การจับกลุ่มคุยกับเพื่อนครั้งนี้เป็นการคุยที่สนุกและมีเป้าหมายกว่าทุกครั้งเพราะเราทั้งกลุ่มตกลงกันว่าจะไปเที่ยวหลังเรียนจบกันอย่างตั้งใจไว้
และครั้งนี้เราตกลงกันว่าเราจะไปเที่ยวที่กาญจนบุรีกัน เป็นที่ๆใกล้กับกรุงเทพและตอบโจทย์พวกเรามากที่สุดแล้วจ้า ฮาๆๆ
แล้วเราเลยตกลงกันว่าจะไปกันที่แพพี่โกร่ง
เพราะว่าตามริมแม่น้ำแควของเรานั้นเต็ม เต็ม เต็มๆ
เราเลยจัดการโอนเงินและทำการจองมัดจำไป
จนวันเดินทางมาถึง....
เราเดินทางกันโดยเริ่มเดินทางกันจากตัวเมืองจังหวัดนครปฐมในเวลา 7 โมงเช้าวันเสาร์ด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่ะ วันนั้นตรงกับวันเด็กช่างประจวบเหมาะซะจริงๆเลยค่าา
เราใช้เส้นทางนครปฐม บ้านโป่ง กาญจนบุรีค่ะ
ระหว่างทางเราได้แวะไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่ในตัวเมืองกาญจนบุรีเพื่อความเป็นศิริมงคลด้วยค่ะ
เอาหอนาฬิกาเค้ามาฝากด้วยนะ
หลังจากที่เราแวะไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเราก็มีเพื่อนที่เป็นเจ้าถิ่นอยู่เลยเป็นโชคดีของเราหน่อยในการเดินทางง่ายขึ้นค่ะ
เราออกจากศาลหลักเมืองไปแวะกินข้าวตามทางซึ่งจำร้านไม่ได้ค่ะ ฮาๆ เมื่อกินเสร็จเช็คบิลแล้วเราเดินทางไปเที่ยวกันที่ Landmark ของจังหวัดกาาญจนบุรีกันต่อค่ะ เราแวะกันที่สะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะเราไปเจอรถไฟกะลังจะผ่านสะพานพอดีค่ะเป็นชอทที่สวยเหมือนกันค่ะค่อนข้างชอบแต่วันที่ไปคนจะเยอะสักหน่อยนะคะอาจเป็นเพราะตรงกับวันเสาร์วันเด็กด้วยมั้งคะแต่ก็ประทับใจอยู่นะคะ อิอิ
หลังจากที่เราแวะถ่ายรูปกันแล้วเราก็เดินทางไปแพพี่โกร่งเพื่อให้ทันเรือข้ามไปที่แพค่ะ คือแพจะอยู่ที่กลางน้ำตามข้อมูลที่ได้หามาค่ะ พอเราเดินทางไปถึงที่แพแล้วเราก็ถามหาทางกับพนักงานอารมณ์เสียนิดหน่อยค่ะที่พนักงานเค้าบอกทางไปแพไปๆมาวนกันรอบนึงค่ะ เราก็หาทางเข้ารีสอร์ทเจอจนได้ค่ะ ทางเข้าอาจจะวิบากนิดหน่อยค่ะ แต่เมื่อเดินทางไปถึงก็สูดหายใจเบาๆ ถึงแพสักทีเราก็พบเรือที่เรามองเหมือนไม่ใช่เรือไม่รู้จะเรียกเรือหรือแพดี แห่ะๆ
ก่อนขึ้นเรา จขกท.อยากเข้าห้องน้ำมาก จขกท.ได้ถามหาห้องน้ำกับคนแถวนั้นค่ะแล้วก็พบว่าห้องน้ำอยู่บนเรือเป็นห้องน้ำที่บุด้วยผนังสังกะสีรอบทิศ ค่ะบนเรือรับส่งของเรา สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติมากค่ะ55555 เมื่อได้ขึ้นเรือเพื่อเข้าสู่รีสอร์ทก็พบบรรยากาศของการพักผ่อนสุดสัปดาห์
ไม่ต้องกลัวเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ ไม่มีค่ะ55555
เค้าก็ใช้ระบบAISก็ใช้ไปไม่ได้ค่ะ
แล้วเราก็เดินทางถึงที่พักในเวลา 13.00 น.ค่ะเราก็ทำการเช็คอินเพื่อเข้าพักกับเพื่อนๆค่ะ
