“ดื่มนม ชมฟาร์ม ตามรอยเท้าพ่อ” เป็นสโลแกนการท่องเที่ยวเชิงเกษตรขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยหรือฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ที่ผมได้มีโอกาสพาลูกชายวัย 2 ขวบ 9 เดือน นั้งรถไฟไปเที่ยวมาเมื่อวันเสาร์ (15 กันยายน) ที่ผ่านมาครับ
    ถ้าพูดถึงนมไทย-เดนมาร์ค ก็ต้องนึกถึงนมวัวแดงกันแน่ๆ ลูกชายผมจะกินนมจิตรลดาสลับกับนมไทย-เดนมาร์ค วันละ 2-3 กล่องทุกวัน หรือบางทีก็จะมีนมวาริชบ้างบางวันครับ อยากให้ลูกชายตัวสูงๆ คราวนี้เลยถือเป็นโอกาสดีที่จะพาลูกชายผมไปเที่ยวแบบเชิงเกษตร ได้ไปเห็นขั้นตอนการผลิตนมไทย-เดนมาร์คที่เค้าได้กินทุกวันจริงๆ

    ทริปนี้เริ่มต้นด้วยการโทรไปจองทริปกับองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ฝ่ายท่องเที่ยวเชิงเกษตร ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เบอร์โทร 036-342053 ก่อนครับ ราคาคนละ 249 บาท ราคารวมอาหารกลางวันแล้วแต่ไม่ได้รวมค่าตั๋วรถไฟไปกลับนะครับ

    ในส่วนของรถไฟผมเลือกจองแบบชั้นสองครับเลือกนั้งจากหัวลำโพงไปมวกเหล็ก ผู้ใหญ่ราคาคนละ 122 บาท อยากให้ลูกชายเห็นรถไฟเยอะๆหลายๆขบวนที่สถานีหัวลำโพงครับ ผมว่ามันดูมีเสนห์และคลาสสิคมาก รถไฟขบวน 135 กรุงเทพ-อุบลราชธานี รถออกจากสถานีหัวลำโพง 06.40 AM. ถึงสถานีมวกเหล็ก 10.13 AM.
    ส่วนขากลับจองชั้นสองเหมือนเดิมครับแต่เลือกจากมวกเหล็กลงสถานีดอนเมืองแล้วนั้งแท็กซี่ต่อเข้าบ้านแทนเพราะใกล้กว่า  ผู้ใหญ่ราคาคนละ 91 บาท รถไฟขบวน 146 อุบลราชธานี-กรุงเทพ รถออกจากสถานีมวกเหล็ก 17.29 PM. ถึงสถานีดอนเมือง 20.16 PM (ถ้าจะไปถึงหัวลำโพง รถไฟจะถึงประมาณ 21.10 PM ซึ่งผมว่าค่อนข้างดึกไปมากสำหรับเด็กเล็กครับ)

สถานีรถไฟหัวลำโพงตอนเช้าวันเสาร์ครับ

สภาพรถไฟชั้นสองของขบวน 135 ครับ

    แล้วสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นครับ 06.40 แล้วรถไฟก็ยังไม่ออก (ไม่มีทีท่าจะออกเลยด้วย) สรุปรถไฟดีเลย์ครับ ดีเลยไป 85 นาที จากที่ต้องออก 06.40 แต่ออกจริง 08.05 TTT_TTT ประสบการณ์การนั้งรถไฟครั้งแรกของลูกชายผมครับ ^^

ระหว่างทางก็ดูวิวสองข้างทางเพลินๆ มีเด็กๆมาเที่ยวกันอีกหลายครอบครัวเลยครับ

     ถึงแล้วสถานีมวกเหล็ก ประมาณ 11 โมงนิดๆครับ (รถไฟทำเวลาได้ดีมากเลยครับคิดว่าจะถึงเที่ยงกว่า) จริงๆ ต้องมีพี่วัวแดงมาต้อนรับครับ แต่รถไฟดีเลย์ พี่วัวแดงเลยมาเตรียมตัวต้อนรับไม่ทัน 55555

