ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อ แพรวค่ะ อยู่ญี่ปุ่นมาเจ็ดปี เรียนม ปลายที่โรงเรียนญี่ปุ่นและต่อมหาวิทยาลัยที่เกียวโตสี่ปี
ตอนนี้ทำงานอยู่ที่โอซาก้าค่ะ
อยู่เกียวโตมาสี่ปีและรู้สึกผูกพันกับเมืองนี้มากเลยอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเกียวโต
ในมุมต่างๆที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ค่ะ
เกียวโตถือเป็นเมืองที่ใครหลายคนปักหมุดเป็นสถานที่ที่อยากมา เมื่อได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยียมประเทศญี่ปุ่น
เนื่องจากเกียวโตเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของญี่ปุ่นรวมไปถึง
บ้านเมืองที่เรียบง่ายสบายตา ทำให้เป็นที่โปรดของนักท่องเที่ยวหลายๆคน
แต่น้อยคนที่จะรู้จัก เคียวทังโกะ สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในโตเกียวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ
หนึ่งชั่วโมงครึ่ง เชื่อว่าใครได้มาสัมผัสเคียวทังโกะ จะต้องตกหลุมรักเมืองนี้แน่นอน
ตอนนี้เป็นหน้าหนาวของญี่ปุ่น ซึ่งเกียวโตจะหนาวมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นจังหวัดที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา
หน้าหนาวเลยหนาวมากหน้าก็ร้อนสุดๆ
เคียวทังโกะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเกียวโต เพราะฉนั้นเรื่องความหนาวไม่ต้องพูดถึง
หนาวสุดๆค่ะ
ที่แรกที่ไปคือ อะมะโนะฮาชิดะเทะ (天橋立)อะมะโนะ แปลว่า สวรรค์ ฮาชิ แปลว่า สะพาน ดะเทะ แปลว่า ยืน แปลเป็นไทยก็คือ สะพานไปสู่สวรรค์ ค่ะ
การดูก็คือเค้าจะยืนแล้วก้มลงดูใต้หว่างขาจะเห็นเป็นภาพกลับหัวจะเห็นตัวเกาะยาวไปบนฟ้าเหมือนสะพานไปยังสวรรค์ค่ะ ถ้าเป็นเมืองไทยอาจจะเห็นสิ่งลี้ลับก็เป็นได้ อิอิ
ต่อมาก็เป็นการนั่งเรือข้ามฟากชมเกาะที่ทอดยาวออกไปนี่แหละค่ะ ก็จะใช้เวลาประมาณห้านาที
ไฮไลท์ของการนั่งเรือไม่ได้อยู่ที่การชมวิวอย่างเดียวค่ะ การให้นกอาหารนกนางนวลก็สนุกเหมือนกัน คือโยนไปแล้วนกก็จะงับข้าวเรียบกลางอากาศแบบว่าลุ้นดี แต่ขอบอกว่าข้าวเกรียบที่นกกินอร่อยมาก คนกินได้ นกกินดี ค่ะ
เมื่อนั่งเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งแล้วเราก็ไปต่อกันที่อิเนะโนะฟุเนะยะค่ะ
ที่นี่เป็นเมืองชาวประมงที่เก่าแก่ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่อ่าวอิเนะ
มีลักษณะเด่นคือบ้านจะสร้างติดกับทะเลและมีใต้ถุนติดกับทะเลเพื่อเอาไว้จอดเรือ
อาจจะคล้ายๆกับหมู่บ้านชาวประมงบ้านเราแต่พอมาจริงๆแล้วบรรยากาศต่างกันมากๆค่ะ
เหมือนได้ย้อนไปสมัยเอโดะจริงๆ
ถัดไปเป็นที่สุดท้ายและเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ค่ะ
ปูๆๆๆๆๆ และ ปู !!
