::Korea Trip 2016::
กลับมาแล้วฮ่ะ....เสร็จสิ้นกันไปกับทริปเกาหลีรับปีใหม่ นี่ว่าจะกลับมารีบบันทึกความจำซะหน่อย คอมดันน๊อคไปดื้อๆ ตอนนี้โอเคแระ นางฟื้นคืนชีพด้วยWindows10 *ฮาเลลูยาาาาาา*
*นี่เป็นบันทึกจากเหตุการณ์จริง ดังนั้นอาจมีคำหยาบที่ไม่เหมาะกับเยาวชนฮ่ะ*
*นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ*
*เนื้อหาค่อนข้างยาวและเยอะ*
คร่าวๆเลย คือ...อยากไปเล่นหิมะ ไม่เคยเห็นหิมะจริงๆ(ยกเว้นดรีมเวิร์ลนะ อันนั้นเหมือนตู้ฟรีซปลา 555+) ที่นี้ใกล้สุดก็เกาหลี ตกลงมัดมือชกเสร็จผู้ร่วมทริปอีก1คนถ้วนคือนู๋ต่าย (นางไปบ่อย นางรอบรู้ นางใจเย็น นางไม่เรื่องมาก และนางมีความอดทน...สูงงงง) จัดการซื้อตั๋ว จองที่พัก ตั้งแต่ต้นปีจนในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง....
31DEC2015
ไฟลท์บินประมาณตีสองกว่า เราเลยกะว่าจะไปถึงดอนเมืองสัก5ทุ่ม แต่เนื่องจากเป็นคืนวันสิ้นปี แท๊กซี่เรียกยากมาก เกือบได้แว๊นไปแล้ว ไปถึงคนมหาศาลเลยจร้า นี่เลยได้เคาท์ดาวน์กับแม่ทางวิดีโอคอล ตอนรอแถวloadกระเป๋า (check-inล่วงหน้า ไม่ได้ช่วยไรเลอ นอกจากได้ที่นั่งติดกัน) *เบะปาก มองบน*
01JAN2016
09.40 ก็แลนดิ้ง ณ แดนเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยฮ่ะ นั่งshuttle train ไปยังด่านวัดใจของเราคือ ตม.ที่เขาร่ำลือกันว่าโหดนะเฟร้ย แถมมีคนในแถวก่อนๆหน้าโดนส่งตัวเข้าห้องเย็นให้เห็นจะๆ แต่ถามว่านี่กลัวมั้ย? ก็ไม่ฮ่ะ ก็คนมันบริสุทธิ์ใจ จะมาเที่ยวอ่ะ นี่คิดเลยนะ ถ้า ตม.ถามว่าทำไมมาเกาหลี จะบอกว่า มาตามรอยซีรีย์ Let's eat ฮ่าาา พอถึงคิวก็ไม่มีไรนะ นางเรียกดิฉันเข้าซ่อง เอ๊ยยย เข้าช่อง นี่ก็เซย์ไฮก่อนเลย แล้วก็ยืนส่งยิ้มเย็นๆ ถอดแว่น ถ่ายรูปแชะ นางก็สแตมป์ปึ้ง ผ่านจ่ะ ไม่ถงไม่ถามซ้ากคำ (ปอลิง.เพื่อนเอาเอกสารทุกอย่างใส่กระเป๋าให้เป็นยันต์กัน ตม. แบบบุ๊คกิ้งขากลับ/ใบจองเกสท์เฮาส์/แพลนท่องเที่ยว บลาๆ >> ถามว่าทำไมเพื่อนห่วง เพราะตอนนี้เราเป็นบุคคลว่างงาน อยู่บ้านเฉยๆ เรียนป.โท นางเลยกลัวว่า ตม.จะคิดว่านี่จะมาเก็บสตรอเบอรี่ขายมั้ง 555+)
กว่าจะลากกระเป๋าไปถึงเกสท์เฮาส์ โน่นนี่นั่นเสร็จ ปาไปบ่ายกว่า (เราพักที่ Hello Stranger Guesthouse ของน้องดาว เจ้าของเพจแม่บ้านเกาหลีมือใหม่ ห้องพักสะอาด ห้องน้ำสะอาด ของกินรอบบ้าน ไปเที่ยวผับเดินกลับได้ ใกล้สถานีอีก คือดีอ่ะ)
