ช่วงปลายปี 58 ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปร่วมงานมงคลมาหลายงาน สงสัยจะเป็นช่วงเทศกาลงานแต่ง วันนี้เราอยากจะมาแชร์ความรู้สึก และอยากจะฟังควงามคิดเห็นคนอื่นดูบ้าง ว่าแต่ละคนคิดยังไงกับงานแต่งงานในปัจจุบัน (อันนี้เราขอชี้แจ้งก่อนว่า เป็นความรู้สึกส่วนตัว ในฐานะแขกที่ไปร่วมงาน)
1. การ์ดเชิญ: สมัยนี้เขาไม่แจกการ์ดกันแล้วหรือ บ่าวสาวไม่เดินสายแจกการ์ดด้วยตัวเองแล้วหรือ คือเอาง่ายเข้าว่า แท็กการ์ดผ่านเฟสบุ๊ค ส่งรูปการ์ดทางไลน์ งานล่าสุดที่เราไป ไปในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว เขาส่งการ์ดเข้ามาในไลน์กลุ่มเพื่อน สำหรับกรณีนี้คือเราไป เพราะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน แต่ปกติถ้ามีการแท็กการ์ดผ่านเฟสบุ๊ค หรือส่งมาทางไลน์ เราจะไม่ไป ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของงานเต็มใจให้เราไปหรือเปล่า หรือแค่ประกาศให้ทราบเฉยๆว่าเจ้าตัวกำลังจะแต่งงาน พอไปถึงหน้างาน เจ้าของงานหยิบการ์ดมาให้ หน้าซองก็ไม่พิมพ์ชื่อ ปากกาจะให้เขียนชื่อก็ไม่มี อันนี้คือประสบการณ์ที่เจอมาจากงานล่าสุดที่ไป
2. สถานที่จัดงาน: ไม่ว่าจะเป็นบ้าน โรงแรม หรือสโมสรต่างๆ อยากให้นึกถึงแขกที่จะไปร่วมงานนิดหนึ่ง บางคนบอกแค่สถานที่ แต่ไม่บอกพิกัดและเส้นทาง การ์ดคุณก็ไม่แจก แผนที่คุณก็ไม่ให้ คุณแค่บอกจัดงานวันไหน เวลากี่โมง จัดที่ไหน แต่คุณไม่มีแผนที่ให้ คนไปจะไปถูกหรอ มีบ่อยครั้งที่หลงทาง อย่างงานล่าสุดที่ไป บอกแค่ชื่อสโมสรที่จัดงาน แต่ไม่บอกว่าอยู่ตรงไหน ไปยังไง หลงสิครับ จะรอไรหละ งานเริ่ม 6 โมง กว่าจะไปถึงงาน หลงแล้วหลงอีก ไปถึงก็ 2 ทุ่ม งานเขาจะเลิกอยู่แระ
3. อาหาร: เราไม่ได้เห็นแก่กินนะ แต่ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ คุณเชิญแขกมาร่วมแสดงความยินดี ร่วมรับประทานอาหาร แต่อาหารไม่อร่อยเรายังพอรับได้ แต่อาหารไม่พอนี่สิ อาหารหมด หรือบางทีไปแบบไม่มีกลุ่ม ก็ต้องไปนั่งกับแขกท่านอื่น แต่อาหารบนโต๊ะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว คนนั่งก่อนก็กินก่อน หมดก่อน คนนั่งทีหลังก็นั่งมองจานเปล่า ดื่มน้ำเปล่าแก้คอแห้ง เห็นบางโต๊ะมีคนนั่ง 3 คน ลงอาหารเต็มโต๊ะ คนนั่งก่อนก็กินก่อน คนนั่งทีหลังก็นั่งมองหน้ากันไป คือเรื่องอาหารนี้พูดเลยว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆในการจัดงาน งานจะดีไม่ดี คนจะพูดถึงในทางที่ดีหรือไม่ดี มันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องอาหารด้วย สมมุติคุณไปงานแต่ง ใส่ซอง 500 บ. แต่คุณได้กินแต่น้ำเปล่ากับข้าวเกรียบ อันนี้ก็น่าคิดนะ
