สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
โอเค มาช้าไป(ไม่)หน่อย
ผมเริ่มจากรูปแรกๆที่จขกท.เขียนเส้นก่อนละกัน
ตรงนั้นผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ บางอันมันก็ดูจางๆแหละครับ แต่จินตนาการเราพาไปได้ ถ้าเส้นนั้นยาวขนาดที่ลากจริงมันคงยาวหลายพันปีแสงเลยทีเดียว
ทีนี้ภาพโคลสอัพ อันนี้ชัดเจนว่ามีสายอะไรแปลกๆลากติดกับแอนทาเรสอยู่
จริงๆผมก็เพิ่งรู้ว่ามันชื่อ Dark River to Antares แหละครับ
ตามปกติ ซึ่งผมคิดว่าท่านทราบแล้ว กลุ่มก้อนสีดำๆที่เห็นในกาแลคซี่จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆสองส่วนคือฝุ่น กับแก๊สที่เย็น
แก๊สที่เย็นเวลาโดนรังสีและความร้อนจากดาวฤกษ์มากๆเข้าก็สามารถเรืองแสงขึ้นมากลายเป็นเนบิวลาที่มีสีสันสวยงามได้ ซึ่งจะเห็นอยู่รอบๆตัวแอนทาเรสและดาวข้างๆ ทั้งสีแดงและน้ำเงิน ดังนั้นบอกได้ค่อนข้างแม่นยำว่า เนบิวลาทีมีสีนั้นอยู่ใกล้เคียงกับดาวพวกนั้น
ทีนี้แก๊สดำๆนั่น ตามที่เขียนไว้ข้างบน มันไม่ควรอยู่ใกล้กับดาวฤกษ์ เพราะอยู่ไปซักพักมันจะไม่ดำ และแอนทาเรสอายุก็มากแล้วด้วย
ไปค้นๆข้อมูลมา แอนทาเรสอยู่ห่างจากโลกประมาณ 550 ปีแสง ส่วนกลุ่มเมฆดำห่างจากโลกประมาณ 500 ปีแสง ซึ่งสอดคล้องกับบรรทัดบน
มาถึงตรงนี้อาจจะสรุปแบบลวกๆได้ว่าสองวัตถุนี้ห่างกันตั้ง 50 ปีแสง อาจเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้
สรุปแบบสุกๆ อาจไม่ใช่ก็ได้ อย่างว่า แอนทาเรสอายุมากแล้ว และดาวฤกษ์เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
การเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์มีผลทำให้เกิดโครงสร้างลักษณะนี้ขึ้นได้เหมือนกัน
เมื่อไปดู proper motion ของแอนทาเรสก็พบว่า
RA: −12.11 mas/yr
Dec.: −23.30 mas/yr
ตำแหน่งปัจจุบัน
RA: 16h 29m
Dec: −26° 25′
ถ้าเอาไปเทียบกับใจกลางทางช้างเผือก ซึ่งมีพิกัดคร่าวๆ RA 18h, Dec -25 องศา
ก็เห็นชัดเลยว่าแอนทาเรสกำลังออกห่างจากใจกลางทางช้างเผือกเรื่อยๆ ในทิศทางที่สอดคล้องกับเส้นสีดำอีกต่างหาก
เมื่อบวกกับข้อเท็จจริงที่ว่า แอนทาเรสเป็นดาวมหายักษ์แดง (red supergiant) คือเป็นดาวมวลมาก แถมแก่แล้ว
เปลือกนอกของแอนทาเรสหลุดร่อนอยู่ตลอด น่าจะเป็นเวลายาวนานหลายล้านปีมาแล้วด้วย เปลือกที่หลุดออกไปตอนแรกก็จะร้อนและเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ ซึ่งมีสีสัน นานๆเข้ามันก็จะเย็นลงและอยู่ห่างออกไปจนกลายเป็นแก๊สเย็นๆปิดบังแสง
แอนทาเรสเองมีคู่หูดวงเล็กๆ (จริงๆไม่เล็ก ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์เราอีก แต่อยู่กับแอนทาเรสเลยดูเล็ก) ซึ่งโคจรรอบๆกันอยู่ ทำให้มีโอกาสสลัดผิดดาวหลุดได้มากกว่าปกติ