(ขอหยิบรูปจากในเพจค่ะ เพราะที่ถ่ายไว้ไปไหนไม่รู้)
ตอนแรกกะไปกินร้านข้าวใกล้บ้าน ปรากฏว่าอาจอชี่โบกมือใส่เราใหญ่ เดาเอาว่ายังไม่ขาย เลยงอนพากันแบกท้องกิ่วไปเมียงดง ร้านอร่อยร้านประจำของนู๋ต่าย คือดีงามมมมมมม ข้าวผัดกิมจิอร่อยมาก แกงกิมจิร้อน และอุด้งใส่มันดู คืออร่อยทุกอย่าง กินกันเกลี้ยง
อิ่มท้องเสร็จไปแวะตามช๊อปตามออเดอร์สาวๆทั้งหลายที่ฝากมา เดินไปเดินมาขอจัดสตรอเบอรี่มาสักถ้วย อหหหหหห ลูกโตๆ หวาน ฉ่ำ กรอบ หอม อร่อย จริงๆครัชท่านผู้โชมมมมม 4000วอน นี่คุ้มอ่ะ
ช๊อปเสร็จก็กลับไปฮงแด เดินผ่านร้านขนมปังใส่ไข่ที่เขาเรียก เครันปัง
เราสะกิดเพื่อนเลย เฮ้ยยยย อันนี้ๆอยากกิน ระหว่างที่เรากะลังเถียงกันว่า2ถาดนี้มันเหมือน-ไม่เหมือนกันยังไง อปป้านางพูดไทยขึ้นมาเลยว่า อันนี้ข่าย(ไข่) *มือชี้ไปกระทะแรก* อันนี้ชีสสึ*ชี้ไปกระทะข้างๆ* ชีสสึอาหร่อยนะ อาหร่อย!! ชะนีแทบขำกร๊าก อปป้าว่าดี หนูก็จะกิน
เข้าปากปั๊บ โหวววววววววว มันดีอ่ะ เหมือนขนมโตเกียวใส่ไข่แบบไม่ใส่ซอส คือแป้งข้างล่างเหมือนแป้งขนมโตเกียวหวานๆหน่อย ตรงกลางเป็นไข่แบบสุกเลย ด้านบนเป็นชีสเค็มนิดๆ รวมกันคือดีงามพระรามเก้า
เดินไปกินไปจนสุดทาง ข้ามถนนไปหน้า ม.ฮงอิก จัดไฟสวยมาก ในขณะที่อิฉันถ่ายรูปอยู่นั้น คุณเพื่อนก็ถูกคู่รักเกาหลีวานให้ถ่ายรูปให้ แหม่~ไม่สงสารชะนีโสดเลอ ชริ!!
จุดนี้เราได้เจอกับตุ๊กตาตัวใหญ่ของร้านช๊อคโกแลตมานั่งตากลมหนาว เลยตั้งท่าจะถ่ายรูปให้นู๋ต่าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ทันใดนั้น...เรารู้สึกเหมือนมีอะไรมาโดนขา ก้มลงมอง อ้าว..เชี่ยยยย กระดาษห่อไอติมวาฟเฟิลมาโดนขาได้ไง (เรื่องคือ ตอนที่จะยกกล้องอยู่ มีอิอปป้ากลุ่มนนึงเดินผ่าน แล้วหนึ่งในนั้นโยนห่อวาฟเฟิลใส่ไอติมลงใส่ลังกระดาษใกล้ๆที่เรายืน คือมันคงโยนแรงไง๊ วาฟเฟิลอ่ะลงกล่อง แต่กระดาษห่ออ่ะปลิวมาโดนขาตรู) อหหหหหห นี่ของขึ้นเลยนะ หันขวับด้วยความโมโหจ้องมันทั้งกลุ่มเลย นี่คิดเลยว่า ถ้าใน10วิ เอ็งไม่หันมาขอโทษ .....เจอแน่ นับในใจถึงแค่5 หนึ่งในกลุ่มนั้นหันขวับมาทางเราแล้วพูดภาษาเกาหลีพร้อมผงกหัวขึ้นลงๆ นี่เลยเดาเอาว่านางคงขอโทษแทนเพื่อน เลยใจเย็นลงหน่อย (คือเกาหลีอ่ะ หาถังขยะยากมากกกกกกกกกก ถ้าไม่ใช่ตามสถานี/ร้านสะดวกซื้อ/ร้านอาหาร แล้วแบบถ้าตรงไหนมีกล่องๆลังๆวางอยู่ ทุกคนก็จะแบบเอาขยะมาทิ้งสุมๆไว้เลยอ่ะ พวกแก้วกาแฟ/ขนมกินไม่หมดไรงี้)