การมาเคียวทังโกะในหน้าหนาวสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือปูนั่นเอง
ปูมัทซึบะ จะมีรสชาติต่างจากปูของฮอคไกโดแต่ความอร่อยนั้นไม่แพ้กันเลย
คราวนี้พาไปชิมปูกันที่โรงแรมมินาโตะยูยูค่ะ
จะเรียกว่าโรงแรมก็ไม่เชิงเพราะที่นี่เด่นเรื่องออนเซ็นและมีปูให้เลือกรับประทานหลากหลายรูปแบบมากค่ะ
เนื่อจากอากาศหนาวเลยลงออนเซ็นกันก่อน จากนั้นก็ต่อด้วยปูแสนอร่อย
มีทั้งเมนู ซาชิมิปู ปูนึ่ง ปูทอด กราแตงปู ซุปปู เรียกง่ายๆมีครบค่ะ แต่ที่ชอบและถูกใจที่สุดเลยก็ คานิมิโซะ หรือ มิโซะปู ค่ะ
เคยกินของหลายที่ แต่ที่นี่หอมปูนุ่มลิ้นมาก อยากให้ลองมาชิมกันดูค่ะ เมนูอื่นก็มีให้ลองชิมหลายอย่างค่ะ
แต่ที่ติดใจเลยคือสเต็กเนื้อค่ะ หอม หวาน อร่อยมากๆ ยังไงใครมีโอกาสได้มาเคียวทังโกะอย่าลืมแวะมาชิมกันนะคะ
ใครสนใจมีแพลนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยเฉพาะคันไซก็อย่าลืมมาแวะเคียวทังโกะกันนะคะ
รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ถ้าใครอยากมาหรืออยากรู้เกี่ยวกับเคียวทังโกะมากกว่านี้
เชิญที่เพจนี้ได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/kiminojapan/
เราแนะนำเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเคียวทังโกะแล้วก็เรื่องอื่นๆในญี่ปุ่นด้วยค่ะ
สปอนเซอร์ของทริปครั้งนี้คือ บริษัทแนะนำการท่องเที่ยวเคียวทังโกะ Adamas มีเพจแนะนำการท่องเที่ยวชื่อ คิมิโนะเจแปน
ได้สิทธิ์ กินฟรี พักฟรี เดินทางฟรี ค่ะ ที่พักก็เป็นอาจารย์คนญี่ปุ่นที่ชอบเมืองไทยมากๆ ใครสนใจลองสอบถามเผื่อได้พักฟรีเหมือนเราค่ะ
(เพราะอาจารย์คนนี้ชอบคนไทยมากๆค่ะ)
[SR] Kyotango เคียวทังโกะเมืองทะเลแห่งเกียวโต
ตอนนี้ทำงานอยู่ที่โอซาก้าค่ะ
อยู่เกียวโตมาสี่ปีและรู้สึกผูกพันกับเมืองนี้มากเลยอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเกียวโต
ในมุมต่างๆที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ค่ะ
เกียวโตถือเป็นเมืองที่ใครหลายคนปักหมุดเป็นสถานที่ที่อยากมา เมื่อได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยียมประเทศญี่ปุ่น
เนื่องจากเกียวโตเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของญี่ปุ่นรวมไปถึง
บ้านเมืองที่เรียบง่ายสบายตา ทำให้เป็นที่โปรดของนักท่องเที่ยวหลายๆคน
แต่น้อยคนที่จะรู้จัก เคียวทังโกะ สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในโตเกียวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ
หนึ่งชั่วโมงครึ่ง เชื่อว่าใครได้มาสัมผัสเคียวทังโกะ จะต้องตกหลุมรักเมืองนี้แน่นอน
ตอนนี้เป็นหน้าหนาวของญี่ปุ่น ซึ่งเกียวโตจะหนาวมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นจังหวัดที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขา
หน้าหนาวเลยหนาวมากหน้าก็ร้อนสุดๆ
เคียวทังโกะเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเกียวโต เพราะฉนั้นเรื่องความหนาวไม่ต้องพูดถึง
