ทริปเที่ยวปีใหม่
ก่อนจะลงเอยที่วังน้ำเขียว นั่งร่างทริปอยู่นาน ตอนแรกจะไปปายบ้างล่ะ จะไปเชียงคานบ้างล่ะ จะไปน่านบ้างล่ะ แต่ก็กลัวว่าคนจะเยอะ สุดท้ายลงเอยที่วังน้ำเขียวซึ่งเคยมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และไม่ประทับจิตเลยเนื่องจากมันแล้งมาก ต้นไม้น้อยมาก ไม่ร่มรื่นเอาเสียเลย บ้านพักที่ไปพักก็ไม่ใช่อย่างที่คิด ครั้งนี้ทำการบ้านใหม่ วางแผนดีกว่าเดิมจากตอนนั้นที่ยังไม่มีลูกพอจะไปก็ไป ไม่ได้วางแผนหรือจัดแจงบ้านพักอะไรไว้ก่อน ครั้งนี้ลูกสองแล้ว คุณสามีก็มีการวางแผนที่ดีขึ้นแยะ
29 ธันวา 58
วันนี้เราไปแวะเที่ยวที่ฟาร์มโคนมไทยเดนมาร์กก่อน เพราะเพื่อนต้นข้าวไปมา และเราเห็นว่าน่าสนุกดี เด็กๆ น่าจะชอบ ก็เลยเจริญรอยตามกันมา
แอ็คท่าด้านหน้าก่อนเข้าไปด้านใน
รอบการแสดงโชว์ภายในฟาร์ม ก่อนมามีการทำการบ้านว่าจะต้องมาให้ถึงตอนกี่โมงเพื่อจะได้เข้าไปดูโชว์จนครบทุกอย่าง พร้อมราคาที่เก็บตรงนี้แล้วด้านในไม่ต้องไปจ่ายอะไรแล้ว
ซื้อตั๋วเข้าฟาร์มได้ตรงจุดขายของตรงนี้เลยค่ะ
ตั๋ว 1 ใบ จะได้นม UHT สมนาคุณ 1 กล่อง อันนี้เป็นรสใหม่ รสสับปะรด
ด่านแรกที่เจอสาธิตการทำปุ๋ยนมสด เพิ่งจะถึงบางอ้อว่าทำไมเค้าถึงเรียกพุทรานมสดว่าพุทรานมสด เพราะพุทรานั้นใช้ปุ๋ยนมสดที่วิทยากรสาธิตนี่เอง
อาคารกลัดกระดุม อาคารสอนการทำปุ๋ยนมสด ถ้าใครสนใจสามารถซื้อได้ที่จุดขายตั๋วด้านหน้า ขวดละ 20.- เอง
พาหนะที่นั่งจะเป็นเหมือนรถอีแต๋นพ่วงค่ะ อากาศไม่ร้อน ลมเย็นพัดสบาย นั่งเพลินกันไปเลย เด็กๆ ชอบมาก
ระหว่างทางจะมีสัตว์ป่า เช่น กวาง นกกระจอกเทศ ให้เลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ หญ้าฟรีค่ะ เลี้ยงกันเพลินไปเลย
ถึงแล้ว อาคารสาธิตการรีดนมวัว แถมให้เด็กๆ ได้มีโอกาสไปลองรีดนมวัวด้วย ก่อนจะรีดนมวัว ไกด์จะให้ไปฟังความเป็นมาของฟาร์มแห่งนี้ก่อนในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แล้วจึงออกมารีดนมวัว กิจกรรมที่เด็กๆ รอคอย
ต้นข้าวรีดนมวัวค่ะ ชอบมากเด็กน้อย
จากนั้นก็มีบริการน้ำนมวัวเอาไปป้อนนมลูกวัวฟรีคนละ 1 ขวด
น้องวัวดูดแรงมาก แรงเด็กที่ถือจะทานแรงดูดไม่ไหว ต้องจับขวดไว้แน่นๆ ค่ะ ไม่งั้นน้องวัวกระชากหลุดจากมือไปเลย
ระหว่างทางจะผ่านทุ่งหญ้า ซึ่งไกด์ประจำรถบอกว่าเป็นหญ้าพันธุ์อะไรซักอย่างที่ใช้เป็นอาหารของวัวในฟาร์มแห่งนี้ เขียวขจีมาก สบายตาเป็นที่สุด
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนเข้าไปดูโชว์คาวบอย
ตรงนี้จะมีโชว์ขี่ม้าหลายแบบค่ะ แบบควบ แบบเดินโชว์ โชว์การใช้แส้ การใช้บ่วงจับวัวเพื่อนำไปรักษา บอกถึงการแต่งตัวของคาวบอยที่ถูกต้อง และให้นักท่องเที่ยวร่วมลงไปแสดงกับคาวบอย ใครลงไปแสดงจะได้ขี่ม้าฟรีด้วยนะคะ
พอบอกว่าใครลงไปมาร่วมแสดงจะได้ขี่ม้าฟรี ต้นข้าวชูจุ๊กกะแร้ลงไปเป็นคนแรกเลย (อารมณ์อยากขี่ม้าจัด) 555
หลังเต้นร่วมกับคาวบอยเรียบร้อย ก็ได้ขี่ม้าดั่งใจฝน ดี๊ด๊ากันใหญ่พี่น้อง
ขี่ม้าฟรีคนละ 1-2 รอบ
แอ็คท่าถ่ายรูปซักโหน่ย
เฉาก๊วยชากังราว สนนราคาแก้วละ 20 บาท ดูเสร็จมาซื้อหม่ำ สดชื่นดีค่ะ
สิ่งที่ต้องไม่พลาดสำหรับเด็กๆ คือ "ไอติม" อุดหนุนไอติมซักหน่อย อร่อยได้รสนมจริงๆ ต้นน้ำคอนเฟิร์มครับ
จากนั้นแวะทานข้าวกลางวันระหว่างทาง จำชื่อร้านไม่ได้ค่ะ แล้วก็ตรงดิ่งมา check in ที่ "บ้านไร่โอโซน" เลย มาถึงที่พักเข้ามาช้ากว่าเด็กๆ และพ่อบ้าน สภาพจึงมีของวางเต็มไปหมด พร้อมกับเด็กน้อยเดินสำรวจโน่นนี่นั่นกัน
บ้านที่พักชื่อ "บ้านชงโค" ค่ะ มี 2 ห้องนอน และใช้ระเบียงด้านหน้าร่วมกัน ห้องทั้ง 2 ห้องไม่สามารถเชื่อมต่อกันภายในได้ ก่อนจะมามีการศึกษาอ่านรีวิวอยู่บ้าง มีคนคอมเม้นท์ไปว่าภายในบ้านน่าจะมีห้องโถงที่ใช้ด้วยกันจะดีมาก เราก็เห็นด้วยนะคะ แต่ดูจากพื้นที่น่าจะไม่สามารถ เพราะถ้าทำแบบนั้นคงต้องต่อเติมออกไปใหม่
บริเวณหน้าบ้านในส่วนของระเบียงที่ใช้ร่วมกัน จะมีชิงช้าไว้ให้นั่งเล่น
ภายในห้องนอนจะมีเตียง King size 1 เตียง แอร์ ชุดเก้าอี้ไม้รับแขก 2 ที่ ทีวี ตู้เย็น และห้องน้ำในตัว+น้ำอุ่น
บริเวณหน้าห้องพักของเราจะเป็นเก้าอี้ไม้ให้เอนหลัง แต่มันแข็งนั่งไม่สบาย เลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ค่ะ
ภายในห้องน้ำ
มองจากห้องพักไปจะเป็นระเบียงยื่นออกไปให้นั่งทานข้าวตอนเช้า และนั่งทานอาหารตอนเย็นได้ค่ะ ด้านล่างจะเป็นห้องพักอีกห้องนึง