สามทุ่มนิดๆก็เลยชวนเพื่อนเดินไปเก็บมิสชันคือ ผับ NB2 จร้า ตอนเราไปถึงแถวก็ยาวแล้วนะ พอใกล้ถึงคิวเรา เราหันหลังกลับไปดู อหหหห แถวยาวมากกกก
ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้าได้ป่ะวะ คือถ้า+ตามเกาหลีนี่เกือบจะเกินแล้วนะ anyway พี่การ์ดตรวจพาสปอร์ตเสร็จ ฮีก็ปล่อยเราเข้าไปเสียตังค์10000วอน ค่าเข้าไปลัลล้า ที่นี่จะเอาwristbandกระดาษสวมให้ พร้อมสแตมป์แขน(อันนี้ก็เหมือนบ้านเราแหละ) พร้อมคูปองแลกดริ๊งค์ (เอาจริงก็เสียตังค์เพิ่มแหละ เพราะอิคูปองอ่ะมันจะแลกได้แบบโค้ก/น้ำเปล่า/ ถ้าจะแอลกอฮอล์ก็ต้อง+3000/4000/5000วอนแล้วแต่ชนิดอยู่ดี)
อ่อ...ผับที่นี่จะออกแนวอยู่ใต้ดินนะ เพราะฉะนั้นจะต้องเดินวนๆลงบันไดไปหลายชั้นหน่อย เข้าไปปุ๊บ อย่างNB2นี่ ซ้ายมือคือจุดฝากเสื้อโค้ท เสื้อกันหนาวและห้องน้ำ พนง.จะให้ถุงหลุยส์สายรุ้งเรามา1ใบ เราก็ยัดทุกสิ่งอย่างลงในนั้น จ่ายตังค์ค่าฝาก ฮีจะถามชื่อแล้วเขียนชื่อเราลงบนสติ๊กเกอร์ แล้วแปะบนถุงอีกที แล้วฮีจะเอาwristbandยางดำที่มีหมายเลขถุงของเรา มาสวมให้เรา จากนั้นก็ไปแลกดริ๊งค์+ลัลล้าตามอัธยาศัยฮ่ะ (ข้อควรระวังคือ ถุงหลุยส์สายรุ้งฝากแล้ว ห้ามมารื้ออีกรอบนะจ๊ะ ไม่งั้นจะต้องเสียตังค์ค่าฝากเพิ่ม ฉะนั้นคิดก่อนนะยูว ว่าจะยัดอะไรลงไป เพราะเอาคืนได้ครั้งเดียวคือตอนกลับอ่ะ เข้าไปอ่ะรู้ว่าเครื่องยังไม่ร้อน แต่ถ้าเหล้าเข้าปาก ไปออกสเต็ปแด๊นซ์ คนก็นัวๆแน่นๆ มีเหงื่อท่วมนะจ๊ะ พี่ขอเตือน
เอาบรรยากาศมาฝาก
NB2เป็นไงเหรอ...ก็สไตล์ผับนักศึกษาอ่ะ จะหางานเกรดพรีเมียมคงยากหน่อย แต่งานเกรดดีก็มีนะยูววว ใสๆวัยรุ่นชอบไรงี้ นี่ก็จัดเต็มถึงไม่หนักเท่าที่ไทย(มันหนาวไง๊!555+) และเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเหล่าอปป้าจู่โจม นี่หันหลังชนกำแพงเลยจร้า 555+ แต่ก็ไม่วาย มีอปป้ามายืนเกาะราวรอสบตา(นี่ทำเป็นไม่เห็น เพราะถ้าสบตาปุ๊บ โดนชาร์จแน่ๆ) ผู้เกาหน้าใสที่ตอนแรกนัวกะเพื่อนอยู่ดีๆก็มาสีพี่ซะงั้น แถมด้วยชะนีหมีเกาที่มาเบียดบัง จนพี่กับเพื่อนต้องไฟท์กลับพร้อมfree style rapดิสกลับ อิ่มหนำสำราญกันแล้ว(???) เราก็เดินกลับบ้านกันอย่างมีความสุขฮ่ะ~~
02JAN2016
