สัญญาข้างกองฟาง
เรื่องสั้นชุด : มนตร์รัก
*** เรื่องสั้นชุดนี้ เป็นนิยายที่ผู้เขียน สมมุติเหตุการณ์ บุคคล และสถานที่ ขึ้นมาตามจินตนาการเท่านั้น
ผู้เขียนแต่งเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆทั้งสิ้น โปรดอ่านอย่างใช้วิจารณญาณ ขอบคุณค่ะ ***
.......ตั๋วสีฟ้าสองใบ กำแน่นอยู่ในมือของ บัวเรียว สองขาเขย่งเท้าให้สูงเพื่อพ้นจากศรีษะของคนข้างหน้า สาวน้อยบ้านทุ่ง
แหงนหน้ามองชิงช้าสวรรค์เบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของตัวองซะที
ทองดี หนุ่มบ้านนาคนรักของ บัวเรียว เกาะไหล่ของหล่อนไว้ด้วยมือสองข้าง พร้อมรอยยิ้มที่อิ่มเอม ยามใกล้คนรักแบบนี้
ยิ่งเห็นทีท่าของสาวคนรักที่ตื่นเต้นกับการรอคอย หนุ่มบ้านนายิ่งมีความสุข
“ คิวหน้าก็ถึง รอบของเราแล้วล่ะพี่ทอง “ บัวอยากนั่งชิงช้าไวไวจัง “ สาวนางบ้านนาพรั่งพรูคำพูดออกมาอย่างปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด
ทองดี เองก็เปิดยิ้มกว้างกับความตื่นเต้นนี้เช่นกัน
...บ้านนาหนองทุ่ม นานๆที่จะมีงานวัดที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ครั้งนี้เป็นงานฉลองอุโบสถที่สร้างเสร็จ คณะกรรมการวัดจึงประชุมกัน
และจัดมหรสพมาสมโภชน์ ให้สมกับความยิ่งใหญ่ การจัดหนังกลางแปลง การแสดง การละเล่นต่างๆที่นิยมในหมู่คนชนบท
ถูกสรรหามาอย่างมากมาย เพื่อสร้างความบันเทิง และ อีกทางหนึ่งเพื่อเป็นการระดมทุนเข้าวัดอีกด้วย
ชาวบ้านแถวนี้ ไม่ค่อยจะมีงานมีการที่เป็นงานใหญ่ระดับอำเภอมากนัก ครั้งนี้เป็นงานใหญ่ที่ชาวบ้านตื่นตัวกันมากกว่าทุกครั้ง
ถือว่าเป็นการสร้างความบันเทิงที่ชาวบ้านรอคอยมานาน.....
วงชิงช้าสวรรค์พาสองหนุ่มสาวขึ้นไปหมุนบนอากาศ บัวเรียว ก้มหน้ามองลงมาเบื้องล่าง สาวน้อยมีอาการสั่นนิดๆเมื่อวงชิงช้า
หยุดลงเพื่อรับส่งคน ยอดสูงสุดบนชิงช้าสวรรค์หยุดประจวบเหมาะกับตำแหน่งที่ทั้งสองคนนั่งพอดี
ทองดี หัวเราะเบาๆพร้อมจับมือคนรักไว้อย่างปลอบโยน “ กลัวเหรอ บัว” “ อือ กลัวเหมือนกันจ้ะ บัวไม่ค่อยได้นั่งชิงช้าบ่อยหน่ะพี่ “
หล่อนบอกชายหนุ่มอย่างอายๆ ชายหนุ่มเอามือขยี้ผมเธออย่างเอ็นดู
“ เดี๋ยวก็ลงกันแล้ว บัวอยากไปเล่นอะไรต่อล่ะ “ บัวเรียว ทำจมูกย่น กระพริบตาขึ้นลงถี่ๆ แล้วเอ่ยอย่างลิงโลดว่า
” รำวงมั๊ยพี่ ท่าทางสนุก ดูเมียงูก็ไม่สนุก ปาเป้าก็เสียดายตังค์ ไปรำวงเถอะ บัวอยากดูสาวๆเต้น “
สาวน้อยบ้านนา รัวคำพูดเร็วๆ อย่างสดใส ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ..
...
