สวัสดีค่ะ ปีใหม่ที่ผ่านมามีโอกาสหลบความวุ่นวายจากชีวิตในเมืองกรุง ด้วยความบังเอิญไปเห็นรูปถ่ายรีสอร์ทแห่งหนึ่งจาก FB ของรุ่นพี่ เราก็รีบไปถามเลยว่าที่ไหน พอได้คำตอบ ก็ตั้งใจที่ไปเห็นด้วยตาตัวเองให้ได้ เมื่อได้ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง สิ่งที่ได้มากกว่าที่เห็นในภาพถ่าย คือความประทับใจและไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้ยังไง แล้วจะรีวิวยังไงล่ะเนี่ย!!!
นอกจากภาพใน FB นั้นแล้วเราก็ไม่มีข้อมูลอย่างอื่นเลยเพราะไม่เคยไป แต่ได้ค้นคว้าจากในพันทิพย์ ซึ่งหลายๆกระทู้ช่วยได้มาก เราก็เลยตั้งใจเอาความประทับใจนี้มาแบ่งปัน สำหรับคนอื่นๆที่อยากจะไปเที่ยวเมืองน่านเช่นกันค่ะ
นี่ค่ะ รูปที่สร้างแรงบันดาลใจ..
เห็นแล้วรู้สึกอยากไปเหมือนกันมั้ยค่ะ (Credit ภาพถ่ายจาก FB พี่ปก.นะคะ)
ออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแต่เช้าประมาณสิบโมง (จริงๆ ก็ไม่เช้าแล้วเนอะ) ถึงเมืองน่านค่ำๆ เดินเล่นหาอาหารพื้นเมืองมารับประทานที่ตลาดกลางคืนข้างๆวัดภูมินทร์ เท่าที่ซื้อมาอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ราคาก็ไม่แพง ที่นี่มีบริการลานขันโตก คนที่นี่เรียกว่า “ข่วง” บริการนักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารมารับประทานท่ามกลางอากาศเย็นนิดๆ วัดและเจดีย์ต่างๆรอบๆข่วงในตอนกลางคืนเปิดไฟส่องให้ความสวยงามไปอีกแบบ เสียดายที่เราหิวมาก ไม่ได้หยิบกล้องลงมาถ่ายภาพไว้เลย
เช้าวันแรก...
เที่ยวกาดเช้า ชมวิถีชีวิตคนเมืองน่าน เดินเลือกซื้อของกินและของฝากบ้าง เราทานอาหารเช้าที่นี่ค่ะ
มาถึงน่าน ต้องลอง "ไก" สาหร่ายน้ำจืด มีขายในตลาดเมืองน่านค่ะ
หลังจากนั้นเราแวะไปรับเงินคืนที่ห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ อันที่จริงเราตั้งใจจะเข้าพักเกสต์เฮาส์ แต่เพราะเราจองผิดปี 555 ฟังไม่ผิดค่ะ เราจองผิดปี!! เลยแวะไปรับเงินคืน ที่นี่มีบริการห้องสมุด ร้านกาแฟ และเกสต์เฮาส์ บรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง ทุกๆอย่างถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย แต่รับรู้ถึงความตั้งใจในทุกๆรายละเอียด แขกที่เข้ามาเยี่ยมชมสามารถ นั่งเล่น นอกเล่นเอกเขนก ชิวตามอัธยาศัยค่ะ
สั่งกาแฟไปแก้วนึง ได้ชามะตูมร้อนๆแถมมาด้วยค่ะ
เที่ยวเมืองน่านกันต่อเลยค่ะ...
