.....How to night wean your baby
เชื่อว่าหลายครอบครัว ไม่ได้สัมผัสคำว่า"นอนยาวๆ"มานานแล้วตั้งแต่มีลูก
ช่างเถอะ ไม่เป็นไร
เอาน่า รอลูกโตกว่านี้
เดี๋ยวจะใจแข็ง จริงจังละ
โตขึ้น เค้าก็นอนเองแหล่ะ
หลายๆเหตุผล ต่างกันไปในแต่ละครอบครัวและก็ไม่มีใครถูกผิด เพราะต่างบ้านต่างสไตล์ บางคนโอเคที่จะหลับๆตื่นๆ มาให้นมลูก มาชงนมลูก นี่แหวนก็นับถือจริงๆ แต่แหวนเป็นพวกที่หลับยาก คือตื่นมาแล้ว จะนอนต่อยากมากกกกก เลยนอนไม่ค่อยพอ กลางวันก็เลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ง่วงตลอดเวลา ล้าทั้งวัน เหนื่อยมาก หน้าศพเป็นผีตาโบ๋
จนมาถึงวันนึงที่คิดว่า เฮ้ยย! หรือ เราควรจะงดมื้อดึกจริงๆจังๆซะทีสินะ... จึงเกิดเป็นมหกรรมการรีเสริชขึ้น ดังต่อไปนี้
#กินมื้อดึกส่งผลต่ออะไรบ้าง??
1.ร่างกายลูกจะสร้างความเคยชิน การที่เด็กตื่นขึ้นมาแล้วเราให้นม จะทำให้"น้ำย่อยของเด็กหลั่ง"มากตอนกลางคืน "จึงตื่นตามเวลา"ที่เราเคยให้นม ดังนั้นเราควรฝึก ถ้าเด็กตื่นกลางดึกควรกล่อมให้หลับด้วยวิธีอื่น ที่ไม่ใช่การให้นม (วิธีอยู่ด้านล่าง)
2.กินตอนดึกตั้งหลายรอบ กลางวันเด็กจะไม่หิว เพราะกลางคืนได้นมมาก และไม่ได้ใช้พลังงานเลย ทานแล้วหลับ ช่วงกลางวันจึงไม่ยอมทานอาหาร กลางวันไม่กิน/กินน้อย กลางคืนก็หิวน่ะสิ มันก็จะวนๆเป็นลูปเยี่ยงนี้
3.พอกินยาก ก็จะเรื่องมาก แม่เครียด พ่ออึน ย่ายายกังวล เลยให้กินอย่างอื่นแทน ปัญหาขยายเป็นติดขนม ติดหวาน และเริ่มรู้จักต่อรอง ต่อไปก็จะไม่กินอาหาร แต่จะเอาอย่างอื่น เพราะรู้ว่าโดนตามใจ สุดท้ายทุกคนก็จะรู้สึกว่า เอาเหอะ กินไรก็กิน ดีกว่าลูกหิว พอโตขึ้น "อาจขยาย"และติดนิสัยเป็นเด็กเลือกกินและกินยาก
4.ผลเสียอีกอย่างที่สำคัญคือการตื่นกลางดึกจะทำให้ฮอร์โมนเติบโต (Growth hormone) ที่กำลังหลั่งหยุดชะงัก ส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่ไม่เต็มที่ เห็นชัดคือเรื่องความสูง
5.มีความเสี่ยงต่อฟันผุ
*หมายเหตุ ข้อ 4,5 เคยอ่านเพจคุณหมอสุธีราว่า มีงานวิจัยว่าเด็กที่ยังกินมื้อดึกอยู่ แต่กินจากเต้าแม่โดยตรง(ไม่ใช่จากขวดนมปั๊ม)ไม่มีความเสี่ยงฟันผุ หรือผลกระทบต่อ Growth hormone
6.แม่ร่างพัง กลายร่างเป็นผีปอบ เหนื่อย เครียด หงุดหงิดง่าย สมองไม่ค่อยแล่น สนุกกับลูกไม่เต็มที่ เพราะขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ สะสมมาเรื่อยๆ
..........……………
และวันนั้นก็มาถึง...ตอนนั้นเอด้า 9 เดือน
ช่วงอายุกำลังได้ ไม่เด็กเกิน และเริ่มกินอาหารเสริมเก่งแล้ว ก็ไม่กังวลแล้วว่าลูกจะหิวกลางคืน และอยากฝึกให้ลูก "หลับได้ด้วยตัวเอง" และอยากให้เรียนรู้ว่า "เวลากลางคืน คือเวลานอน เราก็ควรนอน เราไม่ควรกิน" แล้วมันก็...ง่ายยย กว่าที่คิดไว้มาก ใช้เวลาแค่ 1-2 สัปดาห์ ดังนี้