4. การต้อนรับแขก: ถ้ามีแขกหลายกลุ่ม เพื่อนโรงเรียน เพื่อนมหาวิทยาลัย ที่ทำงาน ญาติ ถ้ามีป้ายระบุบนโต๊ะได้ก็น่าจะดีมาก อย่างน้อยก็ได้นั่งกับคนคุ้นเคย ได้คุยกันบ้าง แต่บางงานนี้ไม่ใช่เลย ไปถึงงานบางทีจะถ่ายรูปหน้างานกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังยาก หาเจ้าของงานไม่เจอ เจ้าบ่าวยืนคุยกับเพื่อน เจ้าสาวถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนเจ้าสาว บางทีก็ต้องหาโต๊ะนั่งกันเองก็มี เพราะไม่มีคนพาไปนั่งที่โต๊ะ ตามปกติงานทั่วไปที่เคยไปมาจะเห็นว่า เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว เขามีไว้เพื่อให้ช่วยตอนรับแขก พาแขกไปนั่งที่โต๊ะ ดูแลช่วยงาน แต่สมัยนี้ไปงานแต่งต้องเดินหาโต๊ะนั่งเอง เพื่อนเจ้าสาวจับกลุ่มถ่ายเซลฟี่ เพื่อนเจ้าบ่าวจับกลุ่มนั่งดื่ม
ปล.อันนี้คือมุมมองความคิดเราอะนะ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเห็นเหมือนเรารึเปล่า แต่ที่เราข้องใจที่สุดก็เรื่องการ์ดงานแต่งแหละ เรื่องแท็กการ์ดทางเฟส โดยส่วนตัวเรา เราไม่ไปเลย ถ้าเชิญผ่านทางเฟสบุ๊คหรือไลน์ ถ้าไม่สนิทจริงๆ เราไม่ไป ส่วนประเด็นอื่นก็ไม่เท่าไหร่ ก็เข้าใจว่าการจัดงานอาจมีตกหล่นหรือผิดพลาดกันบ้าง อาจจะดูแลแขกไม่ทั่วถึง ก็พอเข้าใจ
แขกงานแต่ง..ความรู้สึกในฐานะแขกที่ไปร่วมงาน
1. การ์ดเชิญ: สมัยนี้เขาไม่แจกการ์ดกันแล้วหรือ บ่าวสาวไม่เดินสายแจกการ์ดด้วยตัวเองแล้วหรือ คือเอาง่ายเข้าว่า แท็กการ์ดผ่านเฟสบุ๊ค ส่งรูปการ์ดทางไลน์ งานล่าสุดที่เราไป ไปในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว เขาส่งการ์ดเข้ามาในไลน์กลุ่มเพื่อน สำหรับกรณีนี้คือเราไป เพราะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน แต่ปกติถ้ามีการแท็กการ์ดผ่านเฟสบุ๊ค หรือส่งมาทางไลน์ เราจะไม่ไป ถ้าไม่สนิทกันจริงๆ เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของงานเต็มใจให้เราไปหรือเปล่า หรือแค่ประกาศให้ทราบเฉยๆว่าเจ้าตัวกำลังจะแต่งงาน พอไปถึงหน้างาน เจ้าของงานหยิบการ์ดมาให้ หน้าซองก็ไม่พิมพ์ชื่อ ปากกาจะให้เขียนชื่อก็ไม่มี อันนี้คือประสบการณ์ที่เจอมาจากงานล่าสุดที่ไป
