ในช่วงแรกที่เราก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตของ “วัยทำงาน” เชื่อว่าใครหลายๆคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่ต้องเจอคำถามที่ต้องคิดหนักเป็นอย่างมากว่าจะทำงานอะไร/ประเภทไหน/หน้าที่อะไร/บริษัทอะไร/เงินเดือนเท่าไร/โบนัสเป็นไง และอื่นๆอีกหลายหลายปัจจัยขึ้นอยู่กับแต่ละคน
โดยพื้นฐานแล้วเชื่อว่าปัจจัยที่ใช้เลือกมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง “เนื้องานที่ทำ” และ “ผลตอบแทน” ที่ใช้มาเป็นเกณฑ์พิจารณาว่าจะสมัครและทำงานที่นั้นหรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าทุกคนคงอยากให้สองอย่างนี้ไปได้ดีพร้อมๆกัน แต่ในชีวิตจริงเราคงไม่สามารถกำหนดให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเราต้องการได้จริงไหมครับ???.....เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีความคิดและความสามารถที่แตกต่างจากคนอื่น
วันนี้ผมจะมาพูดถึงวิธีการว่าควรทำอย่างไรถึงจะได้ 2 อย่างนี้ควบคู่กันไปได้ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะด้วยกันดังนี้
ช่วงเริ่มต้น (ประสบการณ์ทำงาน 0-5 ปี)
คุณต้องค้นหาความถนัดหรือความชอบของตัวเองให้เจอเสียก่อนว่าในอนาคตคุณอยากเป็นอะไรเพื่อทำการวางแผนและเก็บประสบการณ์จากการทำงานสู่อาชีพที่วาดฝันไว้ในอนาคต เพราะหลายๆครั้งสิ่งที่ผมเคยเจอจากประสบการณ์คนใกล้ตัวคือหลายคนเรียนจบมาแล้วยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากทำงานสายไหนหรือชอบอะไรกันแน่ ??? รู้แต่ว่าขอให้ได้งานทำหรือได้เงินเยอะ ไม่ก็เอาทั้งสองอย่าง โดยที่มักลืมดูไปว่าตัวเราเองนั้นมีประสบการณ์ทำงานและความสามารถมากเพียงพอที่จะไปต่อรองผลตอบแทนกับบริษัทเหล่านั้นได้หรือเปล่า
ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งที่ควรทำคือค้นหาตัวเองให้เร็วที่สุดเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ภาระยังน้อยและสามารถลองผิดลองถูกได้ เช่นว่าหากคุณเรียนจบวิศวะแต่ทำงานไปซักพักมั่นใจว่าชอบค้าขายมากกว่าก็จงเลือกสายงานที่ใกล้เคียงทำแล้วสามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้ใกล้เคียงที่สุดเช่น การตลาด/ฝ่ายขาย/จัดซื้อ เป็นต้น (อันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและการวางแผนของแต่ละคนเลยนะครับ) เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้เริ่มต้นนับ 1 เพื่อเข้าใกล้เป้าหมาย 100 ตามที่คุณหวังไว้แล้ว ดีกว่าทำงานไปเป็นสิบๆปีแล้วสุดท้ายรู้ว่าไม่ชอบแต่มีภาระต่างๆมากมายซึ่งก็คงจะเปลี่ยนหรือแก้ไขได้ยากแล้ว
ในช่วงเริ่มต้นนี้ผมจึงแนะนำว่าการเลือกงานที่จะทำควรให้น้ำหนักกับ “ประสบการณ์” ที่ได้รับมากกว่ามองที่“ผลตอบแทน” นะครับ
ช่วงกลาง (ประสบการณ์ทำงาน 5-10 ปี)
หากว่าคุณได้ทำและเดินตามแผนที่ดีมาตั้งแต่ช่วงต้น ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คุณมีโอกาสเลือกได้ทั้ง 2 อย่างคือ “งานที่ชอบ” และ “ผลตอบแทนที่ดี” เพราะว่าคุณมีประสบการณ์และผลงานที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีแต้มต่อและสามารถเป็นผู้เลือกงานและผลตอบแทนตามที่หวัง เช่น สามารถเรียกเงินเดือนจากที่เดิมได้สูงขึ้นกว่าปกติ ย้ายไปบริษัทที่ให้เงินเดือนมากขึ้น หรือแม้กระทั่งคุณอาจมองเห็นโอกาสและลู่ทางลาออกมาทำธุรกิจเต็มตัวก็เป็นไปได้
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณมาถูกทางแล้วคุณอาจจะได้รับผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดภายในระยะเวลาอันรวดเร็วถึง 100% ขึ้นไปหรือมากกว่านั้น ซึ่งหากเทียบกับค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปการปรับเงินเดือนจะอยู่ที่เพียง 5-10% ต่อปี เห็นอย่างนี้แล้วคุณจะมัวแต่นั่งชิวทำงานให้หมดไปวันๆจริงหรอครับ???
