...ผมมีลุง1คนครับ เป็นพี่แท้ๆของแม่
ยายเล่าว่า ตระกูลของผมเหมือนมีคำสาป
คำสาปที่ว่า คือ ลูกหลานในตระกูล เสียชีวิตตั้งแต่เด็กเพราะโรคภัยไปหลายคน
ยิ่งถ้าเป็นลูกหลานผู้ชายด้วยแล้ว จะต้องเจอเหตุการณ์ที่จะนำพาไปสู่ความตายแทบทุกราย
.....ตัวผมเอง ก็เคยเกือบจมน้ำตายถึง2ครั้งในวัยเด็ก สมัยที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น แต่มีคนช่วยขึ้นมาได้
สมัยเด็กๆผมมีความสงสัยใคร่รู้อย่างมาก ว่าคนเราตายแล้วไปไหน
ไปถามใครๆ เขาก็มักตอบติดตลกว่า "ตายแล้วก็ไปวัดสิไอ้หนู"
ซึ่ง ผมไม่ตลกด้วย เพราะผมใช้ชีวิตติดกับวัด เห็นศพคนตายมามาก ก็ย่อมอยากรู้ฝังจิต
....อันว่าคนเรา ตายแล้วจะหายไปเฉยๆแบบนั้นเลยหรอ คนเราตาย ต้องกลายเป็นผีสิ นั่นคือความคิดตอนนั้น ทุกวันนี้ก็ยังเชื่ออยู่
ความกระหายใคร่รู้ชีวิตหลังความตาย ในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่มีในสังคมบ้านนอก ยุค พ.ศ.2540
มันทำให้ผมต้องถามจากคนมีอายุ ซึ่งก็ไม่พ้นบรรดาพ่อเฒ่าแม่เฒ่าของหมู่บ้าน
.....พอถาม ก้ได้เบาะแสว่า ถ้าอยากรู้ว่าตายแล้วไปไหน ให้ลองไปถามลุงผมเอาสิ เพราะลุงผมสมัยเด็กๆเคยตาย ชนิดเตรียมมัดตราสังข์
แต่ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนละคน เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ จะคิดว่าเป็นความฝันของคนที่หยุดหายใจก็ได้
หรือจะคิดว่าไปเจอมาจริงๆก็ได้ แล้วแต่ความเชื่อส่วนตัวล้วนๆ แต่อยากบอกว่าเหตุผลนึง ที่ทุกวันนี้ ผมไม่ยุ่งอบายมุขทั้งปวง
ก็เป็นเหตุมาจากฟังเรื่องเล่าของลุงผมด้วยเช่นกัน
.....เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อตอนลุงผมยังเด็ก ลุงผมอาศัยอยู่กับทวดที่สุโขทัย
แต่ยายผมพาแม่ย้ายไปอยู่ที่อุตรดิตถ์ เพราะทวดผมรักลุงมากเพราะเป็นหลานผู้ชายคนเดียวของตระกูล
ทวดขอลุงไว้เลี้ยงดู ยายผมก็ยกให้
ยายเล่าว่าลุงนั้นน่าสงสาร เพราะทำอะไรก็ถูกทวดบังคับทุกอย่าง
นิสัยของลุงนั้น ค่อนข้างเกเร ชอบทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเล็กๆพวกปลา นก หนู กระแตอยู่ตลอดเพราะสถานที่อำนวยให้
ทวดชอบไปวัด จะบังคับลุงไปด้วยตลอด แต่ลุงก็จะอิดออด ชอบว่าทวดงมงาย ทำบุญทำไมไม่เห็นจะได้อะไรกลับมา
.....แล้วเหมือนกรรมตัดชีวิตจะตามทัน เพราะในหน้าฝนนั้น ลุงเล่นน้ำฝนตอนกลางวัน
พอตกค่ำ ก็ตัวร้อน เป็นไข้ตัวสั่น ด้วยความที่หมู่บ้านอยู่ไกลปืนเที่ยง
ทวดก็เช็ดตัว ต้มยาหม้อให้กิน รักษาตามอาการ
แต่อาการของลุงก็แค่ทรงตัว ไม่ดีขึ้น