ตื่นมาแบบมึนๆกินเบรคฟาสต์เสร็จ กว่าจะโต๋เต๋ออกจากบ้าน ก็หิวอีกแระ มื้อนี้ตามใจเพื่อนซะหน่อย เพื่อนอยากกินปลาหมึกผัดเผ็ด เราเลยสั่งปลาหมึกผัดเผ็ดกับหมูสามชั้น อหหหหหหห คือดีงามพระรามเก้าอีกแล้วข่าาาาาา ปลาหมึดสดมาก ไม่เหนียวเลย คนไม่ชอบกินปลาหมึกอย่างพี่ยังติดใจ รสชาติแบบเหมือนปลาหมึกผักพริกแกงแต่ออกหวานหน่อยๆ คือถึงขั้นขูดกระทะกันเลย
เนื่องจากพี่เป็นสายเสพย์งานอาร์ต วันนี้เราเลยแพลนจะไป Naksan Park กันฮ่ะ นั่งรถไฟไปถึงเราก็เริ่มเดินกัน ระหว่างทางก้มีการถ่ายรูปเป็นระยะเนื่องจากกำแพงแถวนี้จะมีรูปวาดสวยๆอยู่เยอะแยะเลย แนะนำว่าให้เตรียมใจและกำลังขานิดนึงนะ งานเดินจริงจิ๊งงงงงง คุณผู้โช๊มมมมมมม ที่ราบน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเนิน เนินและเนิน ที่ระดับความลาดชันนั้น พี่นี่ยอมใจกับชะนีเกาผู้ที่ใส่ส้นสูงมาเดินเลยฮ่ะ รวมถึงชาวเกาหลีผู้ที่ขับรถขึ้นลง เลี้ยวหักศอก ช่องแคบมะละกาและทางคดเคี้ยว โอ๊วเย่!!
คุณเพื่อนร้องขอการแวะพักขาที่สวนสักครู่ ถึงจุดนี้ ก็ใกล้ถึงแล้วนะ ด้วยความที่มาวันเสาร์เราจึงได้เจอกับมวลมหาชนที่มาถ่ายรูป ทำให้ต้องทำใจเย็นและรอจังหวะเก็บภาพที่ต้องการแบบไม่มีแบ๊คกราวด์มนุษย์ (อย่างไรก็ตาม จุดนี้ คุณเพื่อนได้พบกับดีเจพุฒิที่นางชื่นชอบ ปรบมือให้นาง3ที)
แถวนี้เป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่นะจ๊ะ ฉะนั้นอย่าไปทำอึกทึกกันเชียว เกรงใจเขาบ้าง ถ่ายรูปเสร็จ ก็เขยิบไปเช็ครูปกันขอบๆข้างๆ อย่าไปยืนขวางคนอื่นนะจ๊ะ แบ่งๆกันถ่ายเนอะ
[CR] :: S E O U L chillax :: ปีใหม่ไปโซล 2016 (กิน-เที่ยว-กลิ้งสกี-ดริ๊งค์โซจู)
กลับมาแล้วฮ่ะ....เสร็จสิ้นกันไปกับทริปเกาหลีรับปีใหม่ นี่ว่าจะกลับมารีบบันทึกความจำซะหน่อย คอมดันน๊อคไปดื้อๆ ตอนนี้โอเคแระ นางฟื้นคืนชีพด้วยWindows10 *ฮาเลลูยาาาาาา*
*นี่เป็นบันทึกจากเหตุการณ์จริง ดังนั้นอาจมีคำหยาบที่ไม่เหมาะกับเยาวชนฮ่ะ*
*นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรก ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ*
*เนื้อหาค่อนข้างยาวและเยอะ*
คร่าวๆเลย คือ...อยากไปเล่นหิมะ ไม่เคยเห็นหิมะจริงๆ(ยกเว้นดรีมเวิร์ลนะ อันนั้นเหมือนตู้ฟรีซปลา 555+) ที่นี้ใกล้สุดก็เกาหลี ตกลงมัดมือชกเสร็จผู้ร่วมทริปอีก1คนถ้วนคือนู๋ต่าย (นางไปบ่อย นางรอบรู้ นางใจเย็น นางไม่เรื่องมาก และนางมีความอดทน...สูงงงง) จัดการซื้อตั๋ว จองที่พัก ตั้งแต่ต้นปีจนในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง....
