สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้แรกของเรา อาจจะเขียนงงๆหน่อย แต่แค่อยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเราให้ฟัง ขอเล่าทีเดียวจบเลยนะคะ
ขอใช้นามสมมติแทนตัวเองว่า บี นะคะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ เมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว เรามีแพลนว่าจะไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนค่ะ ก็เลยอยากลองหาเพื่อนเกาหลีสักคนไว้แนะนำ เพราะเพิ่งเคยไปเป็นครั้งแรกและไม่ได้ไปกับทัวร์ เพื่อนเราก็บอกให้เล่นเว็ปนึง เป็นเว็ปหาเพื่อนนี่แหละค่ะ เราก็เจอคนเยอะแยะมากมาย และ 'เขา' ก็เป็นหนึ่งในนั้น..
ขอเรียกเขาว่า 'กัน' นะคะ เขาเป็นผู้ชายที่น่ารักดีค่ะ มุ้งมิ้งมากกกกก ตามประสาโอป้าแหละค่ะ ถ้าเอาคำพูดหวานๆของเขามาทำน้ำตาลได้คงรวยไปแล้วอะ 555555555 เราคุยกับเค้าทุกวันตลอด 1 เดือนก่อนวันเดินทาง คุยกันทุกวัน เกือบจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเค้าจะทำงานอยู่ เค้าก็จะคอยหาเวลามาตอบเราตลอด ไม่มีวันไหนที่ไม่ได้คุยกันเลยค่ะ
ช่วงก่อนวันเดินทาง ช่วงนั้นเกาหลีมีโรคระบาดพอดี (เมอรส์) ครอบครัวเราไม่ให้ไปค่ะ ขอยังไงก็ไม่ให้ไปเพราะเขาเป็นห่วงแหละเนอะ T^T เราเลยต้องบอกเขาไปว่า เราไม่ได้ไปนะ และเขาก็เข้าใจแต่ก็มีนอยบ้างเหมือนกัน
แต่หลังจากวันที่เราไม่ได้เดินทาง เราก็คุยกับเขาต่อนะคะ คุยกันทุกวัน แชร์เรื่องราวในชีวิตของกันและกัน พอคุยกันนานเข้า เขาก็กลายเป็นคนสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว แต่เรายังไม่เคยเจอกันนะคะ แค่คุยกันอย่างเดียว แปลกเนอะ หรือเราใจง่าย? 5555555555 แต่มีวันครบรอบคุยกันด้วยนะ ชีวิตช่วงนั้นคือฟินสุดๆ ติ่งเกาหลีสุดๆ (ตอนนี้ก็เป็นอยู่ 555)
เราคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงเดือนกันยาค่ะ และเขาบอกจะมาหาเราที่ไทย ตอนนั้นเราไปเที่ยวทะเลพอดี และเขาก็ตามไปถึงที่นั่นเลยค่ะ แฟลชแบ้คไปฉากที่เราเจอกันครั้งแรก ตอนนั้นใจเต้นแรงมากกกก ถ้ามันแตกออกมาข้างนอกได้คงแตกไปแล้ว ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก ตัวสั่นทั้งที่อากาศร้อน มันเหมือนเรารอเจอกันนานมากแล้วเพิ่งได้เจอกัน ช่วงที่อยู่ที่นั่นเรามีความสุขกันมากค่ะ (เขิน55555) เราก็เที่ยวอยู่ 7 วัน แล้วเขาก็กลับเกาหลี
หลังจากที่เขากลับไป ทุกอย่างกลับตาลปัตร เขาไม่คุยกับเราไป 1 สัปดาห์เลย และเราก็กระวนกระวายใจมาก ในใจก็คิดนะคะ สงสัยโดนเท ฮ่าๆๆ แต่พอผ่านไปอาทิตย์นึงเขาก็ตอบเรามาว่าเขาไม่อยากติดต่อเราอีก ให้มันจบแค่นี้ ตอนนั้นเราก็ร้องไห้เลยค่ะ ก็งงตัวเองเหมือนกันว่าทำไม และเราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เวลามันผ่านไป
หลังจากนั้นสักพัก เพื่อนสนิทเราอีกคนนึงมาชวนเราไปเรียนภาษาเกาหลีที่นั่น เราก็บ้าตอบตกลงไปแบบไม่คิดอะไร เพราะจุดประสงค์คือบรรดาโอป้าทั้งหลายนั่นแหละค่ะ 5555555555555 แต่เราก็รอให้เรียนจบก่อนค่ะ (เราเรียน3ปีครึ่ง)