ทวดนั้นทุกข์ใจมาก เพราะตระกูลของเรา เป็นไข้ตายกันแต่เด็กไปหลายคน นอกจากจะรักษาด้วยยา
...ทวดยังนั่งสวดมนต์ร้องขอต่อชีวิตให้ลุงตลอด
แต่ก็ไม่เป็นผล พอตกค่ำ ลุงก็หยุดหายใจ ชีพจรหยุดเต้น
.......ทวดก็ไปบอกญาติๆละแวกบ้านว่าลุงเสียชีวิต
ทุกคนก็มาชุมนุมที่ชานบ้านและใต้ถุนบ้าน
มีคนไปตามสับปะเหร่อมาจัดการศพ
...สับปะเหร่อ มาถึง ก็มาจับๆศพลุง แล้วก็บอกทวดว่า มันตายแล้ว แต่ตัวยังอุ่นอยู่ รอให้ตัวเย็นก่อนค่อยจัดการศพ
ทุกคนก็นังคุยกัน เพื่อรอตามที่สับปะเหร่อบอก
และต่อจากนี้คือคำบอกเล่าจากปากของลุงผมเอง ที่ทุกวันนี้ลุงก็ยังมีชีวิตอยู่ มีครอบครัวอยู่ที่ระยอง
ลุงเล่าว่า
.......สัมผัสสุดท้ายที่ลุงรู้สึกตัวคือ ตอนที่ทวดมานั่งเช็ดตัวให้ ลุงบอกลุงเหนื่อย และรู้สึกเคลิ้มๆ เหมือนฝันไป ความรู้สึกนั้นวูบไปวาบมาเหมือนกำลังฝัน
รู้สึกว่ารอบตัวมืดไปหมด ลุงพยายามจะขยับตัวในห้วงฝันนั้นแต่ทำไม่ได้ รู้สึกเหมือนร่างกายลอยได้ลอยไปแบบไร้จุดหมาย
จนมองเห็นแสงสว่างเล็กๆสีขาวจ้าแสบตาย ค่อยๆใกล้เข้ามาหาเรื่อยๆ
ความรู้สึกของลุงเหมือนว่าตัวเองกำลังลอยไปที่ความสว่างนั้น เงามืดค่อยๆหายไป
....แล้วภาพมันก็เบลอๆแว๊บไปแว๊บมาจับใจความไม่ได้ว่าภาพอะไร แต่รู้สึกเหมือนมันหมุนไปหมด
รู้ตัวอีกทีคือ เหมือนเท้ากำลังสัมผัสพื้นเย็นๆอยู่ที่ไหนไม่รู้ รอบด้านมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดสีเทาๆ ที่มองอะไรได้ลางๆ เหมือนกลางคืนเดือนหงาย รอบๆตัวเหมือนมีต้นไม้ใหญ่ไม่มีใบรูปร่างน่ากลัวทะมึนยืนต้น
แล้วตรงจุดที่ลุงยืนนั้น เหมือนเป็นทางแฉะๆ ทอดยาวไปแล้วค่อยๆสูงขึ้นตามลำดับไปสุดลูกหูลูกตา
(ลุงไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนั้นกายเนื้อหยุดหายใจไปแล้ว)
....ลุงเล่าว่ายืนหันซ้ายหันขวาอยู่ไม่รู้จะไปไหน เลยตัดสินใจเดินตามทางนั้นไปเรื่อยๆอย่างหวาดกลัวเพราะรอบตัวมีแต่ความมืดทึมๆ
เดินอยู่นานก็มาพบกับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ลุงเล่าว่าลุงก็ดีใจที่มีเพื่อนร่วมทาง
เลยเดินตามกลุ่มคนนั้นไปเรื่อยๆ
ทางเดินนั้นเหมือนกำลังเดินขึ้นไหล่เขา
ลุงว่าลุงจำหน้าคนที่เดินด้วยไม่ได้สักคน (บอกตอนตื่นมาแล้ว)
ไม่ว่าพยายามจะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าหน้าตาเป็นยังไง
จำได้แค่ว่ามีเพื่อนเดินด้วยเท่านั้น แม้ว่าลุงจะชวนคุยก็ไม่มีใครคุยด้วยสักคน
......ลุงเล่าว่า2ข้างทางที่สูงขึ้นนั้น เหมือนมีร่องน้ำไหลลงมาขนาบ2ฝากถนน ไหลแรงได้ยินเสียง แจ่กๆๆๆแจ๋มๆๆ
