ช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงหยุดยาว แต่สำหรับเราถือเป็นช่วง "ป่วยยาว" เพราะป่วยข้ามปี พอเปิดมาก็มีงานหนักรออยู่ จริง ๆ วิ่งเต็มเหยียดตั้งแต่กลางปีที่แล้วไม่ได้พักเลย พอถึงช่วงหยุดเข้าจริง ๆ ก็ป่วยอีก ในช่วงป่วยนั้นเองที่เราได้มีโอกาสรับชมละครรัตนาวดี ... ซึ่งเป็นละครออนแอร์ช่วงปลายปีที่แล้ว ได้รับคำชมมากมายว่ามีความงดงามมาก หากตอนนั้นก็ไม่ค่อยจะว่างเคลียร์งานสิ้นปี ละครนี่ก็ดูได้ทีละเรื่อง จึงไม่ได้ติดตามเป็นกิจจะลักษณะจนกระทั่งป่วยนี่แหละจึงได้ดู
เพิ่งรับรู้ว่าตัวเองรู้สึกเหนื่อยล้าแค่ไหน และ emotional มากแค่ไหน หลังจากที่ได้รับชมละครเรื่องนี้ .... ว่าไปแล้วมันไม่มีฉากอะไรที่จะทำให้น้ำตาปริ่มได้เลยนะ แต่เรากลับน้ำตาไหลได้ เพราะรู้สึกถึงความสงบเสงี่ยม เรียบ และ งาม ที่ปรากฎในละครเรื่องนี้ ตามท้องเรื่องรัตนาวดีโดยหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต เป็นช่วงที่ท่านหญิงรัต สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี(เกียรตินิยม) ท่านพี่จึงได้ประทานรางวัลให้ท่านน้องได้ท่องเที่ยวเดินทางในยุโรปโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลากลับแน่นอน
ราวกับท่านพจน์จะรู้สึกได้ว่าการท่องเที่ยวครานี้เห็นทีน้องหญิงของท่าน ... คงอยู่ยาว
เพื่อนฝูงพรรคพวกของทั้งท่านพจน์ และ ท่านหญิงรัต ที่ยุโรปก็พอจะมีอยู่บ้าง ท่านหญิงเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เดินทางท่องเที่ยว และ หาโอกาสที่จะพบปะกับวิมลที่ศึกษาวิชาพยาบาลอยู่ที่อังกฤษ ส่วนท่านพจน์เองก็มีจดหมายถึงท่านดนัย ครบความไพเราะสละสลวยฝากฝังน้องหญิงของท่านให้ท่านดนัยได้ดูแล
บุพเพสันนิวาสนั้นเป็นเรื่องแปลก ... ก่อนจะสันนิวาส บางที ... ก็อาละวาดก่อน
ท่านดนัยมีแผนจะฮอลิเดย์ที่สก็อตแลนด์ในเวลาอันใกล้ มหาดเล็กของท่าน ... นายเล็กก็มีกำหนดกลับเมืองไทยหลังจากที่ไม่ได้กลับมา 2 ปี พร้อม ๆ กับที่ท่านดนัยฮอลิเดย์ ก็นั่นแหละ ... การสื่อสารเมื่อก่อนไม่ได้ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ ผิดพลาดกันนิดเดียว ... บุพเพก็เลยอาละวาดเสียก่อน จดหมายตอบของท่านพจน์ถึงท่านน้อง(ดนัย) เกี่ยวกำหนดถึงลอนดอนของน้องหญิงของท่านกลับไม่ถึงมือท่านดนัยตามที่คาด คุณสร้อย และ ท่านหญิงจึงต้องแกร่วที่สนามบินเป็นหลายชั่วโมง ขณะที่ท่านดนัยตกปลากลางลำธารในสก็อตแลนด์อย่างสบายอารมณ์ และ ไม่รู้เรื่องราวใดจนกระทั่งคุณแม่บ้านมีจดหมายด่วนไปถึง