มาถึงตรงนี้เป็นการสรุปของผมเองนะครับ ผมคาดว่าส่วนหนึ่งของแก๊สมืดๆเหล่านั้นเกิดจากผลกระทบทางแรงโน้มถ่วงของแอนทาเรสและผองเพื่อนหลายดวง ที่เคลื่อนฝ่าจานหลักของทางช้างเผือกเมื่อนานมาแล้ว ทิ้งรอยฝุ่นและแก๊สเย็นๆเอาไว้ตามทาง
บวกกับเศษเปลือกของแอนทาเรสที่หลุดร่อนออกมาตามกาลเวลา น่าจะทำให้รอยพวกนั้นเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ทีนี้ใน 1-1 มีโครงสร้างขนาดใหญ่ลักษณะนี้อีกหลายจุดในกาแลคซี่เราแบบที่ท่านเอามาลง
โครงสร้างพวกนั้นส่วนใหญ่เกิดจากผลกระทบในทางแรงโน้มถ่วงกับวัตถุขนาดใหญ่มากครับ เช่นกาแลคซี่แคระที่ทางช้างเผือกของเรากำลังกลืนกิน
แก๊สที่ถูกกาแลคซี่พวกนั้นมีอันตรกิริยาด้วยจะมีจุดเด่นอย่างนึงคือจะมีดาวเกิดใหม่เยอะมากเพราะแก๊สถูกกระตุ้นให้ชนกัน
ดังนั้นถ้าเราวัดสเปกตรัมของแต่ละกลุ่ม จะเห็นได้ชัดครับว่าอันไหนเกิดจากอันตรกิริยาของกาแลคซี่อื่น
ซึ่งแตกต่างจากที่เกิดกับแอนทาเรสเพราะบริเวณนั้นไม่ได้มีดาวเกิดใหม่จำนวนมาก
ผมไม่ทราบว่าแถวนั้นมีวัตถุอย่างหลุมดำหรือดาวนิวตรอนรึเปล่า แต่โครงสร้างที่เห็นไม่ได้สื่อไปทางนั้นเท่าไหร่ครับ
เขียนได้แค่นี้แฮะ พอดีผมไม่มีข้อมูลสเปกตรัมของบริเวณนั้นประกอบ ถ้ามีน่าจะบอกอะไรได้อีกเหมือนกันครับ
ผมเริ่มจากรูปแรกๆที่จขกท.เขียนเส้นก่อนละกัน
ตรงนั้นผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ บางอันมันก็ดูจางๆแหละครับ แต่จินตนาการเราพาไปได้ ถ้าเส้นนั้นยาวขนาดที่ลากจริงมันคงยาวหลายพันปีแสงเลยทีเดียว
ทีนี้ภาพโคลสอัพ อันนี้ชัดเจนว่ามีสายอะไรแปลกๆลากติดกับแอนทาเรสอยู่
จริงๆผมก็เพิ่งรู้ว่ามันชื่อ Dark River to Antares แหละครับ
ตามปกติ ซึ่งผมคิดว่าท่านทราบแล้ว กลุ่มก้อนสีดำๆที่เห็นในกาแลคซี่จะประกอบด้วยองค์ประกอบหลักๆสองส่วนคือฝุ่น กับแก๊สที่เย็น
แก๊สที่เย็นเวลาโดนรังสีและความร้อนจากดาวฤกษ์มากๆเข้าก็สามารถเรืองแสงขึ้นมากลายเป็นเนบิวลาที่มีสีสันสวยงามได้ ซึ่งจะเห็นอยู่รอบๆตัวแอนทาเรสและดาวข้างๆ ทั้งสีแดงและน้ำเงิน ดังนั้นบอกได้ค่อนข้างแม่นยำว่า เนบิวลาทีมีสีนั้นอยู่ใกล้เคียงกับดาวพวกนั้น
ทีนี้แก๊สดำๆนั่น ตามที่เขียนไว้ข้างบน มันไม่ควรอยู่ใกล้กับดาวฤกษ์ เพราะอยู่ไปซักพักมันจะไม่ดำ และแอนทาเรสอายุก็มากแล้วด้วย
ไปค้นๆข้อมูลมา แอนทาเรสอยู่ห่างจากโลกประมาณ 550 ปีแสง ส่วนกลุ่มเมฆดำห่างจากโลกประมาณ 500 ปีแสง ซึ่งสอดคล้องกับบรรทัดบน
มาถึงตรงนี้อาจจะสรุปแบบลวกๆได้ว่าสองวัตถุนี้ห่างกันตั้ง 50 ปีแสง อาจเป็นแค่ความบังเอิญก็ได้