และในช่วงกลางนี้ถ้าคุณมีเงินเก็บที่มากพอก็ควรแบ่งเงินมาลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆด้วยก็จะยิ่งดี เพราะนอกจากเราจะใช้แรงหาเงินได้ทางหนึ่งแล้ว การลงทุนก็เป็นการใช้เงินให้ทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้านไปด้วยในขณะเดียวกัน
ช่วงปลาย (ประสบการณ์ทำงาน 10 ปีขึ้นไป)
ในช่วงนี้คนส่วนใหญ่ก็มักจะเริ่มลงเอยแต่งงานมีครอบครัวกันแล้วซึ่งภาระต่างๆก็จะตามมามากขึ้นด้วยเข่นกัน ช่วงปลายนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องสร้างและวางรากฐานในชีวิตให้มั่นคง พยายามผิดพลาดให้น้อยที่สุดเพราะถ้าล้มแล้วอาจจะกระทบกับอีกหลายๆชีวิตต่างกับช่วงต้นที่ภาระยังน้อยมีโอกาสให้เรียนรู้ลองผิดลองถูกได้มาก
วัยนี้ควรเริ่มทยอยสร้างสิ่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็น “Passive Income” ให้ได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในอนาคตไม่ว่าจะเป็น การลงทุนปล่อยเช่าอสังหา, ลงทุนในหุ้น(กินปันผล), หรือช่องทางที่ตนเองถนัดสามารถสร้างเครื่องปั้มเงินให้กับตัวเราโดยไม่ต้องทำงานได้ เป็นต้น เพราะยิ่งแก่ตัวลงไปปัญหาโรคภัยไข้เจ็บหรือสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งอย่างน้อยหากคุณมีรายรับเข้ามาได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องทำงานก็สามารถอุ่นใจไปได้เปราะหนึ่ง
หากคุณทำได้จริงสิ่งสำคัญที่มีค่ามากกว่าผลตอบแทนนั้นก็คือ “เวลา” ที่สามารถเป็นอิสระได้มากยิ่งขึ้น เลือกทำกิจกรรมหรือสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้กระทั่งมีเวลาอยู่กับครอบครัวและคนที่เรารัก
***หมายเหตุ*** การแบ่งช่วงเวลาที่พูดมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่แนวทางเบื้องต้นในการทำงาน ไม่มีอะไรตายตัวสามารถปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นกันได้ขึ้นอยู่กับการทักษะและความสามารถของแต่ละบุคคล ยิ่งคุณมีแผนที่ดีและทำสำเร็จได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
ปล.บางคนอาจบอกว่าพูดดูเหมือนง่ายแต่ทำจริงมันยาก - ผมคงไม่แย้งหรอกครับ เพราะถ้ามันง่ายตามที่พูดจริงป่านนี้ก็คงรวยสมหวังกันไปหมดแล้วววว....ก่อนจากกันไปก็ขอฝากทิ้งท้ายด้วยแง่คิดนี้ให้แก่ทุกๆคนนะครับ
....
“ทุกความพยายามอาจไม่นำมาซึ่งความสำเร็จ แต่ทุกความสำเร็จล้วนต้องอาศัยความพยายาม”
...
