ปาน ธนพร เจ้าหญิงแห่งวงการเพลง

15ปี ปาน ธนพร       (จริง ๆ ก็เลยมาหลายเดือนแล้ว)



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


เส้นทางกว่าจะมาเป็นนักร้องดังอย่างทุกวันนี้ มีความเป็นมาอย่างไร?
   ตอนเด็ก ๆ โตมาแบบเด็กบ้านนอก เป็นเด็กฝั่งธนฯ ที่โตมากับธรรมชาติและครอบครัววิถีไทยแท้ ๆ เป็นลูกคนเล็กที่ค่อนข้างอาภัพไม่ค่อยมีใครตามใจ โดนตีเยอะพอสมควร แล้วก็โดนจับประกวดร้องเพลงตลอด ตอนนั้นไม่ชอบประกวดไม่ชอบอยู่บนเวที เมื่อได้เข้าเรียนที่นาฏศิลป์ จึงดีใจมากที่ไม่ต้องประกวดอีกแล้วเพราะโรงเรียนห้ามนักเรียนประกวดทุกอย่าง ตอนเด็กฝันอยากเป็นครูเพราะที่บ้านมีครูเป็นตัวอย่างเยอะ ส่วนเส้นทางการเป็นนักร้องจริงๆ เริ่มตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.5 ตอนนั้นได้เข้าห้องอัดร้องเพลงหาเงิน สมัยก่อนเป็นมือปืนรับจ้างให้ทุกค่าย เรียกว่าโลดแล่นอยู่เบื้องหลังประมาณ 7-8 ปี เมื่อร้องเป็นไกด์ให้ศิลปินหลายคน วันหนึ่งผู้ใหญ่ได้ยินและสนใจเสียงของเราจึงเรียกไปคุย กระทั่งได้กลายเป็นนักร้องสังกัดอาร์เอส

  เมื่อมาเป็นคนเบื้องหน้า ลักษณะการทํางานก็เปลี่ยนไปหมด นอกจากต้องทํางานตรงเวลา เคารพซึ่งกันและกันเข้าใจในหน้าที่และบทบาทของตนเองแล้ว สิ่งที่ต้องมีเพิ่มขึ้นคือเรื่องภาพลักษณ์การทํางานกับคนจํานวนมาก เราจะทําตัวสบายๆ เป็นกันเองเหมือนตอนทํางานกับโปรดิวเซอร์แค่ 2-3คนไม่ได้ ที่สําคัญต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ต้องปรับตัวเยอะเหมือนกัน ถามว่าจริงๆ อยากเป็นนักร้องไหม คําตอบคืออยากเป็น แต่ไม่ได้อยากเป็น นักร้องโด่งดังอะไรมากมาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งจะดัง แค่ได้ทํางานเบื้องหลังก็มีความสุขแล้ว การได้มาเป็นนักร้องและมาถึงตรงนี้ได้จึงเกินกว่าที่คิดไว้มาก


© http://www.parn-thanaporn.com/gallery/



แนวเพลงที่คุณปานร้องส่วนใหญ่มีเนื้อหาเชือดเฉือนอารมณ์การร้องเพลงแบบนี้มีแรงบันดาลใจและเทคนิคในการร้องอย่างไรบ้าง?

   แรก ๆ ก็งงเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเนื้อหาเพลงพูดถึงชีวิตใครไม่รู้เราก็ไม่ได้มีประสบการณ์รันทดหดหู่ขนาดนั้น แต่เชื่อว่าสังคมมีเรื่องแบบนี้จริงและสิ่งที่นักร้องทุกคนต้องเจอคือพอเห็นเพลงแล้วมีบางเพลงที่ชอบและบางเพลงที่ไม่ชอบแล้วจะทําอย่างไรกับสิ่งที่ไม่ชอบล่ะ ก็ต้องเล็งไปที่คําว่า “หน้าที่” วันนี้เรามีหน้าที่อะไร มีหน้าที่เป็นนักเล่าเรื่องก็ต้องเล็งไปตรงจุดนั้น ต้องไม่เอาตัวตนของเราเข้าไปจับเขาไม่ใช่เรา เราไม่ใช่เขา เราแค่มีหน้าที่เล่าเรื่องเพลงนั้นออกมาให้เสมือนจริงมากที่สุด

   เวลาร้องเพลงค่อนข้างใช้จินตนาการสูงค่ะ ในยุคหนึ่งจะดูหนังทุกเรื่องต้องใช้ชีวิตอยู่กับการเสพอารมณ์ทั้งหลายแหล่ทั้งอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวกลางคืน ต้องออกไปดู ต้องเข้าไปอยู่ ต้องเข้าถึง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่เข้าใจ เพราะปานเป็นคนค่อนข้างคิดอะไรสวนทางกับทุกเพลงที่ถ่ายทอดออกไป จะไม่ค่อยมีมุมแบบนั้นสักเท่าไหร่ ฉะนั้นต้องเล็งที่คําว่าหน้าที่ แล้วทําการบ้านด้วยการเอาตัวเองออกไปหาประสบการณ์ทางอารมณ์หลาย ๆ ด้าน