หากก่อนจะไปท่านก็รอบคอบพอควรที่จะแจ้งสถานทูตให้มีการรับรองท่านหญิงรัตนาวดีตามสมควร และ ท้ายที่สุดก็ส่งจดหมายขอโทษเสียด้วย ณ เวลานั้นท่านก็ไม่คิดว่าน้องหญิงของท่านชายที่ว่านี้จะเป็น "สาว" ที่อ่อนหวาน และ สง่างามถึงเพียงนั้น คิดแต่เพียงว่าน้องหญิงคงจะยังเล็ก ... นี่ก็ไม่แน่ใจว่าเล็กในความหมายของท่านนี้คืออย่างไร แต่ถ้าอนุมานว่าท่านรุ่นเด็กว่าท่านพจน์ซัก 2 ปี ณ เวลานั้นท่านพจน์แต่งงาน และ มีธิดาแล้ว ก็ห่างจากเวลาในเรื่องปริศนาที่ท่านพจน์อายุราว 29 ไปตามสมควร
หากคำนวณคร่าว ๆ ท่านดนัยก็น่าจะประมาณ 20 ปีปลาย หรือ 30 ต้น ๆ ไม่น่าจะเกิน 32 ก็ห่างกับน้องหญิงรัตของท่านพจน์หลายปี แม้ในจดหมายจะบอกชัดแจ้งว่าสำเร็จปริญญาตรีแล้ว แต่ท่านดนัยก็คงอนุมานว่าน่าจะยังเยาว์ เป็นน้องน้อยที่ชอบสถานที่สนุกสนาน คงยังมิได้เป็นผู้ใหญ่ ท่านจึงไม่ได้มีความเร่งรีบจะกลับจากสก็อตฯก่อนกำหนดเพื่อมารับรองญาติผู้น้อง สถานทูตคงถวายงานด้วยความเหมาะสมดีแล้วสำหรับเด็กหญิงและพี่เลี้ยง เพียงแต่คะเนอยู่ในใจว่าเมื่อกลับจากฮอลิเดย์ก็จะพาเที่ยวสวนสนุกดังพี่ชายใหญ่พาน้องคนเล็กเที่ยว ... ประหนึ่งทำหน้าที่แทนท่านพจน์
แต่ที่ไหนได้ .. เห็นหน้าเพียงครั้งเดียวก็ยิ้มค้างเสียแล้ว
ราวกับว่า .. วันใดมิได้ประสบพักตร์ ราวหัวอกจะหักเสียให้ได้
ท่านหญิงส่งจดหมายประทานท่านชายถึงที่ประทับ โดยเข้าใจว่า ... ชายหนุ่มผูกผ้ากันเปื้อนที่ออกมารับหน้านั้น คือ นายเล็ก .. มหาดเล็กประจำตัวของท่านชายดนัยเสียนี่ ด้วยกิริยาอันดีและความไม่ถือองค์ตามแบบฉบับราชนิกูล รอยยิ้มที่ในสายตาท่านดนัยนั้นราวดอกไม้แย้มบาน ทำเอาท่านดนัยยิ้มค้าง และ ไม่กล้าจะแก้ความเข้าใจผิดว่าตัวท่านเองนั้นไม่ได้ใช่นายเล็ก แต่เป็นหม่อมเจ้าดนัยวัฒนา (แม้จะมีเชื่อเล่นว่าเล็กเหมือนกันก็เถอะ) และ ความร้อนอกร้อนใจก็ทับถมทวีคูณเมื่อทราบความในจดหมาย ... ถึงกับต้องรายงานความผิดพลาดและแอบตัดพ้อเล็ก ๆ ไปถึงหม่อมพี่ของท่าน ... ว่าทำไมไม่สะกิดกันบ้างว่าน้องหญิงของหม่อมพี่นั้นเป็นสาวแล้ว (และงามมากเสียด้วย)
ขณะที่ยังมึน ๆ งง ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ท่านดนัยก็พบว่าท่านหญิงรัตนั้นมีผู้ชายหลายคนมาติดใจชอบพอ ทำให้เป็นห่วง ห่วงแรกก็ห่วงในฐานะพระญาติและน้องสาวของหม่อมพี่ของท่าน และ ห่วงที่สองก็เป็นความห่วงกึ่งหวงที่ประจักษ์ขึ้นในใจตั้งแต่แรกเห็น และทำให้ท่านถึงกับต้องปลอมองค์เป็นนายเล็ก และถึงกับยอมทำตามคำสั่งและบริการใคร ๆ ทั้งที่โดยฐานันดรแล้วงานเหล่านี้ท่านไม่จำเป็นต้องแตะเลยก็ย่อมได้ หากด้วยความเป็นห่วงทั้งสองห่วงท่านจึงปวารณาตัวเป็นผู้บริการนำเที่ยวให้กับท่านหญิงและป้าสร้อยที่ทำหน้าที่แชปเปอโรนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ความน่าประทับใจของละครเรื่องนี้นอกจากความเสงี่ยมงามของท่านชายและท่านหญิงแล้ว ก็คงเป็นความสงบและงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่คณะทัวร์เล็ก ๆ พร้อมไกด์กิตติมศักดิ์ได้พาผู้ชมท่องเที่ยวไปพร้อมกัน ... เพราะสวยงามจนลืมหายใจ และ สงบ slow life จนอยากจะร้องไห้จริง ๆ (in fact คือร้องไปแล้ว ในใจคิดและบอกเพื่อนร่วมงานไปดัง ๆ ว่าอยากไปนั่งข้างแม่น้ำสายเล็กหายใจทิ้งขว้างและให้อาหารเป็ดบ้าง ส่วนตัวมีโอกาสไป conference ที่สวิสอยู่หนหนึ่ง .... สมญาแดนสวรรค์นี่ได้มาไม่ใช่โชคช่วย เพราะ สวยงามและสงบจริงอะไรจริง)
ในส่วนนี้ชอบมุมมองของผู้กำกับและผู้จัดในการคัดเลือกสถานที่ มุมกล้อง การเล่าเรื่อง และ การแสดง ... เอ่ยคำนี้มันอาจจะเป็นประเด็น แต่เราก็อยากจะเอ่ย จะว่าอย่างไรดี เรื่องนี้ก็เป็นบทประพันธ์จะว่าแนวไพรัชนิยายก็ว่าได้ และ เป็นเรื่องของชนชั้นสูง เราดูละครเกี่ยวกับเจ้ากับนายมาหลายเรื่องเหมือนกัน และ เมื่อมาดูรัตนาวดี เกิดความคิดขึ้นมาว่า ... ใครจะเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับราชนิกูลได้ดีเท่าราชนิกูล และ สิ่งเหล่านั้นสะท้อนออกมาในงานที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ไม่ได้หมายความว่ามันสูงส่งหรือจับต้องไม่ได้ หากหมายความว่ามัน Hi-Class และ ดูเรียบหรู ไม่ได้ฟู่ฟ่า elegant อย่างเป็นธรรมชาติในน้ำในเนื้อของมันเอง สำหรับทุกอณูของรัตนาวดีนี้
ในแง่ของความรัก ... ก็เป็นความจริงใจและให้เกียรติ ปลายก้อยยังไม่ได้แตะ แม้จะอยู่กันแค่คืบ ด้วยคิดถึงความเหมาะสมระหว่างชายหญิง และ ฐานะ ซึ่งก็สื่อออกมาได้น่ารักพอดิบพอดี หลายครั้งที่ท่านดนัยก็แอบหลุดความในใจออกมาบ้าง ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นนายเล็ก และ บางครั้งท่านหญิงก็ปล่อยองค์ไปตามความรู้สึกที่แท้จริง หากก็ไม่ก้ำเกินกันไปมากกว่านั้น ต่างฝ่ายก็ต่างรักษาเกียรติของกันและกันเป็นอย่างดี เราจึงจะได้ยินบทสนทนาน่ารักอ่อนหวาน เรียบ ๆ แต่ลึกซึ้ง และ สายตาของท่านดนัย (น้องกรรณ) ยิ้มได้ละมุน กิริยาเป็นสุภาพบุรุษชวนฝัน .... ต่อให้ใจแข็งขนาดไหน แม้กระทั่งคนเด็ดขาดและเอาเรื่องอย่างน้องหญิงของท่านพจน์ก็มิอาจต้านทาน
Roses are red.
Violets are blue.