เข้าไปเก็บของและเดินสำรวจแถวๆ รีสอร์ทได้นิดหน่อย ก็ออกไปปลูกป่าแบบยิงหนังสติ๊กที่ "ผาเก็บตะวัน" ที่นี่เจ้าสองต้นมาเป็นครั้งที่ 2 ครั้งนี้คนเยอะกว่าครั้งแรก แม้จะเคยยิงหนังสติ๊กโดยมีลูกมะค่ามงใช้สำหรับยิง แต่ได้มายิงเล่นอีกเด็กๆ ก็ยังคงสนุกและชอบกันมากเหมือนเดิม ตรงนั้นจะมีร้านขายของของอุทยานผาเก็บตะวัน ลูกมะค่าถุงละ 10.- ส่วนไม้ยิงหนังสติ๊กให้ยืมไปยิงแล้วก็เอามาคืน
แถวนั้นจะมีบ้านต้นไม้อยู่ค่ะ ครั้งที่แล้วมาเด็กๆ ไม่สนใจ เพราะมัวตื่นเต้นกับการปลูกป่าแบบยิงหนังสติ๊ก ครั้งนี้ก็เลยมาสนใจและก็ปีนขึ้นไปกันโดยมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ เพราะอาจตกลงมาได้เนื่องจากบันไดค่อนข้างชัน ตอนขึ้นก็ปีนคล่องแคล่วดี แป๊บเดียวก็ถึงด้านบนกันแล้ว
ขากลับตั้งใจจะแวะทานอาหารที่ร้านครัวต้นไทร แต่คนเยอะมากไม่มีที่นั่งเลยไปนั่งกินหมูกระทะกุ๊กไก่แทน หมูกระทะอร่อยนะคะ แต่อาหารตามสั่งไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ (ส่วนตัวนะคะ) สั่งข้าวผัดกุ้ง กุ้งไม่สด และข้าวแข็งพอตัว นั่งทานกันสักพักก็กลับเข้าที่พักดึกเลย
[CR] วังน้ำเขียว ณ เดือนธันวาคม 58
ก่อนจะลงเอยที่วังน้ำเขียว นั่งร่างทริปอยู่นาน ตอนแรกจะไปปายบ้างล่ะ จะไปเชียงคานบ้างล่ะ จะไปน่านบ้างล่ะ แต่ก็กลัวว่าคนจะเยอะ สุดท้ายลงเอยที่วังน้ำเขียวซึ่งเคยมาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และไม่ประทับจิตเลยเนื่องจากมันแล้งมาก ต้นไม้น้อยมาก ไม่ร่มรื่นเอาเสียเลย บ้านพักที่ไปพักก็ไม่ใช่อย่างที่คิด ครั้งนี้ทำการบ้านใหม่ วางแผนดีกว่าเดิมจากตอนนั้นที่ยังไม่มีลูกพอจะไปก็ไป ไม่ได้วางแผนหรือจัดแจงบ้านพักอะไรไว้ก่อน ครั้งนี้ลูกสองแล้ว คุณสามีก็มีการวางแผนที่ดีขึ้นแยะ
29 ธันวา 58
วันนี้เราไปแวะเที่ยวที่ฟาร์มโคนมไทยเดนมาร์กก่อน เพราะเพื่อนต้นข้าวไปมา และเราเห็นว่าน่าสนุกดี เด็กๆ น่าจะชอบ ก็เลยเจริญรอยตามกันมา
แอ็คท่าด้านหน้าก่อนเข้าไปด้านใน
รอบการแสดงโชว์ภายในฟาร์ม ก่อนมามีการทำการบ้านว่าจะต้องมาให้ถึงตอนกี่โมงเพื่อจะได้เข้าไปดูโชว์จนครบทุกอย่าง พร้อมราคาที่เก็บตรงนี้แล้วด้านในไม่ต้องไปจ่ายอะไรแล้ว
ซื้อตั๋วเข้าฟาร์มได้ตรงจุดขายของตรงนี้เลยค่ะ