• วิธีการ แหวนปรับมาจากคุณหมอ Jay Gordon ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและครอบครัว วิธีการของหมอละมุนละม่อมมาก มาดูกันค่ะ
1.สร้างกิจวัตรให้เกิดขึ้น เช่น กินข้าว อาบน้ำ ใส่ชุดนอน กินนม แปรงฟัน อ่านนิทาน/ร้องเพลงเบาๆ ปิดไฟ เข้านอนเวลาเดียวๆกันทุกคืน
2.มื้อดึกของหมอ คือ ช่วง 5 ทุ่ม-6โมงเช้า ถ้าลูกนอนเร็วเช่น 1-2 ทุ่ม แล้วตื่นก่อน 5 ทุ่ม ก็ถือว่าให้กินนมได้ปกติจนถึง5 ทุ่มตรง หรืออาจปรับเวลาเป็น 4 ทุ่ม หรือจะเที่ยงคืน ก็แล้วแต่บ้านค่ะ
3.ขั้นปฏิบัติ มี 3 ช่วง แบ่งได้ดังนี้
• คืนที่ 1-3 หลัง 5 ทุ่ม ถ้าลูกตื่นอีก อุ้ม กอด ปลอบ กล่อม ร้องเพลงเบาๆ ลูบตัว เกาหลัง นวด ถ้าไม่หยุดก็ให้กินนมได้(นิดเดียว) แต่อย่าให้หลับคาเต้า ให้กินเพื่อปลอบเท่านั้น แล้วก็วางลงเตียง กล่อมไปจนหลับ แม้จะใช้เวลานานก็ตาม ถ้าร้องอีก ก็ทำซ้ำๆไป อุ้ม กอด กล่อม กินนมแปบเดียว วางลงเตียง
• คืนที่ 4-6 ทำเหมือน 3 คืนแรก คือ อุ้ม กอด ปลอบ กล่อม ร้องเพลงเบาๆ ลูบตัว เกาหลัง นวด แต่ แต่ แต่ ห้าม!!! ให้กินนม อนุโลมให้กินน้ำได้ ลูกจะร้อง และจะร้อง และจะร้องดังมาก ดีดมาก เหวี่ยงมาก อันนี้เตรียมใจ แต่ต้องใจแข็ง และอดทน หรือ อาจจะหลับไป 15 นาทีแล้วตื่นอีก ก็ทำแบบเดิมๆ วนไปเรื่อยๆ
• คืนที่ 7-10 ทำเหมือนคืนที่ 4-6 ให้ปลอบได้ ยังคงไม่ให้กินนม และ และ ห้าม!!! อุ้มออกจากเตียง ลูกจะดิ้น โกรธ โวยวาย ก็ต้องสงบ พูดอธิบายนุ่มนวลว่าแม่อยู่นี่ ไม่ไปไหนเลยลูก หนูหลับไปเลย แม่จะอยู่เป็นเพื่อนหนูเอง ร้องเพลง จับมือ ตบก้น เกาหลัง เหมือนเดิมคือ อดทน ใจแข็ง สงบ นิ่มนวล
.....แต่จาก ปสก ตรง แหวนไม่ได้ทำตามทั้งหมด คือเอามาเป็นไอเดีย ที่แหวนทำแล้วมันก็ได้ผลเหมือนกันคือ
1.แหวนหักดิบเลย 1-3 คืนแรก ก็ไม่ให้กินเลย พูดกล่อมเบาๆ กรอกหูไป "ค่อยกินพรุ่งนี้นะลูก กลางคืนเรานอน แม่ๆนอน เอด้านอน หม่ำๆ(หมายถึงนม)ก็นอนด้วย" //"แม่รักหนูนะลูก แต่แม่อยากให้หนูพักผ่อนกลางคืน ตอนเช้าค่อยกินนะจ๊ะ" ทำใจแข็งอุ้มเกือบทั้งคืน เอด้าร้องไห้ก็อุ้มปลอบ กอด เดินเขย่าเบาๆทั่วห้อง ร้องเพลงคะแนนแห่งชีวิตไปประมาณ 20 รอบ ร้องวนๆจนป้าเบนเสียงแหบ เอด้าก็หลับบ้าง ตื่นบ้างทั้งคืน แต่ก็อดทน ใจดีสู้เสือ จนสามีแอบแซว I will see who is going to win ,Mommy or Baby? (เชอะ แล้วทีนี้รู้ละยังยะ)
2.ในคืนหลังๆ ที่หมอบอกห้ามอุ้ม แหวนก็อุ้ม เพราะคิดว่าการอุ้มการกอด เป็นการสงบลูกในที่มืดที่ง่ายที่สุด ได้ยินเสียงแม่ ได้ไออุ่นการกอดจากแม่ ลูกสงบเร็วขึ้น และการกอด มันคือการไม่ทิ้งเค้า ให้เค้ารู้ว่าแม่อยู่นี่ หนูปลอดภัย หนูไม่ต้องกังวลอะไร นอนนะลูกนะ บางทีไม่ร้องแล้วแต่ยังไม่หลับ วางก็ไม่ได้ แหวนก็นอนลง ให้เอด้าหลับคาอกไปเลย กอด ตบก้น ลูบๆ ร้องเพลงเบาๆ จนหลับ(จริงๆคือแม่หลับก่อน555555) คือลูกไม่ร้อง ไม่ขอกินนม ก็ผ่านแล้วป่ะตอนนั้น
3.ให้สามีช่วยในคืนหลังๆ เพราะเราอาจล้ามาจากคืนก่อนๆ (จริงๆถ้าสามีจิตแข็งพอ ก็ให้ควบกะตั้งแต่คืนแรกได้เลย จริงๆจะดีงามสามผ่าน และจะง่ายจะเร็วขึ้นมากกกกก เพราะถ้าแม่อุ้ม ลูกจะวอแวลำไยกับ นม นม ไม่เลิกรา แต่ถ้ากลัวจะกดดันสามี กลัวเครียดทั้งพ่อทั้งลูก ก็ให้ช่วยในคืนหลังๆก็ได้ค่ะ เพราะหลังๆจะร้องไม่เยอะแล้ว จะค่อยๆคุ้นกับวิธีการแล้ว
ให้เค้าช่วยอุ้ม ปลอบไป เดินร้องเพลงไป เราอาจพูดอยู่ข้างๆให้ลูกได้ยินว่า แม่อยู่นี่นะลูก เอด้านอนนะลูก ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวตื่นมาเราค่อยหม่ำๆกันนะ กลางคืนเรานอนนะลูก เราไม่หม่ำ เก่งจังเลย เอด้านอนแล้ว พูดเบาๆตอนลูกเคลิ้มหลับ เสียงของแม่ยังมีส่วนช่วยได้เสมอ ให้เค้ารู้อุ่นใจว่าแม่อยู่ใกล้ๆ เพราะแม่คือโลกทั้งใบของลูก และแม่คือ comfort zone
4.แหวนยังหยวนๆ ในเรื่องเวลา หมอบอก 5ทุ่ม-6 โมงเช้า บางที ตี 5 ลูกตื่น ร้องๆๆๆๆ จะกินนมแล้ว ไม่ได้กินทั้งคืนเลย กล่อมไม่ไหวแล้วเพราะเพลียมาก แหวนก็เปิดให้กินนะ บางที 5.15 5.30 5.40 ในความรู้สึกคือ ยืดหยุ่น ไม่ตึงเกิน มันก็ทำให้เราไม่เครียด พอไม่เครียด มันก็มีแรงทำไปเรื่อยๆจนเห็นผล และหลังๆลูกก็รู้เวลามากขึ้น ตื่นปกติจะราว 6 โมง 6.30 7.00
••••• keys••••• ทั้งหมดคือ
1.ความพร้อม ความจำเป็น คือถ้าการตื่นมาให้ลูกกินนมแล้วมีความสุขดี แล้วอยากตักตวงนาทีทองนี้ไว้นานๆ ก็ไม่ผิดเลย อย่าบังคับใจตัวเองให้ต้องเลี้ยงลูกตามคนอื่น ที่เค้าว่ากันว่า "ดี" เพราะมันอาจไม่เหมาะกับเราเสมอไป หรือยังไม่พร้อมตอนนี้ ที่บ้านไม่เอื้ออำนวย เปลี่ยนงานใหม่ เพิ่งย้ายบ้าน ลูกไม่สบาย สามีหงุดหงิด แม่สามีมาเยี่ยม อันนี้ก็รอ จนทุกคนพร้อมดี หรือคุณแม่นักปั๊ม กลางวันต้องทำงาน กลางคืนอยากให้ลูกช่วยดูดกระตุ้น หรืออยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ญาติเต็มบ้าน อึดอัดเกรงใจ อันนี้ก็ถือเป็นความจำส่วนตัว ไม่เลิกมื้อดึกก็ไม่ผิดอะไรเลยจริงๆ
2.อดทน ใจแข็ง สงบ นิ่มนวล ท่อง 4 คำนี้ไว้ แม้จะต้องตื่นมาตอนตี 4ครึ่ง แล้วครั้งนี้เป็นการตื่นรอบที่ 6 แล้วก็ตาม
3.ลูกจะร้อง ร้องแน่ๆ และดังมากด้วย และมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้น แต่4 คำในข้อ 2 จะช่วยได้มาก และมันจะไม่เลวร้ายเหมือนคืนแรกๆ แต่มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ เชื่อสิ