บนเวทีรำวง.. สาวๆนักเต้นวัยกะเตาะ แต่งตัวด้วยกระโปรงสั้นจู๋ สีสันสดใสฉูดฉาด แต่งหน้าแต่งตาจัดจ้าน นั่งอยู่บนเวที
เพื่อรอคอยตํ๋วและพวงมาลัย จากลูกค้าที่มารอรอบรำวง
เมื่อหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คนไหนต้องตาสาวคนใด พวกเค้าก็จะเดินไปหาซื้อพวงมาลัยมาคล้องให้สาวเจ้า พร้อมกับโค้งคำนับออกมา
เป็นคู่เต้นรำวง ด้วยจังหวะ ชะชะช่า หรือ แทงโก้ ตามแต่นักดนตรีจะบรรเลงเพลงออกมา ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้แก่คนดู
และบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้กระชุ่มกระชวยในคืนนี้
บัวเรียว ดึงมือคนรักมุดฝ่าฝูงชนเข้ามาเพื่อให้ใกล้เวทีที่สุด เสียงดนตรีที่เร่งจังหวะทำให้คนข้างล่างเวทีรู้สึกถึงความครึกครื้น
ได้อย่างสนุกสนาน หลายคนเต้นตามจังหวะเพลงด้วยความครื้นเครง
และเมื่อสาวบ้านนา มองไปบนเวที พลันสายตาของ บัวเรียว ก็ปะทะกับพิธีกรเชียร์แขกบนเวที ชายวัยกลางคนที่อยู่บนเวทีนั่น
เป็นน้าชายของหล่อนเอง นอกจากเป็นมัคทายกของวัดแล้ว น้าชายเธอยังมารับหน้าที่พิธีกรวงรำวงอีกเหรอนี่
พลัน ! สาวน้อยก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เธอหันไปกระซิบกับคนรักของเธอว่า “ เดี๋ยวจะทำอะไรให้ดู” ยังไม่ทันที่ ทองดี จะถามอะไร
บัวเรียว ก็กระโดดขึ้นไปบนเวที พร้อมกับกระซิบกระซาบข้างหูของน้าชาย และเมื่อน้าชายผู้เป็นพีธีกรได้ฟ้ง จึงหันไปส่งสัญญาณ
บอกนักดนตรีว่า จะมีนักร้องมือสมัครเล่นมาร้องเพลง พร้อมประกาศให้คนฟังข้างล่างได้รับรู้
สิ้นเสียงประกาศแนะนำนักร้องของพิธีกร เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องพร้อมเสียงเชียร์เฮลั่น ทันทีที่ไมค์มาอยู่ในมือของสาวน้อย
เสียงกลองทอม ก็ดังขึ้นผสานกับเครื่องดนตรีในวงที่บรรเลงขึ้นมา
♫.....♫......♫...ตึ่ง... ตึ่ง..ตึ่ง.. โป๊ะ.. โป๊ะ ชิ่ง... ติ่ง...ติ่ง..โป๊ะ..โป๊ะ ชิ่ง .ติ่งฯ ...♫.....♫......♫....♫.....
♫.....♫ " อายุสิบห้าได้มาเป็นสาวรำวง. มาใส่กระโปรงวับๆ แวมๆ ไฟสลัวมัวเหมือนคืนเดือนแรม.
อร้าอะแหร่มอยู่บนฟลอร์เต้นรำ. เราเกิดมาเป็นคนต้อยต่ำ กระด่างกระดำดั่งเม็ดดินเม็ดทราย........♫.....♫......♫....
เสียงใสๆของสาวน้อยร้องดังออกมา ในจังหวะ ชะชะช่า ที่เร้าใจและเป็นที่ชอบใจของ คนดูเป็นยิ่งัก
บัวเรียว วาดลีลานักร้องมือสมัครเล่นได้ อย่างมัดใจคนดู จบเสียงเพลง เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ในบ้านนาหนองทุ่ม ไม่มีใครไม่รู้จักบัวเรียวและการขึ้นเวที ของนักร้องบ้านนอกคนนี้ เรียกเสียงเฮและความเอ็นดูให้หล่อนได้ไม่น้อย
ทองดี ยิ้มหน้าบานกับความสามารถของแฟนสาว ที่ทุกคนยอมรับ
..........
ตีสองกว่าๆที่สองหนุ่มสาว เดินกลับบ้าน คืนนี้เป็นคืนที่ทั้งสองสนุกและมีความสุขที่สุด คนบ้านนอกที่อยู่ห่างไกลความเจริญ
แบบคนทั้งสองไม่มีโอกาสได้ นั่งรถไฟฟ้า ไม่มีโอกาสเดินห้างหรู ขึ้นบันไดเลื่อน หรือไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าหรูๆราคาแพงๆ
แค่มีงานวัดเป็นเสมือน แหล่งบันเทิง ที่ทำให้ชีวิตพวกเค้า ไม่จำเจอยู่กับท้องไร่ท้องนา เท่านี้ก็เป็นความสุขที่พวกเค้า
ไม่ต้องดิ้นรนหาให้วุ่นวายเลย.....