และแล้วเราก็เรียนจบ และได้มาเกาหลีตามที่วางแผนไว้ เรามาเมื่อเดือนที่แล้วค่ะ (ธันวาคม58) คือสอบเสร็จ แล้วมาเลย (บ้าเนอะ) 555555555555 และตอนนี้เราก็อยู่เกาหลีค่ะ
แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะเมื่อเรามาถึงมันมีความคิดแว้บนึงขึ้นมาในหัวว่าเราอยากเจอกัน เพราะเราเคยตั้งตารอที่จะมาเกาหลี เพื่อที่จะเจอเค้า ถ้าเรามีเวลาหรือมีโอกาส เราก็ไปในที่ที่เขาเคยบอกว่าเขาชอบไป เพราะเราจะรู้กิจวัตรของเขาที่ทำอยู่ในทุกวัน แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ...แต่แล้ววันนึง เราก็เจอเค้า โดยบังเอิญ
เราเจอกันในคาเฟ่ เพราะเราไปแลกเปลี่ยนภาษา และเขาก็ไปเหมือนกัน ตอนนั้นตกใจมาก อึ้ง ทำตัวไม่ถูก อยากที่จะเดินหนีออกมาให้เร็วที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้ เค้าก็คงตกใจเหมือนกันที่เจอเรา แต่เราก็ยิ้มให้กัน และเราก็มีโอกาสได้คุยกันอีกครั้งนึง
คำพูดแรกที่เขาพูดกับเราคือ "เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ตอนนั้นลิ้นพันกันมากค่ะ ตอบไม่ถูกเลยทีเดียว (อ่อ เราคุยกันเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ไม่ใช่เกาหลี) หลังจากวันนั้นเราก็ได้คุยกันบ่อยขึ้น มีโอกาสได้เจอกันบ่อยขึ้น ไปดูหนัง กินข้าว ไปร้านกาแฟ รวมถึงให้เค้าช่วยสอนภาษาเกาหลีเราไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้ไปกันแค่สองคนนะ
เราก็ยอมรับนะคะว่าเราก็ยังคิดกับเค้าอยู่ และเขาก็ยังดีเหมือนเดิม แต่ก็มีบางอย่างที่มันลดน้อยลงไป แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะเราก็คิดแค่ว่า แค่ได้เจอเค้าอีกครั้ง ก็ดีแค่ไหนแล้ว..
ขอตัดไปที่วันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วกันค่ะ ในกลุ่มของเราก็นัดไปแฮงเอ้าท์กันตามปกติ แล้วปาร์ตี้กันต่อ ตอนนั้นเราก็เริ่มเมาแล้วค่ะ เรามีคำถามมากมายที่อยากจะถามเค้า คำพูดที่เค้าเคยบอกในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ประโยคที่เค้าพูดว่าให้เราหยุดคุยกันแค่นี้เถอะ เราเลยตัดสินใจถามเค้าไป แต่คำตอบของเค้า กลับทำให้เราเกือบลืมหายใจ..
บี: ชั้นมีอะไรอยากจะถามเธอ
กัน: มีอะไรหรอ
บี: ทำไมตอนนั้นเรื่องของเราถึงเป็นแบบนั้น ทั้งที่มันกำลังไปได้ดี
กัน: เธอไม่ต้องรู้น่ะ ดีที่สุดแล้ว
บี: บอกมาเถอะ ขอร้องแหละ
ตอนนั้นเราก็เสียงสั่นอยากที่จะร้องไห้แล้วค่ะ และเค้าก็ดึงเราเข้าไปกอด พร้อมพูดแค่ขอโทษเป็นสิบๆครั้ง แต่ประโยคสุดท้ายที่เค้าพูดออกมา มันทำให้เราอยากทิ้งตัวลงไปตอนนั้นเลย
กัน: ขอโทษ.. ฉันเพิ่งแต่งงานเมื่อเดือนที่แล้ว
เราตกใจมากที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ คำถามร้อยพันพรั่งพรูเข้ามา และเราก็พูดไม่ได้ศัพท์ จับใจความไม่ค่อยถูก ตอนนั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราพูดอะไรไปบ้าง รู้แค่ไม่ไหวแล้ว อยากจะออกไปจากตรงนี้ น้ำตาไหลออกมาจากไหนไม่รู้ แล้วเราก็กลับเลยค่ะ เพื่อนอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนั้นไม่สนใจอะไรแล้วรู้แค่ขอออกไปจากที่ตรงนั้น และหลังจากนั้นเราก็ไม่ไปคาเฟ่อีก