นอกจากการร้องเพลงทางโลกแล้ว คุณปานยังมีโอกาสได้ร้องเพลงทางธรรมด้วยซึ่งตรงข้ามกันเลย อยากทราบว่าเทคนิคในการร้องเพลงทางธรรมคืออะไร แตกต่างจากการร้องเพลงทางโลกอย่างไร?
   เพลงทางธรรมต้องมาจากข้างในของเราเอง ถามว่าถ้าได้รับทํางานเพลงทางธรรมเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วก็คงทําไม่ได้นะเพราะยังไม่เข้าใจ ข้างในยังขุ่นมัวค่อนข้างมาก ถึงวันนี้ก็ไม่ได้ใสขึ้นมากมายอะไร เพียงแต่ว่าเริ่มเข้าใจ เริ่มเห็นว่า อ๋อ อันนี้ดํา อันนี้ขาว มันเป็นอย่างนี้เอง จริง ๆ แล้วเป็นคนสนใจธรรมะตั้งแต่เด็ก เพราะที่บ้านก็พาเข้าวัดทําบุญ แต่ไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแก่นแท้ของธรรมะคืออะไร เราทําเพื่ออะไร พระพุทธเจ้าสอนอะไร เมื่อได้ทํางานมาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ จากการได้เรียนรู้มาสิบกว่าปีก็เริ่มมีคําถามว่า “เราทําไปทําไม เราทําเพื่ออะไร” เรามีเงิน มีสมบัตินอกกายทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการ “แล้วมันยังไงต่อล่ะ”

   ช่วงที่คุณแม่ (คุณดวงพร แวกประยูร) ป่วยเป็นเส้นเลือดตีบ ครอบครัวเราพยายามหาหนทางรักษา หมอที่ไหนว่าดีว่าเก่งไปหาหมด หาเงินได้เท่าไหร่ก็นํามารักษาคุณแม่ แต่สุดท้ายก็ทําอะไรไม่ได้ ทุกวันนี้ได้แต่ยื้อสังขารกันเท่านั้นเอง จึงคิดว่าเป็นเรื่องของกรรมซึ่งแบกรับแทนกันไม่ได้ อย่างมากที่สุดเราก็แค่มีกรรมร่วม นั่นทําให้เริ่มรู้แล้วว่าสมบัตินอกกายทุกอย่างไม่ใช่สุขแท้ เวลาที่สุขแท้คือตอนที่อยู่คนเดียวเงียบๆ อยู่กับสิ่งที่เรียกว่า เงียบสงบ รู้สึกว่ามันสบายใจ ได้ล้างใจ ปานชอบโมเมนต์แบบนี้ จึงหันมาสนใจทางธรรมมากขึ้น จังหวะชีวิตมันดีตรงที่ว่าเราได้เรียนรู้ธรรมะไปประมาณหนึ่ง แล้วทําให้พอเข้าใจว่า อ๋อ เวลาโลกมันเหวี่ยงจากดําไปขาวเป็นแบบนี้เลยนะ เพราะเราลุยทางโลกมาไม่รู้เท่าไหร่ ร้องเพลงมาทุกประเภท วันหนึ่งมาร้องเพลงทางธรรมที่แทบจะไม่ต้องใช้อะไรเลย แต่ยากกว่าเพลงทางโลกมาก เพราะต้องมาจากใจที่ศรัทธาก่อน



เคล็ดลับความสําเร็จของคุณปานคืออะไร?

   สําหรับปานคือ “ความจริงใจในการทํางาน” แต่ความจริงใจของเราอาจไปทําร้ายคนบ้างก็มีนะคะเพราะมันจริงเกินไปตรงเกินไป บางทีเราจริงมาก จริงทั้งหมดก็ไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้เพราะคนอื่นไม่ได้คิดเหมือนเรา ใจเขาไม่ได้หนาเหมือนเรา ก็ต้องเรียนรู้กันไป ปานยึดหลักว่าความจริงใจอาจไม่ถูกใจคนมากนัก แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปคนเราเติบโตขึ้น เขาจะนึกขอบใจเราเองแหละ เรื่องบางเรื่องต้องไม่กลัวคนเกลียด มันมีอยู่แล้วที่ว่าคนรักเป็นร้อย คนเกลียดเป็นล้าน แต่ต้องไตร่ตรองดูว่าสิ่งที่เราทําเกิดประโยชน์กับเขาอย่างไร เขาอาจเกลียดเรา แต่ถ้าเกลียดแล้วได้พัฒนาตัวเอง ปาน ว่าคุ้ม เราเป็นคนทํางานแบบนี้ ถ้าบอกไป อาจไม่ถูกใจบางกลุ่ม แต่ก็ไม่กลัวรู้สึก ว่าการถูกเกลียดเป็นเรื่องธรรมดาของคน
ของสัตว์โลกถ้าเราเปรียบเทียบว่าเราเป็นสัตว์โลกเหมือนกันเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันไม่มีแก่นสารอะไรให้ยึดสักอย่าง พอคิดได้แบบนี้ก็ทําให้ใจคลายความยึดติดและทํางานกับคนอื่นได้ง่ายขึ้น

   sanook.com
   เนื้อหาโดย : นิตยสาร Secret


© http://www.parn-thanaporn.com/gallery/



ในปี 2543 ปานเข้าเป็นนักร้องเดี่ยวในสังกัดอาร์เอส โปรโมชั่น ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกที่ชื่อ ปาน ธนพร