สรุปแบบสุกๆ อาจไม่ใช่ก็ได้ อย่างว่า แอนทาเรสอายุมากแล้ว และดาวฤกษ์เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
การเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์มีผลทำให้เกิดโครงสร้างลักษณะนี้ขึ้นได้เหมือนกัน
เมื่อไปดู proper motion ของแอนทาเรสก็พบว่า
RA: −12.11 mas/yr
Dec.: −23.30 mas/yr
ตำแหน่งปัจจุบัน
RA: 16h 29m
Dec: −26° 25′
ถ้าเอาไปเทียบกับใจกลางทางช้างเผือก ซึ่งมีพิกัดคร่าวๆ RA 18h, Dec -25 องศา
ก็เห็นชัดเลยว่าแอนทาเรสกำลังออกห่างจากใจกลางทางช้างเผือกเรื่อยๆ ในทิศทางที่สอดคล้องกับเส้นสีดำอีกต่างหาก
เมื่อบวกกับข้อเท็จจริงที่ว่า แอนทาเรสเป็นดาวมหายักษ์แดง (red supergiant) คือเป็นดาวมวลมาก แถมแก่แล้ว
เปลือกนอกของแอนทาเรสหลุดร่อนอยู่ตลอด น่าจะเป็นเวลายาวนานหลายล้านปีมาแล้วด้วย เปลือกที่หลุดออกไปตอนแรกก็จะร้อนและเป็นเนบิวลาดาวเคราะห์ ซึ่งมีสีสัน นานๆเข้ามันก็จะเย็นลงและอยู่ห่างออกไปจนกลายเป็นแก๊สเย็นๆปิดบังแสง
แอนทาเรสเองมีคู่หูดวงเล็กๆ (จริงๆไม่เล็ก ใหญ่กว่าดวงอาทิตย์เราอีก แต่อยู่กับแอนทาเรสเลยดูเล็ก) ซึ่งโคจรรอบๆกันอยู่ ทำให้มีโอกาสสลัดผิดดาวหลุดได้มากกว่าปกติ
มาถึงตรงนี้เป็นการสรุปของผมเองนะครับ ผมคาดว่าส่วนหนึ่งของแก๊สมืดๆเหล่านั้นเกิดจากผลกระทบทางแรงโน้มถ่วงของแอนทาเรสและผองเพื่อนหลายดวง ที่เคลื่อนฝ่าจานหลักของทางช้างเผือกเมื่อนานมาแล้ว ทิ้งรอยฝุ่นและแก๊สเย็นๆเอาไว้ตามทาง
บวกกับเศษเปลือกของแอนทาเรสที่หลุดร่อนออกมาตามกาลเวลา น่าจะทำให้รอยพวกนั้นเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ทีนี้ใน 1-1 มีโครงสร้างขนาดใหญ่ลักษณะนี้อีกหลายจุดในกาแลคซี่เราแบบที่ท่านเอามาลง
โครงสร้างพวกนั้นส่วนใหญ่เกิดจากผลกระทบในทางแรงโน้มถ่วงกับวัตถุขนาดใหญ่มากครับ เช่นกาแลคซี่แคระที่ทางช้างเผือกของเรากำลังกลืนกิน
แก๊สที่ถูกกาแลคซี่พวกนั้นมีอันตรกิริยาด้วยจะมีจุดเด่นอย่างนึงคือจะมีดาวเกิดใหม่เยอะมากเพราะแก๊สถูกกระตุ้นให้ชนกัน
ดังนั้นถ้าเราวัดสเปกตรัมของแต่ละกลุ่ม จะเห็นได้ชัดครับว่าอันไหนเกิดจากอันตรกิริยาของกาแลคซี่อื่น
ซึ่งแตกต่างจากที่เกิดกับแอนทาเรสเพราะบริเวณนั้นไม่ได้มีดาวเกิดใหม่จำนวนมาก
ผมไม่ทราบว่าแถวนั้นมีวัตถุอย่างหลุมดำหรือดาวนิวตรอนรึเปล่า แต่โครงสร้างที่เห็นไม่ได้สื่อไปทางนั้นเท่าไหร่ครับ
เขียนได้แค่นี้แฮะ พอดีผมไม่มีข้อมูลสเปกตรัมของบริเวณนั้นประกอบ ถ้ามีน่าจะบอกอะไรได้อีกเหมือนกันครับ
ความคิดเห็นที่ 27
ขออนุญาตเลกเชอร์ปูพื้นให้คนที่หลงเข้ามา