วัดภูมินทร์ โบสถ์และวิหารของวัดสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันประตูไม้ทั้งสี่ทิศแกะสลักลวดลาย โดยช่างฝีมือล้านนาสวยงามมาก
ร้านกาแฟอเมซอนอยู่ใกล้ๆวัด ในรูปแบบที่ตั้งอยู่ในเมืองน่าน น่ารักและแปลกตาดีค่ะ
มุมไฮไลท์ ซุ้มลีลาวดี ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน อยู่ใกล้ๆวัดภูมินทร์ค่ะ
ใครที่ชอบงานศิลปะขับรถประมาณครึ่งชม. แวะชม"หอศิลป์ริมน่าน" ซึ่งเป็นแหล่งรวมศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ริมน้ำ ตัวอาคารเป็นหอศิลป์ที่สร้างขึ้นในสภาพภูมิประเทศที่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ที่มาเสพศิลปะนั้นได้ความรู้สึกสบายใจและพักผ่อน ราคาบัตรคนละ 20 บาทค่ะ
สำหรับใครที่ชอบดูดาว คืนนี้เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราเดินทางไปที่ดอยเสมอดาว เพื่อเค้าท์ดาวน์และนับดาว วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากแทบไม่มีที่กางเต็นท์ เที่ยวช่วงเทศกาลต้องทำใจ แต่เราได้กางเต็นท์ในบริเวณพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นไร่ข้าวโพดของคุณลุงคุณป้าใจดีคู่หนึ่ง ท่านอนุญาตให้เราไปกางเต็นท์ได้ ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากๆ คนไทยใจดีจัง
รีบเคลียร์พื้นที่ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
ไม่ได้ขึ้นไปชมผาหัวสิงห์ ผาชู้ เหมือนคนอื่นๆ เพราะแน่นอนค่ะ คลื่นมหาชนล้นหลาม เราเลือกขับรถไปที่อุทยานขุนสถาน หวังว่าจะชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย แต่ปีใหม่ปีนี้ อากาศไม่หนาวอย่างที่เราคิดไว้ ก็พยายามมองๆหาอยู่ตรงไหน เห็นแค่ต้นก็ยังดี เราสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่ายังไม่บาน แต่ทิวทัศน์ และอากาศก็ดีเหมาะแก่การนั่งกินมันเผาร้อนๆมาก
บริเวณนี้จะมีไร่สตอเบอรี่ และชาวเขานำสตอเบอรี่ องุ่น มะเขือเทศสดๆ มาวางขายให้นักท่องเที่ยว ราคาก็ไม่ได้ถูกกว่าที่ซื้อที่กรุงเทพค่ะ แต่เราก็ซื้อนะไหนๆก็มาถึงที่ทั้งที ... อ้อ มันเผาก็มีขายนะคะ
...เดินทางต่อไปเมืองปัว ไปยังสถานที่ในภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราขับรถจากกรุงเทพกว่า 600 กิโล...
ปัว เป็นเมืองเล็กๆ สงบ โรแมนติก....
มื้อแรกที่ปัว ร้านขนมจีนมีกิมมิค “ขนมจีนห้อยขา” ที่ร้านแพวผ้าฝ้าย .. จะพบพี่แพวเจ้าของร้านยิ้มต้อนรับแขกที่มาเยือน พี่แพวเล่าให้เราฟังว่า ปกติเปิดร้านทอผ้ามาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะเปิดร้านขนมจีนได้ประมาณ 5 วัน ถ้าใครมีโอกาสได้มาที่ปัว แวะมาชิมได้นะคะ เป็นขนมจีนบุฟเฟ่ต์ 79 บาทรวมน้ำและของหวาน ถ้าจำไม่ผิด เราจะนั่งทานขนมจีนตามชื่อคือ นั่งห้อยขา ท่ามกลางภูเขา เสียงน้ำไหล เสียงนก อากาศดีๆ ....ต้องมาสัมผัสเองค่ะ
เช้าวันแรกที่ "ปัว"
ปวินทร์ศิลป์ รีสอร์ท ที่พักราคาหลักร้อย บริการดี เจ้าหน้าที่น่ารัก ไม่ผิดหวังที่ขับรถมาเพื่อสิ่งนี้เลยค่ะ
เที่ยวเมืองปัววันนี้ จุดหมายแรกร้านกาแฟบ้านไทลื้อ...
นั่งดื่มกาแฟ กลางทุ่งนา มองไกลออกไปเป็นภูเขาสีเขียว ท้องฟ้าสดใส เงียบๆ บรรยากาศให้ภาพช่วยบรรยายนะคะ....
เป้าหมายต่อไป ดอยภูคา...แต่ไม่รู้ทางค่ะ เราแวะเข้าไปถามที่สถานีตำรวจเมืองปัวก่อนสักหน่อย
เส้นทางนี้เราได้พบว่า ความสวยงามระหว่างการเดินทางมีค่าไม่แพ้จุดมุ่งหมาย เราขับรถไปเรื่อยๆไม่รีบ ใครรีบแซงไปก่อนอยู่กรุงเทพฯก็รีบทุกวันแล้ว ชมธรรมชาติ ภูเขา ต้นไม้ ซึ่งมีตลอดเส้นทาง ใครชอบธรรมชาติ ความสงบ ทริปนี้น่าจะเป็นอีกทริปที่ประทับใจ..
