คนป่วยโรคจิตเภทไม่เป็นภาระของบ้านเมืองเท่ากับคนป่วยโรคเสพติดนักการเมือง ; คุณคิดว่าอย่างไร?

เห็นกระทู้ห้องการเมืองนำเอากรณีตัวอย่างของคนป่วยทางจิตเภทมากล่าวอ้างไปถึงเรื่องของการเมือง      ที่อ้างว่าอาจทำให้เกิดเสื่อมเสียในความถูกต้องเที่ยงธรรม    โดยไม่คำนึงความเมตตาที่มีควรต่อเพื่อนมนุษย์ซึ่งถ้าไม่มีอาการผิดปกติ    เขาคือผู้ที่มีความรู้ความสามารถคนหนึ่งที่จะช่วยทำงานให้บ้านเมืองได้เฉกเช่นคนอื่น

ถ้าจะอ้างบทความในทางการแพทย์ที่กล่าวว่า โรคนี้พบได้ในประชากรร้อยละ 1  ประชากรไทยมีประมาณ 60 ล้านคน คงคำนวณได้ว่ามีผู้ป่วยในประเทศกี่คน  

จากเหตุการณ์ของบ้านเมืองที่ผ่านมา   ไม่ค่อยปรากฎคนที่ป่วยทางจิตเภทมาสร้างปัญหาให้ประเทศชาติจนเกิดความรุนแรงอย่างไร   การรักษาพยาบาลคนป่วยโรคนี้ก็ไปตามสิทธิพื้นฐานของประชาชนทั่วๆไป

แต่ทุกวันนี้  บ้านเมืองของเรามีปัญหาต่างๆที่ทำให้บ้านเมืองไม่พัฒนาต่อไปได้  เกิดจากคนที่ป่วยด้วยโรคเสพติดนักการเมืองที่ตัวเองนิยมชมชอบ    กลุ่มนี้จะมีอาการที่เพิ่มมากกว่าคนปกติโดยทั่วไป  มีอาการหลงเชื่ออย่างผิดๆ  ส่งผลทำให้ความคิดผิดปกติตามไปด้วย    นอกจากนั้นยังสังเกตได้จากพฤติกรรมที่แสดงออกอาจก้าวร้าวรุนแรง  ดังจะเห็นได้จากกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ที่ผ่านมา

โรคจิตเภทพอมียารักษาให้ควบคุมอาการได้แต่โรคเสพติดนักการเมืองจะหายาใดเล่ามารักษา  แม้กฎหมายสูงสุดที่กำลังร่างอยู่ก็ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19

เห็นด้วยกับจขกท...ที่ว่าคนป่วยโรคจิตเภท
ไม่เป็นภาระของบ้านเมืองเท่ากับคนป่วยโรคเสพติดนักการเมือง

เพราะคนป่วยโรคเสพติดนักการเมือง...เราอาจสังเกตุยาก
มีบางบางคนที่อาการหนักอบบแบบเดินแก้ผ้า เที่ยวถามชาวบ้าน กูหล่อมั้ยๆๆ

เท่าที่ได้เคยอ่านอ่านบทความทางการแพทย์เค้าว่า...
“คนป่วยโรคเสพติดนักการเมือง " ส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่า "ตัวเองป่วย"  
แต่...มักจะเข้าใจไปเองว่าตัวเองรู้ดี ฉลาดล้ำลึก รู้ดีไปทุกเรื่อง
บางครั้ง บางคราว ก็เที่ยวกล่าวหาคนอื่นว่า " ไม่ฉลาด "
จิตแพทย์เคยออกมาเตือนให้ระวังบุคคลเหล่านี้  อาจะเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้ตลอดเวลา

สาเหตุสำคัญของอาการป่วยทางการเมือง
เกิดจากความวุ่นวายและความตึงเครียดทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดสิบปีที่ผ่านมา
รวมทั้งความตื่นตัวของประชาชนคนไทยจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีความเห็นไม่สอดคล้องกัน

ซึ่งการตื่นตัวทางการเมืองในเรื่องสังคมประชาธิปไตยนั้น
ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี...เพราะจะเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศและระบบประชาธิปไตย
แต่...ความตื่นตัวที่เกินขอบเขต  มักก่อให้เกิดความขัดแย้ง  ที่อาจจะส่งต่อภาวะจิตใจ
หรือเรียกว่า "โรคเครียดทางการเมือง" (Political Stress Syndrome : PSS)

ซึ่งทำให้คนไทยส่วนหนึ่ง  วันๆ  คิดแต่เรื่องการเมือง เฝ้าที่หน้าจอคอม
ในห้องราชดำเนินก็มีมากมายเช้าจดเย็น...หาเรื่องดาว่าฝากฝั่งตรงข้ามทางการเมือง
บางคนจ่องจอ...รอเป็น คคห.ที่ ๑  อันนี้ป่วยหนัก
บางคนเห็นกระทู้ดาว่าโจมตีฝ่ายตรงข้าม  จริงเท็จไม่ว่า...ข้าขอถูกใจไว้ก่อน
จนกลายเป็นกระทู้แนะนำแบบวิกลจริตก็มากมาย

สำหรับ...โรคเครียดทางการเมืองนั้น มีอาการแสดงทั้งทางกาย ทางใจ
โดยมีความวิตกกังวล ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา หงุดหงิดง่าย โกรธ ฉุนเฉียว ก้าวร้าว
บางครั้งบางคราวก็เบื่อหน่าย ท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง รู้สึกไม่มีทางออก สมาธิไม่ดี
ฟุ้งซ่านเพราะหมกมุ่นมากเกินไป  แม้...ลูกเต้าห้ามปรามก็ไม่ฟัง จนถูกถอนหงอกกันเว้นวัน

และส่วนใหญ่ก็ปัญหาทางพฤติกรรมและสัมพันธภาพกับผู้อื่น
อยากเอาชนะอย่างเดียว...ไม่สามารถยับยั้งตนเองได้  เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่เขา
โทษแต่ฝ่ายตรงข้าม ไม่เคยหันมองตัวเองและฝากฝั่งที่สนับสนุนย  

ห่านฯ เป็นห่วงพี่น้องในห้องนี้หลายท่านนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่