กาแล็กซีทางช้างเผือก เป็นทรงก้นหอย แบบใจกลางมีแขนเล็ก (SBc)
ดวงอาทิตย์เรา อยู่ที่แขนข้างหนึ่งของกาแล็กซี (Milky Way Arms)
เมื่อมองจากโลก (จากปลายแขนข้างหนึ่ง) แขนข้างต่างๆ ก็จะซ้อนๆ กัน
เมื่อเรามองที่ กลุ่มดาวพิจิก (Scorpion มีดาวสำคัญคือ Antares) และ 'คนยิงธนู (Sagittarius) นั้นคือ กำลังมองใจกลางกาแล็กซี
สังเกต
- แขนแต่ละข้าง ตั้งชื่อตาม ตำแหน่งกลุ่มดาว (สว่างๆ = อยู่ใกล้) จากมุมมองเรา
- เราอยู่แขน Orion
(กลุ่มดาวที่มีดาวสว่างเห็นชัดสุด เพราะมันอยู่แขนเดียวกับเรา =ใกล้สุด นี่เอง 'นายพราน สามเหลี่ยมฤดูหนาว)
- มองจากจุดนั้น เข้าใจกลาง แขนแรกคือ Scorpion-Carina
('พิจิก 'คนยิงธนู พาดไปถึง 'แม่น้ำ)
- ใจกลาง เป็นจาน ของดาวฤกษ์หนาแน่นมาก ทั้งอ่อนเพิ่งเกิดใหม่จากเนบิวลา (กลุ่มแก๊สสสารดาวแต่ยังไม่รวมเป็นดาว) และแก่กลายเป็นหลุมดำและเนบิวลา
แขนแต่ละข้าง แผ่เป็นแผ่น (disc) ออกจากใจกลาง
- ด้านหลังอีกฝั่ง ถูกใจกลางอันสว่างไสวบดบัง จึงมีข้อมูลน้อย
- เพราะเราอยู่ในมัน เราไม่เคยเห็นกาแล็กซีเราเองทั้งชุด
รูปประกอบแบบมองจากข้างนอกมา จึงเมคขึ้น (เนียนๆ) โดยดูต้นแบบจากกาแล็กซีอื่น ไม่ใช่ภาพถ่าย
- กาแล็กซี หมุนไปเรื่อยๆ ทุกระบบย่อยโคจรรอบระบบหลัก (กาแล็กซีเรา) ระบบสุริยะเราก็เช่นกัน
และเพราะความเฉื่อย โซนด้านในที่สว่างหนาแน่นกว่า (เช่น โซน Sagittarius) โคจรเร็วกว่า โซนด้านนอก (เช่น โซน Carina กับ Perseus)
* สรุป กระทู้นี้ ประมาณว่า
โซน Antares (แม้อยู่ในมุมสังเกตใจกลาง แต่ไม่ใช่ใจกลาง)
เหมือนมี มวลสารที่ไม่เปล่งแสง เรียงตัวเหมือนจะไหลเข้าหรือไหลออก (พร้อมมี ดาวหลายดวงเหมือนเป็นกระจุก) ดูน่าสงสัย
รึจะมีมวลหนาแน่นจนมีแรงดึงดูดมหาศาล ทำให้ทรงกาแล็กซีโป่งไปทางนั้น รึเปล่านะ รึยังไง
คำตอบหลากหลาย สันนิษฐานล้วนๆ
แนวคิดหนึ่ง เป็นมวลสารหลุดออกระหว่างโคจรรอบ (เหมือน ละอองจาก หางของดาวหาง ที่ถูก ทิ้งไว้กลางทาง)
แนวคิดสอง เป็นภาพลวงตาจาก มุมมองสังเกตจากโลก มันบังเอิญ
แนวคิดสาม เป็นภาพลวงตาจาก รูปบิดเบี้ยวเพราะมองผ่าน เลนส์ความโน้มถ่วง (มีมวลหนาแน่นลอยข้างหน้า ทำให้แสงเบนระหว่างมาถึงระบบสุริยะเรา)
แนวคิดสี่ การระเบิดของดาวฤกษ์ใหญ่ยักษ์ ทำให้ดิสผิดรูปไป
แนวคิดห้า เป็นส่วนที่หลงเหลือ ระหว่างวิวัฒนาการกาแล็กซี
ฯลฯ
https://en.wikipedia.org/wiki/Milky_Way
* พยายามอธิบายให้ง่ายสุด เผื่อมือใหม่ ศัพท์แสงอาจไม่ถูกหลัก ถ้าผิดประการใด รบกวนแนะนำแก้ไข
กาแล็กซีทางช้างเผือก เป็นทรงก้นหอย แบบใจกลางมีแขนเล็ก (SBc)
ดวงอาทิตย์เรา อยู่ที่แขนข้างหนึ่งของกาแล็กซี (Milky Way Arms)