4. ไม่ต้องกลัวขัดใจลูก แล้วลูกจะไม่รัก เพราะทุกวิธีที่ทำไปทำด้วยความรัก เรากอด เราปลอบ เราไม่ได้ทอดทิ้ง เพิกเฉย และพอลูกเลิกได้ ลูกจะเรียนรู้ได้ว่า ลูกได้รับความรักมากขนาดไหน
5. แหวนใช้เวลาทั้งหมด แบบหยุดสนิทจริงๆ ไม่เกิน 10 วัน เอด้าก็หลับยาวจนถึง 6 โมง มีแอ๊ะๆกลางดึก แต่ก็หลับต่อได้เอง บางครั้งก็ตบก้นนิดหน่อย ก็เงียบ ซึ่งคนอื่นอาจใช้เวลาน้อยกว่า หรือมากกว่านี้ก็ไม่ผิดปกติอะไรเลย เพราะความพร้อมลูกไม่เท่ากัน
6. แหวนหักดิบ แหวนใช้ได้ผล แต่คนอื่นอาจไม่ได้ผล ก็อย่าเสียใจหรือรู้สึกผิด ที่จะให้ลูกกินบ้าง แค่ขอให้ทำสม่ำเสมอ แหวนเชื่อว่าวันหนึ่ง ลูกจะขอกินน้อยลง แล้วจะไม่กินเลย แม้จะใช้เวลาเป็นเดือนๆก็ตาม
7.ไม่เพิกเฉย หรือ ปล่อยให้ลูกร้องจนหลับ โดยไม่ทำอะไรเลย เพราะมันจะฝึกให้เค้าไม่ไว้ใจ เชื่อมั่นในตัวผู้เลี้ยง "โดยเฉพาะในขวบปีแรก" ต้องตอบสนองทุกครั้งที่ลูกร้อง และช่วงเวลาหลับคือช่วงเวลาที่เค้าควรหลับอย่างอุ่นใจ ไม่หวาดระแวง ไม่ปล่อยให้เค้าเผชิญความมืด โดนทอดทิ้งอยู่คนเดียว
8.ทำยังงัยเมื่อลูกป่วย หรือ ไปเที่ยว แปลกที่แปลกคน แล้วลูกตื่นมาร้องบ่อยๆตอนกลางคืน ทั้งๆที่ฝึกมาไม่เคยตื่นดึกอีกแล้ว ตอบคือ..ก็ไม่เป็นไร ทำวนลูปเดิมใหม่ อาจให้กินนมบ้างก็ช่างมัน แล้วค่อยๆฝึกใหม่อีกครั้ง-----อันนี้ขอเมาท์จาก ปสก ตรง เอด้าอายุ 9 เดือน - ขวบครึ่ง ไม่เคยตื่นดึกอีกเลย จนกระทั่งกลับไทยรอบที่แล้ว โอ้โห จะเป็นลม ตื่นคืนละ 2-3 รอบ ก็ปลงนะ ช่างเหอะ ให้กินนมทุกคืนเลย ย้ำ ทุกคืน คิดตอนนั้นนะว่า เอาวะ เดี๋ยวไปฝึกใหม่ตอนกลับบ้าน..,,, พอกลับถึงเกา แม้กระทั่งคืนแรก เอด้าหลับสนิทชิดหมอน ตั้งแต่คืนแรก จนถึงบัดนี้ มหัด ศะ จอ รอ หัน การันต์ ยอ มาก...คือจะบอกว่า เมื่อลูกอยู่ในที่คุ้นเคย ปลอดภัย วินัยก็สร้างง่าย จนตอนนี้น้อยที่จะหลับคาเต้า ปิดไฟ ก็นอนบนเตียงตัวเองไม่ต้องให้แม่กล่อม พลิกไป ดิ้นมา ก็หลับไปเองได้
9.การนอนหลับได้ด้วยตัวเอง มันคือ skill อย่างหนึ่งที่ลูกต้องฝึก เมื่อทำได้สำเร็จ ก็ควรได้รับการชื่นชม เพราะคำชมของพ่อแม่ คือ รางวัลที่ดีที่สุดของลูก
10.บ้านไหนลูกหลับง่ายหลับยาวไม่ต้องฝึก หรือการกินมื้อดึก ก็ยังกินข้าวกลางวันเก๊งเก่ง อันนี้เค้าเรียกทำบุญมาดี ทำบุญมาด้วยอะไร ทำบุญสะสมมาใช่ไหม อิจแรง พูดเลย
สุดท้ายขอทิ้งคำพูดของคุณหมอไว้ ชอบมาก เตือนใจ เตือนสติ จุดประกายอะไรได้หลายอย่างมาก
If, at any point this is feeling “wrong” to you, stop, wait some months and start over. Don’t go against your “gut instincts” which tell you that this is the wrong time to get longer sleep intervals from your baby. Your instincts are better than any sleep-modification program ever written.