และคืนนั้น เค้าคุยกับเพื่อนเรา และก็บอกเหตุผลทั้งหมดของเรื่องที่เกิดขึ้น.. เค้าบอกว่าที่บ้านให้ไปนัดบอดค่ะ และเขาก็ต้องแต่งงาน แต่เขาก็ชอบเรานะ และก็อยากเจอเราก่อน เค้าเลยตัดสินใจไปหาเราที่ไทยก่อนที่จะแต่งงาน เค้าไม่กล้าบอกความจริงในตอนนั้นเพราะกลัวเราจะเสียใจ เค้าจึงทำแบบนั้น
หลังจากนั้นเค้าก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลยค่ะ แต่มันก็คงถูกต้องแล้วแหละค่ะ เค้าก็ทำถูกแล้ว.. เรื่องของเราก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ จะถือซะว่าเป็นประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ที่มีให้กับคนๆนึงแล้วกัน แค่อยากขอให้เค้ามีความสุขกับคนนั้นมากๆ ถึงแม้เค้าจะไม่มีโอกาสได้อ่านข้อความนี้เลยก็ตาม แต่ช่วงเวลาที่เคยมีให้กัน มันเป็นความสุขจริงๆ ขอบคุณสำหรับคนๆนึงที่เจอกันจากไหนก็ไม่รู้ แต่เราก็มีความรู้สึกดีๆให้กันได้ขนาดนี้ มันคงเป็นโชคชะตาล่ะมั้งคะ
ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีในความรักนะคะ ขอตัวไปเที่ยวก่อนนะเผื่ออีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีเรื่องมาเล่าให้ฟังใหม่ อาจจะได้แต่งงานหรืออะไรก็ตาม ยังไงก็ให้กำลังใจเราด้วยนะคะ 555555555555 ^^
ณ กรุงโซล เมื่อชะตาชีวิตเล่นตลก กำหนดให้ความรักของฉันเป็นแบบนี้
ขอใช้นามสมมติแทนตัวเองว่า บี นะคะ
ขอเกริ่นก่อนนะคะ เมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว เรามีแพลนว่าจะไปเที่ยวเกาหลีกับเพื่อนค่ะ ก็เลยอยากลองหาเพื่อนเกาหลีสักคนไว้แนะนำ เพราะเพิ่งเคยไปเป็นครั้งแรกและไม่ได้ไปกับทัวร์ เพื่อนเราก็บอกให้เล่นเว็ปนึง เป็นเว็ปหาเพื่อนนี่แหละค่ะ เราก็เจอคนเยอะแยะมากมาย และ 'เขา' ก็เป็นหนึ่งในนั้น..
ขอเรียกเขาว่า 'กัน' นะคะ เขาเป็นผู้ชายที่น่ารักดีค่ะ มุ้งมิ้งมากกกกก ตามประสาโอป้าแหละค่ะ ถ้าเอาคำพูดหวานๆของเขามาทำน้ำตาลได้คงรวยไปแล้วอะ 555555555 เราคุยกับเค้าทุกวันตลอด 1 เดือนก่อนวันเดินทาง คุยกันทุกวัน เกือบจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเค้าจะทำงานอยู่ เค้าก็จะคอยหาเวลามาตอบเราตลอด ไม่มีวันไหนที่ไม่ได้คุยกันเลยค่ะ
ช่วงก่อนวันเดินทาง ช่วงนั้นเกาหลีมีโรคระบาดพอดี (เมอรส์) ครอบครัวเราไม่ให้ไปค่ะ ขอยังไงก็ไม่ให้ไปเพราะเขาเป็นห่วงแหละเนอะ T^T เราเลยต้องบอกเขาไปว่า เราไม่ได้ไปนะ และเขาก็เข้าใจแต่ก็มีนอยบ้างเหมือนกัน
แต่หลังจากวันที่เราไม่ได้เดินทาง เราก็คุยกับเขาต่อนะคะ คุยกันทุกวัน แชร์เรื่องราวในชีวิตของกันและกัน พอคุยกันนานเข้า เขาก็กลายเป็นคนสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว แต่เรายังไม่เคยเจอกันนะคะ แค่คุยกันอย่างเดียว แปลกเนอะ หรือเราใจง่าย? 5555555555 แต่มีวันครบรอบคุยกันด้วยนะ ชีวิตช่วงนั้นคือฟินสุดๆ ติ่งเกาหลีสุดๆ (ตอนนี้ก็เป็นอยู่ 555)
เราคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงเดือนกันยาค่ะ และเขาบอกจะมาหาเราที่ไทย ตอนนั้นเราไปเที่ยวทะเลพอดี และเขาก็ตามไปถึงที่นั่นเลยค่ะ แฟลชแบ้คไปฉากที่เราเจอกันครั้งแรก ตอนนั้นใจเต้นแรงมากกกก ถ้ามันแตกออกมาข้างนอกได้คงแตกไปแล้ว ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูก ตัวสั่นทั้งที่อากาศร้อน มันเหมือนเรารอเจอกันนานมากแล้วเพิ่งได้เจอกัน ช่วงที่อยู่ที่นั่นเรามีความสุขกันมากค่ะ (เขิน55555) เราก็เที่ยวอยู่ 7 วัน แล้วเขาก็กลับเกาหลี
หลังจากที่เขากลับไป ทุกอย่างกลับตาลปัตร เขาไม่คุยกับเราไป 1 สัปดาห์เลย และเราก็กระวนกระวายใจมาก ในใจก็คิดนะคะ สงสัยโดนเท ฮ่าๆๆ แต่พอผ่านไปอาทิตย์นึงเขาก็ตอบเรามาว่าเขาไม่อยากติดต่อเราอีก ให้มันจบแค่นี้ ตอนนั้นเราก็ร้องไห้เลยค่ะ ก็งงตัวเองเหมือนกันว่าทำไม และเราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เวลามันผ่านไป
หลังจากนั้นสักพัก เพื่อนสนิทเราอีกคนนึงมาชวนเราไปเรียนภาษาเกาหลีที่นั่น เราก็บ้าตอบตกลงไปแบบไม่คิดอะไร เพราะจุดประสงค์คือบรรดาโอป้าทั้งหลายนั่นแหละค่ะ 5555555555555 แต่เราก็รอให้เรียนจบก่อนค่ะ (เราเรียน3ปีครึ่ง)
และแล้วเราก็เรียนจบ และได้มาเกาหลีตามที่วางแผนไว้ เรามาเมื่อเดือนที่แล้วค่ะ (ธันวาคม58) คือสอบเสร็จ แล้วมาเลย (บ้าเนอะ) 555555555555 และตอนนี้เราก็อยู่เกาหลีค่ะ
แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะเมื่อเรามาถึงมันมีความคิดแว้บนึงขึ้นมาในหัวว่าเราอยากเจอกัน เพราะเราเคยตั้งตารอที่จะมาเกาหลี เพื่อที่จะเจอเค้า ถ้าเรามีเวลาหรือมีโอกาส เราก็ไปในที่ที่เขาเคยบอกว่าเขาชอบไป เพราะเราจะรู้กิจวัตรของเขาที่ทำอยู่ในทุกวัน แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ...แต่แล้ววันนึง เราก็เจอเค้า โดยบังเอิญ
เราเจอกันในคาเฟ่ เพราะเราไปแลกเปลี่ยนภาษา และเขาก็ไปเหมือนกัน ตอนนั้นตกใจมาก อึ้ง ทำตัวไม่ถูก อยากที่จะเดินหนีออกมาให้เร็วที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้ เค้าก็คงตกใจเหมือนกันที่เจอเรา แต่เราก็ยิ้มให้กัน และเราก็มีโอกาสได้คุยกันอีกครั้งนึง
คำพูดแรกที่เขาพูดกับเราคือ "เธอมาที่นี่ได้ยังไง?" ตอนนั้นลิ้นพันกันมากค่ะ ตอบไม่ถูกเลยทีเดียว (อ่อ เราคุยกันเป็นภาษาอังกฤษนะคะ ไม่ใช่เกาหลี) หลังจากวันนั้นเราก็ได้คุยกันบ่อยขึ้น มีโอกาสได้เจอกันบ่อยขึ้น ไปดูหนัง กินข้าว ไปร้านกาแฟ รวมถึงให้เค้าช่วยสอนภาษาเกาหลีเราไปด้วย แต่เราก็ไม่ได้ไปกันแค่สองคนนะ
เราก็ยอมรับนะคะว่าเราก็ยังคิดกับเค้าอยู่ และเขาก็ยังดีเหมือนเดิม แต่ก็มีบางอย่างที่มันลดน้อยลงไป แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะเราก็คิดแค่ว่า แค่ได้เจอเค้าอีกครั้ง ก็ดีแค่ไหนแล้ว..
