายคนบอกว่าตอนนี้เราเริ่มจะขาลงแล้ว...
เจมส์ - "ขาลงไหมไม่แน่ใจ ก็ไม่ได้อาจจะเปรี้ยงปร้างเหมือนยุคแรกๆ อย่างยุคคุณชายนั้นคนรู้จักในมุมกว้างมากและมีความนิยมค่อนข้างสูง แต่เขาคงไม่ลืมหน้าผมหรอกครับ(หัวเราะ) แต่ความนิยมอาจจะลดลงก็ได้ อาจจะไม่เท่าตอนนั้น ส่วนตัวไม่ซีเรียส ถ้าเกิดเราทำในสิ่งที่ทำให้ดี ผมว่าสักพักหนึ่ง ช่วงเวลาหนึ่งเด็กใหม่ ผมก็เคยเป็นเด็กใหม่เวลาผ่านไปเขาก็จะกลายเป็นเด็กเก่า ซึ่งเขาอาจจะไม่ได้นิยมที่รูปร่างหน้าตาเสมอไป สุดท้ายก็ต้องมองดูที่ผลงาน อย่างเพลงสักเพลงหนึ่งก็สุดท้ายเวลาผ่านไปผลงานก็ยังอยู่ สุดท้ายพอผ่านจากตรงนี้ไปทุกคนก็จะต้องพยายามหาจุดของตัวเองเพื่อสามารถให้ อยู่ตรงจุดๆ นั้นให้ได้ ผมว่านี่คือจุดสูงสุดของวงการบันเทิงครับ"
... ตอนนี้มีคนเข้ามาเป็นดาราหน้าใหม่เยอะขึ้น อยากบอกอะไรเด็กรุ่นน้องไหม...
เจมส์ - "ดีครับ เป็นโอกาสที่ดีของน้องๆ ยิ่งสมัยนี้อายุน้อยๆ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่น้องๆ จะได้เข้ามาหาประสบการณ์ แต่อยากบอกไว้ในฐานะเด็กรุ่นใหม่เหมือนกัน (หัวเราะ)"
"อยากบอกน้องๆ ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าเรามีชื่อเสียงดังมากแค่ไหน แต่มันอยู่ที่สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่ามากแค่ไหนมากกว่า"
---บทความสัมภาษณ์จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด----