สวัสดีค่ะชาวพันทิป เวลาไปเที่ยวทุกครั้งก็จะเข้ามาอ่านห้องบลูฯ ในวันนี้อยากตอบแทนบ้าง โดยการเขียนรีวิวนี้ขึ้นมา เผื่อข้อมูลจะมีประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง
เริ่มต้นเลยละกันนะค่ะ ในวันที่ 5-10 ธันวาคม 2558 ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 10 คน ตอนขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ แต่พอขากลับเหลือ 4 คน ถ้าอ่านจนจบจะรู้ว่าหายไปไหน ขาไปเดินทางด้วยเครื่องบิน Lion Air ไปลงอุดรฯ จากนั้นนั่งรถตู้ต่อเข้าเมืองราคาคนละ 80 บาท รถตู้นั่งได้ทั้งหมด 15 คนนะค่ะ ถ้าไปหนองคายคิดคนละ 200 บาท แต่ถ้ามากันน้อยก็สามารถนั้งแท็กซี่ไปในตัวเมืองอุดรได้ เหมาคันละ 200 บาท เราจึงเลือกนั่งแท็กซี 2 คัน คันละ 5 คนค่ะ คุ้มกว่า ตกคนละ 40 บาท
วิธีการเดินทางของเรา
สนามบินอุดร -> สถานีขนส่งอุดรฯ -> หนองคาย -> วังเวียง
พอไปถึงสถานีขนส่งอุดรฯ เวลาประมาณ 8.30 น. รถทัวร์ที่ไปวังเวียงหมดแล้ว เราจึงไม่ถามราคามา แต่ถูกมากค่ะ พนักงานแนะนำให้นั่งรถตู้ไปชายแดนที่หนองคาย แล้วหารถต่อไปลาว เราไม่มีทางเลือกจึงไปขึ้นรถตู้อยู่ด้านข้างสถานีขนส่ง ราคาคนละ 50 บาท ระหว่างทางได้ถามคนขับรถตู้ พี่เค้าเลยจะพาไปหารถต่อ พอใกล้ๆ ถึงด่านชายแดนหนองคาย คนขับรถแวะร้านทัวร์แถวๆ นั้น แล้วเรียกเราลงไปตกลงเรื่องราคา สรุปได้รถตู้ไปวังเวียงเลย เหมาคันละ 4,000 บาท นั่งได้ 15 คน ในรถตู้มีน้องอีกกลุ่มมาด้วย 5 คน น้องเค้าตัดสินใจไปด้วย รวมกลุ่มเราด้วยเป็น 15 คน ตกคนละ 270 บาท รถตู้ไทยไปส่งที่ชายแดนฝั่งลาว แล้วมีรถตู้ลาวมารับต่อ ให้เราลงไปทำเรื่องผ่านแดน คนละ 55 บาท ถ้ามีพลาสปอร์ดนะคะ แต่ถ้าเป็นเอกสารผ่านแดนชั่วคราวจะแพงกว่านี้ วิธีการหลายขั้นตอน คือ ต้องไปซื้อบัตรก่อนแล้วจึงไปผ่าน ตม. แถวยาวทั้งคู่ ตอนที่เราต่อแถวซื้อบัตรผ่าน อยู่ๆเจ้าหน้าที่ช่องเราก็ไปพัก ไล่ให้แถวเราไปต่อแถวใหม่ เลยเสียเวลานาน (คนเค้าชิวอ่ะ ต้องเข้าใจ)
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางขาไป
แท็กซีจากสนามบินอุดร ไปสถานีขนส่ง 40 บาท
รถตู้จากสถานีขนส่งอุดร ไปชายแดนที่หนองคาย 50 บาท
รถตู้จากชายแดนที่หนองคายไปวังเวียง 270 บาท
ค่าผ่านด่านเข้าลาวในวันเสาร์ 55 บาท
รวม 415 บาท
พอได้ขึ้นรถตอน 12.15 น. คนขับรถจึงพาไปทานข้าวกลางวันที่ร้าน เฝอสุมุนทา อร่อยมากสำหรับอาหารมื้อแรกที่ลาว
เฝอหมู
เฝอเนื้อ
ลาบหมูแยกพริก
ทุกโต๊ะจะได้ผักเครื่องเคียงด้วยค่ะ
ค่าเสียหายมื้อนี้คนละ 36,500 กีบ ประมาณ 160 บาท
จากนั้นก็ออกเดินทางไปวังเวียง เวลา 13.00 น. เราหลับตลอดทางเพราะกินยาแก้เมารถ ถนนแย่มากๆ เป็นหลุมใหญ่ตลอดทาง หลับๆ อยู่หัวก็ชนกระจก ถึงวังเวียงเวลา 17.20 น. คนขับรถก็แวะส่งทุกคนที่โรงแรม เราพักที่โรงแรม Hotel Vilayvong แถวริมแม่น้ำ
ด้านหน้าของโรงแรม
แนะนำให้อยู่ชั้นสูงๆ วิวสวยมาก มีระเบียงดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่ไวไฟในห้องใช้ไม่ได้เลย ต้องลงมาใช้ที่ล็อบบี้
วิวตอนเช้าสวนจนบรรยายไม่ถูก
ภาระกิจของวันนี้
1. หารถไปหลวงพระบางในวันที่ 7/12/15 ทั้งหมด 8 คน
2. หาซื้อทัวร์กิจกรรม One day Trip สำหรับวันพรุ่งนี้
3. หาซื้อ SIM โทรศัพท์
4. หารถกลับไปเวียงจันทร์ เพื่อกลับกรุงเทพฯ สำหรับ 2 คนที่เหลือ ในวันที่ 7/12/15
เนื่องจากเพื่อน 2 คนเคยไปหลวงพระบางแล้วจึงขอกลับก่อน
ประมาณ 18.30 น. ก็ออกไปเดินหาภาระกิจด้านบน และไปทานข้าวเย็นที่ร้านธนชัย (ดูรีวิวจากในหนังสือ) ระหว่างทางเจอร้านขายทัวร์เยอะมาก แต่ร้านนี้ถูกที่สุดตั้งแต่ถามมาค่ะ แต่ต้องต่อราคานะ ตอนแรกบอกเรา 200,000 กีบ ต่อไปต่อมาเหลือคนละ 120,000 กีบ ราคานี้ซื้อรวมกัน 10 คนนะคะ นอกจากได้ภาระกิจที่ 2 แล้ว ยังได้ภาระกิจที่ 1 และที่ 4 ด้วย แต่จำราคาไม่ได้ ขออภัยด้วย
ต่อจากนั้นก็เดินหาซื้อ SIM มีขายที่ร้านขายของชำทั่วๆไป เราเลือกซื้อ SIM net LAO TARACOM ราคา 20,000 กีบ เติมเงินอีก 5,000 กีบ เจ้าของร้านขายของชำโทรไปลงทะเบียนให้ด้วย แต่ก็ยังใช้การไม่ได้ จึงโทรเข้า Cell Center อีกรอบจึงทราบวิธีตั้งค่า
วิธีการตั้งค่าการใช้สัญญาณ LAO TARACOM
ไปที่ตั้งค่า -> เครือข่ายเพิ่มเติม -> เครือข่ายมือถือ -> ชื่อแอคเซสพอยท์ -> พิมพ์คำว่า "itc net" 3 ตำแหน่ง ที่ชื่อ, APN, พร็อกซี จากนั้นให้กดบันทึก
หลังจากโทรกลับบ้านได้แล้ว ก็เดินต่อไปที่ร้านธนชัย สั่งอาหารตามด้านล่างเลยค่ะ เป็นเงินทั้งหมด 513,000 กีบ
1. ผัดเต้าหู้ 2 จาน
2. ปลานิลทอดกระเทียม 1 จาน
3. ไก่บ้านย่าง 2 จาน
4. ส้มตำบักหุ่ง 2 จาน
5. ไข่เจียวหมูสับ 1 จาน
6. ต้มแซ่บซี่โครงหมู 1 จาน
กินข้าวเสร็จก็ต้องต่อด้วยของหวาน ที่ร้านหลวงพระบางเบเกอรี่ ชีสเค้กราคาประมาณ 30,000 บาท แพงสุดในร้าน
อิ่มจนแทบเดินไม่ไหว ต้องออกกำลังกายก่อนนอนสักหน่อย เลยตรงต่อไปที่ซากุระบาร์ เป็นผับดีๆ นี่เอง มันส์สุดๆ มีแต่ฝรั่งหล่อๆ กับกระเทยไทย ชะนีขอไม่กล่าวถึง พวกเราซื้อเบียร์กันคนละขวด ราคา 20,000 กีบ ยืนเต้นอยู่ดีๆ ก็มีหญิงไทยเดินอ้วกมาอยู่ใกล้ๆ ทุกคนในผับแหวกทางให้นางทันที เดินไปอ้วกไป พวกเรากลับเลย ดีนะไม่มีใครโดนลูกหลง
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2558
ตื่น 7 โมงเช้า เพราะรถที่จะพาไป One Day Trip จะมารับ 8.50 น. รถจะไปรับทุกคน ทุกโรงแรม นั่งได้ทั้งหมด 15 คน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม อาหารไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไหร่ เราอาจจะเป็นคนเรื่องมากนะ เพราะพี่ที่ไปด้วยกันกินทุกอย่างเยอะมากจนน่าตกใจ อาหารก็จะมีไข่ดาว ผัดมาม่ากับผัก ผัดหมี่เหลืองกับผัก ขนมปังฝรั่งเศษ ข้าวต้ม
เรามาถึงหน้าโรงแรม 8.50 น. พอดี รถออกไปแล้ว ไม่รอกันเลย อีกสักครู่รถก็กลับมารับใหม่ เมื้อกี้วนไปรับคนที่โรงแรมอื่นก่อน นั่งไปเกือบชั่วโมงก็ถึงทางเข้าถ้ำน้ำค่ะ ถามพี่คนขับว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้าง พี่คนขับบอกมีกิจกรรมตามด้านล่างนี้เลยค่ะ
1. นั่งห่วงยางลอดเข้าไปในถ้ำน้ำ
2. ถ้ำช้าง อยู่ด้านหน้าถ้ำน้ำ
3. พายเรือแคนนู
4. บลูลากูน
คนขับรถจะมีไกด์มาด้วยอีก 1 คน พอลงรถพี่เค้าก็แจกน้ำ เสื้อชูชีพ และถุงกันน้ำ ไม่ต้องพกไปเองนะคะ ถ้าใครจะเอากล้องถ่ายรูปไปก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องจะเปียกน้ำ เพราะสามารถใช่ถุงกันน้ำได้ หรือไม่ก็ฝากคนอื่นที่ไม่เล่นก็ได้ มีจุดเสี่ยงจุดเดียวที่ต้องพกติดตัวคือตอนพายเรือแคนนู เพราะไม่ได้กลับมาจุดเดิม รถตามน้ำไป 7 กิโลเมตร แล้วรถจะไปรับที่ปลายทาง ซึ่งต้องเอากล้องใส่ถุงกันน้ำและผูกไว้กับเรือ ที่อธิบายยาวก็เนื่องจากเราไม่ได้เอากล่องใหญ่ไป มีแต่มือถือเลยเสียดายเพราะวิวสวยมากๆค่ะ
พอเตรียมตัวพร้อมก็ออกเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงปากถ้ำ ทุกคนต้องนั่งห่วงยางและจับเชือกไปเรื่อยๆ เพราะเพดานถ้ำบริเวณปากทางเข้าต่ำมาก น้ำเย็นเหมือนน้ำแข็งเพิ่งละลาย ทำเอาเด็กเล็กร้องไห้มาแล้ว ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยนิดหน่อย ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
ระหว่างทางเดินไปถ้ำ
พอออกจากถ้ำก็เห็นไกด์กำลังย่างบาร์บีคิวให้พวกเราทานเป็นอาหารกลางวัน พวกเราจึงยืนผิงไฟแก้หนาวสั่นกัน แถวนั้นก็มีห้องน้ำให้เข้าแต่เสียเงิน 5,000 กีบ เป็นส้วมหลุมนะคะ
เมื่ออิ่มแล้วก็เดินทางต่อ ออกมาด้านหน้าที่ถ้ำช้าง
จากนั้นก็ขึ้นรถไปพายเรือแคนนู กิจกรรมนี้ชอบมาก เพราะน้ำไหลแรง บางจุดมีหินทำให้น้ำเชี่ยวพายสนุก วิวก็สวย พายไป 7 กิโล ก็เมื่อยเหมือนกันนะ ถ้าคนไม่ค่อยออกกำลังกายจะปวดแขนข้ามวันเลย เอายานวดไปก็ดีค่ะ จากนั้นก็ไปบลูลากูนต่อ น้ำเป็นสีเขียวฟ้าใสแจ๋ว แต่เย็นมาก มี 2 ฝั่งนะคะ
ฝั่งซ้าย
ฝั่งขวา ของเด็กๆ ซึ่งเราอยู่ฝั่งนี้
ที่นี่จะมีขนม มาม่า น้ำอัดลม ขายนะคะ ทุกอย่างราคาเท่ากันหมดที่ 10,000 กีบ จากนั้นก็ขึ้นรถกลับที่พัก เวลาประมาณ 16.45 น. สำหรับข้าวเย็นก็ทานร้านเดิม ต่อด้วยเค้กร้านเดิมแล้วกลับที่พัก ระหว่างทางกลับ ก็ซื้อผ้าคลุมไหล่ราคา 160 บาท ซื้อเป็นเงินไทยค่ะ และซื้อโรตีหน้า ATM ตามรีวิว
ตอนที่ 2 อ่านที่นี่ค่ะ
http://ppantip.com/topic/34714010
[CR] สะบายดีเมืองลาว เวียงจันทร์ วังเวียง หลวงพระบาง
เริ่มต้นเลยละกันนะค่ะ ในวันที่ 5-10 ธันวาคม 2558 ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 10 คน ตอนขึ้นเครื่องบินจากสุวรรณภูมิ แต่พอขากลับเหลือ 4 คน ถ้าอ่านจนจบจะรู้ว่าหายไปไหน ขาไปเดินทางด้วยเครื่องบิน Lion Air ไปลงอุดรฯ จากนั้นนั่งรถตู้ต่อเข้าเมืองราคาคนละ 80 บาท รถตู้นั่งได้ทั้งหมด 15 คนนะค่ะ ถ้าไปหนองคายคิดคนละ 200 บาท แต่ถ้ามากันน้อยก็สามารถนั้งแท็กซี่ไปในตัวเมืองอุดรได้ เหมาคันละ 200 บาท เราจึงเลือกนั่งแท็กซี 2 คัน คันละ 5 คนค่ะ คุ้มกว่า ตกคนละ 40 บาท
วิธีการเดินทางของเรา
สนามบินอุดร -> สถานีขนส่งอุดรฯ -> หนองคาย -> วังเวียง
พอไปถึงสถานีขนส่งอุดรฯ เวลาประมาณ 8.30 น. รถทัวร์ที่ไปวังเวียงหมดแล้ว เราจึงไม่ถามราคามา แต่ถูกมากค่ะ พนักงานแนะนำให้นั่งรถตู้ไปชายแดนที่หนองคาย แล้วหารถต่อไปลาว เราไม่มีทางเลือกจึงไปขึ้นรถตู้อยู่ด้านข้างสถานีขนส่ง ราคาคนละ 50 บาท ระหว่างทางได้ถามคนขับรถตู้ พี่เค้าเลยจะพาไปหารถต่อ พอใกล้ๆ ถึงด่านชายแดนหนองคาย คนขับรถแวะร้านทัวร์แถวๆ นั้น แล้วเรียกเราลงไปตกลงเรื่องราคา สรุปได้รถตู้ไปวังเวียงเลย เหมาคันละ 4,000 บาท นั่งได้ 15 คน ในรถตู้มีน้องอีกกลุ่มมาด้วย 5 คน น้องเค้าตัดสินใจไปด้วย รวมกลุ่มเราด้วยเป็น 15 คน ตกคนละ 270 บาท รถตู้ไทยไปส่งที่ชายแดนฝั่งลาว แล้วมีรถตู้ลาวมารับต่อ ให้เราลงไปทำเรื่องผ่านแดน คนละ 55 บาท ถ้ามีพลาสปอร์ดนะคะ แต่ถ้าเป็นเอกสารผ่านแดนชั่วคราวจะแพงกว่านี้ วิธีการหลายขั้นตอน คือ ต้องไปซื้อบัตรก่อนแล้วจึงไปผ่าน ตม. แถวยาวทั้งคู่ ตอนที่เราต่อแถวซื้อบัตรผ่าน อยู่ๆเจ้าหน้าที่ช่องเราก็ไปพัก ไล่ให้แถวเราไปต่อแถวใหม่ เลยเสียเวลานาน (คนเค้าชิวอ่ะ ต้องเข้าใจ)
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางขาไป
แท็กซีจากสนามบินอุดร ไปสถานีขนส่ง 40 บาท
รถตู้จากสถานีขนส่งอุดร ไปชายแดนที่หนองคาย 50 บาท
รถตู้จากชายแดนที่หนองคายไปวังเวียง 270 บาท
ค่าผ่านด่านเข้าลาวในวันเสาร์ 55 บาท
รวม 415 บาท
พอได้ขึ้นรถตอน 12.15 น. คนขับรถจึงพาไปทานข้าวกลางวันที่ร้าน เฝอสุมุนทา อร่อยมากสำหรับอาหารมื้อแรกที่ลาว
เฝอหมู
เฝอเนื้อ
ลาบหมูแยกพริก
ทุกโต๊ะจะได้ผักเครื่องเคียงด้วยค่ะ
ค่าเสียหายมื้อนี้คนละ 36,500 กีบ ประมาณ 160 บาท
จากนั้นก็ออกเดินทางไปวังเวียง เวลา 13.00 น. เราหลับตลอดทางเพราะกินยาแก้เมารถ ถนนแย่มากๆ เป็นหลุมใหญ่ตลอดทาง หลับๆ อยู่หัวก็ชนกระจก ถึงวังเวียงเวลา 17.20 น. คนขับรถก็แวะส่งทุกคนที่โรงแรม เราพักที่โรงแรม Hotel Vilayvong แถวริมแม่น้ำ
ด้านหน้าของโรงแรม
แนะนำให้อยู่ชั้นสูงๆ วิวสวยมาก มีระเบียงดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่ไวไฟในห้องใช้ไม่ได้เลย ต้องลงมาใช้ที่ล็อบบี้
วิวตอนเช้าสวนจนบรรยายไม่ถูก
ภาระกิจของวันนี้
1. หารถไปหลวงพระบางในวันที่ 7/12/15 ทั้งหมด 8 คน
2. หาซื้อทัวร์กิจกรรม One day Trip สำหรับวันพรุ่งนี้
3. หาซื้อ SIM โทรศัพท์
4. หารถกลับไปเวียงจันทร์ เพื่อกลับกรุงเทพฯ สำหรับ 2 คนที่เหลือ ในวันที่ 7/12/15
เนื่องจากเพื่อน 2 คนเคยไปหลวงพระบางแล้วจึงขอกลับก่อน
ประมาณ 18.30 น. ก็ออกไปเดินหาภาระกิจด้านบน และไปทานข้าวเย็นที่ร้านธนชัย (ดูรีวิวจากในหนังสือ) ระหว่างทางเจอร้านขายทัวร์เยอะมาก แต่ร้านนี้ถูกที่สุดตั้งแต่ถามมาค่ะ แต่ต้องต่อราคานะ ตอนแรกบอกเรา 200,000 กีบ ต่อไปต่อมาเหลือคนละ 120,000 กีบ ราคานี้ซื้อรวมกัน 10 คนนะคะ นอกจากได้ภาระกิจที่ 2 แล้ว ยังได้ภาระกิจที่ 1 และที่ 4 ด้วย แต่จำราคาไม่ได้ ขออภัยด้วย
ต่อจากนั้นก็เดินหาซื้อ SIM มีขายที่ร้านขายของชำทั่วๆไป เราเลือกซื้อ SIM net LAO TARACOM ราคา 20,000 กีบ เติมเงินอีก 5,000 กีบ เจ้าของร้านขายของชำโทรไปลงทะเบียนให้ด้วย แต่ก็ยังใช้การไม่ได้ จึงโทรเข้า Cell Center อีกรอบจึงทราบวิธีตั้งค่า
วิธีการตั้งค่าการใช้สัญญาณ LAO TARACOM
ไปที่ตั้งค่า -> เครือข่ายเพิ่มเติม -> เครือข่ายมือถือ -> ชื่อแอคเซสพอยท์ -> พิมพ์คำว่า "itc net" 3 ตำแหน่ง ที่ชื่อ, APN, พร็อกซี จากนั้นให้กดบันทึก
หลังจากโทรกลับบ้านได้แล้ว ก็เดินต่อไปที่ร้านธนชัย สั่งอาหารตามด้านล่างเลยค่ะ เป็นเงินทั้งหมด 513,000 กีบ
1. ผัดเต้าหู้ 2 จาน
2. ปลานิลทอดกระเทียม 1 จาน
3. ไก่บ้านย่าง 2 จาน
4. ส้มตำบักหุ่ง 2 จาน
5. ไข่เจียวหมูสับ 1 จาน
6. ต้มแซ่บซี่โครงหมู 1 จาน
กินข้าวเสร็จก็ต้องต่อด้วยของหวาน ที่ร้านหลวงพระบางเบเกอรี่ ชีสเค้กราคาประมาณ 30,000 บาท แพงสุดในร้าน
อิ่มจนแทบเดินไม่ไหว ต้องออกกำลังกายก่อนนอนสักหน่อย เลยตรงต่อไปที่ซากุระบาร์ เป็นผับดีๆ นี่เอง มันส์สุดๆ มีแต่ฝรั่งหล่อๆ กับกระเทยไทย ชะนีขอไม่กล่าวถึง พวกเราซื้อเบียร์กันคนละขวด ราคา 20,000 กีบ ยืนเต้นอยู่ดีๆ ก็มีหญิงไทยเดินอ้วกมาอยู่ใกล้ๆ ทุกคนในผับแหวกทางให้นางทันที เดินไปอ้วกไป พวกเรากลับเลย ดีนะไม่มีใครโดนลูกหลง
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2558
ตื่น 7 โมงเช้า เพราะรถที่จะพาไป One Day Trip จะมารับ 8.50 น. รถจะไปรับทุกคน ทุกโรงแรม นั่งได้ทั้งหมด 15 คน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรม อาหารไม่ค่อยถูกใจเราเท่าไหร่ เราอาจจะเป็นคนเรื่องมากนะ เพราะพี่ที่ไปด้วยกันกินทุกอย่างเยอะมากจนน่าตกใจ อาหารก็จะมีไข่ดาว ผัดมาม่ากับผัก ผัดหมี่เหลืองกับผัก ขนมปังฝรั่งเศษ ข้าวต้ม
เรามาถึงหน้าโรงแรม 8.50 น. พอดี รถออกไปแล้ว ไม่รอกันเลย อีกสักครู่รถก็กลับมารับใหม่ เมื้อกี้วนไปรับคนที่โรงแรมอื่นก่อน นั่งไปเกือบชั่วโมงก็ถึงทางเข้าถ้ำน้ำค่ะ ถามพี่คนขับว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้าง พี่คนขับบอกมีกิจกรรมตามด้านล่างนี้เลยค่ะ