ลุงเดินจนไปเกือบถึงแถวหน้า ก็เห็นว่ามีคน คนนึง เดินนำหน้าโดดๆคนเดียว ลุงบอกลุงก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ารูปร่างหน้าตายังไง
รู้แค่ว่ามีคนเดินนำขบวน ลุงรู้สึกกลัวขึ้นมาเฉยๆเลยตัดสินใจเดินสวนกลุ่มคนลงมา
พอลุงหันไปดู ก็เห็นว่าคนที่เดินนำกลุ่ม ซึ่งอยู่ในที่สูงกว่า หันมามอง
ลุงกลัวมากเลยวิ่งแล้วกระโดดลงร่องน้ำ แล้วก็ปล่อยตัวเองไหลไปตามกระแสน้ำนั้น ก่อนที่น้ำนั้นจะพาลุงพุ่งเข้าไปสู่หลุมเล็กๆแคบๆ แล้วลุง
ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นผู้คนเต็มบ้าน
.....คนบนบ้านก็ช่วยกันบีบนวด หาน้ำให้ลุงกิน ต่างยินดีกันถ้วนหน้า ที่ลุงตายแล้วฟื้นกลับมา
ซึ่งลุงก็เล่าเรื่องที่ไปพบเจอให้ทุกคนฟัง แล้วจากวันนั้น ลุงผมก็นิสัยเปลี่ยนไปอย่าสิ้นเชิง
กลายเป็นคนไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบไปวัดกับทวด ประพฤติตนเป็นคนดีมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
....ผมก็ถามลุงว่า ลุงคิดว่าที่ลุงไปเห็นมามันคืออะไร ลุงบอกลุงอาจจะฝันไปก็ได้ แต่เป็นฝันที่น่ากลัวและชวนให้เชื่อว่า
คนเราตายแล้วมันไม่ได้หายไปไหน ทางที่เดินนั้นอาจจะเป็นทางไปนรกก็ได้ ที่ร่างกายลุงอาจจะป่วยจนวิญญาณอยู่ไม่ไหวจนต้องละร่างทิ้งไป
แล้วไปเดินอยู่บนทางไปสู่ยมโลกชั่วระยะนึง แต่คงเพราะยังไม่ถึงเวลาตาย คนที่เดินนำที่น่าจะเป็นยมบาล จึงปล่อยให้ลุงหนีมาได้
เพราะถ้าหากลุงถึงที่ตาย คงหนีกลับมาไม่ได้แน่ๆ
....ครับ นี่ก็เป็นเรื่องเล่าจากลุงของผม ซึ่งคนที่ทันตอนลุงยังเด็ก ต่างบอกเป้นเสียงเดียวกันว่า ลุงผมกลายเป็นคนละนิสัยไปเลยจริงๆตั้งแต่ตายแล้วฟื้น
เลยทำให้คนที่อยู่รอบตัวลุงในตอนนั้น ต่างปรับนิสัย หมั่นเข้าวัดและลดการทำบาปกันยกใหญ่
ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า ที่ลุงเล่ามันจริงแค่ไหน เพระาผมไม่ได้ไปเห็นมา แต่มันก็มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่า ทำไมลุงผมต้องกลายมาเป็นคนดีหลังจากฟื้นขึ้นมาด้วย นั่นอาจจะแปลได้ว่า โลกหลังความตายมันมีจริงๆ จะเชื่อหรือไม่ก้แล้วแต่คน แต่ผมเลือกที่จะเชื่อไว้ก่อน ก็คงไม่ขาดทุนอะไร
หากเราทำดีมากๆ แล้วนรกไม่มีจริง มันก็เสมอตัว
แต่หากมันมีจริง อย่างน้อยๆ บุญที่ทำมาก็คงพอจะช่วยบรรเทาให้เราได้บ้าง
....ผมเห็นว่าเป้นเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดดี จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน ....