ใครอยากตามไปพูดคุยเรื่องลูกเรื่องครอบครัว ไปคุยกันได้ที่เพจนี้นะคะ เพจเล็กๆ เพิ่งตั้ง แต่ก็อบอุ่นนะเออ
https://www.facebook.com/TeamDela/
Cr.บทความบางส่วน เผื่อใครอยากอ่านต้นฉบับ
http://drjaygordon.com/attachment/sleeppattern.html
เพราะการนอนยาวคือสวรรค์ของคนมีลูก บ้านอื่นทำแบบไหนแล้วได้ผล มาช่วยแชร์กันหน่อยนะคะ
วิธีเลิกนมมื้อดึก ทำได้จริง นุ่มนวล ไม่สะเทือนใจ
เชื่อว่าหลายครอบครัว ไม่ได้สัมผัสคำว่า"นอนยาวๆ"มานานแล้วตั้งแต่มีลูก
ช่างเถอะ ไม่เป็นไร
เอาน่า รอลูกโตกว่านี้
เดี๋ยวจะใจแข็ง จริงจังละ
โตขึ้น เค้าก็นอนเองแหล่ะ
หลายๆเหตุผล ต่างกันไปในแต่ละครอบครัวและก็ไม่มีใครถูกผิด เพราะต่างบ้านต่างสไตล์ บางคนโอเคที่จะหลับๆตื่นๆ มาให้นมลูก มาชงนมลูก นี่แหวนก็นับถือจริงๆ แต่แหวนเป็นพวกที่หลับยาก คือตื่นมาแล้ว จะนอนต่อยากมากกกกก เลยนอนไม่ค่อยพอ กลางวันก็เลี้ยงลูกอยู่คนเดียว ง่วงตลอดเวลา ล้าทั้งวัน เหนื่อยมาก หน้าศพเป็นผีตาโบ๋
จนมาถึงวันนึงที่คิดว่า เฮ้ยย! หรือ เราควรจะงดมื้อดึกจริงๆจังๆซะทีสินะ... จึงเกิดเป็นมหกรรมการรีเสริชขึ้น ดังต่อไปนี้
#กินมื้อดึกส่งผลต่ออะไรบ้าง??
1.ร่างกายลูกจะสร้างความเคยชิน การที่เด็กตื่นขึ้นมาแล้วเราให้นม จะทำให้"น้ำย่อยของเด็กหลั่ง"มากตอนกลางคืน "จึงตื่นตามเวลา"ที่เราเคยให้นม ดังนั้นเราควรฝึก ถ้าเด็กตื่นกลางดึกควรกล่อมให้หลับด้วยวิธีอื่น ที่ไม่ใช่การให้นม (วิธีอยู่ด้านล่าง)
2.กินตอนดึกตั้งหลายรอบ กลางวันเด็กจะไม่หิว เพราะกลางคืนได้นมมาก และไม่ได้ใช้พลังงานเลย ทานแล้วหลับ ช่วงกลางวันจึงไม่ยอมทานอาหาร กลางวันไม่กิน/กินน้อย กลางคืนก็หิวน่ะสิ มันก็จะวนๆเป็นลูปเยี่ยงนี้
3.พอกินยาก ก็จะเรื่องมาก แม่เครียด พ่ออึน ย่ายายกังวล เลยให้กินอย่างอื่นแทน ปัญหาขยายเป็นติดขนม ติดหวาน และเริ่มรู้จักต่อรอง ต่อไปก็จะไม่กินอาหาร แต่จะเอาอย่างอื่น เพราะรู้ว่าโดนตามใจ สุดท้ายทุกคนก็จะรู้สึกว่า เอาเหอะ กินไรก็กิน ดีกว่าลูกหิว พอโตขึ้น "อาจขยาย"และติดนิสัยเป็นเด็กเลือกกินและกินยาก
4.ผลเสียอีกอย่างที่สำคัญคือการตื่นกลางดึกจะทำให้ฮอร์โมนเติบโต (Growth hormone) ที่กำลังหลั่งหยุดชะงัก ส่งผลต่อการเจริญเติบโตที่ไม่เต็มที่ เห็นชัดคือเรื่องความสูง
5.มีความเสี่ยงต่อฟันผุ
*หมายเหตุ ข้อ 4,5 เคยอ่านเพจคุณหมอสุธีราว่า มีงานวิจัยว่าเด็กที่ยังกินมื้อดึกอยู่ แต่กินจากเต้าแม่โดยตรง(ไม่ใช่จากขวดนมปั๊ม)ไม่มีความเสี่ยงฟันผุ หรือผลกระทบต่อ Growth hormone
6.แม่ร่างพัง กลายร่างเป็นผีปอบ เหนื่อย เครียด หงุดหงิดง่าย สมองไม่ค่อยแล่น สนุกกับลูกไม่เต็มที่ เพราะขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ สะสมมาเรื่อยๆ
..........……………
และวันนั้นก็มาถึง...ตอนนั้นเอด้า 9 เดือน
ช่วงอายุกำลังได้ ไม่เด็กเกิน และเริ่มกินอาหารเสริมเก่งแล้ว ก็ไม่กังวลแล้วว่าลูกจะหิวกลางคืน และอยากฝึกให้ลูก "หลับได้ด้วยตัวเอง" และอยากให้เรียนรู้ว่า "เวลากลางคืน คือเวลานอน เราก็ควรนอน เราไม่ควรกิน" แล้วมันก็...ง่ายยย กว่าที่คิดไว้มาก ใช้เวลาแค่ 1-2 สัปดาห์ ดังนี้
• วิธีการ แหวนปรับมาจากคุณหมอ Jay Gordon ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและครอบครัว วิธีการของหมอละมุนละม่อมมาก มาดูกันค่ะ
1.สร้างกิจวัตรให้เกิดขึ้น เช่น กินข้าว อาบน้ำ ใส่ชุดนอน กินนม แปรงฟัน อ่านนิทาน/ร้องเพลงเบาๆ ปิดไฟ เข้านอนเวลาเดียวๆกันทุกคืน
2.มื้อดึกของหมอ คือ ช่วง 5 ทุ่ม-6โมงเช้า ถ้าลูกนอนเร็วเช่น 1-2 ทุ่ม แล้วตื่นก่อน 5 ทุ่ม ก็ถือว่าให้กินนมได้ปกติจนถึง5 ทุ่มตรง หรืออาจปรับเวลาเป็น 4 ทุ่ม หรือจะเที่ยงคืน ก็แล้วแต่บ้านค่ะ
3.ขั้นปฏิบัติ มี 3 ช่วง แบ่งได้ดังนี้
• คืนที่ 1-3 หลัง 5 ทุ่ม ถ้าลูกตื่นอีก อุ้ม กอด ปลอบ กล่อม ร้องเพลงเบาๆ ลูบตัว เกาหลัง นวด ถ้าไม่หยุดก็ให้กินนมได้(นิดเดียว) แต่อย่าให้หลับคาเต้า ให้กินเพื่อปลอบเท่านั้น แล้วก็วางลงเตียง กล่อมไปจนหลับ แม้จะใช้เวลานานก็ตาม ถ้าร้องอีก ก็ทำซ้ำๆไป อุ้ม กอด กล่อม กินนมแปบเดียว วางลงเตียง
• คืนที่ 4-6 ทำเหมือน 3 คืนแรก คือ อุ้ม กอด ปลอบ กล่อม ร้องเพลงเบาๆ ลูบตัว เกาหลัง นวด แต่ แต่ แต่ ห้าม!!! ให้กินนม อนุโลมให้กินน้ำได้ ลูกจะร้อง และจะร้อง และจะร้องดังมาก ดีดมาก เหวี่ยงมาก อันนี้เตรียมใจ แต่ต้องใจแข็ง และอดทน หรือ อาจจะหลับไป 15 นาทีแล้วตื่นอีก ก็ทำแบบเดิมๆ วนไปเรื่อยๆ
• คืนที่ 7-10 ทำเหมือนคืนที่ 4-6 ให้ปลอบได้ ยังคงไม่ให้กินนม และ และ ห้าม!!! อุ้มออกจากเตียง ลูกจะดิ้น โกรธ โวยวาย ก็ต้องสงบ พูดอธิบายนุ่มนวลว่าแม่อยู่นี่ ไม่ไปไหนเลยลูก หนูหลับไปเลย แม่จะอยู่เป็นเพื่อนหนูเอง ร้องเพลง จับมือ ตบก้น เกาหลัง เหมือนเดิมคือ อดทน ใจแข็ง สงบ นิ่มนวล
.....แต่จาก ปสก ตรง แหวนไม่ได้ทำตามทั้งหมด คือเอามาเป็นไอเดีย ที่แหวนทำแล้วมันก็ได้ผลเหมือนกันคือ
1.แหวนหักดิบเลย 1-3 คืนแรก ก็ไม่ให้กินเลย พูดกล่อมเบาๆ กรอกหูไป "ค่อยกินพรุ่งนี้นะลูก กลางคืนเรานอน แม่ๆนอน เอด้านอน หม่ำๆ(หมายถึงนม)ก็นอนด้วย" //"แม่รักหนูนะลูก แต่แม่อยากให้หนูพักผ่อนกลางคืน ตอนเช้าค่อยกินนะจ๊ะ" ทำใจแข็งอุ้มเกือบทั้งคืน เอด้าร้องไห้ก็อุ้มปลอบ กอด เดินเขย่าเบาๆทั่วห้อง ร้องเพลงคะแนนแห่งชีวิตไปประมาณ 20 รอบ ร้องวนๆจนป้าเบนเสียงแหบ เอด้าก็หลับบ้าง ตื่นบ้างทั้งคืน แต่ก็อดทน ใจดีสู้เสือ จนสามีแอบแซว I will see who is going to win ,Mommy or Baby? (เชอะ แล้วทีนี้รู้ละยังยะ)