สวัสดีครับ
======================================================================
ติดตามเรื่องราวดีๆ แนวคิดในการทำงาน, มุมมองธุรกิจ, และลงทุนอสังหา เพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/thinkvestment
======================================================================
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่นี่
7 ความเชื่อผิดๆ “ในวัยทำงาน” ที่ควรเปลี่ยนแปลงก่อนอายุ 30
http://ppantip.com/topic/34666999
11 สิ่ง “ในวัยทำงาน” ที่ควรต้องเรียนรู้ ก่อนอายุ 30
http://ppantip.com/topic/34508026
ทำไมคนเราจึงกลัวความล้มเหลวทั้งที่ยัง “ไม่ได้ทำ”???
http://ppantip.com/topic/34535389
ตกผลึก 14 การเรียนรู้ที่ได้จาก “ประสบการณ์ชีวิต”
http://ppantip.com/topic/34012323
คอนโด "SOLD OUT" เรื่องจริงหรือแค่การตลาด
http://ppantip.com/topic/34007603
เศรษฐกิจแบบนี้ จะมัวบ่นและโทษกันอยู่ทำไม รีบปรับตัวกันสิครับ
http://ppantip.com/topic/33986650
ถาม-ตอบ : ตอนนี้อสังหา “ฟองสบู่” แล้วหรือยัง?
http://ppantip.com/topic/33763358
เรื่องที่ควรต้องรู้ก่อนเข้าสู่วงการ “อสังหา”
http://ppantip.com/topic/33793977
การออมเงิน...ทำให้รวยได้จริงหรือ ? (ตอนที่ 2)
http://ppantip.com/profile/1993468
การออมเงิน...ทำให้รวยได้จริงหรือ? (ตอนที่ 1)
http://ppantip.com/topic/33078207
=== ระหว่าง “เงินดี” กับ “งานที่ชอบ” คุณจะเลือกอะไร ??? ===
ในช่วงแรกที่เราก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตของ “วัยทำงาน” เชื่อว่าใครหลายๆคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่ต้องเจอคำถามที่ต้องคิดหนักเป็นอย่างมากว่าจะทำงานอะไร/ประเภทไหน/หน้าที่อะไร/บริษัทอะไร/เงินเดือนเท่าไร/โบนัสเป็นไง และอื่นๆอีกหลายหลายปัจจัยขึ้นอยู่กับแต่ละคน
โดยพื้นฐานแล้วเชื่อว่าปัจจัยที่ใช้เลือกมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง “เนื้องานที่ทำ” และ “ผลตอบแทน” ที่ใช้มาเป็นเกณฑ์พิจารณาว่าจะสมัครและทำงานที่นั้นหรือไม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าทุกคนคงอยากให้สองอย่างนี้ไปได้ดีพร้อมๆกัน แต่ในชีวิตจริงเราคงไม่สามารถกำหนดให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเราต้องการได้จริงไหมครับ???.....เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีความคิดและความสามารถที่แตกต่างจากคนอื่น
วันนี้ผมจะมาพูดถึงวิธีการว่าควรทำอย่างไรถึงจะได้ 2 อย่างนี้ควบคู่กันไปได้ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะด้วยกันดังนี้