31DEC2015
ไฟลท์บินประมาณตีสองกว่า เราเลยกะว่าจะไปถึงดอนเมืองสัก5ทุ่ม แต่เนื่องจากเป็นคืนวันสิ้นปี แท๊กซี่เรียกยากมาก เกือบได้แว๊นไปแล้ว ไปถึงคนมหาศาลเลยจร้า นี่เลยได้เคาท์ดาวน์กับแม่ทางวิดีโอคอล ตอนรอแถวloadกระเป๋า (check-inล่วงหน้า ไม่ได้ช่วยไรเลอ นอกจากได้ที่นั่งติดกัน) *เบะปาก มองบน*
01JAN2016
09.40 ก็แลนดิ้ง ณ แดนเกาหลีเป็นที่เรียบร้อยฮ่ะ นั่งshuttle train ไปยังด่านวัดใจของเราคือ ตม.ที่เขาร่ำลือกันว่าโหดนะเฟร้ย แถมมีคนในแถวก่อนๆหน้าโดนส่งตัวเข้าห้องเย็นให้เห็นจะๆ แต่ถามว่านี่กลัวมั้ย? ก็ไม่ฮ่ะ ก็คนมันบริสุทธิ์ใจ จะมาเที่ยวอ่ะ นี่คิดเลยนะ ถ้า ตม.ถามว่าทำไมมาเกาหลี จะบอกว่า มาตามรอยซีรีย์ Let's eat ฮ่าาา พอถึงคิวก็ไม่มีไรนะ นางเรียกดิฉันเข้าซ่อง เอ๊ยยย เข้าช่อง นี่ก็เซย์ไฮก่อนเลย แล้วก็ยืนส่งยิ้มเย็นๆ ถอดแว่น ถ่ายรูปแชะ นางก็สแตมป์ปึ้ง ผ่านจ่ะ ไม่ถงไม่ถามซ้ากคำ (ปอลิง.เพื่อนเอาเอกสารทุกอย่างใส่กระเป๋าให้เป็นยันต์กัน ตม. แบบบุ๊คกิ้งขากลับ/ใบจองเกสท์เฮาส์/แพลนท่องเที่ยว บลาๆ >> ถามว่าทำไมเพื่อนห่วง เพราะตอนนี้เราเป็นบุคคลว่างงาน อยู่บ้านเฉยๆ เรียนป.โท นางเลยกลัวว่า ตม.จะคิดว่านี่จะมาเก็บสตรอเบอรี่ขายมั้ง 555+)
กว่าจะลากกระเป๋าไปถึงเกสท์เฮาส์ โน่นนี่นั่นเสร็จ ปาไปบ่ายกว่า (เราพักที่ Hello Stranger Guesthouse ของน้องดาว เจ้าของเพจแม่บ้านเกาหลีมือใหม่ ห้องพักสะอาด ห้องน้ำสะอาด ของกินรอบบ้าน ไปเที่ยวผับเดินกลับได้ ใกล้สถานีอีก คือดีอ่ะ)
(ขอหยิบรูปจากในเพจค่ะ เพราะที่ถ่ายไว้ไปไหนไม่รู้)
ตอนแรกกะไปกินร้านข้าวใกล้บ้าน ปรากฏว่าอาจอชี่โบกมือใส่เราใหญ่ เดาเอาว่ายังไม่ขาย เลยงอนพากันแบกท้องกิ่วไปเมียงดง ร้านอร่อยร้านประจำของนู๋ต่าย คือดีงามมมมมมม ข้าวผัดกิมจิอร่อยมาก แกงกิมจิร้อน และอุด้งใส่มันดู คืออร่อยทุกอย่าง กินกันเกลี้ยง
อิ่มท้องเสร็จไปแวะตามช๊อปตามออเดอร์สาวๆทั้งหลายที่ฝากมา เดินไปเดินมาขอจัดสตรอเบอรี่มาสักถ้วย อหหหหหห ลูกโตๆ หวาน ฉ่ำ กรอบ หอม อร่อย จริงๆครัชท่านผู้โชมมมมม 4000วอน นี่คุ้มอ่ะ
ช๊อปเสร็จก็กลับไปฮงแด เดินผ่านร้านขนมปังใส่ไข่ที่เขาเรียก เครันปัง