1. นั่งห่วงยางลอดเข้าไปในถ้ำน้ำ
2. ถ้ำช้าง อยู่ด้านหน้าถ้ำน้ำ
3. พายเรือแคนนู
4. บลูลากูน
คนขับรถจะมีไกด์มาด้วยอีก 1 คน พอลงรถพี่เค้าก็แจกน้ำ เสื้อชูชีพ และถุงกันน้ำ ไม่ต้องพกไปเองนะคะ ถ้าใครจะเอากล้องถ่ายรูปไปก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องจะเปียกน้ำ เพราะสามารถใช่ถุงกันน้ำได้ หรือไม่ก็ฝากคนอื่นที่ไม่เล่นก็ได้ มีจุดเสี่ยงจุดเดียวที่ต้องพกติดตัวคือตอนพายเรือแคนนู เพราะไม่ได้กลับมาจุดเดิม รถตามน้ำไป 7 กิโลเมตร แล้วรถจะไปรับที่ปลายทาง ซึ่งต้องเอากล้องใส่ถุงกันน้ำและผูกไว้กับเรือ ที่อธิบายยาวก็เนื่องจากเราไม่ได้เอากล่องใหญ่ไป มีแต่มือถือเลยเสียดายเพราะวิวสวยมากๆค่ะ
พอเตรียมตัวพร้อมก็ออกเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงปากถ้ำ ทุกคนต้องนั่งห่วงยางและจับเชือกไปเรื่อยๆ เพราะเพดานถ้ำบริเวณปากทางเข้าต่ำมาก น้ำเย็นเหมือนน้ำแข็งเพิ่งละลาย ทำเอาเด็กเล็กร้องไห้มาแล้ว ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยนิดหน่อย ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
ระหว่างทางเดินไปถ้ำ
พอออกจากถ้ำก็เห็นไกด์กำลังย่างบาร์บีคิวให้พวกเราทานเป็นอาหารกลางวัน พวกเราจึงยืนผิงไฟแก้หนาวสั่นกัน แถวนั้นก็มีห้องน้ำให้เข้าแต่เสียเงิน 5,000 กีบ เป็นส้วมหลุมนะคะ
เมื่ออิ่มแล้วก็เดินทางต่อ ออกมาด้านหน้าที่ถ้ำช้าง
จากนั้นก็ขึ้นรถไปพายเรือแคนนู กิจกรรมนี้ชอบมาก เพราะน้ำไหลแรง บางจุดมีหินทำให้น้ำเชี่ยวพายสนุก วิวก็สวย พายไป 7 กิโล ก็เมื่อยเหมือนกันนะ ถ้าคนไม่ค่อยออกกำลังกายจะปวดแขนข้ามวันเลย เอายานวดไปก็ดีค่ะ จากนั้นก็ไปบลูลากูนต่อ น้ำเป็นสีเขียวฟ้าใสแจ๋ว แต่เย็นมาก มี 2 ฝั่งนะคะ
ฝั่งซ้าย
ฝั่งขวา ของเด็กๆ ซึ่งเราอยู่ฝั่งนี้
ที่นี่จะมีขนม มาม่า น้ำอัดลม ขายนะคะ ทุกอย่างราคาเท่ากันหมดที่ 10,000 กีบ จากนั้นก็ขึ้นรถกลับที่พัก เวลาประมาณ 16.45 น. สำหรับข้าวเย็นก็ทานร้านเดิม ต่อด้วยเค้กร้านเดิมแล้วกลับที่พัก ระหว่างทางกลับ ก็ซื้อผ้าคลุมไหล่ราคา 160 บาท ซื้อเป็นเงินไทยค่ะ และซื้อโรตีหน้า ATM ตามรีวิว
ตอนที่ 2 อ่านที่นี่ค่ะ http://ppantip.com/topic/34714010