ช่วงเริ่มต้น (ประสบการณ์ทำงาน 0-5 ปี)
คุณต้องค้นหาความถนัดหรือความชอบของตัวเองให้เจอเสียก่อนว่าในอนาคตคุณอยากเป็นอะไรเพื่อทำการวางแผนและเก็บประสบการณ์จากการทำงานสู่อาชีพที่วาดฝันไว้ในอนาคต เพราะหลายๆครั้งสิ่งที่ผมเคยเจอจากประสบการณ์คนใกล้ตัวคือหลายคนเรียนจบมาแล้วยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากทำงานสายไหนหรือชอบอะไรกันแน่ ??? รู้แต่ว่าขอให้ได้งานทำหรือได้เงินเยอะ ไม่ก็เอาทั้งสองอย่าง โดยที่มักลืมดูไปว่าตัวเราเองนั้นมีประสบการณ์ทำงานและความสามารถมากเพียงพอที่จะไปต่อรองผลตอบแทนกับบริษัทเหล่านั้นได้หรือเปล่า
ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งที่ควรทำคือค้นหาตัวเองให้เร็วที่สุดเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ภาระยังน้อยและสามารถลองผิดลองถูกได้ เช่นว่าหากคุณเรียนจบวิศวะแต่ทำงานไปซักพักมั่นใจว่าชอบค้าขายมากกว่าก็จงเลือกสายงานที่ใกล้เคียงทำแล้วสามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้ใกล้เคียงที่สุดเช่น การตลาด/ฝ่ายขาย/จัดซื้อ เป็นต้น (อันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและการวางแผนของแต่ละคนเลยนะครับ) เพราะอย่างน้อยคุณก็ได้เริ่มต้นนับ 1 เพื่อเข้าใกล้เป้าหมาย 100 ตามที่คุณหวังไว้แล้ว ดีกว่าทำงานไปเป็นสิบๆปีแล้วสุดท้ายรู้ว่าไม่ชอบแต่มีภาระต่างๆมากมายซึ่งก็คงจะเปลี่ยนหรือแก้ไขได้ยากแล้ว
ในช่วงเริ่มต้นนี้ผมจึงแนะนำว่าการเลือกงานที่จะทำควรให้น้ำหนักกับ “ประสบการณ์” ที่ได้รับมากกว่ามองที่“ผลตอบแทน” นะครับ
ช่วงกลาง (ประสบการณ์ทำงาน 5-10 ปี)
หากว่าคุณได้ทำและเดินตามแผนที่ดีมาตั้งแต่ช่วงต้น ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คุณมีโอกาสเลือกได้ทั้ง 2 อย่างคือ “งานที่ชอบ” และ “ผลตอบแทนที่ดี” เพราะว่าคุณมีประสบการณ์และผลงานที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว จึงมีแต้มต่อและสามารถเป็นผู้เลือกงานและผลตอบแทนตามที่หวัง เช่น สามารถเรียกเงินเดือนจากที่เดิมได้สูงขึ้นกว่าปกติ ย้ายไปบริษัทที่ให้เงินเดือนมากขึ้น หรือแม้กระทั่งคุณอาจมองเห็นโอกาสและลู่ทางลาออกมาทำธุรกิจเต็มตัวก็เป็นไปได้
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณไปเลยก็ว่าได้ เพราะถ้าคุณมาถูกทางแล้วคุณอาจจะได้รับผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดภายในระยะเวลาอันรวดเร็วถึง 100% ขึ้นไปหรือมากกว่านั้น ซึ่งหากเทียบกับค่าเฉลี่ยโดยทั่วไปการปรับเงินเดือนจะอยู่ที่เพียง 5-10% ต่อปี เห็นอย่างนี้แล้วคุณจะมัวแต่นั่งชิวทำงานให้หมดไปวันๆจริงหรอครับ???