ด้วยเวลาที่ไปถึงอาจจะร้อนสักหน่อยนะคะแล้วเราจึงเข้าเก็บของในที่พักค่ะ ก่อนจะมาทานอาหารเที่ยงที่ทางรีสอร์ทต้อนรับไว้ จขกท.เลยขอเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบสักหน่อยก่อนละกันระหว่างรอเช็คอิน
นี่เป็นด้านหน้าของที่พักของพวกเราค่ะ ที่พักเป็นแพริมน้ำมีระเบียงเล็กยื่นมาให้นั่งกินลมชมวิวที่หน้าที่พักค่ะ
และนี่เป็นอีกฝั่งที่เราไม่ได้พักค่ะเพราะแพงกว่าอีกด้านที่เราพักเราว่าเราอยู่แบบที่ถูกที่สุดดีหว่านะ 555
นี่เป็นด้านหลังแพของอีกฝั่งค่ะ
นี่เป็นฝั่งที่พักของเราจ้าเรารายงานตั้งแต่ทางเดินไปเลยเนอะ
นี่เป็นห้องที่เราพักค่ะ ครั้งนี้เรามีผู้ร่วมทริปทั้งหมด 7 คนซึ่งที่นอนเพียงพอสำหรับเข้าพัก 7-8 คนต่อแพ 1 หลังค่ะ
นี่บรรยากาศหลังที่พักเราว่าหาไม่ได้จากในเมืองแน่นอนเลย><
หลังใช้แรงกับการเดินทางไกลหลาย ช.ม. เราก็หิวเราก็พบกับการต้อนรับแรกของรีสอร์ทเป็นอาหารพร้อมข้าวสวยร้อนแต่พิเศษที่กับข้าวเติมได้ตลอดค่ะ
ในวันที่เราไปนี่เราได้ทานอาหารกลางวันที่เป็นอาหารภาคกลางปกติรสชาดดีใช้ได้ค่ะ จริงๆมีไข่เจียวด้วยนะแต่ถ่ายไว้ไม่ทันจ้ะ
หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินสำรวจไปเรื่อยเราก็ตกลงว่าจะไปเปลี่ยนชุดเล่นน้ำกันดีกว่า หลังจากเปลี่ยนชุดเราก็นั่งเล่นกันที่ระเบียงหลังห้องถ่ายรูปเล่นกันก่อน อิอิ
หลังห้องมีวิวของเล่นให้มองด้วยจ้าอยากเล่นขึ้นมาเลยจ้า ฮาๆๆ ในรีสอร์ทมีเครื่องเล่นให้เล่นอาทิเรือคายัค เรือปั่นถีบ สไลด์เดอร์แล้วก็อะไรไม่รู้ที่กระโดดๆขึ้นอ่ะดูน่าสนุกมากค่ะ 55555
นี่ก็เป็นภาพที่ถ่ายมาจากหลังห้องพักตอนนั่งเล่นตากลม
มาแล้วจย้าาาา
ต่อกันเลยเนอะ หลักจากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น.ทางแพก็มีโปรแกรงล่องแพชมทัศนียภาพบริเวณรอบๆเขื่อนค่ะ บรรยากาศกะลังดีเลยค่ะบนแพที่เราจะล่องมีบริการบุฟเฟ่ต์ส้มตำให้ทำกินเองตามใจชอบคอยบริการด้วยนะคะแพเค้าจะนำเครื่องเล่นสไลด์เดอร์ไปกะแพเราด้วยเค้าแวะให้เราเล่นน้ำกลางเขื่อนประมาณ 30 นาทีแล้วกลับที่พักค่ะ
สมาชิกพร้อมกันบนแพแล้วค่า
ดูทุกคนเอนจอยกะการทำส้มตำทานมากๆเลยนะคะ5555
ระหว่างการชมวิวรอบก็มีแพอีกหลายแพดูแล้วน่าจะเป็นคะละแบบกะเค้านะ และยังมีวิวรอบเกาะสวยๆอีกด้วยแหละ่
ระหว่างทางที่เราไปเที่ยวชมเขื่อนค่ะ
ไว้คราวหน้าไปจะยกขโยงเพื่อนไปลองแพแบบนี้ดูบ้างน่าสนุกเนอะ แพแบบนี้ไม่เหมือนกับที่รีสอร์ทพี่โกร่งนะคะ แพนี้เค้าจะมีแพลากแพเราออกไปเหมาะกับการปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนๆดีนะ
หลังจากที่ชื่นชมบรรยากาศรอบๆเขื่อนแล้วเราก็กลับมากันที่แพค่ะช่วงรอบเย็นจะมีอาหารเย็นต้อนรับเราค่ะ และก็ยังคงเป็นรีฟิวส์อีกเช่นเดิมจ้า5555
ระหว่างที่เรารับประทานอาหารเย็นทางรีสอร์ทมีคาราโอเกะให้บริการเราด้วยนะคะ รู้สึกเหมือนงานปาร์ตี้สังสรรค์เลยแหล่ะค่ะ