Honey is sweet.
And so are you.
กุพชกะท่านว่ากุหลาบแดง
ไวโอเล็ตมิต้องแสร้งขาบเข้มม่วง
น้ำผึ้งหวานมธุรสจากรังรวง
สิ่งทั้งปวงหรือจะเทียบเปรียบนงคราญ
แล้วท้ายที่สุดก็อย่างที่ท่านชายพจน์คะเนล่ะนะ ... น้องหญิงของท่านคงได้ท่องเที่ยวตลอดชีวิตซะละมั้งนี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้น้ำตาไหลตอนท่านดนัยตกปลาที่สก็อตฯเพราะหวนกลับมานึกถึงงานตัวเองที่ทั้งหนักทั้งเร่ง ... ทุกวันนี้คือคิดถึงชีวิตสโลว์ไลฟ์ขึ้นมาเป็นพัก ๆ ทุกวันนี้ เพ้อ ... อยากลาพักผ่อนซักสามเดือน แต่ทำไม่ได้ T T
รัตนาวดี : สงบ เสงี่ยม เรียบ และ งาม
เพิ่งรับรู้ว่าตัวเองรู้สึกเหนื่อยล้าแค่ไหน และ emotional มากแค่ไหน หลังจากที่ได้รับชมละครเรื่องนี้ .... ว่าไปแล้วมันไม่มีฉากอะไรที่จะทำให้น้ำตาปริ่มได้เลยนะ แต่เรากลับน้ำตาไหลได้ เพราะรู้สึกถึงความสงบเสงี่ยม เรียบ และ งาม ที่ปรากฎในละครเรื่องนี้ ตามท้องเรื่องรัตนาวดีโดยหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต เป็นช่วงที่ท่านหญิงรัต สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี(เกียรตินิยม) ท่านพี่จึงได้ประทานรางวัลให้ท่านน้องได้ท่องเที่ยวเดินทางในยุโรปโดยไม่ได้กำหนดระยะเวลากลับแน่นอน
เพื่อนฝูงพรรคพวกของทั้งท่านพจน์ และ ท่านหญิงรัต ที่ยุโรปก็พอจะมีอยู่บ้าง ท่านหญิงเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เดินทางท่องเที่ยว และ หาโอกาสที่จะพบปะกับวิมลที่ศึกษาวิชาพยาบาลอยู่ที่อังกฤษ ส่วนท่านพจน์เองก็มีจดหมายถึงท่านดนัย ครบความไพเราะสละสลวยฝากฝังน้องหญิงของท่านให้ท่านดนัยได้ดูแล
ท่านดนัยมีแผนจะฮอลิเดย์ที่สก็อตแลนด์ในเวลาอันใกล้ มหาดเล็กของท่าน ... นายเล็กก็มีกำหนดกลับเมืองไทยหลังจากที่ไม่ได้กลับมา 2 ปี พร้อม ๆ กับที่ท่านดนัยฮอลิเดย์ ก็นั่นแหละ ... การสื่อสารเมื่อก่อนไม่ได้ทันสมัยเหมือนเดี๋ยวนี้ ผิดพลาดกันนิดเดียว ... บุพเพก็เลยอาละวาดเสียก่อน จดหมายตอบของท่านพจน์ถึงท่านน้อง(ดนัย) เกี่ยวกำหนดถึงลอนดอนของน้องหญิงของท่านกลับไม่ถึงมือท่านดนัยตามที่คาด คุณสร้อย และ ท่านหญิงจึงต้องแกร่วที่สนามบินเป็นหลายชั่วโมง ขณะที่ท่านดนัยตกปลากลางลำธารในสก็อตแลนด์อย่างสบายอารมณ์ และ ไม่รู้เรื่องราวใดจนกระทั่งคุณแม่บ้านมีจดหมายด่วนไปถึง