2.ในคืนหลังๆ ที่หมอบอกห้ามอุ้ม แหวนก็อุ้ม เพราะคิดว่าการอุ้มการกอด เป็นการสงบลูกในที่มืดที่ง่ายที่สุด ได้ยินเสียงแม่ ได้ไออุ่นการกอดจากแม่ ลูกสงบเร็วขึ้น และการกอด มันคือการไม่ทิ้งเค้า ให้เค้ารู้ว่าแม่อยู่นี่ หนูปลอดภัย หนูไม่ต้องกังวลอะไร นอนนะลูกนะ บางทีไม่ร้องแล้วแต่ยังไม่หลับ วางก็ไม่ได้ แหวนก็นอนลง ให้เอด้าหลับคาอกไปเลย กอด ตบก้น ลูบๆ ร้องเพลงเบาๆ จนหลับ(จริงๆคือแม่หลับก่อน555555) คือลูกไม่ร้อง ไม่ขอกินนม ก็ผ่านแล้วป่ะตอนนั้น
3.ให้สามีช่วยในคืนหลังๆ เพราะเราอาจล้ามาจากคืนก่อนๆ (จริงๆถ้าสามีจิตแข็งพอ ก็ให้ควบกะตั้งแต่คืนแรกได้เลย จริงๆจะดีงามสามผ่าน และจะง่ายจะเร็วขึ้นมากกกกก เพราะถ้าแม่อุ้ม ลูกจะวอแวลำไยกับ นม นม ไม่เลิกรา แต่ถ้ากลัวจะกดดันสามี กลัวเครียดทั้งพ่อทั้งลูก ก็ให้ช่วยในคืนหลังๆก็ได้ค่ะ เพราะหลังๆจะร้องไม่เยอะแล้ว จะค่อยๆคุ้นกับวิธีการแล้ว
4.แหวนยังหยวนๆ ในเรื่องเวลา หมอบอก 5ทุ่ม-6 โมงเช้า บางที ตี 5 ลูกตื่น ร้องๆๆๆๆ จะกินนมแล้ว ไม่ได้กินทั้งคืนเลย กล่อมไม่ไหวแล้วเพราะเพลียมาก แหวนก็เปิดให้กินนะ บางที 5.15 5.30 5.40 ในความรู้สึกคือ ยืดหยุ่น ไม่ตึงเกิน มันก็ทำให้เราไม่เครียด พอไม่เครียด มันก็มีแรงทำไปเรื่อยๆจนเห็นผล และหลังๆลูกก็รู้เวลามากขึ้น ตื่นปกติจะราว 6 โมง 6.30 7.00
••••• keys••••• ทั้งหมดคือ
1.ความพร้อม ความจำเป็น คือถ้าการตื่นมาให้ลูกกินนมแล้วมีความสุขดี แล้วอยากตักตวงนาทีทองนี้ไว้นานๆ ก็ไม่ผิดเลย อย่าบังคับใจตัวเองให้ต้องเลี้ยงลูกตามคนอื่น ที่เค้าว่ากันว่า "ดี" เพราะมันอาจไม่เหมาะกับเราเสมอไป หรือยังไม่พร้อมตอนนี้ ที่บ้านไม่เอื้ออำนวย เปลี่ยนงานใหม่ เพิ่งย้ายบ้าน ลูกไม่สบาย สามีหงุดหงิด แม่สามีมาเยี่ยม อันนี้ก็รอ จนทุกคนพร้อมดี หรือคุณแม่นักปั๊ม กลางวันต้องทำงาน กลางคืนอยากให้ลูกช่วยดูดกระตุ้น หรืออยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ ญาติเต็มบ้าน อึดอัดเกรงใจ อันนี้ก็ถือเป็นความจำส่วนตัว ไม่เลิกมื้อดึกก็ไม่ผิดอะไรเลยจริงๆ
2.อดทน ใจแข็ง สงบ นิ่มนวล ท่อง 4 คำนี้ไว้ แม้จะต้องตื่นมาตอนตี 4ครึ่ง แล้วครั้งนี้เป็นการตื่นรอบที่ 6 แล้วก็ตาม
3.ลูกจะร้อง ร้องแน่ๆ และดังมากด้วย และมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมชาติที่ต้องเกิดขึ้น แต่4 คำในข้อ 2 จะช่วยได้มาก และมันจะไม่เลวร้ายเหมือนคืนแรกๆ แต่มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ เชื่อสิ
4. ไม่ต้องกลัวขัดใจลูก แล้วลูกจะไม่รัก เพราะทุกวิธีที่ทำไปทำด้วยความรัก เรากอด เราปลอบ เราไม่ได้ทอดทิ้ง เพิกเฉย และพอลูกเลิกได้ ลูกจะเรียนรู้ได้ว่า ลูกได้รับความรักมากขนาดไหน
5. แหวนใช้เวลาทั้งหมด แบบหยุดสนิทจริงๆ ไม่เกิน 10 วัน เอด้าก็หลับยาวจนถึง 6 โมง มีแอ๊ะๆกลางดึก แต่ก็หลับต่อได้เอง บางครั้งก็ตบก้นนิดหน่อย ก็เงียบ ซึ่งคนอื่นอาจใช้เวลาน้อยกว่า หรือมากกว่านี้ก็ไม่ผิดปกติอะไรเลย เพราะความพร้อมลูกไม่เท่ากัน