เราสะกิดเพื่อนเลย เฮ้ยยยย อันนี้ๆอยากกิน ระหว่างที่เรากะลังเถียงกันว่า2ถาดนี้มันเหมือน-ไม่เหมือนกันยังไง อปป้านางพูดไทยขึ้นมาเลยว่า อันนี้ข่าย(ไข่) *มือชี้ไปกระทะแรก* อันนี้ชีสสึ*ชี้ไปกระทะข้างๆ* ชีสสึอาหร่อยนะ อาหร่อย!! ชะนีแทบขำกร๊าก อปป้าว่าดี หนูก็จะกิน
เข้าปากปั๊บ โหวววววววววว มันดีอ่ะ เหมือนขนมโตเกียวใส่ไข่แบบไม่ใส่ซอส คือแป้งข้างล่างเหมือนแป้งขนมโตเกียวหวานๆหน่อย ตรงกลางเป็นไข่แบบสุกเลย ด้านบนเป็นชีสเค็มนิดๆ รวมกันคือดีงามพระรามเก้า
เดินไปกินไปจนสุดทาง ข้ามถนนไปหน้า ม.ฮงอิก จัดไฟสวยมาก ในขณะที่อิฉันถ่ายรูปอยู่นั้น คุณเพื่อนก็ถูกคู่รักเกาหลีวานให้ถ่ายรูปให้ แหม่~ไม่สงสารชะนีโสดเลอ ชริ!!
จุดนี้เราได้เจอกับตุ๊กตาตัวใหญ่ของร้านช๊อคโกแลตมานั่งตากลมหนาว เลยตั้งท่าจะถ่ายรูปให้นู๋ต่าย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สามทุ่มนิดๆก็เลยชวนเพื่อนเดินไปเก็บมิสชันคือ ผับ NB2 จร้า ตอนเราไปถึงแถวก็ยาวแล้วนะ พอใกล้ถึงคิวเรา เราหันหลังกลับไปดู อหหหห แถวยาวมากกกก
ตอนแรกก็คิดว่าจะเข้าได้ป่ะวะ คือถ้า+ตามเกาหลีนี่เกือบจะเกินแล้วนะ anyway พี่การ์ดตรวจพาสปอร์ตเสร็จ ฮีก็ปล่อยเราเข้าไปเสียตังค์10000วอน ค่าเข้าไปลัลล้า ที่นี่จะเอาwristbandกระดาษสวมให้ พร้อมสแตมป์แขน(อันนี้ก็เหมือนบ้านเราแหละ) พร้อมคูปองแลกดริ๊งค์ (เอาจริงก็เสียตังค์เพิ่มแหละ เพราะอิคูปองอ่ะมันจะแลกได้แบบโค้ก/น้ำเปล่า/ ถ้าจะแอลกอฮอล์ก็ต้อง+3000/4000/5000วอนแล้วแต่ชนิดอยู่ดี)
อ่อ...ผับที่นี่จะออกแนวอยู่ใต้ดินนะ เพราะฉะนั้นจะต้องเดินวนๆลงบันไดไปหลายชั้นหน่อย เข้าไปปุ๊บ อย่างNB2นี่ ซ้ายมือคือจุดฝากเสื้อโค้ท เสื้อกันหนาวและห้องน้ำ พนง.จะให้ถุงหลุยส์สายรุ้งเรามา1ใบ เราก็ยัดทุกสิ่งอย่างลงในนั้น จ่ายตังค์ค่าฝาก ฮีจะถามชื่อแล้วเขียนชื่อเราลงบนสติ๊กเกอร์ แล้วแปะบนถุงอีกที แล้วฮีจะเอาwristbandยางดำที่มีหมายเลขถุงของเรา มาสวมให้เรา จากนั้นก็ไปแลกดริ๊งค์+ลัลล้าตามอัธยาศัยฮ่ะ (ข้อควรระวังคือ ถุงหลุยส์สายรุ้งฝากแล้ว ห้ามมารื้ออีกรอบนะจ๊ะ ไม่งั้นจะต้องเสียตังค์ค่าฝากเพิ่ม ฉะนั้นคิดก่อนนะยูว ว่าจะยัดอะไรลงไป เพราะเอาคืนได้ครั้งเดียวคือตอนกลับอ่ะ เข้าไปอ่ะรู้ว่าเครื่องยังไม่ร้อน แต่ถ้าเหล้าเข้าปาก ไปออกสเต็ปแด๊นซ์ คนก็นัวๆแน่นๆ มีเหงื่อท่วมนะจ๊ะ พี่ขอเตือน