บนดอยภูคา มีเส้นทางธรรมชาติให้เราศึกษา โดยทางอุทยานจะมีบริการไกด์ตัวน้อยนำเราเดินและแนะนำพันธ์ไม้ต่างๆระหว่างทาง เป้าหมายของเราคือต้นชมภูพูคา ซึ่งเมื่อไปถึงก็คิดนะ เอ่อ เอาไปปลูกไว้หน้าทางเข้าเลยดีมั้ย จะได้ไม่ต้องเดินไกล...
ตอนเย็น ได้อาหารพื้นเมืองจากถนนคนเดินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท ราคาไม่แพง อันไหนน่าสนใจก็ซื้อมาลอง ส่วนภาชนะก็ขอยืมมาจากรีสอร์ทค่ะ เราพยายามหาร้านอาหารพื้นเมืองที่ปัว แต่ไม่ค่อยมีหรือเราหาไม่เจอก็ไม่รู้นะคะ เลยได้มาเป็นแบบนี้ล่ะคะ
เช้าวันที่ 2 "ปัว"
วันนี้หมอกน้อยกว่าเมื่อวาน มองได้ไกลและเห็นภูเขาชัดกว่าเดิม...
ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ วันนี้หมอกน้อย เราหวังว่าจะได้บรรยากาศอีกแบบ กลับไปที่ร้านกาแฟบ้านไทลื้ออีกรอบค่ะ
รับกาแฟอะไรดีค่ะ??
สัมผัสธรรมชาติใกล้ๆ ลงเดินกลางทุ่งนาเลยแล้วกัน
น่านเป็นเมืองเล็กๆ เป็นเมืองศิลปะ รอบๆเมืองน่านถูกจัดวางและสร้างสรรค์ ในศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดน่าน บวกกับความสงบเรียบง่าย และธรรมชาติที่สวยงาม ถ้าใครยังไม่เคยไป ขอบอกว่าต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นะคะ เป็นกระทู้แรกอาจจะเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง เนื้อหาก็ยังหาสาระได้ไม่มาก แต่เป็นรีวิวจากใจล้วนๆค่ะ
[CR] หลงรักเมือง "น่าน"
นอกจากภาพใน FB นั้นแล้วเราก็ไม่มีข้อมูลอย่างอื่นเลยเพราะไม่เคยไป แต่ได้ค้นคว้าจากในพันทิพย์ ซึ่งหลายๆกระทู้ช่วยได้มาก เราก็เลยตั้งใจเอาความประทับใจนี้มาแบ่งปัน สำหรับคนอื่นๆที่อยากจะไปเที่ยวเมืองน่านเช่นกันค่ะ
นี่ค่ะ รูปที่สร้างแรงบันดาลใจ..
เห็นแล้วรู้สึกอยากไปเหมือนกันมั้ยค่ะ (Credit ภาพถ่ายจาก FB พี่ปก.นะคะ)
ออกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแต่เช้าประมาณสิบโมง (จริงๆ ก็ไม่เช้าแล้วเนอะ) ถึงเมืองน่านค่ำๆ เดินเล่นหาอาหารพื้นเมืองมารับประทานที่ตลาดกลางคืนข้างๆวัดภูมินทร์ เท่าที่ซื้อมาอร่อยทุกอย่างเลยค่ะ ราคาก็ไม่แพง ที่นี่มีบริการลานขันโตก คนที่นี่เรียกว่า “ข่วง” บริการนักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารมารับประทานท่ามกลางอากาศเย็นนิดๆ วัดและเจดีย์ต่างๆรอบๆข่วงในตอนกลางคืนเปิดไฟส่องให้ความสวยงามไปอีกแบบ เสียดายที่เราหิวมาก ไม่ได้หยิบกล้องลงมาถ่ายภาพไว้เลย
เช้าวันแรก...