21 กรกฎาคม 2543 อัลบั้ม ปาน ธนพร เพิ่ม 2 เพลง
19 มกราคม 2544 อัลบั้มพิเศษ เซเรเบรชั่น
26 เมษายน 2544 อัลบั้ม หวานผ่าซาก
15 สิงหาคม 2544 อัลบั้มรวมฮิต love series
28 กันยายน 2544 อัลบั้มพิเศษ ดัง – ปาน Two Season the Grateduet Albums
7 สิงหาคม 2545 อัลบั้ม True – Story ความรัก / ผู้ชาย / ปลาย่าง
29 มกราคม 2546 อัลบั้มพิเศษ Parn Exclusive คำสารภาพของความรัก
17 กรกฎาคม 2546 อัลบั้มรวมฮิต Parn Season 1 – 2
15 มกราคม 2547 อัลบั้มพิเศษ Dreams ( โฟร์ท, ปาน , เปียโน )
28 ตุลาคม 2547 อัลบั้ม Parn Lover นรกในใจ
7 กรกฎาคม 2548 อัลบั้มพิเศษ Parn Series ผู้หญิงต้องร้าย / ผู้ชายต้องรู้ / เพราะเราคู่กัน
24 พฤศจิกายน 2548 อัลบั้ม หนุ่มบาว – สาวปาน
20 กรกฎาคม 2549 อัลบั้มพิเศษ คิดถึงแม่ “เรารักแม่”
9 พฤศจิกายน 2549 อัลบั้มพิเศษ “ลูกของพ่อ”
29 มีนาคม 2550 อัลบั้ม สัญชาติญาณหญิง
24 พฤศจิกายน 2550 อัลบั้ม สาวปาน
26 มิถุนายน 2551 อัลบั้ม ผู้หญิงยิ่งกว่าละคร
20 มิถุนายน 2552 อัลบั้ม พรหมลิขิต
3 ธันวาคม 2552 อัลบั้ม บาว-ปาน รีเทิร์น
2553 อัลบั้ม PARN@Prime time
2555 Single เพื่อนในฝัน, พรุ่งนี้ไม่มีจริง

© http://www.parn-thanaporn.com/aboutparn/


'ปาน-ธนพร'ปลื้มเรียนจบโท หอบปริญญากราบ"พ่อ-แม่" | เดลินิวส์

   นักร้องคุณภาพ "ปาน-ธนพร" เรียนจบปริญญาโท ดุริยางค์ศาสตร์มหาบัณฑิต สังคีตวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าตัวนำใบปริญญาบัตรกราบเท้าพ่อแม่ วันอังคารที่ 22 ธันวาคม 2558 เวลา 13:02 น. เป็นอีกหนึ่งนักร้องคุณภาพที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับ "ปาน-ธนพร แวกประยูร" ที่เจ้าตัวสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท ดุริยางค์ศาสตร์มหาบัณฑิต สังคีตวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นที่เรียบร้อย หลังจากทุ่มเทเรียนหนักมาหลายปี ท่ามกลางความยินดีของครอบครัว และเพื่อนในวงการ ทั้งนี้เจ้าตัวยังได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรม  @parnthanaporn เป็นภาพที่สวมชุดครุยสวย ๆ และนำใบปริญญาบัตรมาไหว้คุณพ่อคุณแม่ด้วย



   ปาน เผยว่า "ขอขอบคุณหลายคนมาร่วมแสดงความยินดีนะคะ งานรับปริญญา ปาน ไม่ได้บอกใคร เพราะไม่อยากรบกวน เนื่องจากการเดินทางไม่ค่อยสะดวก แค่ร่วมยินดี ผ่านเฟซบุ๊ก ไอจีก็เพียงพอแล้ว การเรียนจบไม่ได้เป็นเครื่องหมายแสดงว่าคุณเป็นคนเก่งอะไรมากมาย แค่เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่จะศึกษา ให้สำเร็จลุล่วง เรียนจบโทมา ก็รู้สึกโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น หลายครั้งที่ถอดใจ แต่ก็นั่นแหละค่ะ ความรับผิดชอบมันยิ่งใหญ่จริงๆ ขอบคุณกัลยาณมิตรที่เกื้อกูลกันมาตลอดค่ะ”





หวังว่าคงจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครบรอบ 15ปี ปาน ธนพร เร็ว ๆ นี้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่