ตั๋ว 1 ใบ จะได้นม UHT สมนาคุณ 1 กล่อง อันนี้เป็นรสใหม่ รสสับปะรด
ด่านแรกที่เจอสาธิตการทำปุ๋ยนมสด เพิ่งจะถึงบางอ้อว่าทำไมเค้าถึงเรียกพุทรานมสดว่าพุทรานมสด เพราะพุทรานั้นใช้ปุ๋ยนมสดที่วิทยากรสาธิตนี่เอง
อาคารกลัดกระดุม อาคารสอนการทำปุ๋ยนมสด ถ้าใครสนใจสามารถซื้อได้ที่จุดขายตั๋วด้านหน้า ขวดละ 20.- เอง
พาหนะที่นั่งจะเป็นเหมือนรถอีแต๋นพ่วงค่ะ อากาศไม่ร้อน ลมเย็นพัดสบาย นั่งเพลินกันไปเลย เด็กๆ ชอบมาก
ระหว่างทางจะมีสัตว์ป่า เช่น กวาง นกกระจอกเทศ ให้เลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ หญ้าฟรีค่ะ เลี้ยงกันเพลินไปเลย
ถึงแล้ว อาคารสาธิตการรีดนมวัว แถมให้เด็กๆ ได้มีโอกาสไปลองรีดนมวัวด้วย ก่อนจะรีดนมวัว ไกด์จะให้ไปฟังความเป็นมาของฟาร์มแห่งนี้ก่อนในห้องแอร์เย็นฉ่ำ แล้วจึงออกมารีดนมวัว กิจกรรมที่เด็กๆ รอคอย
ต้นข้าวรีดนมวัวค่ะ ชอบมากเด็กน้อย
จากนั้นก็มีบริการน้ำนมวัวเอาไปป้อนนมลูกวัวฟรีคนละ 1 ขวด
น้องวัวดูดแรงมาก แรงเด็กที่ถือจะทานแรงดูดไม่ไหว ต้องจับขวดไว้แน่นๆ ค่ะ ไม่งั้นน้องวัวกระชากหลุดจากมือไปเลย
ระหว่างทางจะผ่านทุ่งหญ้า ซึ่งไกด์ประจำรถบอกว่าเป็นหญ้าพันธุ์อะไรซักอย่างที่ใช้เป็นอาหารของวัวในฟาร์มแห่งนี้ เขียวขจีมาก สบายตาเป็นที่สุด
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก่อนเข้าไปดูโชว์คาวบอย
ตรงนี้จะมีโชว์ขี่ม้าหลายแบบค่ะ แบบควบ แบบเดินโชว์ โชว์การใช้แส้ การใช้บ่วงจับวัวเพื่อนำไปรักษา บอกถึงการแต่งตัวของคาวบอยที่ถูกต้อง และให้นักท่องเที่ยวร่วมลงไปแสดงกับคาวบอย ใครลงไปแสดงจะได้ขี่ม้าฟรีด้วยนะคะ
พอบอกว่าใครลงไปมาร่วมแสดงจะได้ขี่ม้าฟรี ต้นข้าวชูจุ๊กกะแร้ลงไปเป็นคนแรกเลย (อารมณ์อยากขี่ม้าจัด) 555
หลังเต้นร่วมกับคาวบอยเรียบร้อย ก็ได้ขี่ม้าดั่งใจฝน ดี๊ด๊ากันใหญ่พี่น้อง
ขี่ม้าฟรีคนละ 1-2 รอบ
แอ็คท่าถ่ายรูปซักโหน่ย
เฉาก๊วยชากังราว สนนราคาแก้วละ 20 บาท ดูเสร็จมาซื้อหม่ำ สดชื่นดีค่ะ
สิ่งที่ต้องไม่พลาดสำหรับเด็กๆ คือ "ไอติม" อุดหนุนไอติมซักหน่อย อร่อยได้รสนมจริงๆ ต้นน้ำคอนเฟิร์มครับ
จากนั้นแวะทานข้าวกลางวันระหว่างทาง จำชื่อร้านไม่ได้ค่ะ แล้วก็ตรงดิ่งมา check in ที่ "บ้านไร่โอโซน" เลย มาถึงที่พักเข้ามาช้ากว่าเด็กๆ และพ่อบ้าน สภาพจึงมีของวางเต็มไปหมด พร้อมกับเด็กน้อยเดินสำรวจโน่นนี่นั่นกัน