เที่ยวกาดเช้า ชมวิถีชีวิตคนเมืองน่าน เดินเลือกซื้อของกินและของฝากบ้าง เราทานอาหารเช้าที่นี่ค่ะ
มาถึงน่าน ต้องลอง "ไก" สาหร่ายน้ำจืด มีขายในตลาดเมืองน่านค่ะ
หลังจากนั้นเราแวะไปรับเงินคืนที่ห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ อันที่จริงเราตั้งใจจะเข้าพักเกสต์เฮาส์ แต่เพราะเราจองผิดปี 555 ฟังไม่ผิดค่ะ เราจองผิดปี!! เลยแวะไปรับเงินคืน ที่นี่มีบริการห้องสมุด ร้านกาแฟ และเกสต์เฮาส์ บรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง ทุกๆอย่างถูกจัดวางอย่างเรียบง่าย แต่รับรู้ถึงความตั้งใจในทุกๆรายละเอียด แขกที่เข้ามาเยี่ยมชมสามารถ นั่งเล่น นอกเล่นเอกเขนก ชิวตามอัธยาศัยค่ะ
สั่งกาแฟไปแก้วนึง ได้ชามะตูมร้อนๆแถมมาด้วยค่ะ
เที่ยวเมืองน่านกันต่อเลยค่ะ...
วัดภูมินทร์ โบสถ์และวิหารของวัดสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันประตูไม้ทั้งสี่ทิศแกะสลักลวดลาย โดยช่างฝีมือล้านนาสวยงามมาก
ร้านกาแฟอเมซอนอยู่ใกล้ๆวัด ในรูปแบบที่ตั้งอยู่ในเมืองน่าน น่ารักและแปลกตาดีค่ะ
มุมไฮไลท์ ซุ้มลีลาวดี ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน อยู่ใกล้ๆวัดภูมินทร์ค่ะ
ใครที่ชอบงานศิลปะขับรถประมาณครึ่งชม. แวะชม"หอศิลป์ริมน่าน" ซึ่งเป็นแหล่งรวมศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่ริมน้ำ ตัวอาคารเป็นหอศิลป์ที่สร้างขึ้นในสภาพภูมิประเทศที่เป็นธรรมชาติ เพื่อให้ผู้ที่มาเสพศิลปะนั้นได้ความรู้สึกสบายใจและพักผ่อน ราคาบัตรคนละ 20 บาทค่ะ
สำหรับใครที่ชอบดูดาว คืนนี้เป็นคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราเดินทางไปที่ดอยเสมอดาว เพื่อเค้าท์ดาวน์และนับดาว วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากแทบไม่มีที่กางเต็นท์ เที่ยวช่วงเทศกาลต้องทำใจ แต่เราได้กางเต็นท์ในบริเวณพื้นที่ส่วนตัวที่เป็นไร่ข้าวโพดของคุณลุงคุณป้าใจดีคู่หนึ่ง ท่านอนุญาตให้เราไปกางเต็นท์ได้ ต้องขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากๆ คนไทยใจดีจัง
รีบเคลียร์พื้นที่ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน
ไม่ได้ขึ้นไปชมผาหัวสิงห์ ผาชู้ เหมือนคนอื่นๆ เพราะแน่นอนค่ะ คลื่นมหาชนล้นหลาม เราเลือกขับรถไปที่อุทยานขุนสถาน หวังว่าจะชมดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย แต่ปีใหม่ปีนี้ อากาศไม่หนาวอย่างที่เราคิดไว้ ก็พยายามมองๆหาอยู่ตรงไหน เห็นแค่ต้นก็ยังดี เราสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานบอกว่ายังไม่บาน แต่ทิวทัศน์ และอากาศก็ดีเหมาะแก่การนั่งกินมันเผาร้อนๆมาก
บริเวณนี้จะมีไร่สตอเบอรี่ และชาวเขานำสตอเบอรี่ องุ่น มะเขือเทศสดๆ มาวางขายให้นักท่องเที่ยว ราคาก็ไม่ได้ถูกกว่าที่ซื้อที่กรุงเทพค่ะ แต่เราก็ซื้อนะไหนๆก็มาถึงที่ทั้งที ... อ้อ มันเผาก็มีขายนะคะ
...เดินทางต่อไปเมืองปัว ไปยังสถานที่ในภาพที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราขับรถจากกรุงเทพกว่า 600 กิโล...
ปัว เป็นเมืองเล็กๆ สงบ โรแมนติก....