หากก่อนจะไปท่านก็รอบคอบพอควรที่จะแจ้งสถานทูตให้มีการรับรองท่านหญิงรัตนาวดีตามสมควร และ ท้ายที่สุดก็ส่งจดหมายขอโทษเสียด้วย ณ เวลานั้นท่านก็ไม่คิดว่าน้องหญิงของท่านชายที่ว่านี้จะเป็น "สาว" ที่อ่อนหวาน และ สง่างามถึงเพียงนั้น คิดแต่เพียงว่าน้องหญิงคงจะยังเล็ก ... นี่ก็ไม่แน่ใจว่าเล็กในความหมายของท่านนี้คืออย่างไร แต่ถ้าอนุมานว่าท่านรุ่นเด็กว่าท่านพจน์ซัก 2 ปี ณ เวลานั้นท่านพจน์แต่งงาน และ มีธิดาแล้ว ก็ห่างจากเวลาในเรื่องปริศนาที่ท่านพจน์อายุราว 29 ไปตามสมควร
หากคำนวณคร่าว ๆ ท่านดนัยก็น่าจะประมาณ 20 ปีปลาย หรือ 30 ต้น ๆ ไม่น่าจะเกิน 32 ก็ห่างกับน้องหญิงรัตของท่านพจน์หลายปี แม้ในจดหมายจะบอกชัดแจ้งว่าสำเร็จปริญญาตรีแล้ว แต่ท่านดนัยก็คงอนุมานว่าน่าจะยังเยาว์ เป็นน้องน้อยที่ชอบสถานที่สนุกสนาน คงยังมิได้เป็นผู้ใหญ่ ท่านจึงไม่ได้มีความเร่งรีบจะกลับจากสก็อตฯก่อนกำหนดเพื่อมารับรองญาติผู้น้อง สถานทูตคงถวายงานด้วยความเหมาะสมดีแล้วสำหรับเด็กหญิงและพี่เลี้ยง เพียงแต่คะเนอยู่ในใจว่าเมื่อกลับจากฮอลิเดย์ก็จะพาเที่ยวสวนสนุกดังพี่ชายใหญ่พาน้องคนเล็กเที่ยว ... ประหนึ่งทำหน้าที่แทนท่านพจน์
ราวกับว่า .. วันใดมิได้ประสบพักตร์ ราวหัวอกจะหักเสียให้ได้
ท่านหญิงส่งจดหมายประทานท่านชายถึงที่ประทับ โดยเข้าใจว่า ... ชายหนุ่มผูกผ้ากันเปื้อนที่ออกมารับหน้านั้น คือ นายเล็ก .. มหาดเล็กประจำตัวของท่านชายดนัยเสียนี่ ด้วยกิริยาอันดีและความไม่ถือองค์ตามแบบฉบับราชนิกูล รอยยิ้มที่ในสายตาท่านดนัยนั้นราวดอกไม้แย้มบาน ทำเอาท่านดนัยยิ้มค้าง และ ไม่กล้าจะแก้ความเข้าใจผิดว่าตัวท่านเองนั้นไม่ได้ใช่นายเล็ก แต่เป็นหม่อมเจ้าดนัยวัฒนา (แม้จะมีเชื่อเล่นว่าเล็กเหมือนกันก็เถอะ) และ ความร้อนอกร้อนใจก็ทับถมทวีคูณเมื่อทราบความในจดหมาย ... ถึงกับต้องรายงานความผิดพลาดและแอบตัดพ้อเล็ก ๆ ไปถึงหม่อมพี่ของท่าน ... ว่าทำไมไม่สะกิดกันบ้างว่าน้องหญิงของหม่อมพี่นั้นเป็นสาวแล้ว (และงามมากเสียด้วย)
ขณะที่ยังมึน ๆ งง ๆ กล้า ๆ กลัว ๆ ท่านดนัยก็พบว่าท่านหญิงรัตนั้นมีผู้ชายหลายคนมาติดใจชอบพอ ทำให้เป็นห่วง ห่วงแรกก็ห่วงในฐานะพระญาติและน้องสาวของหม่อมพี่ของท่าน และ ห่วงที่สองก็เป็นความห่วงกึ่งหวงที่ประจักษ์ขึ้นในใจตั้งแต่แรกเห็น และทำให้ท่านถึงกับต้องปลอมองค์เป็นนายเล็ก และถึงกับยอมทำตามคำสั่งและบริการใคร ๆ ทั้งที่โดยฐานันดรแล้วงานเหล่านี้ท่านไม่จำเป็นต้องแตะเลยก็ย่อมได้ หากด้วยความเป็นห่วงทั้งสองห่วงท่านจึงปวารณาตัวเป็นผู้บริการนำเที่ยวให้กับท่านหญิงและป้าสร้อยที่ทำหน้าที่แชปเปอโรนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ความน่าประทับใจของละครเรื่องนี้นอกจากความเสงี่ยมงามของท่านชายและท่านหญิงแล้ว