เรื่องเล่า .. ..ของคนเคยตายแล้วฟื้น
ยายเล่าว่า ตระกูลของผมเหมือนมีคำสาป
คำสาปที่ว่า คือ ลูกหลานในตระกูล เสียชีวิตตั้งแต่เด็กเพราะโรคภัยไปหลายคน
ยิ่งถ้าเป็นลูกหลานผู้ชายด้วยแล้ว จะต้องเจอเหตุการณ์ที่จะนำพาไปสู่ความตายแทบทุกราย
.....ตัวผมเอง ก็เคยเกือบจมน้ำตายถึง2ครั้งในวัยเด็ก สมัยที่ยังว่ายน้ำไม่เป็น แต่มีคนช่วยขึ้นมาได้
สมัยเด็กๆผมมีความสงสัยใคร่รู้อย่างมาก ว่าคนเราตายแล้วไปไหน
ไปถามใครๆ เขาก็มักตอบติดตลกว่า "ตายแล้วก็ไปวัดสิไอ้หนู"
ซึ่ง ผมไม่ตลกด้วย เพราะผมใช้ชีวิตติดกับวัด เห็นศพคนตายมามาก ก็ย่อมอยากรู้ฝังจิต
....อันว่าคนเรา ตายแล้วจะหายไปเฉยๆแบบนั้นเลยหรอ คนเราตาย ต้องกลายเป็นผีสิ นั่นคือความคิดตอนนั้น ทุกวันนี้ก็ยังเชื่ออยู่
ความกระหายใคร่รู้ชีวิตหลังความตาย ในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่มีในสังคมบ้านนอก ยุค พ.ศ.2540
มันทำให้ผมต้องถามจากคนมีอายุ ซึ่งก็ไม่พ้นบรรดาพ่อเฒ่าแม่เฒ่าของหมู่บ้าน
.....พอถาม ก้ได้เบาะแสว่า ถ้าอยากรู้ว่าตายแล้วไปไหน ให้ลองไปถามลุงผมเอาสิ เพราะลุงผมสมัยเด็กๆเคยตาย ชนิดเตรียมมัดตราสังข์
แต่ก็ฟื้นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนละคน เรื่องที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ จะคิดว่าเป็นความฝันของคนที่หยุดหายใจก็ได้
หรือจะคิดว่าไปเจอมาจริงๆก็ได้ แล้วแต่ความเชื่อส่วนตัวล้วนๆ แต่อยากบอกว่าเหตุผลนึง ที่ทุกวันนี้ ผมไม่ยุ่งอบายมุขทั้งปวง
ก็เป็นเหตุมาจากฟังเรื่องเล่าของลุงผมด้วยเช่นกัน
.....เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อตอนลุงผมยังเด็ก ลุงผมอาศัยอยู่กับทวดที่สุโขทัย
แต่ยายผมพาแม่ย้ายไปอยู่ที่อุตรดิตถ์ เพราะทวดผมรักลุงมากเพราะเป็นหลานผู้ชายคนเดียวของตระกูล
ทวดขอลุงไว้เลี้ยงดู ยายผมก็ยกให้
ยายเล่าว่าลุงนั้นน่าสงสาร เพราะทำอะไรก็ถูกทวดบังคับทุกอย่าง
นิสัยของลุงนั้น ค่อนข้างเกเร ชอบทำบาปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเล็กๆพวกปลา นก หนู กระแตอยู่ตลอดเพราะสถานที่อำนวยให้
ทวดชอบไปวัด จะบังคับลุงไปด้วยตลอด แต่ลุงก็จะอิดออด ชอบว่าทวดงมงาย ทำบุญทำไมไม่เห็นจะได้อะไรกลับมา
.....แล้วเหมือนกรรมตัดชีวิตจะตามทัน เพราะในหน้าฝนนั้น ลุงเล่นน้ำฝนตอนกลางวัน
พอตกค่ำ ก็ตัวร้อน เป็นไข้ตัวสั่น ด้วยความที่หมู่บ้านอยู่ไกลปืนเที่ยง
ทวดก็เช็ดตัว ต้มยาหม้อให้กิน รักษาตามอาการ
แต่อาการของลุงก็แค่ทรงตัว ไม่ดีขึ้น