6. แหวนหักดิบ แหวนใช้ได้ผล แต่คนอื่นอาจไม่ได้ผล ก็อย่าเสียใจหรือรู้สึกผิด ที่จะให้ลูกกินบ้าง แค่ขอให้ทำสม่ำเสมอ แหวนเชื่อว่าวันหนึ่ง ลูกจะขอกินน้อยลง แล้วจะไม่กินเลย แม้จะใช้เวลาเป็นเดือนๆก็ตาม
7.ไม่เพิกเฉย หรือ ปล่อยให้ลูกร้องจนหลับ โดยไม่ทำอะไรเลย เพราะมันจะฝึกให้เค้าไม่ไว้ใจ เชื่อมั่นในตัวผู้เลี้ยง "โดยเฉพาะในขวบปีแรก" ต้องตอบสนองทุกครั้งที่ลูกร้อง และช่วงเวลาหลับคือช่วงเวลาที่เค้าควรหลับอย่างอุ่นใจ ไม่หวาดระแวง ไม่ปล่อยให้เค้าเผชิญความมืด โดนทอดทิ้งอยู่คนเดียว
8.ทำยังงัยเมื่อลูกป่วย หรือ ไปเที่ยว แปลกที่แปลกคน แล้วลูกตื่นมาร้องบ่อยๆตอนกลางคืน ทั้งๆที่ฝึกมาไม่เคยตื่นดึกอีกแล้ว ตอบคือ..ก็ไม่เป็นไร ทำวนลูปเดิมใหม่ อาจให้กินนมบ้างก็ช่างมัน แล้วค่อยๆฝึกใหม่อีกครั้ง-----อันนี้ขอเมาท์จาก ปสก ตรง เอด้าอายุ 9 เดือน - ขวบครึ่ง ไม่เคยตื่นดึกอีกเลย จนกระทั่งกลับไทยรอบที่แล้ว โอ้โห จะเป็นลม ตื่นคืนละ 2-3 รอบ ก็ปลงนะ ช่างเหอะ ให้กินนมทุกคืนเลย ย้ำ ทุกคืน คิดตอนนั้นนะว่า เอาวะ เดี๋ยวไปฝึกใหม่ตอนกลับบ้าน..,,, พอกลับถึงเกา แม้กระทั่งคืนแรก เอด้าหลับสนิทชิดหมอน ตั้งแต่คืนแรก จนถึงบัดนี้ มหัด ศะ จอ รอ หัน การันต์ ยอ มาก...คือจะบอกว่า เมื่อลูกอยู่ในที่คุ้นเคย ปลอดภัย วินัยก็สร้างง่าย จนตอนนี้น้อยที่จะหลับคาเต้า ปิดไฟ ก็นอนบนเตียงตัวเองไม่ต้องให้แม่กล่อม พลิกไป ดิ้นมา ก็หลับไปเองได้
9.การนอนหลับได้ด้วยตัวเอง มันคือ skill อย่างหนึ่งที่ลูกต้องฝึก เมื่อทำได้สำเร็จ ก็ควรได้รับการชื่นชม เพราะคำชมของพ่อแม่ คือ รางวัลที่ดีที่สุดของลูก
10.บ้านไหนลูกหลับง่ายหลับยาวไม่ต้องฝึก หรือการกินมื้อดึก ก็ยังกินข้าวกลางวันเก๊งเก่ง อันนี้เค้าเรียกทำบุญมาดี ทำบุญมาด้วยอะไร ทำบุญสะสมมาใช่ไหม อิจแรง พูดเลย
สุดท้ายขอทิ้งคำพูดของคุณหมอไว้ ชอบมาก เตือนใจ เตือนสติ จุดประกายอะไรได้หลายอย่างมาก
If, at any point this is feeling “wrong” to you, stop, wait some months and start over. Don’t go against your “gut instincts” which tell you that this is the wrong time to get longer sleep intervals from your baby. Your instincts are better than any sleep-modification program ever written.
ใครอยากตามไปพูดคุยเรื่องลูกเรื่องครอบครัว ไปคุยกันได้ที่เพจนี้นะคะ เพจเล็กๆ เพิ่งตั้ง แต่ก็อบอุ่นนะเออ
https://www.facebook.com/TeamDela/
Cr.บทความบางส่วน เผื่อใครอยากอ่านต้นฉบับ http://drjaygordon.com/attachment/sleeppattern.html
เพราะการนอนยาวคือสวรรค์ของคนมีลูก บ้านอื่นทำแบบไหนแล้วได้ผล มาช่วยแชร์กันหน่อยนะคะ