และในช่วงกลางนี้ถ้าคุณมีเงินเก็บที่มากพอก็ควรแบ่งเงินมาลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆด้วยก็จะยิ่งดี เพราะนอกจากเราจะใช้แรงหาเงินได้ทางหนึ่งแล้ว การลงทุนก็เป็นการใช้เงินให้ทำงานเพิ่มขึ้นอีกด้านไปด้วยในขณะเดียวกัน
ช่วงปลาย (ประสบการณ์ทำงาน 10 ปีขึ้นไป)
ในช่วงนี้คนส่วนใหญ่ก็มักจะเริ่มลงเอยแต่งงานมีครอบครัวกันแล้วซึ่งภาระต่างๆก็จะตามมามากขึ้นด้วยเข่นกัน ช่วงปลายนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องสร้างและวางรากฐานในชีวิตให้มั่นคง พยายามผิดพลาดให้น้อยที่สุดเพราะถ้าล้มแล้วอาจจะกระทบกับอีกหลายๆชีวิตต่างกับช่วงต้นที่ภาระยังน้อยมีโอกาสให้เรียนรู้ลองผิดลองถูกได้มาก
วัยนี้ควรเริ่มทยอยสร้างสิ่งที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็น “Passive Income” ให้ได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในอนาคตไม่ว่าจะเป็น การลงทุนปล่อยเช่าอสังหา, ลงทุนในหุ้น(กินปันผล), หรือช่องทางที่ตนเองถนัดสามารถสร้างเครื่องปั้มเงินให้กับตัวเราโดยไม่ต้องทำงานได้ เป็นต้น เพราะยิ่งแก่ตัวลงไปปัญหาโรคภัยไข้เจ็บหรือสิ่งที่ไม่คาดคิดอาจมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งอย่างน้อยหากคุณมีรายรับเข้ามาได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องทำงานก็สามารถอุ่นใจไปได้เปราะหนึ่ง
หากคุณทำได้จริงสิ่งสำคัญที่มีค่ามากกว่าผลตอบแทนนั้นก็คือ “เวลา” ที่สามารถเป็นอิสระได้มากยิ่งขึ้น เลือกทำกิจกรรมหรือสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้กระทั่งมีเวลาอยู่กับครอบครัวและคนที่เรารัก
***หมายเหตุ*** การแบ่งช่วงเวลาที่พูดมาทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่แนวทางเบื้องต้นในการทำงาน ไม่มีอะไรตายตัวสามารถปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นกันได้ขึ้นอยู่กับการทักษะและความสามารถของแต่ละบุคคล ยิ่งคุณมีแผนที่ดีและทำสำเร็จได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
ปล.บางคนอาจบอกว่าพูดดูเหมือนง่ายแต่ทำจริงมันยาก - ผมคงไม่แย้งหรอกครับ เพราะถ้ามันง่ายตามที่พูดจริงป่านนี้ก็คงรวยสมหวังกันไปหมดแล้วววว....ก่อนจากกันไปก็ขอฝากทิ้งท้ายด้วยแง่คิดนี้ให้แก่ทุกๆคนนะครับ
“ทุกความพยายามอาจไม่นำมาซึ่งความสำเร็จ แต่ทุกความสำเร็จล้วนต้องอาศัยความพยายาม”
...
สวัสดีครับ
ติดตามเรื่องราวดีๆ แนวคิดในการทำงาน, มุมมองธุรกิจ, และลงทุนอสังหา เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/thinkvestment
======================================================================
อ่านบทความย้อนหลังได้ที่นี่
7 ความเชื่อผิดๆ “ในวัยทำงาน” ที่ควรเปลี่ยนแปลงก่อนอายุ 30 http://ppantip.com/topic/34666999
11 สิ่ง “ในวัยทำงาน” ที่ควรต้องเรียนรู้ ก่อนอายุ 30 http://ppantip.com/topic/34508026
ทำไมคนเราจึงกลัวความล้มเหลวทั้งที่ยัง “ไม่ได้ทำ”??? http://ppantip.com/topic/34535389
ตกผลึก 14 การเรียนรู้ที่ได้จาก “ประสบการณ์ชีวิต” http://ppantip.com/topic/34012323
คอนโด "SOLD OUT" เรื่องจริงหรือแค่การตลาด http://ppantip.com/topic/34007603
เศรษฐกิจแบบนี้ จะมัวบ่นและโทษกันอยู่ทำไม รีบปรับตัวกันสิครับ http://ppantip.com/topic/33986650
ถาม-ตอบ : ตอนนี้อสังหา “ฟองสบู่” แล้วหรือยัง? http://ppantip.com/topic/33763358
เรื่องที่ควรต้องรู้ก่อนเข้าสู่วงการ “อสังหา” http://ppantip.com/topic/33793977
การออมเงิน...ทำให้รวยได้จริงหรือ ? (ตอนที่ 2) http://ppantip.com/profile/1993468
การออมเงิน...ทำให้รวยได้จริงหรือ? (ตอนที่ 1) http://ppantip.com/topic/33078207