วัฒนธรรมห่อปกพลาสติกหนังสือฟรีในเมืองไทย อย่างผิดหลักการธุรกิจ

กระทู้คำถาม
สมัยก่อนร้านหนังสือดอกหญ้าหาทางเอาตัวรอดทางธุรกิจ สู้คู่แข่งเป็นร้านหนังสือใหญ่ ด้วยห่อปกพลาสติกหนังสือฟรี จะได้ลูกค้าไม่หนีไปร้านคู่แข่ง ต่อมาคู่แข่งสู้กลับ เอาอย่างเขาด้วยห่อปกพลาสติกหนังสือฟรี แต่มีต้นทุนเพิ่ม พนักงานบางคนบาดเจ็บจากห่อปกฯเช่นคัตเตอร์ หนังสือบางเล่มโดนตัดที่ขอบหนังสือนิดๆ แล้วแต่พนักงานตัดเก่งไม่เก่งขึ้นกับมือใหม่มือเก่า สก๊อตเทปแปะมุมนี้ สวยไม่สวยแล้วแต่เล่มแต่ผ่านไปนาน5-10ปี บางเล่มที่สก๊อตเทปมีคราบกาวหลุด บางเล่มกาวเสื่อมแล้วอาจที่ปกพลาสติกเกือบไม่ติดแน่นแล้ว ข้อดีของห่อปกฯเช่นปกข้างในไม่เก่า ผ่านมาหลายปี ,ถ้าเอาขายต่อ ไม่แน่ใจว่าราคาตกเยอะมั้ย , ผู้ผลิตปกฯก็มีรายได้ดีกว่าสมัยก่อนไม่มีห่อปกฯฟรี
ข้อเสียใหญ่ๆต่อร้านหนังสือ คือ ลูกค้ารอเวลาห่อปกฯ  ต้องจ้างพนักงานเพิ่มช่วยห่อปกฯ เสียพื้นที่สำหรับเก็บปกฯ คัตเตอร์ กรรไกร สก๊อตเทป มีต้นทุนเพิ่มรวมราคาหนังสือ กำไรลดลงนิด ถ้ายอดขายหนังสือ ที่ห่อปกฯฟรีต่อเดือน อาจน้อยกว่า ยอดขายหนังสือ ที่ไม่มีห่อปกฯฟรีแต่ถ้าต้องการห่อปกฯจะเพิ่มเงินได้
เพราะที่ห่อปกฯฟรีต่อเดือน จำนวนลูกค้าที่รอเวลาห่อปกฯ จ่ายเงินแล้วออกจากร้าน ถ้ายอดขายสูงกว่าอาจเพราะลูกค้าไม่รอเวลานาน จ่ายเงินแล้วไป ลูกค้าอีกคนมา ก็จ่ายเงิน แล้วอีกคนก็จ่ายเงิน เรื่อยๆ ( ผมคิดว่านะ เป็นไปได้มั้ยครับ )

ต่อมาร้านดอกหญ้า ปิดกิจการ คู่แข่งก็มีลูกค้าเพิ่ม คู่แข่งก็ยังให้ห่อปกฯฟรีต่อไป  แต่วัฒนธรรมอย่างเดิมซึ่งห่อปกฯฟรี ยังเป็นปัญหาต่อร้านหนังสือ และลูกค้า ครับ ต่างประเทศ ยังไม่เห็นร้านหนังสือไหน ห่อปกฯฟรีให้ อาจเพราะยังไม่มีวัฒนธรรมอย่างผิดหลักการธุรกิจ ส่วนใหญ่ปกหนังสือเคลือบพลาสติกแล้ว ช่วยลดปัญหาเรื่องถ้าทั้งตู้หนังสือมีหนังสือเต็มตู้ที่ไม่ห่อปกฯ จุหนังสือมากกว่าห่อปกฯ น้ำหนักรวมทั้งตู้หนังสือก็น้อยกว่าด้วยครับ

ข้อดีใหญ่ๆคือ ไม่รอนาน ราคาส่วนลดมากกว่าเพราะไม่มีต้นทุนค่าห่อปกฯ ค่าจ้างพนักงานห่อฯ ค่าคัตเตอร์-กรรไกร เช่าพื้นที่ส่วนหนึ่งด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่