“ พี่ทอง ตกลงหน้านาปีนี้ คิดว่าจะไหวมั๊ย เห็นทางอำเภอว่า น้ำปีนี้จะน้อย เพราะคงแล้ง ถ้าจะทำนาปีนี้ต้องรอฝนอย่างเดียวเลยนะ”
บัวเรียว ถามชายคนรักเหมือนขอคำปรึกษา ข่าวจากอำเภอ ทำให้คนทำนาแบบเธอต้องคิดหนัก
“ ก็คงต้องทำแหล่ะบัว ถ้าไม่ทำนาแล้วจะทำอะไร ปลูกอย่างอื่นก็ต้องลงทุนใหม่ ฟื้นดินใหม่ ตอนนี้จะเอาทุนที่ไหนมา
อีกอย่างถ้าไม่ปลูกข้าวปีนี้ ปีหน้าก็คงมีหวังซื้อข้าวกิน หน่ะสิ รายได้ไม่แน่นอนแบบเรา จะทำยังไงได้
ก็คงต้องเสี่ยงกับฝนฟ้าเทวดาไปนั่นแหล่ะ”
ชายหนุ่มตอบคำถามแฟนสาวด้วยเสียงละห้อย อาชีพเกษตรกรรมอย่างพวกเค้า แทบจะไม่มีทางเลือกใดได้อีก
ซึ่งหญิงสาวเองก็ เข้าใจในโชคชะตานี้ดี “ ว่าไงว่าตามกันแหล่ะพี่”
สองสาวหนุ่มเดินจับมือกุมกันไปด้วยความรักที่มีต่อกันมานาน และพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
งานฉลองโบสถ์คืนนี้ เป็นคืนที่สร้างความสุขให้แก่ คนในหมู่บ้านนาหนองทุ่มและใกล้เคียงได้อย่างดีทีเดียว
ยังมีต่อค่ะ
The All Write Project 3 : ชุดมนตร์รัก : สัญญาข้างกองฟาง
สัญญาข้างกองฟาง
เรื่องสั้นชุด : มนตร์รัก
*** เรื่องสั้นชุดนี้ เป็นนิยายที่ผู้เขียน สมมุติเหตุการณ์ บุคคล และสถานที่ ขึ้นมาตามจินตนาการเท่านั้น
ผู้เขียนแต่งเพื่อความบันเทิง ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลใดๆทั้งสิ้น โปรดอ่านอย่างใช้วิจารณญาณ ขอบคุณค่ะ ***
.......ตั๋วสีฟ้าสองใบ กำแน่นอยู่ในมือของ บัวเรียว สองขาเขย่งเท้าให้สูงเพื่อพ้นจากศรีษะของคนข้างหน้า สาวน้อยบ้านทุ่ง
แหงนหน้ามองชิงช้าสวรรค์เบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ว่าเมื่อไหร่จะถึงคิวของตัวองซะที
ทองดี หนุ่มบ้านนาคนรักของ บัวเรียว เกาะไหล่ของหล่อนไว้ด้วยมือสองข้าง พร้อมรอยยิ้มที่อิ่มเอม ยามใกล้คนรักแบบนี้
ยิ่งเห็นทีท่าของสาวคนรักที่ตื่นเต้นกับการรอคอย หนุ่มบ้านนายิ่งมีความสุข
“ คิวหน้าก็ถึง รอบของเราแล้วล่ะพี่ทอง “ บัวอยากนั่งชิงช้าไวไวจัง “ สาวนางบ้านนาพรั่งพรูคำพูดออกมาอย่างปิดความตื่นเต้นไว้ไม่มิด
ทองดี เองก็เปิดยิ้มกว้างกับความตื่นเต้นนี้เช่นกัน
...บ้านนาหนองทุ่ม นานๆที่จะมีงานวัดที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ครั้งนี้เป็นงานฉลองอุโบสถที่สร้างเสร็จ คณะกรรมการวัดจึงประชุมกัน
และจัดมหรสพมาสมโภชน์ ให้สมกับความยิ่งใหญ่ การจัดหนังกลางแปลง การแสดง การละเล่นต่างๆที่นิยมในหมู่คนชนบท
ถูกสรรหามาอย่างมากมาย เพื่อสร้างความบันเทิง และ อีกทางหนึ่งเพื่อเป็นการระดมทุนเข้าวัดอีกด้วย
ชาวบ้านแถวนี้ ไม่ค่อยจะมีงานมีการที่เป็นงานใหญ่ระดับอำเภอมากนัก ครั้งนี้เป็นงานใหญ่ที่ชาวบ้านตื่นตัวกันมากกว่าทุกครั้ง
ถือว่าเป็นการสร้างความบันเทิงที่ชาวบ้านรอคอยมานาน.....
