เราเป็นคนนึงที่ใช้รถยนต์ ยี่ห้อ Chevrolet แต่เจออะไรแบบนี้เสียความรู้สึกจนไม่อยากจะใช้เลย
ก่อนอื่นเราต้องขอชมนะว่ารถยี่ห้อ Chevrolet รุ่น Cruze เป็นรถที่ขับสนุกมากและค่อนข่างที่จะมีชื่อเสียงเรียงนามเรื่องปัญหาเกียกระตุก ก่อนเราซื้อเราก็ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันนะ ถามช่างย้ำแล้วย้ำอีก ว่าตัวปี 2013 นี่แก้ปัญหาแล้วหรือยัง ด้วยความที่หลงรักในรูปลักษณ์มันมาก บวกกับช่างที่แนะนำและรับประกันว่าได้แก้ปัญหาแล้ว จึงได้ตัดสินใจซื้อมา ผมเป็นคนขับรถที่ค่อนข้างเร็วและใช้รถบ่อยมากจนต้องดูแลเป็นอย่างดี ผมนำรถเข้าเช็คกับศูนย์ตลอด ตามระยะที่ศูนย์กำหนดมา ในระหว่างที่ใช้งานนั้น ก็ค่อนข้างกังวลเรื่องเกียร์กระตุกอยู่เหมือนกัน เพราะจากที่เคยอ่านผู้ที่แชร์ประสบการณ์กัน เล่าถึงเหตุการณ์เกีกระตุกก็ค่อนข้างน่ากลัวเลยแหละครับ เลยดูแลรถเป็นอย่างดีตลอดมา กลัวว่ามันจะมาเกิดกับรถเรา
จนมาถึงวันหนึ่งเรื่องราวมันก็เริ่มเกิดขึ้น ผมใช้รถมาประมาณสองปี ในระยะทาง 95000+ กม. รถมีอาการเกียร์ค้างรอบขึ้นไปสูงเร่งไม่ไป เข้าไปในโหมด แมนนวล แล้วก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ให้ ผมเลยตัดสินใจเอารถเข้าเช็คระยะและได้แจ้งเรื่องนี้กับทางศูนย์ ช่างจึงมาบอกกับผมว่า บางทีมันอาจเป็นที่สภาพอากาศและอุณหภูมิห้องเครื่อง เกียร์เลยรวน ลองขับไปสักพัก ดูว่ามันเป็นอีกไหม ผมเลยถามไปว่า"ถ้าเกิดมันมีอาการแล้วมันเกิน 100000 กม. ละผมจะเคลมได้ไหม ถ้าไม่ได้ซ่อมเลยดีกว่า" ช่างบอกกับผมว่า "มันมีเรคคอร์ดอยู่ สามารถเคลมได้ครับเนื่องจากเราได้แจ้งไว้ก่อนหมดประกัน" ผมเลยนำรถเข้าเช็คระยะตามปกติ แล้วนำมาขับตามปกติ
ผมขับมาเรื่อย ใช้งานรถบ่อย เป็นคนที่ค่อนข้างจะขับรถเร็วและทำเวลาตลอด ความเร็ว 140+ ตลอด จนมาประมาณตอน 115000+ กม รถเริ่มอาการ ถ้าขับความเร็ว 140+ เป็นเวลาสัก 40 นาที พอเราสโลว์รถเข้าด่านต่างๆ เพื่อให้เค้าตรวจ เมื่อเราขับรถออกจากด่าน รถจะเริ่งไม่ขึ้น รอบขึ้นไปสูงแล้วอยู่ดีๆมันก็ตัดเกียร์แบบกระชาก จนผมต้องขับ ช้า ผมเลยรถความเร็วมาเหลือ 120 ตลอดมา มันก็ไม่เป็น
จนล่าสุดก่อนเกิดเรื่อง ผมขับรถกับครอบครัว มีความเร็วขึ้นลงระหว่าง 120-140 เมื่อเข้ามาในตัวเมืองอาการหนักมาก จนผมรู้สึกว่ามันอันตราย ตอนนั้นผมดูระยะประมาณ 120000+ ผมเลยตัดสินใจเอารถเข้าซ่อมเลยครับ เพราะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