เริ่มออกเดินทางด้วยการนั้งรถรางไปเที่ยวครับ

น้องๆเจ้าหน้าที่ของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค เลยเอานมเปรี้ยวเย็นๆกับน้ำดื่มมาแจกคนละกล่องแก้ร้อนครับ

มีน้องๆของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค บรรยายให้ความรู้ตลอดสองข้างทางครับ

มาที่แรกที่ สวนรุกขชาติมวกเหล็กครับ

พี่ๆเจ้าหน้าของอุทยานมาให้ความรู้ครับ (แต่เด็กๆ ดูจะสนใจพี่วัวแดงมากกว่า 55555)

    พี่เจ้าหน้าของอุทยานให้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ต่างๆ แล้วพาไปดู “ต้นประดู่” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงปลูกไว้เมื่อวันที่ 24เมษายน 2501 ครับ

หลังจากนั้นก็พาไปเดินสะพานข้ามสองจังหวัด ฝั่งนี้อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ฝั่งนู้น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ถ่ายรูปกลางสะพานกับน้ำตกมวกเหล็กครับ (เกาะเชือกเเน่นเลย ^^)

เสร็จแล้วก็เข้าสู่ในส่วนขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทยหรือฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คครับ

เดี่ยวไปกินข้าวเที่ยงกันก่อน ผมสั่งเป็นสเต็กหมูมาสามจานครับ (สำหรับเด็กจะเลือกเป็นข้าวผัดอเมริกันก็มีนะครับ)

หลังจากอิ่มมื้อเที่ยงก็เริ่มกิจกรรมที่ฐานแรกครับ ดูวิธีการทำปุ๋ยจากนมวัวที่หมดอายุหรือไม่ผ่าน QC ครับ

มีกิจกรรมสอนทำสบู่จากธรรมชาติให้เด็กๆด้วยครับ (มีแจกสบู่ให้น้องๆ ก่อนกลับด้วยครับ)

ไปต่อฐานที่สองที่อาคารหลังนี้ครับ สร้างตั้งแต่ปี 1962

มีสาธิตการรีดนมวัว และให้เด็กๆได้ลองรีดนมวัวด้วยครับ

หลังจากนั้นก็เดินไปอาคารด้านหลังไปป้อนนมลูกวัวครับ (เดินผ่านพ่อพันธุ์วัวด้วย แต่ตัวพ่อพันธุ์จริงๆจะตัวใหญ่กว่านี้มาก)

เสร็จจากนั้นไปต่อกันที่ ฐานที่ 3 ครับ ในส่วนของโซนคาวบอย

มีให้เด็กๆ ได้ลองขี่ม้า (เป็นม้าฝึกที่ใช้ในการแข่งขันครับจะเชื่องมาก) คนละ 50 บาทครับ

    ระหว่างรอน้องๆคนอื่นๆ ขี่ม้าอยู่ น้องๆเจ้าหน้าที่ของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ก็แจกนมเย็นๆให้อีกคนละ 1 ขวดครับ  (บางคนก็ได้เป็นไอติมครับ)
เสร็จจากนั้งดูโชว์ในโซนคาวบอย ก็ไปในส่วนของฐานที่ 4 ฐานสุดท้ายครับ เป็นในส่วนของโรงงานนมไทย-เดนมาร์ค ได้นั้งฟังบรรยายให้ความรู้ และได้เดินดูไลน์การผลิตของนมไทย-เดนมาร์ค ด้วยครับ

เสร็จจากนั้นก็มานั้งพักกินนมที่ MILK LAND คาเฟ่ของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์คครับ

    ประมาณบ่ายสี่โมงเย็นกว่าๆ ก็นั้งรถรางไปสถานีรถไฟมวกเหล็กครับ แต่น้องๆเจ้าหน้าที่ของฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค พาไปแวะซื้อของฝากจังหวัดสระบุรีกันก่อน กระหรี่ปั๊บครับ