ทวดนั้นทุกข์ใจมาก เพราะตระกูลของเรา เป็นไข้ตายกันแต่เด็กไปหลายคน นอกจากจะรักษาด้วยยา
...ทวดยังนั่งสวดมนต์ร้องขอต่อชีวิตให้ลุงตลอด
แต่ก็ไม่เป็นผล พอตกค่ำ ลุงก็หยุดหายใจ ชีพจรหยุดเต้น
.......ทวดก็ไปบอกญาติๆละแวกบ้านว่าลุงเสียชีวิต
ทุกคนก็มาชุมนุมที่ชานบ้านและใต้ถุนบ้าน
มีคนไปตามสับปะเหร่อมาจัดการศพ
...สับปะเหร่อ มาถึง ก็มาจับๆศพลุง แล้วก็บอกทวดว่า มันตายแล้ว แต่ตัวยังอุ่นอยู่ รอให้ตัวเย็นก่อนค่อยจัดการศพ
ทุกคนก็นังคุยกัน เพื่อรอตามที่สับปะเหร่อบอก
และต่อจากนี้คือคำบอกเล่าจากปากของลุงผมเอง ที่ทุกวันนี้ลุงก็ยังมีชีวิตอยู่ มีครอบครัวอยู่ที่ระยอง
ลุงเล่าว่า
.......สัมผัสสุดท้ายที่ลุงรู้สึกตัวคือ ตอนที่ทวดมานั่งเช็ดตัวให้ ลุงบอกลุงเหนื่อย และรู้สึกเคลิ้มๆ เหมือนฝันไป ความรู้สึกนั้นวูบไปวาบมาเหมือนกำลังฝัน
รู้สึกว่ารอบตัวมืดไปหมด ลุงพยายามจะขยับตัวในห้วงฝันนั้นแต่ทำไม่ได้ รู้สึกเหมือนร่างกายลอยได้ลอยไปแบบไร้จุดหมาย
จนมองเห็นแสงสว่างเล็กๆสีขาวจ้าแสบตาย ค่อยๆใกล้เข้ามาหาเรื่อยๆ
ความรู้สึกของลุงเหมือนว่าตัวเองกำลังลอยไปที่ความสว่างนั้น เงามืดค่อยๆหายไป
....แล้วภาพมันก็เบลอๆแว๊บไปแว๊บมาจับใจความไม่ได้ว่าภาพอะไร แต่รู้สึกเหมือนมันหมุนไปหมด
รู้ตัวอีกทีคือ เหมือนเท้ากำลังสัมผัสพื้นเย็นๆอยู่ที่ไหนไม่รู้ รอบด้านมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดสีเทาๆ ที่มองอะไรได้ลางๆ เหมือนกลางคืนเดือนหงาย รอบๆตัวเหมือนมีต้นไม้ใหญ่ไม่มีใบรูปร่างน่ากลัวทะมึนยืนต้น
แล้วตรงจุดที่ลุงยืนนั้น เหมือนเป็นทางแฉะๆ ทอดยาวไปแล้วค่อยๆสูงขึ้นตามลำดับไปสุดลูกหูลูกตา
(ลุงไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนั้นกายเนื้อหยุดหายใจไปแล้ว)
....ลุงเล่าว่ายืนหันซ้ายหันขวาอยู่ไม่รู้จะไปไหน เลยตัดสินใจเดินตามทางนั้นไปเรื่อยๆอย่างหวาดกลัวเพราะรอบตัวมีแต่ความมืดทึมๆ
เดินอยู่นานก็มาพบกับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ลุงเล่าว่าลุงก็ดีใจที่มีเพื่อนร่วมทาง
เลยเดินตามกลุ่มคนนั้นไปเรื่อยๆ
ทางเดินนั้นเหมือนกำลังเดินขึ้นไหล่เขา
ลุงว่าลุงจำหน้าคนที่เดินด้วยไม่ได้สักคน (บอกตอนตื่นมาแล้ว)
ไม่ว่าพยายามจะนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าหน้าตาเป็นยังไง
จำได้แค่ว่ามีเพื่อนเดินด้วยเท่านั้น แม้ว่าลุงจะชวนคุยก็ไม่มีใครคุยด้วยสักคน
......ลุงเล่าว่า2ข้างทางที่สูงขึ้นนั้น เหมือนมีร่องน้ำไหลลงมาขนาบ2ฝากถนน ไหลแรงได้ยินเสียง แจ่กๆๆๆแจ๋มๆๆ