วันแรกที่นำรถเข้าซ่อมผมเลยแจ้งอาการตามที่เล่าข้างบนเลยครับว่าเป็นแบบนั้น ต่างๆนา ช่างเลยรับรถไว้ วันแรกผมเลยถามก่อนซ่อมนะครับ ว่ารถอยู่ในประกันใช่ไหม ผมเคยแจ้งไว้แล้ว ช่างตอบว่าต้องเช็คก่อนนะครับเดี๋ยวผมค่อยให้คำตอบ หลังจากนั้นช่างเอารถไปทดสอบตามที่ผมว่าก็เลยเจออาการครับ ช่างเลยบอกว่าต้องจอดรถไว้ครับ เผื่อประสานกับศูนย์ใหญ่ที่ กทม. ผมเลยต้องทิ้งรถไว้
วันที่ 2 ผ่านไปประมาณเที่ยงยังไม่มีไรคืบหน้า ผมเลยเข้าไปที่ศูนย์ ผู้จัดการมาแจ้งกับผมว่ารถอยู่ในประกันเพราะเราได้แจ้งอาการไว้ตอน 95000 กม. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายครับ ผมก็เลยสบายใจ หลังจากนั้นช่างเอารถไปทดลองครับ ทำตามวิธีของศูนย์ใหญ่ กลายเป็นว่าเมื่อทดลองเสร็จ ช่างมาแจ้งว่าเกียร์พัง อาการชัดเจน มีโค้ดขึ้นที่คอมพิวเตอร์ อย่างนี้เคลมได้แน่นอนครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวจะโทรแจ้งว่าจะเอายังไง ผมเลยต้องทิ้งรถไว้ครับ
เข้าสู่วันที่ 3 ยังไม่มีการติดต่อใดๆมา ผมเลยตัดสินใจโทรไปถาม ผู้จัดการมาแจ้งครับว่ามีค่าใช้จ่ายครับ ผมเลยไปที่ศูนย์ แล้วไปถามว่าค่าใช้จ่ายอะไรเหรอ ผู้จัดการเลยให้ผมดู ผมถึงกับตกใจเลยครับ 340000+ บาท ผมเลยถามว่าแล้วที่เคลมละครับ ผู้จัดการว่าทางศูนย์ กทม. ไม่อนุมัติการเคลมครับ ผมเลยถามผู้จัดการกลับไปว่าทำไมเป็นแบบนี้ เค้าว่ามันเลยระยะประกันมาแล้วครับ ผมเลยพูดกลับไปว่า" ผมไม่ซ่อมประกอบรถกลับเลยครับ ทำให้มันขับได้ ผมไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ซื้อรถใหม่ยังดีกว่า เป็นพี่พี่จะซ่อมไหมละครับ" ผมจัดการได้แค่ยิ้ม และบอกว่าเดี๋ยวรอก่อนได้ไหมครับ ผมจะลองส่งเรื่องดูอีกทีเผื่อเป็นกรณีพิเศษ ผมได้ถามว่า กรณีพิเศษคืออะไรครับ เค้าตอบกลับมาว่า อาจจะออกคนละครึ่งกับลูกค้าครับ ผมตอบกลับไปว่า "ถ้าออกคนละครึ่งมันก็ 150000+ ผมก็ไม่ซ่อมครับ ประกอบกลับเลย" ผู้จัดการเลยบอกให้ผมรอคำตอบพรุ่งนี้นะครับ ผมเลยตัดสินใจฝากรถไว้อีกวัน
วันที่ 4 ผ่านมาตอนเที่ยงไม่มีการติดต่อมาเหมือนอย่างเดิม ผมโทรไปคำตอบที่ได้กลับมาคือ "ทาง กทม. ตอบกลับมาแล้วนะครับ จะช่วย 80% ให้ผมออกอีก 20% " ผมเลยถามไปว่าประมาณ เท่าไหร่ เค้าบอกราว 70000+ ผมเลยบอกไปว่าผมไม่ไหวครับประกอบกลับขอแค่รถขับได้ก็พอ ผู้จัดการเลยถามผมว่าตกลงให้ประกอบกลับใช่ไหม ผมตอบว่าใช่ จากนั้นผมนำเรื่องนี้แชร์ลงในกลุ่ม ครูซในเฟสบุคครับ แล้วก็แชร์ไปที่เชฟโรเล็ตไทยแลนด์ ก็มีคนมาให้คำปรึกษาดีๆมากมาย จนผมได้ข้อสรุปว่าผมจะไม่ซ่อม ผ่านไปไม่นานก็มีความแปลกเกิดขึ้น ศูนย์โทรมาหาผม และบอกว่า "กทม. อนุมัติซ่อมเกียร์แล้วนะครับ แต่อาจจะต้องจ่ายค่าของเหลวกับค่าแรงราว 8000+ บาท" ผมเลยเข้าไปที่ศูนย์เพื่อขอดูค่าต่างๆครับ ผมถามผู้จัดการว่า ของเหลวนี้มันไม่ได้มากับชุดเกียร์ใหม่เหรอครับ เค้าบอกว่าของเหลวมันไม่มีการประกัน ผมก็เลยคิดนะ ไหนๆก็ไหนๆละ จาก 340000+ บาท เหลือ 8000+ บาท ก็ดีกว่าไม่ได้ซ่อม ก็เลยคิดว่าตกลงดีไหม เลยถามคำถามสุดท้ายไป แล้วของชิ้นใหม่ที่เปลี่ยนละครับ มีประกันไหม เค้าตอบกลับมาว่าไม่มีครับ นี่คือการช่วยเหลือกรณีพิเศษแล้ว ผมเลยคิดนะครับ ว่าเราจะรู้ได้ไงว่าเค้าเปลี่ยนอันใหม่ให้จริง และจะรู้ได้ไงว่าขับไปมันจะไม่กระตุกอีก ผมเลยถามเค้า เค้าบอกว่าเปลี่ยนอันใหม่แน่นอนครับ มาดูได้ตอนวันซ่อม แพ็คใส่กล่องมา ของใหม่แน่นอนครับ ผมบอกเค้าไป พูดปากปล่าวแบบนี้ ผมไม่ค่อยอยากเชื่อหรอกนะครับ มันต้องมีประกันต่อซิครับ เกิดขับไปอีกสองเดือนแล้วอาการมันมาอีก กลายเป็นว่าคราวนี้ ที่ผมจ่ายไปก็ไม่มีประโยชน์เลย แล้วถ้าเกิดเสียขึ้นมาหลังจากนี้ ผมคงต้องซ่อมเองแล้วจริง ถ้าไม่มีประกันผมไม่ซ่อมดีกว่า ผ็จัดการเลยถามผมว่า อยากได้แบบไหนครับ เค้าก็มีนะประกัน 7 วัน ถ้าเกิดเสียก็เปลี่ยนใหม่ได้ ผมเลยบอกว่า พี่มันรถนะครับ ไม่ใช่มือถือหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะประกันแบบนั้น ผมบอกว่าผมอยากได้ สัก 50000 กม. หรือ 1 ปี เพราะผมเป็นคนใช้รถบ่อย 1 ปีก็ถึงครับ 50000 กม. และขอเป็นหนังสือด้วยนะครับ ไม่อยากแบบรับปากโดยไม่มีหลักฐานกลัวจะเป็นเหมือนตอน 95000 กม. ที่มันทำให้เป็นปัญหาจนถึงตอนนี้ เค้าเลยบอกว่ารอคำตอบพรุ่งนี้นะครับ ดูว่าจะได้ไหม หลังจากนั้น ทางเชฟโรเล็ตไทยแลนด์ก็โทรมานะครับ ผมเลยร้องเรียนเลย
จนวันนี้ วันที่ 5 ผู้จัดการโทรมาว่าให้ประกันไม่ได้ครับ กรณีพิเศษแล้ว ผมบอกตามตรงว่าผมเสียความรู้สึกมากครับ เลยไม่ขอซ่อม และปรึกษาหลายๆคน ว่าเอายังไงดี จนตอนนี้นะครับ มีความคิดเลยว่าเราไม่ไว้ใจการให้บริการของศูนย์เชฟโรเล็ต เลยครับ เพราะเราเป็นคนที่รักรถมาก และเจอแบบนี้เข้า ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เครียดก็เครียด รถก็ไม่มีใช้ครับ หมดเลยครับกับคำว่า Chevrolet รถก็ซื้อมาราคาแพง ผ่อนก็ยังผ่อนอยู่ เจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลยครับ ผมควรทำไงดีครับ