หนาวสุดๆค่ะ
ที่แรกที่ไปคือ อะมะโนะฮาชิดะเทะ (天橋立)อะมะโนะ แปลว่า สวรรค์ ฮาชิ แปลว่า สะพาน ดะเทะ แปลว่า ยืน แปลเป็นไทยก็คือ สะพานไปสู่สวรรค์ ค่ะ
การดูก็คือเค้าจะยืนแล้วก้มลงดูใต้หว่างขาจะเห็นเป็นภาพกลับหัวจะเห็นตัวเกาะยาวไปบนฟ้าเหมือนสะพานไปยังสวรรค์ค่ะ ถ้าเป็นเมืองไทยอาจจะเห็นสิ่งลี้ลับก็เป็นได้ อิอิ
ต่อมาก็เป็นการนั่งเรือข้ามฟากชมเกาะที่ทอดยาวออกไปนี่แหละค่ะ ก็จะใช้เวลาประมาณห้านาที
ไฮไลท์ของการนั่งเรือไม่ได้อยู่ที่การชมวิวอย่างเดียวค่ะ การให้นกอาหารนกนางนวลก็สนุกเหมือนกัน คือโยนไปแล้วนกก็จะงับข้าวเรียบกลางอากาศแบบว่าลุ้นดี แต่ขอบอกว่าข้าวเกรียบที่นกกินอร่อยมาก คนกินได้ นกกินดี ค่ะ
เมื่อนั่งเรือข้ามฟากไปอีกฝั่งแล้วเราก็ไปต่อกันที่อิเนะโนะฟุเนะยะค่ะ
ที่นี่เป็นเมืองชาวประมงที่เก่าแก่ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่อ่าวอิเนะ
มีลักษณะเด่นคือบ้านจะสร้างติดกับทะเลและมีใต้ถุนติดกับทะเลเพื่อเอาไว้จอดเรือ
อาจจะคล้ายๆกับหมู่บ้านชาวประมงบ้านเราแต่พอมาจริงๆแล้วบรรยากาศต่างกันมากๆค่ะ
เหมือนได้ย้อนไปสมัยเอโดะจริงๆ
ถัดไปเป็นที่สุดท้ายและเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ค่ะ
ปูๆๆๆๆๆ และ ปู !!
การมาเคียวทังโกะในหน้าหนาวสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือปูนั่นเอง
ปูมัทซึบะ จะมีรสชาติต่างจากปูของฮอคไกโดแต่ความอร่อยนั้นไม่แพ้กันเลย
คราวนี้พาไปชิมปูกันที่โรงแรมมินาโตะยูยูค่ะ
จะเรียกว่าโรงแรมก็ไม่เชิงเพราะที่นี่เด่นเรื่องออนเซ็นและมีปูให้เลือกรับประทานหลากหลายรูปแบบมากค่ะ
เนื่อจากอากาศหนาวเลยลงออนเซ็นกันก่อน จากนั้นก็ต่อด้วยปูแสนอร่อย
มีทั้งเมนู ซาชิมิปู ปูนึ่ง ปูทอด กราแตงปู ซุปปู เรียกง่ายๆมีครบค่ะ แต่ที่ชอบและถูกใจที่สุดเลยก็ คานิมิโซะ หรือ มิโซะปู ค่ะ
เคยกินของหลายที่ แต่ที่นี่หอมปูนุ่มลิ้นมาก อยากให้ลองมาชิมกันดูค่ะ เมนูอื่นก็มีให้ลองชิมหลายอย่างค่ะ
แต่ที่ติดใจเลยคือสเต็กเนื้อค่ะ หอม หวาน อร่อยมากๆ ยังไงใครมีโอกาสได้มาเคียวทังโกะอย่าลืมแวะมาชิมกันนะคะ
ใครสนใจมีแพลนจะมาเที่ยวญี่ปุ่นโดยเฉพาะคันไซก็อย่าลืมมาแวะเคียวทังโกะกันนะคะ
รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ถ้าใครอยากมาหรืออยากรู้เกี่ยวกับเคียวทังโกะมากกว่านี้
เชิญที่เพจนี้ได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/kiminojapan/
เราแนะนำเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเคียวทังโกะแล้วก็เรื่องอื่นๆในญี่ปุ่นด้วยค่ะ
สปอนเซอร์ของทริปครั้งนี้คือ บริษัทแนะนำการท่องเที่ยวเคียวทังโกะ Adamas มีเพจแนะนำการท่องเที่ยวชื่อ คิมิโนะเจแปน
ได้สิทธิ์ กินฟรี พักฟรี เดินทางฟรี ค่ะ ที่พักก็เป็นอาจารย์คนญี่ปุ่นที่ชอบเมืองไทยมากๆ ใครสนใจลองสอบถามเผื่อได้พักฟรีเหมือนเราค่ะ
(เพราะอาจารย์คนนี้ชอบคนไทยมากๆค่ะ)