วงชิงช้าสวรรค์พาสองหนุ่มสาวขึ้นไปหมุนบนอากาศ บัวเรียว ก้มหน้ามองลงมาเบื้องล่าง สาวน้อยมีอาการสั่นนิดๆเมื่อวงชิงช้า
หยุดลงเพื่อรับส่งคน ยอดสูงสุดบนชิงช้าสวรรค์หยุดประจวบเหมาะกับตำแหน่งที่ทั้งสองคนนั่งพอดี
ทองดี หัวเราะเบาๆพร้อมจับมือคนรักไว้อย่างปลอบโยน “ กลัวเหรอ บัว” “ อือ กลัวเหมือนกันจ้ะ บัวไม่ค่อยได้นั่งชิงช้าบ่อยหน่ะพี่ “
หล่อนบอกชายหนุ่มอย่างอายๆ ชายหนุ่มเอามือขยี้ผมเธออย่างเอ็นดู
“ เดี๋ยวก็ลงกันแล้ว บัวอยากไปเล่นอะไรต่อล่ะ “ บัวเรียว ทำจมูกย่น กระพริบตาขึ้นลงถี่ๆ แล้วเอ่ยอย่างลิงโลดว่า
” รำวงมั๊ยพี่ ท่าทางสนุก ดูเมียงูก็ไม่สนุก ปาเป้าก็เสียดายตังค์ ไปรำวงเถอะ บัวอยากดูสาวๆเต้น “
สาวน้อยบ้านนา รัวคำพูดเร็วๆ อย่างสดใส ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ..
...
บนเวทีรำวง.. สาวๆนักเต้นวัยกะเตาะ แต่งตัวด้วยกระโปรงสั้นจู๋ สีสันสดใสฉูดฉาด แต่งหน้าแต่งตาจัดจ้าน นั่งอยู่บนเวที
เพื่อรอคอยตํ๋วและพวงมาลัย จากลูกค้าที่มารอรอบรำวง
เมื่อหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คนไหนต้องตาสาวคนใด พวกเค้าก็จะเดินไปหาซื้อพวงมาลัยมาคล้องให้สาวเจ้า พร้อมกับโค้งคำนับออกมา
เป็นคู่เต้นรำวง ด้วยจังหวะ ชะชะช่า หรือ แทงโก้ ตามแต่นักดนตรีจะบรรเลงเพลงออกมา ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้แก่คนดู
และบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้กระชุ่มกระชวยในคืนนี้
บัวเรียว ดึงมือคนรักมุดฝ่าฝูงชนเข้ามาเพื่อให้ใกล้เวทีที่สุด เสียงดนตรีที่เร่งจังหวะทำให้คนข้างล่างเวทีรู้สึกถึงความครึกครื้น
ได้อย่างสนุกสนาน หลายคนเต้นตามจังหวะเพลงด้วยความครื้นเครง
และเมื่อสาวบ้านนา มองไปบนเวที พลันสายตาของ บัวเรียว ก็ปะทะกับพิธีกรเชียร์แขกบนเวที ชายวัยกลางคนที่อยู่บนเวทีนั่น
เป็นน้าชายของหล่อนเอง นอกจากเป็นมัคทายกของวัดแล้ว น้าชายเธอยังมารับหน้าที่พิธีกรวงรำวงอีกเหรอนี่
พลัน ! สาวน้อยก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เธอหันไปกระซิบกับคนรักของเธอว่า “ เดี๋ยวจะทำอะไรให้ดู” ยังไม่ทันที่ ทองดี จะถามอะไร
บัวเรียว ก็กระโดดขึ้นไปบนเวที พร้อมกับกระซิบกระซาบข้างหูของน้าชาย และเมื่อน้าชายผู้เป็นพีธีกรได้ฟ้ง จึงหันไปส่งสัญญาณ
บอกนักดนตรีว่า จะมีนักร้องมือสมัครเล่นมาร้องเพลง พร้อมประกาศให้คนฟังข้างล่างได้รับรู้
สิ้นเสียงประกาศแนะนำนักร้องของพิธีกร เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องพร้อมเสียงเชียร์เฮลั่น ทันทีที่ไมค์มาอยู่ในมือของสาวน้อย
เสียงกลองทอม ก็ดังขึ้นผสานกับเครื่องดนตรีในวงที่บรรเลงขึ้นมา
♫.....♫......♫...ตึ่ง... ตึ่ง..ตึ่ง.. โป๊ะ.. โป๊ะ ชิ่ง... ติ่ง...ติ่ง..โป๊ะ..โป๊ะ ชิ่ง .ติ่งฯ ...♫.....♫......♫....♫.....