ช่วยทีครับ Chevrolet ทำให้ผมไม่อยากจะใช้อีกต่อไป ศูนย์ไม่ไหวจริงๆ
ก่อนอื่นเราต้องขอชมนะว่ารถยี่ห้อ Chevrolet รุ่น Cruze เป็นรถที่ขับสนุกมากและค่อนข่างที่จะมีชื่อเสียงเรียงนามเรื่องปัญหาเกียกระตุก ก่อนเราซื้อเราก็ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันนะ ถามช่างย้ำแล้วย้ำอีก ว่าตัวปี 2013 นี่แก้ปัญหาแล้วหรือยัง ด้วยความที่หลงรักในรูปลักษณ์มันมาก บวกกับช่างที่แนะนำและรับประกันว่าได้แก้ปัญหาแล้ว จึงได้ตัดสินใจซื้อมา ผมเป็นคนขับรถที่ค่อนข้างเร็วและใช้รถบ่อยมากจนต้องดูแลเป็นอย่างดี ผมนำรถเข้าเช็คกับศูนย์ตลอด ตามระยะที่ศูนย์กำหนดมา ในระหว่างที่ใช้งานนั้น ก็ค่อนข้างกังวลเรื่องเกียร์กระตุกอยู่เหมือนกัน เพราะจากที่เคยอ่านผู้ที่แชร์ประสบการณ์กัน เล่าถึงเหตุการณ์เกีกระตุกก็ค่อนข้างน่ากลัวเลยแหละครับ เลยดูแลรถเป็นอย่างดีตลอดมา กลัวว่ามันจะมาเกิดกับรถเรา
จนมาถึงวันหนึ่งเรื่องราวมันก็เริ่มเกิดขึ้น ผมใช้รถมาประมาณสองปี ในระยะทาง 95000+ กม. รถมีอาการเกียร์ค้างรอบขึ้นไปสูงเร่งไม่ไป เข้าไปในโหมด แมนนวล แล้วก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ให้ ผมเลยตัดสินใจเอารถเข้าเช็คระยะและได้แจ้งเรื่องนี้กับทางศูนย์ ช่างจึงมาบอกกับผมว่า บางทีมันอาจเป็นที่สภาพอากาศและอุณหภูมิห้องเครื่อง เกียร์เลยรวน ลองขับไปสักพัก ดูว่ามันเป็นอีกไหม ผมเลยถามไปว่า"ถ้าเกิดมันมีอาการแล้วมันเกิน 100000 กม. ละผมจะเคลมได้ไหม ถ้าไม่ได้ซ่อมเลยดีกว่า" ช่างบอกกับผมว่า "มันมีเรคคอร์ดอยู่ สามารถเคลมได้ครับเนื่องจากเราได้แจ้งไว้ก่อนหมดประกัน" ผมเลยนำรถเข้าเช็คระยะตามปกติ แล้วนำมาขับตามปกติ
ผมขับมาเรื่อย ใช้งานรถบ่อย เป็นคนที่ค่อนข้างจะขับรถเร็วและทำเวลาตลอด ความเร็ว 140+ ตลอด จนมาประมาณตอน 115000+ กม รถเริ่มอาการ ถ้าขับความเร็ว 140+ เป็นเวลาสัก 40 นาที พอเราสโลว์รถเข้าด่านต่างๆ เพื่อให้เค้าตรวจ เมื่อเราขับรถออกจากด่าน รถจะเริ่งไม่ขึ้น รอบขึ้นไปสูงแล้วอยู่ดีๆมันก็ตัดเกียร์แบบกระชาก จนผมต้องขับ ช้า ผมเลยรถความเร็วมาเหลือ 120 ตลอดมา มันก็ไม่เป็น
จนล่าสุดก่อนเกิดเรื่อง ผมขับรถกับครอบครัว มีความเร็วขึ้นลงระหว่าง 120-140 เมื่อเข้ามาในตัวเมืองอาการหนักมาก จนผมรู้สึกว่ามันอันตราย ตอนนั้นผมดูระยะประมาณ 120000+ ผมเลยตัดสินใจเอารถเข้าซ่อมเลยครับ เพราะปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว
วันแรกที่นำรถเข้าซ่อมผมเลยแจ้งอาการตามที่เล่าข้างบนเลยครับว่าเป็นแบบนั้น ต่างๆนา ช่างเลยรับรถไว้ วันแรกผมเลยถามก่อนซ่อมนะครับ ว่ารถอยู่ในประกันใช่ไหม ผมเคยแจ้งไว้แล้ว ช่างตอบว่าต้องเช็คก่อนนะครับเดี๋ยวผมค่อยให้คำตอบ หลังจากนั้นช่างเอารถไปทดสอบตามที่ผมว่าก็เลยเจออาการครับ ช่างเลยบอกว่าต้องจอดรถไว้ครับ เผื่อประสานกับศูนย์ใหญ่ที่ กทม. ผมเลยต้องทิ้งรถไว้
วันที่ 2 ผ่านไปประมาณเที่ยงยังไม่มีไรคืบหน้า ผมเลยเข้าไปที่ศูนย์ ผู้จัดการมาแจ้งกับผมว่ารถอยู่ในประกันเพราะเราได้แจ้งอาการไว้ตอน 95000 กม. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายครับ ผมก็เลยสบายใจ หลังจากนั้นช่างเอารถไปทดลองครับ ทำตามวิธีของศูนย์ใหญ่ กลายเป็นว่าเมื่อทดลองเสร็จ ช่างมาแจ้งว่าเกียร์พัง อาการชัดเจน มีโค้ดขึ้นที่คอมพิวเตอร์ อย่างนี้เคลมได้แน่นอนครับ พรุ่งนี้เดี๋ยวจะโทรแจ้งว่าจะเอายังไง ผมเลยต้องทิ้งรถไว้ครับ
เข้าสู่วันที่ 3 ยังไม่มีการติดต่อใดๆมา ผมเลยตัดสินใจโทรไปถาม ผู้จัดการมาแจ้งครับว่ามีค่าใช้จ่ายครับ ผมเลยไปที่ศูนย์ แล้วไปถามว่าค่าใช้จ่ายอะไรเหรอ ผู้จัดการเลยให้ผมดู ผมถึงกับตกใจเลยครับ 340000+ บาท ผมเลยถามว่าแล้วที่เคลมละครับ ผู้จัดการว่าทางศูนย์ กทม. ไม่อนุมัติการเคลมครับ ผมเลยถามผู้จัดการกลับไปว่าทำไมเป็นแบบนี้ เค้าว่ามันเลยระยะประกันมาแล้วครับ ผมเลยพูดกลับไปว่า" ผมไม่ซ่อมประกอบรถกลับเลยครับ ทำให้มันขับได้ ผมไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ซื้อรถใหม่ยังดีกว่า เป็นพี่พี่จะซ่อมไหมละครับ" ผมจัดการได้แค่ยิ้ม และบอกว่าเดี๋ยวรอก่อนได้ไหมครับ ผมจะลองส่งเรื่องดูอีกทีเผื่อเป็นกรณีพิเศษ ผมได้ถามว่า กรณีพิเศษคืออะไรครับ เค้าตอบกลับมาว่า อาจจะออกคนละครึ่งกับลูกค้าครับ ผมตอบกลับไปว่า "ถ้าออกคนละครึ่งมันก็ 150000+ ผมก็ไม่ซ่อมครับ ประกอบกลับเลย" ผู้จัดการเลยบอกให้ผมรอคำตอบพรุ่งนี้นะครับ ผมเลยตัดสินใจฝากรถไว้อีกวัน
วันที่ 4 ผ่านมาตอนเที่ยงไม่มีการติดต่อมาเหมือนอย่างเดิม ผมโทรไปคำตอบที่ได้กลับมาคือ "ทาง กทม. ตอบกลับมาแล้วนะครับ จะช่วย 80% ให้ผมออกอีก 20% " ผมเลยถามไปว่าประมาณ เท่าไหร่ เค้าบอกราว 70000+ ผมเลยบอกไปว่าผมไม่ไหวครับประกอบกลับขอแค่รถขับได้ก็พอ ผู้จัดการเลยถามผมว่าตกลงให้ประกอบกลับใช่ไหม ผมตอบว่าใช่ จากนั้นผมนำเรื่องนี้แชร์ลงในกลุ่ม ครูซในเฟสบุคครับ แล้วก็แชร์ไปที่เชฟโรเล็ตไทยแลนด์ ก็มีคนมาให้คำปรึกษาดีๆมากมาย จนผมได้ข้อสรุปว่าผมจะไม่ซ่อม ผ่านไปไม่นานก็มีความแปลกเกิดขึ้น ศูนย์โทรมาหาผม และบอกว่า "กทม. อนุมัติซ่อมเกียร์แล้วนะครับ แต่อาจจะต้องจ่ายค่าของเหลวกับค่าแรงราว 8000+ บาท" ผมเลยเข้าไปที่ศูนย์เพื่อขอดูค่าต่างๆครับ ผมถามผู้จัดการว่า ของเหลวนี้มันไม่ได้มากับชุดเกียร์ใหม่เหรอครับ เค้าบอกว่าของเหลวมันไม่มีการประกัน ผมก็เลยคิดนะ ไหนๆก็ไหนๆละ จาก 340000+ บาท เหลือ 8000+ บาท ก็ดีกว่าไม่ได้ซ่อม ก็เลยคิดว่าตกลงดีไหม เลยถามคำถามสุดท้ายไป แล้วของชิ้นใหม่ที่เปลี่ยนละครับ มีประกันไหม เค้าตอบกลับมาว่าไม่มีครับ นี่คือการช่วยเหลือกรณีพิเศษแล้ว ผมเลยคิดนะครับ ว่าเราจะรู้ได้ไงว่าเค้าเปลี่ยนอันใหม่ให้จริง และจะรู้ได้ไงว่าขับไปมันจะไม่กระตุกอีก ผมเลยถามเค้า เค้าบอกว่าเปลี่ยนอันใหม่แน่นอนครับ มาดูได้ตอนวันซ่อม แพ็คใส่กล่องมา ของใหม่แน่นอนครับ ผมบอกเค้าไป พูดปากปล่าวแบบนี้ ผมไม่ค่อยอยากเชื่อหรอกนะครับ มันต้องมีประกันต่อซิครับ เกิดขับไปอีกสองเดือนแล้วอาการมันมาอีก กลายเป็นว่าคราวนี้ ที่ผมจ่ายไปก็ไม่มีประโยชน์เลย แล้วถ้าเกิดเสียขึ้นมาหลังจากนี้ ผมคงต้องซ่อมเองแล้วจริง ถ้าไม่มีประกันผมไม่ซ่อมดีกว่า ผ็จัดการเลยถามผมว่า อยากได้แบบไหนครับ เค้าก็มีนะประกัน 7 วัน ถ้าเกิดเสียก็เปลี่ยนใหม่ได้ ผมเลยบอกว่า พี่มันรถนะครับ ไม่ใช่มือถือหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะประกันแบบนั้น ผมบอกว่าผมอยากได้ สัก 50000 กม. หรือ 1 ปี เพราะผมเป็นคนใช้รถบ่อย 1 ปีก็ถึงครับ 50000 กม. และขอเป็นหนังสือด้วยนะครับ ไม่อยากแบบรับปากโดยไม่มีหลักฐานกลัวจะเป็นเหมือนตอน 95000 กม. ที่มันทำให้เป็นปัญหาจนถึงตอนนี้ เค้าเลยบอกว่ารอคำตอบพรุ่งนี้นะครับ ดูว่าจะได้ไหม หลังจากนั้น ทางเชฟโรเล็ตไทยแลนด์ก็โทรมานะครับ ผมเลยร้องเรียนเลย
จนวันนี้ วันที่ 5 ผู้จัดการโทรมาว่าให้ประกันไม่ได้ครับ กรณีพิเศษแล้ว ผมบอกตามตรงว่าผมเสียความรู้สึกมากครับ เลยไม่ขอซ่อม และปรึกษาหลายๆคน ว่าเอายังไงดี จนตอนนี้นะครับ มีความคิดเลยว่าเราไม่ไว้ใจการให้บริการของศูนย์เชฟโรเล็ต เลยครับ เพราะเราเป็นคนที่รักรถมาก และเจอแบบนี้เข้า ผมทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เครียดก็เครียด รถก็ไม่มีใช้ครับ หมดเลยครับกับคำว่า Chevrolet รถก็ซื้อมาราคาแพง ผ่อนก็ยังผ่อนอยู่ เจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลยครับ ผมควรทำไงดีครับ