แล้วก็มาส่งที่สถานีรถไฟมวกเหล็ก แถมยังแจกกระบอกน้ำให้อีกคนละกระบอกเป็นที่ระลึกครับ

    รถไฟขากลับมาตรงเวลาครับ ไม่ดีเลย์แล้ว ^^ ลูกชายผมหลับตั้งแต่ตอนรอรถไฟแล้วครับ ขากลับก็นั้งรถไฟลมเย็นๆ เข้ากรุงเทพ แต่ประมาณใกล้ๆถึงรังสิต ฝนตกครับ หน้าต่างของรถไฟบางบานปิดไม่ได้ TTT_TTT แต่ยังดีที่เข้าเขตกรุงเทพแล้ว คนในรถไฟค่อนข้างมีน้อย เลยสลับที่นั้งได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการได้พาลูกชายขึ้นรถไฟไปเที่ยว
1.    โอกาสที่รถไฟจะดีเลย์หรือมาถึงช้ามีค่อนข้างมาก แต่ยังงัยก็ต้องมารอก่อนเวลารถไฟเสมอ
2.    ความสะอาดของรถไฟเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญมากๆครับ ยิ่งช่วงนี้ RSV กับไข้หวัด กำลังระบาดอยู่ ผมใช้ทิชชูเปียกทำความสะอาดทั้งเบาะ ที่วางของ และขอบหน้าต่าง
3.    ขากลับเป็นช่วงเย็นจนถึงค่ำ ก็เหมือนจะมียุงและแมลงนะครับ แต่ผมฉีดสเปย์กันยุงให้ลูกชายผมแล้ว
4.    ผมเลือกจองที่นั้งชั้นสองซึ่งเป็นแบบระบุที่นั้ง ทำให้ไม่ต้องกังวล เพราะเห็นผู้โดยสารชั้นสามหลายคนต้องยืนจากกรุงเทพมาถึงอยุธยา
5.    ผมเลือกซื้อน้ำและขนมเตรียมขึ้นมาบนรถไฟเลยครับ แต่บนรถไฟก็มีขายอยู่หลายอย่าง แต่ไม่มีโอกาสได้ลอง ^^
6.    ขาไปผมเตรียมของเล่นกับขนมที่ลูกชอบไปค่อนข้างเยอะ ทำให้เค้าเพลินกับวิวสองข้างทางในช่วงแรกโซนกรุงเทพ แต่เลยอยุธยาไปแล้วเหมือนจะเฉยๆแล้วครับ เพราะจะมีแต่ทุ่งนา ทุ่งหญ้า
7.    เลยสถานีสระบุรีใกล้ๆถึงสถานีมวกเหล็กจะมีโรงงาน ที่จะค่อนข้างมีกลิ่นกับฝุ่นพอสมควร ผมเลยใช้ผ้าอ้อมปิดจมูกลูกชายไว้ก่อน
8.    เจ้าหน้าที่รถไฟใจดีมากครับ  
*** อาจจะดูว่าผมเรื่องมากหรือเรื่องเยอะกับการนั้งรถไฟเที่ยวครั้งนี้ แต่ผมแค่อยากให้ลูกชายผมนั้งรถไฟเที่ยวอย่างสนุกมีความสุขและกลับบ้านไม่ป่วยไม่เป็นไข้ เท่านั้นครับ ^___^ ***

     ทริปนี้ถือเป็นประสบการณ์นั้งรถไฟครั้งแรกของทั้งลูกชายและของแฟนผมครับ ตื่นเต้นกันทั้งแม่ทั้งลูก ประสบการณ์ที่ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ถึอเป็นอีกหนึ่งการเรียนรู้ให้กับครอบครัวผมครับ การได้ทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกัน ได้ลองรีดนมวัวที่สนุกสนานทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ได้เห็นกรรมวิธีการผลิตนมไทย-เดนมาร์ค ยิ่งทำให้ครอบครัวผมหลงรักนมวัวแดงมากขึ้นไปอีก อีกหนึ่งความสุขของเด็กผู้ชายคนนี้ครับ ^^