♫.....♫ " อายุสิบห้าได้มาเป็นสาวรำวง. มาใส่กระโปรงวับๆ แวมๆ ไฟสลัวมัวเหมือนคืนเดือนแรม.
อร้าอะแหร่มอยู่บนฟลอร์เต้นรำ. เราเกิดมาเป็นคนต้อยต่ำ กระด่างกระดำดั่งเม็ดดินเม็ดทราย........♫.....♫......♫....
เสียงใสๆของสาวน้อยร้องดังออกมา ในจังหวะ ชะชะช่า ที่เร้าใจและเป็นที่ชอบใจของ คนดูเป็นยิ่งัก
บัวเรียว วาดลีลานักร้องมือสมัครเล่นได้ อย่างมัดใจคนดู จบเสียงเพลง เสียงปรบมือเกรียวกราวก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ในบ้านนาหนองทุ่ม ไม่มีใครไม่รู้จักบัวเรียวและการขึ้นเวที ของนักร้องบ้านนอกคนนี้ เรียกเสียงเฮและความเอ็นดูให้หล่อนได้ไม่น้อย
ทองดี ยิ้มหน้าบานกับความสามารถของแฟนสาว ที่ทุกคนยอมรับ
..........
ตีสองกว่าๆที่สองหนุ่มสาว เดินกลับบ้าน คืนนี้เป็นคืนที่ทั้งสองสนุกและมีความสุขที่สุด คนบ้านนอกที่อยู่ห่างไกลความเจริญ
แบบคนทั้งสองไม่มีโอกาสได้ นั่งรถไฟฟ้า ไม่มีโอกาสเดินห้างหรู ขึ้นบันไดเลื่อน หรือไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าหรูๆราคาแพงๆ
แค่มีงานวัดเป็นเสมือน แหล่งบันเทิง ที่ทำให้ชีวิตพวกเค้า ไม่จำเจอยู่กับท้องไร่ท้องนา เท่านี้ก็เป็นความสุขที่พวกเค้า
ไม่ต้องดิ้นรนหาให้วุ่นวายเลย.....
“ พี่ทอง ตกลงหน้านาปีนี้ คิดว่าจะไหวมั๊ย เห็นทางอำเภอว่า น้ำปีนี้จะน้อย เพราะคงแล้ง ถ้าจะทำนาปีนี้ต้องรอฝนอย่างเดียวเลยนะ”
บัวเรียว ถามชายคนรักเหมือนขอคำปรึกษา ข่าวจากอำเภอ ทำให้คนทำนาแบบเธอต้องคิดหนัก
“ ก็คงต้องทำแหล่ะบัว ถ้าไม่ทำนาแล้วจะทำอะไร ปลูกอย่างอื่นก็ต้องลงทุนใหม่ ฟื้นดินใหม่ ตอนนี้จะเอาทุนที่ไหนมา
อีกอย่างถ้าไม่ปลูกข้าวปีนี้ ปีหน้าก็คงมีหวังซื้อข้าวกิน หน่ะสิ รายได้ไม่แน่นอนแบบเรา จะทำยังไงได้
ก็คงต้องเสี่ยงกับฝนฟ้าเทวดาไปนั่นแหล่ะ”
ชายหนุ่มตอบคำถามแฟนสาวด้วยเสียงละห้อย อาชีพเกษตรกรรมอย่างพวกเค้า แทบจะไม่มีทางเลือกใดได้อีก
ซึ่งหญิงสาวเองก็ เข้าใจในโชคชะตานี้ดี “ ว่าไงว่าตามกันแหล่ะพี่”
สองสาวหนุ่มเดินจับมือกุมกันไปด้วยความรักที่มีต่อกันมานาน และพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
งานฉลองโบสถ์คืนนี้ เป็นคืนที่สร้างความสุขให้แก่ คนในหมู่บ้านนาหนองทุ่มและใกล้เคียงได้อย่างดีทีเดียว
ยังมีต่อค่ะ