มื้อแรกที่ปัว ร้านขนมจีนมีกิมมิค “ขนมจีนห้อยขา” ที่ร้านแพวผ้าฝ้าย .. จะพบพี่แพวเจ้าของร้านยิ้มต้อนรับแขกที่มาเยือน พี่แพวเล่าให้เราฟังว่า ปกติเปิดร้านทอผ้ามาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะเปิดร้านขนมจีนได้ประมาณ 5 วัน ถ้าใครมีโอกาสได้มาที่ปัว แวะมาชิมได้นะคะ เป็นขนมจีนบุฟเฟ่ต์ 79 บาทรวมน้ำและของหวาน ถ้าจำไม่ผิด เราจะนั่งทานขนมจีนตามชื่อคือ นั่งห้อยขา ท่ามกลางภูเขา เสียงน้ำไหล เสียงนก อากาศดีๆ ....ต้องมาสัมผัสเองค่ะ
เช้าวันแรกที่ "ปัว"
ปวินทร์ศิลป์ รีสอร์ท ที่พักราคาหลักร้อย บริการดี เจ้าหน้าที่น่ารัก ไม่ผิดหวังที่ขับรถมาเพื่อสิ่งนี้เลยค่ะ
เที่ยวเมืองปัววันนี้ จุดหมายแรกร้านกาแฟบ้านไทลื้อ...
นั่งดื่มกาแฟ กลางทุ่งนา มองไกลออกไปเป็นภูเขาสีเขียว ท้องฟ้าสดใส เงียบๆ บรรยากาศให้ภาพช่วยบรรยายนะคะ....
เป้าหมายต่อไป ดอยภูคา...แต่ไม่รู้ทางค่ะ เราแวะเข้าไปถามที่สถานีตำรวจเมืองปัวก่อนสักหน่อย
เส้นทางนี้เราได้พบว่า ความสวยงามระหว่างการเดินทางมีค่าไม่แพ้จุดมุ่งหมาย เราขับรถไปเรื่อยๆไม่รีบ ใครรีบแซงไปก่อนอยู่กรุงเทพฯก็รีบทุกวันแล้ว ชมธรรมชาติ ภูเขา ต้นไม้ ซึ่งมีตลอดเส้นทาง ใครชอบธรรมชาติ ความสงบ ทริปนี้น่าจะเป็นอีกทริปที่ประทับใจ..
บนดอยภูคา มีเส้นทางธรรมชาติให้เราศึกษา โดยทางอุทยานจะมีบริการไกด์ตัวน้อยนำเราเดินและแนะนำพันธ์ไม้ต่างๆระหว่างทาง เป้าหมายของเราคือต้นชมภูพูคา ซึ่งเมื่อไปถึงก็คิดนะ เอ่อ เอาไปปลูกไว้หน้าทางเข้าเลยดีมั้ย จะได้ไม่ต้องเดินไกล...
ตอนเย็น ได้อาหารพื้นเมืองจากถนนคนเดินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ท ราคาไม่แพง อันไหนน่าสนใจก็ซื้อมาลอง ส่วนภาชนะก็ขอยืมมาจากรีสอร์ทค่ะ เราพยายามหาร้านอาหารพื้นเมืองที่ปัว แต่ไม่ค่อยมีหรือเราหาไม่เจอก็ไม่รู้นะคะ เลยได้มาเป็นแบบนี้ล่ะคะ
เช้าวันที่ 2 "ปัว"
วันนี้หมอกน้อยกว่าเมื่อวาน มองได้ไกลและเห็นภูเขาชัดกว่าเดิม...
ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ วันนี้หมอกน้อย เราหวังว่าจะได้บรรยากาศอีกแบบ กลับไปที่ร้านกาแฟบ้านไทลื้ออีกรอบค่ะ
รับกาแฟอะไรดีค่ะ??
สัมผัสธรรมชาติใกล้ๆ ลงเดินกลางทุ่งนาเลยแล้วกัน
น่านเป็นเมืองเล็กๆ เป็นเมืองศิลปะ รอบๆเมืองน่านถูกจัดวางและสร้างสรรค์ ในศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดน่าน บวกกับความสงบเรียบง่าย และธรรมชาติที่สวยงาม ถ้าใครยังไม่เคยไป ขอบอกว่าต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้งค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นะคะ เป็นกระทู้แรกอาจจะเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่ง เนื้อหาก็ยังหาสาระได้ไม่มาก แต่เป็นรีวิวจากใจล้วนๆค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น