2. สถานที่จัดงาน: ไม่ว่าจะเป็นบ้าน โรงแรม หรือสโมสรต่างๆ อยากให้นึกถึงแขกที่จะไปร่วมงานนิดหนึ่ง บางคนบอกแค่สถานที่ แต่ไม่บอกพิกัดและเส้นทาง การ์ดคุณก็ไม่แจก แผนที่คุณก็ไม่ให้ คุณแค่บอกจัดงานวันไหน เวลากี่โมง จัดที่ไหน แต่คุณไม่มีแผนที่ให้ คนไปจะไปถูกหรอ มีบ่อยครั้งที่หลงทาง อย่างงานล่าสุดที่ไป บอกแค่ชื่อสโมสรที่จัดงาน แต่ไม่บอกว่าอยู่ตรงไหน ไปยังไง หลงสิครับ จะรอไรหละ งานเริ่ม 6 โมง กว่าจะไปถึงงาน หลงแล้วหลงอีก ไปถึงก็ 2 ทุ่ม งานเขาจะเลิกอยู่แระ
3. อาหาร: เราไม่ได้เห็นแก่กินนะ แต่ไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ คุณเชิญแขกมาร่วมแสดงความยินดี ร่วมรับประทานอาหาร แต่อาหารไม่อร่อยเรายังพอรับได้ แต่อาหารไม่พอนี่สิ อาหารหมด หรือบางทีไปแบบไม่มีกลุ่ม ก็ต้องไปนั่งกับแขกท่านอื่น แต่อาหารบนโต๊ะไม่เหลืออะไรให้กินแล้ว คนนั่งก่อนก็กินก่อน หมดก่อน คนนั่งทีหลังก็นั่งมองจานเปล่า ดื่มน้ำเปล่าแก้คอแห้ง เห็นบางโต๊ะมีคนนั่ง 3 คน ลงอาหารเต็มโต๊ะ คนนั่งก่อนก็กินก่อน คนนั่งทีหลังก็นั่งมองหน้ากันไป คือเรื่องอาหารนี้พูดเลยว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆในการจัดงาน งานจะดีไม่ดี คนจะพูดถึงในทางที่ดีหรือไม่ดี มันก็ขึ้นอยู่กับเรื่องอาหารด้วย สมมุติคุณไปงานแต่ง ใส่ซอง 500 บ. แต่คุณได้กินแต่น้ำเปล่ากับข้าวเกรียบ อันนี้ก็น่าคิดนะ
4. การต้อนรับแขก: ถ้ามีแขกหลายกลุ่ม เพื่อนโรงเรียน เพื่อนมหาวิทยาลัย ที่ทำงาน ญาติ ถ้ามีป้ายระบุบนโต๊ะได้ก็น่าจะดีมาก อย่างน้อยก็ได้นั่งกับคนคุ้นเคย ได้คุยกันบ้าง แต่บางงานนี้ไม่ใช่เลย ไปถึงงานบางทีจะถ่ายรูปหน้างานกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังยาก หาเจ้าของงานไม่เจอ เจ้าบ่าวยืนคุยกับเพื่อน เจ้าสาวถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนเจ้าสาว บางทีก็ต้องหาโต๊ะนั่งกันเองก็มี เพราะไม่มีคนพาไปนั่งที่โต๊ะ ตามปกติงานทั่วไปที่เคยไปมาจะเห็นว่า เพื่อนเจ้าบ่าว เพื่อนเจ้าสาว เขามีไว้เพื่อให้ช่วยตอนรับแขก พาแขกไปนั่งที่โต๊ะ ดูแลช่วยงาน แต่สมัยนี้ไปงานแต่งต้องเดินหาโต๊ะนั่งเอง เพื่อนเจ้าสาวจับกลุ่มถ่ายเซลฟี่ เพื่อนเจ้าบ่าวจับกลุ่มนั่งดื่ม
ปล.อันนี้คือมุมมองความคิดเราอะนะ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเห็นเหมือนเรารึเปล่า แต่ที่เราข้องใจที่สุดก็เรื่องการ์ดงานแต่งแหละ เรื่องแท็กการ์ดทางเฟส โดยส่วนตัวเรา เราไม่ไปเลย ถ้าเชิญผ่านทางเฟสบุ๊คหรือไลน์ ถ้าไม่สนิทจริงๆ เราไม่ไป ส่วนประเด็นอื่นก็ไม่เท่าไหร่ ก็เข้าใจว่าการจัดงานอาจมีตกหล่นหรือผิดพลาดกันบ้าง อาจจะดูแลแขกไม่ทั่วถึง ก็พอเข้าใจ