บ้านที่พักชื่อ "บ้านชงโค" ค่ะ มี 2 ห้องนอน และใช้ระเบียงด้านหน้าร่วมกัน ห้องทั้ง 2 ห้องไม่สามารถเชื่อมต่อกันภายในได้ ก่อนจะมามีการศึกษาอ่านรีวิวอยู่บ้าง มีคนคอมเม้นท์ไปว่าภายในบ้านน่าจะมีห้องโถงที่ใช้ด้วยกันจะดีมาก เราก็เห็นด้วยนะคะ แต่ดูจากพื้นที่น่าจะไม่สามารถ เพราะถ้าทำแบบนั้นคงต้องต่อเติมออกไปใหม่
บริเวณหน้าบ้านในส่วนของระเบียงที่ใช้ร่วมกัน จะมีชิงช้าไว้ให้นั่งเล่น
ภายในห้องนอนจะมีเตียง King size 1 เตียง แอร์ ชุดเก้าอี้ไม้รับแขก 2 ที่ ทีวี ตู้เย็น และห้องน้ำในตัว+น้ำอุ่น
บริเวณหน้าห้องพักของเราจะเป็นเก้าอี้ไม้ให้เอนหลัง แต่มันแข็งนั่งไม่สบาย เลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ค่ะ
ภายในห้องน้ำ
มองจากห้องพักไปจะเป็นระเบียงยื่นออกไปให้นั่งทานข้าวตอนเช้า และนั่งทานอาหารตอนเย็นได้ค่ะ ด้านล่างจะเป็นห้องพักอีกห้องนึง
เข้าไปเก็บของและเดินสำรวจแถวๆ รีสอร์ทได้นิดหน่อย ก็ออกไปปลูกป่าแบบยิงหนังสติ๊กที่ "ผาเก็บตะวัน" ที่นี่เจ้าสองต้นมาเป็นครั้งที่ 2 ครั้งนี้คนเยอะกว่าครั้งแรก แม้จะเคยยิงหนังสติ๊กโดยมีลูกมะค่ามงใช้สำหรับยิง แต่ได้มายิงเล่นอีกเด็กๆ ก็ยังคงสนุกและชอบกันมากเหมือนเดิม ตรงนั้นจะมีร้านขายของของอุทยานผาเก็บตะวัน ลูกมะค่าถุงละ 10.- ส่วนไม้ยิงหนังสติ๊กให้ยืมไปยิงแล้วก็เอามาคืน
แถวนั้นจะมีบ้านต้นไม้อยู่ค่ะ ครั้งที่แล้วมาเด็กๆ ไม่สนใจ เพราะมัวตื่นเต้นกับการปลูกป่าแบบยิงหนังสติ๊ก ครั้งนี้ก็เลยมาสนใจและก็ปีนขึ้นไปกันโดยมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ เพราะอาจตกลงมาได้เนื่องจากบันไดค่อนข้างชัน ตอนขึ้นก็ปีนคล่องแคล่วดี แป๊บเดียวก็ถึงด้านบนกันแล้ว
ขากลับตั้งใจจะแวะทานอาหารที่ร้านครัวต้นไทร แต่คนเยอะมากไม่มีที่นั่งเลยไปนั่งกินหมูกระทะกุ๊กไก่แทน หมูกระทะอร่อยนะคะ แต่อาหารตามสั่งไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ (ส่วนตัวนะคะ) สั่งข้าวผัดกุ้ง กุ้งไม่สด และข้าวแข็งพอตัว นั่งทานกันสักพักก็กลับเข้าที่พักดึกเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น