ก็คงเป็นความสงบและงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่คณะทัวร์เล็ก ๆ พร้อมไกด์กิตติมศักดิ์ได้พาผู้ชมท่องเที่ยวไปพร้อมกัน ... เพราะสวยงามจนลืมหายใจ และ สงบ slow life จนอยากจะร้องไห้จริง ๆ (in fact คือร้องไปแล้ว ในใจคิดและบอกเพื่อนร่วมงานไปดัง ๆ ว่าอยากไปนั่งข้างแม่น้ำสายเล็กหายใจทิ้งขว้างและให้อาหารเป็ดบ้าง ส่วนตัวมีโอกาสไป conference ที่สวิสอยู่หนหนึ่ง .... สมญาแดนสวรรค์นี่ได้มาไม่ใช่โชคช่วย เพราะ สวยงามและสงบจริงอะไรจริง)
ในส่วนนี้ชอบมุมมองของผู้กำกับและผู้จัดในการคัดเลือกสถานที่ มุมกล้อง การเล่าเรื่อง และ การแสดง ... เอ่ยคำนี้มันอาจจะเป็นประเด็น แต่เราก็อยากจะเอ่ย จะว่าอย่างไรดี เรื่องนี้ก็เป็นบทประพันธ์จะว่าแนวไพรัชนิยายก็ว่าได้ และ เป็นเรื่องของชนชั้นสูง เราดูละครเกี่ยวกับเจ้ากับนายมาหลายเรื่องเหมือนกัน และ เมื่อมาดูรัตนาวดี เกิดความคิดขึ้นมาว่า ... ใครจะเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับราชนิกูลได้ดีเท่าราชนิกูล และ สิ่งเหล่านั้นสะท้อนออกมาในงานที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ไม่ได้หมายความว่ามันสูงส่งหรือจับต้องไม่ได้ หากหมายความว่ามัน Hi-Class และ ดูเรียบหรู ไม่ได้ฟู่ฟ่า elegant อย่างเป็นธรรมชาติในน้ำในเนื้อของมันเอง สำหรับทุกอณูของรัตนาวดีนี้
ในแง่ของความรัก ... ก็เป็นความจริงใจและให้เกียรติ ปลายก้อยยังไม่ได้แตะ แม้จะอยู่กันแค่คืบ ด้วยคิดถึงความเหมาะสมระหว่างชายหญิง และ ฐานะ ซึ่งก็สื่อออกมาได้น่ารักพอดิบพอดี หลายครั้งที่ท่านดนัยก็แอบหลุดความในใจออกมาบ้าง ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นนายเล็ก และ บางครั้งท่านหญิงก็ปล่อยองค์ไปตามความรู้สึกที่แท้จริง หากก็ไม่ก้ำเกินกันไปมากกว่านั้น ต่างฝ่ายก็ต่างรักษาเกียรติของกันและกันเป็นอย่างดี เราจึงจะได้ยินบทสนทนาน่ารักอ่อนหวาน เรียบ ๆ แต่ลึกซึ้ง และ สายตาของท่านดนัย (น้องกรรณ) ยิ้มได้ละมุน กิริยาเป็นสุภาพบุรุษชวนฝัน .... ต่อให้ใจแข็งขนาดไหน แม้กระทั่งคนเด็ดขาดและเอาเรื่องอย่างน้องหญิงของท่านพจน์ก็มิอาจต้านทาน
Violets are blue.
Honey is sweet.
And so are you.
ไวโอเล็ตมิต้องแสร้งขาบเข้มม่วง
น้ำผึ้งหวานมธุรสจากรังรวง
สิ่งทั้งปวงหรือจะเทียบเปรียบนงคราญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้