ขอตัดไปที่วันเสาร์ที่ผ่านมาแล้วกันค่ะ ในกลุ่มของเราก็นัดไปแฮงเอ้าท์กันตามปกติ แล้วปาร์ตี้กันต่อ ตอนนั้นเราก็เริ่มเมาแล้วค่ะ เรามีคำถามมากมายที่อยากจะถามเค้า คำพูดที่เค้าเคยบอกในตอนนั้นมันลอยขึ้นมาในหัว ประโยคที่เค้าพูดว่าให้เราหยุดคุยกันแค่นี้เถอะ เราเลยตัดสินใจถามเค้าไป แต่คำตอบของเค้า กลับทำให้เราเกือบลืมหายใจ..
บี: ชั้นมีอะไรอยากจะถามเธอ
กัน: มีอะไรหรอ
บี: ทำไมตอนนั้นเรื่องของเราถึงเป็นแบบนั้น ทั้งที่มันกำลังไปได้ดี
กัน: เธอไม่ต้องรู้น่ะ ดีที่สุดแล้ว
บี: บอกมาเถอะ ขอร้องแหละ
ตอนนั้นเราก็เสียงสั่นอยากที่จะร้องไห้แล้วค่ะ และเค้าก็ดึงเราเข้าไปกอด พร้อมพูดแค่ขอโทษเป็นสิบๆครั้ง แต่ประโยคสุดท้ายที่เค้าพูดออกมา มันทำให้เราอยากทิ้งตัวลงไปตอนนั้นเลย
กัน: ขอโทษ.. ฉันเพิ่งแต่งงานเมื่อเดือนที่แล้ว
เราตกใจมากที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ คำถามร้อยพันพรั่งพรูเข้ามา และเราก็พูดไม่ได้ศัพท์ จับใจความไม่ค่อยถูก ตอนนั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเราพูดอะไรไปบ้าง รู้แค่ไม่ไหวแล้ว อยากจะออกไปจากตรงนี้ น้ำตาไหลออกมาจากไหนไม่รู้ แล้วเราก็กลับเลยค่ะ เพื่อนอยู่ไหนก็ไม่รู้ ตอนนั้นไม่สนใจอะไรแล้วรู้แค่ขอออกไปจากที่ตรงนั้น และหลังจากนั้นเราก็ไม่ไปคาเฟ่อีก
และคืนนั้น เค้าคุยกับเพื่อนเรา และก็บอกเหตุผลทั้งหมดของเรื่องที่เกิดขึ้น.. เค้าบอกว่าที่บ้านให้ไปนัดบอดค่ะ และเขาก็ต้องแต่งงาน แต่เขาก็ชอบเรานะ และก็อยากเจอเราก่อน เค้าเลยตัดสินใจไปหาเราที่ไทยก่อนที่จะแต่งงาน เค้าไม่กล้าบอกความจริงในตอนนั้นเพราะกลัวเราจะเสียใจ เค้าจึงทำแบบนั้น
หลังจากนั้นเค้าก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลยค่ะ แต่มันก็คงถูกต้องแล้วแหละค่ะ เค้าก็ทำถูกแล้ว.. เรื่องของเราก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ จะถือซะว่าเป็นประสบการณ์และความทรงจำดีๆ ที่มีให้กับคนๆนึงแล้วกัน แค่อยากขอให้เค้ามีความสุขกับคนนั้นมากๆ ถึงแม้เค้าจะไม่มีโอกาสได้อ่านข้อความนี้เลยก็ตาม แต่ช่วงเวลาที่เคยมีให้กัน มันเป็นความสุขจริงๆ ขอบคุณสำหรับคนๆนึงที่เจอกันจากไหนก็ไม่รู้ แต่เราก็มีความรู้สึกดีๆให้กันได้ขนาดนี้ มันคงเป็นโชคชะตาล่ะมั้งคะ
ยังไงก็ขอให้ทุกคนโชคดีในความรักนะคะ ขอตัวไปเที่ยวก่อนนะเผื่ออีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีเรื่องมาเล่าให้ฟังใหม่ อาจจะได้แต่งงานหรืออะไรก็ตาม ยังไงก็ให้กำลังใจเราด้วยนะคะ 555555555555 ^^