ลุงเดินจนไปเกือบถึงแถวหน้า ก็เห็นว่ามีคน คนนึง เดินนำหน้าโดดๆคนเดียว ลุงบอกลุงก็จำไม่ได้เหมือนกันว่ารูปร่างหน้าตายังไง
รู้แค่ว่ามีคนเดินนำขบวน ลุงรู้สึกกลัวขึ้นมาเฉยๆเลยตัดสินใจเดินสวนกลุ่มคนลงมา
พอลุงหันไปดู ก็เห็นว่าคนที่เดินนำกลุ่ม ซึ่งอยู่ในที่สูงกว่า หันมามอง
ลุงกลัวมากเลยวิ่งแล้วกระโดดลงร่องน้ำ แล้วก็ปล่อยตัวเองไหลไปตามกระแสน้ำนั้น ก่อนที่น้ำนั้นจะพาลุงพุ่งเข้าไปสู่หลุมเล็กๆแคบๆ แล้วลุง
ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เห็นผู้คนเต็มบ้าน
.....คนบนบ้านก็ช่วยกันบีบนวด หาน้ำให้ลุงกิน ต่างยินดีกันถ้วนหน้า ที่ลุงตายแล้วฟื้นกลับมา
ซึ่งลุงก็เล่าเรื่องที่ไปพบเจอให้ทุกคนฟัง แล้วจากวันนั้น ลุงผมก็นิสัยเปลี่ยนไปอย่าสิ้นเชิง
กลายเป็นคนไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบไปวัดกับทวด ประพฤติตนเป็นคนดีมาตลอดจนถึงทุกวันนี้
....ผมก็ถามลุงว่า ลุงคิดว่าที่ลุงไปเห็นมามันคืออะไร ลุงบอกลุงอาจจะฝันไปก็ได้ แต่เป็นฝันที่น่ากลัวและชวนให้เชื่อว่า
คนเราตายแล้วมันไม่ได้หายไปไหน ทางที่เดินนั้นอาจจะเป็นทางไปนรกก็ได้ ที่ร่างกายลุงอาจจะป่วยจนวิญญาณอยู่ไม่ไหวจนต้องละร่างทิ้งไป
แล้วไปเดินอยู่บนทางไปสู่ยมโลกชั่วระยะนึง แต่คงเพราะยังไม่ถึงเวลาตาย คนที่เดินนำที่น่าจะเป็นยมบาล จึงปล่อยให้ลุงหนีมาได้
เพราะถ้าหากลุงถึงที่ตาย คงหนีกลับมาไม่ได้แน่ๆ
....ครับ นี่ก็เป็นเรื่องเล่าจากลุงของผม ซึ่งคนที่ทันตอนลุงยังเด็ก ต่างบอกเป้นเสียงเดียวกันว่า ลุงผมกลายเป็นคนละนิสัยไปเลยจริงๆตั้งแต่ตายแล้วฟื้น
เลยทำให้คนที่อยู่รอบตัวลุงในตอนนั้น ต่างปรับนิสัย หมั่นเข้าวัดและลดการทำบาปกันยกใหญ่
ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่า ที่ลุงเล่ามันจริงแค่ไหน เพระาผมไม่ได้ไปเห็นมา แต่มันก็มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่า ทำไมลุงผมต้องกลายมาเป็นคนดีหลังจากฟื้นขึ้นมาด้วย นั่นอาจจะแปลได้ว่า โลกหลังความตายมันมีจริงๆ จะเชื่อหรือไม่ก้แล้วแต่คน แต่ผมเลือกที่จะเชื่อไว้ก่อน ก็คงไม่ขาดทุนอะไร
หากเราทำดีมากๆ แล้วนรกไม่มีจริง มันก็เสมอตัว
แต่หากมันมีจริง อย่างน้อยๆ บุญที่ทำมาก็คงพอจะช่วยบรรเทาให้เราได้บ้าง
....ผมเห็นว่าเป้นเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดดี จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังก็แล้วกัน ....