เมื่อมองจากโลก (จากปลายแขนข้างหนึ่ง) แขนข้างต่างๆ ก็จะซ้อนๆ กัน
เมื่อเรามองที่ กลุ่มดาวพิจิก (Scorpion มีดาวสำคัญคือ Antares) และ 'คนยิงธนู (Sagittarius) นั้นคือ กำลังมองใจกลางกาแล็กซี
สังเกต
- แขนแต่ละข้าง ตั้งชื่อตาม ตำแหน่งกลุ่มดาว (สว่างๆ = อยู่ใกล้) จากมุมมองเรา
- เราอยู่แขน Orion
(กลุ่มดาวที่มีดาวสว่างเห็นชัดสุด เพราะมันอยู่แขนเดียวกับเรา =ใกล้สุด นี่เอง 'นายพราน สามเหลี่ยมฤดูหนาว)
- มองจากจุดนั้น เข้าใจกลาง แขนแรกคือ Scorpion-Carina
('พิจิก 'คนยิงธนู พาดไปถึง 'แม่น้ำ)
- ใจกลาง เป็นจาน ของดาวฤกษ์หนาแน่นมาก ทั้งอ่อนเพิ่งเกิดใหม่จากเนบิวลา (กลุ่มแก๊สสสารดาวแต่ยังไม่รวมเป็นดาว) และแก่กลายเป็นหลุมดำและเนบิวลา
แขนแต่ละข้าง แผ่เป็นแผ่น (disc) ออกจากใจกลาง
- ด้านหลังอีกฝั่ง ถูกใจกลางอันสว่างไสวบดบัง จึงมีข้อมูลน้อย
- เพราะเราอยู่ในมัน เราไม่เคยเห็นกาแล็กซีเราเองทั้งชุด
รูปประกอบแบบมองจากข้างนอกมา จึงเมคขึ้น (เนียนๆ) โดยดูต้นแบบจากกาแล็กซีอื่น ไม่ใช่ภาพถ่าย
- กาแล็กซี หมุนไปเรื่อยๆ ทุกระบบย่อยโคจรรอบระบบหลัก (กาแล็กซีเรา) ระบบสุริยะเราก็เช่นกัน
และเพราะความเฉื่อย โซนด้านในที่สว่างหนาแน่นกว่า (เช่น โซน Sagittarius) โคจรเร็วกว่า โซนด้านนอก (เช่น โซน Carina กับ Perseus)
* สรุป กระทู้นี้ ประมาณว่า
โซน Antares (แม้อยู่ในมุมสังเกตใจกลาง แต่ไม่ใช่ใจกลาง)
เหมือนมี มวลสารที่ไม่เปล่งแสง เรียงตัวเหมือนจะไหลเข้าหรือไหลออก (พร้อมมี ดาวหลายดวงเหมือนเป็นกระจุก) ดูน่าสงสัย
รึจะมีมวลหนาแน่นจนมีแรงดึงดูดมหาศาล ทำให้ทรงกาแล็กซีโป่งไปทางนั้น รึเปล่านะ รึยังไง
คำตอบหลากหลาย สันนิษฐานล้วนๆ
แนวคิดหนึ่ง เป็นมวลสารหลุดออกระหว่างโคจรรอบ (เหมือน ละอองจาก หางของดาวหาง ที่ถูก ทิ้งไว้กลางทาง)
แนวคิดสอง เป็นภาพลวงตาจาก มุมมองสังเกตจากโลก มันบังเอิญ
แนวคิดสาม เป็นภาพลวงตาจาก รูปบิดเบี้ยวเพราะมองผ่าน เลนส์ความโน้มถ่วง (มีมวลหนาแน่นลอยข้างหน้า ทำให้แสงเบนระหว่างมาถึงระบบสุริยะเรา)
แนวคิดสี่ การระเบิดของดาวฤกษ์ใหญ่ยักษ์ ทำให้ดิสผิดรูปไป
แนวคิดห้า เป็นส่วนที่หลงเหลือ ระหว่างวิวัฒนาการกาแล็กซี
ฯลฯ
https://en.wikipedia.org/wiki/Milky_Way
* พยายามอธิบายให้ง่ายสุด เผื่อมือใหม่ ศัพท์แสงอาจไม่ถูกหลัก ถ้าผิดประการใด รบกวนแนะนำแก้ไข
แสดงความคิดเห็น
มีคำถาม สั้นๆ ### แกแลคซี่ ทางช้างเผือก -Milky Way ###
มันขึ้นไปทำอะไรแถวๆดาว Antares ในกลุ่มดาว Scorpion ครับ ??? ( ภาพเยอะหน่อยนะครับ จะได้ชันเจน)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
เพิ่มภาพครับ