เอาบรรยากาศมาฝาก
NB2เป็นไงเหรอ...ก็สไตล์ผับนักศึกษาอ่ะ จะหางานเกรดพรีเมียมคงยากหน่อย แต่งานเกรดดีก็มีนะยูววว ใสๆวัยรุ่นชอบไรงี้ นี่ก็จัดเต็มถึงไม่หนักเท่าที่ไทย(มันหนาวไง๊!555+) และเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเหล่าอปป้าจู่โจม นี่หันหลังชนกำแพงเลยจร้า 555+ แต่ก็ไม่วาย มีอปป้ามายืนเกาะราวรอสบตา(นี่ทำเป็นไม่เห็น เพราะถ้าสบตาปุ๊บ โดนชาร์จแน่ๆ) ผู้เกาหน้าใสที่ตอนแรกนัวกะเพื่อนอยู่ดีๆก็มาสีพี่ซะงั้น แถมด้วยชะนีหมีเกาที่มาเบียดบัง จนพี่กับเพื่อนต้องไฟท์กลับพร้อมfree style rapดิสกลับ อิ่มหนำสำราญกันแล้ว(???) เราก็เดินกลับบ้านกันอย่างมีความสุขฮ่ะ~~
02JAN2016
ตื่นมาแบบมึนๆกินเบรคฟาสต์เสร็จ กว่าจะโต๋เต๋ออกจากบ้าน ก็หิวอีกแระ มื้อนี้ตามใจเพื่อนซะหน่อย เพื่อนอยากกินปลาหมึกผัดเผ็ด เราเลยสั่งปลาหมึกผัดเผ็ดกับหมูสามชั้น อหหหหหหห คือดีงามพระรามเก้าอีกแล้วข่าาาาาา ปลาหมึดสดมาก ไม่เหนียวเลย คนไม่ชอบกินปลาหมึกอย่างพี่ยังติดใจ รสชาติแบบเหมือนปลาหมึกผักพริกแกงแต่ออกหวานหน่อยๆ คือถึงขั้นขูดกระทะกันเลย
เนื่องจากพี่เป็นสายเสพย์งานอาร์ต วันนี้เราเลยแพลนจะไป Naksan Park กันฮ่ะ นั่งรถไฟไปถึงเราก็เริ่มเดินกัน ระหว่างทางก้มีการถ่ายรูปเป็นระยะเนื่องจากกำแพงแถวนี้จะมีรูปวาดสวยๆอยู่เยอะแยะเลย แนะนำว่าให้เตรียมใจและกำลังขานิดนึงนะ งานเดินจริงจิ๊งงงงงง คุณผู้โช๊มมมมมมม ที่ราบน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเนิน เนินและเนิน ที่ระดับความลาดชันนั้น พี่นี่ยอมใจกับชะนีเกาผู้ที่ใส่ส้นสูงมาเดินเลยฮ่ะ รวมถึงชาวเกาหลีผู้ที่ขับรถขึ้นลง เลี้ยวหักศอก ช่องแคบมะละกาและทางคดเคี้ยว โอ๊วเย่!!
คุณเพื่อนร้องขอการแวะพักขาที่สวนสักครู่ ถึงจุดนี้ ก็ใกล้ถึงแล้วนะ ด้วยความที่มาวันเสาร์เราจึงได้เจอกับมวลมหาชนที่มาถ่ายรูป ทำให้ต้องทำใจเย็นและรอจังหวะเก็บภาพที่ต้องการแบบไม่มีแบ๊คกราวด์มนุษย์ (อย่างไรก็ตาม จุดนี้ คุณเพื่อนได้พบกับดีเจพุฒิที่นางชื่นชอบ ปรบมือให้นาง3ที)
แถวนี้เป็นบ้านที่มีคนอาศัยอยู่นะจ๊ะ ฉะนั้นอย่าไปทำอึกทึกกันเชียว เกรงใจเขาบ้าง ถ่ายรูปเสร็จ ก็เขยิบไปเช็ครูปกันขอบๆข้างๆ อย่าไปยืนขวางคนอื่นนะจ๊ะ แบ่งๆกันถ่ายเนอะ