ระหว่างที่เราทานอาหารและสนุกกับคาราโอเกะก็ยังมีบริการหมูย่างมาบริการให้ทานไปสนุกไปอีกด้วย
ที่จริงยังมีข้าวต้มรอบดึกเผื่อใครไม่อิ่มบริการให้ตอน 22.00 น. อีกแต่เราอิ่มมากแล้วเราเลยขอตัวไปพักผ่อนก่อนระหว่างทางเดินตอนกลางคืนนี่ต่างกับตอนกลางวันเหมือนกันนะคะ
แล้วเราก็นอนพักผ่อนคือตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นมากกกกกกค่ะรึเค้าขี้หนาวไม่รู้ 55555 เตรียมผ้าห่มหรือเสื้อกันหนาวไปด้วยนะ
แล้วก็รู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า ขอเก็บบรรยากาศตอนเช้าซักหน่อยนะ อิอิ ไหนๆก็ได้ตื่นเช้าในวันพักผ่อนแล้ว
ทางแพพี่โกร่งก็ต้อนรับและส่งเราด้วยอาหารเช้ามื้อสุดท้ายค่ะ
มีทั้งแบบ Breakfast ขนมปังกาแฟ น้ำส้ม โอวัลติน
หรือจะเป็นข้าวผัด ไส้กรอกรมควัน ก็มีให้เลือก
หรือจะเป็นข้าวต้มกับข้าวอาทิ ผัดผักบุ้ง ยำผักกาดดอง กุนเชียงก็มีค่ะ
หลังจากที่ทานอาหารเรียบร้อยพวกเราก็เตรียมตัวกลับสู่โลกความจริงกันค่ะ
สรุปนะคะ ในการเข้าพักครั้งนี้เราประทับใจการบริการมากค่ะ ส่วนเรื่องการอาบน้ำแนะนำว่าถ้าใครแพ้น้ำควรเตรียมน้ำไปล้างหน้าอาบน้ำก็ได้นะคะ เพราะเหมือนว่าน้ำที่นำมาใช้อาบน่าจะเป็นน้ำจากในเขื่อนค่า เตรียมน้ำไปแปรงฟันด้วยก็ดี ใช้ชวีวิตแบบบ้านๆเดีค่ะส่วนตัวแล้วชอบค่ะ
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ถ้านึกอะไรออกหรือมีอะไรดีๆจะมาเพิ่มเติมเรื่อยๆค่ะ
บ๊ายบายค่ากาญจนบุรีและแพพี่โกร่ง
[CR] พักเหนื่อยกับเวลา 2 วัน 1 คืนที่เมืองกาญจนบุรีที่แพพี่โกร่ง
และครั้งนี้เราตกลงกันว่าเราจะไปเที่ยวที่กาญจนบุรีกัน เป็นที่ๆใกล้กับกรุงเทพและตอบโจทย์พวกเรามากที่สุดแล้วจ้า ฮาๆๆ
แล้วเราเลยตกลงกันว่าจะไปกันที่แพพี่โกร่ง
เพราะว่าตามริมแม่น้ำแควของเรานั้นเต็ม เต็ม เต็มๆ
เราเลยจัดการโอนเงินและทำการจองมัดจำไป
จนวันเดินทางมาถึง....
เราเดินทางกันโดยเริ่มเดินทางกันจากตัวเมืองจังหวัดนครปฐมในเวลา 7 โมงเช้าวันเสาร์ด้วยรถยนต์ส่วนตัวค่ะ วันนั้นตรงกับวันเด็กช่างประจวบเหมาะซะจริงๆเลยค่าา
เราใช้เส้นทางนครปฐม บ้านโป่ง กาญจนบุรีค่ะ
ระหว่างทางเราได้แวะไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองที่ในตัวเมืองกาญจนบุรีเพื่อความเป็นศิริมงคลด้วยค่ะ
เอาหอนาฬิกาเค้ามาฝากด้วยนะ
หลังจากที่เราแวะไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเราก็มีเพื่อนที่เป็นเจ้าถิ่นอยู่เลยเป็นโชคดีของเราหน่อยในการเดินทางง่ายขึ้นค่ะ
เราออกจากศาลหลักเมืองไปแวะกินข้าวตามทางซึ่งจำร้านไม่ได้ค่ะ ฮาๆ เมื่อกินเสร็จเช็คบิลแล้วเราเดินทางไปเที่ยวกันที่ Landmark ของจังหวัดกาาญจนบุรีกันต่อค่ะ เราแวะกันที่สะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะเราไปเจอรถไฟกะลังจะผ่านสะพานพอดีค่ะเป็นชอทที่สวยเหมือนกันค่ะค่อนข้างชอบแต่วันที่ไปคนจะเยอะสักหน่อยนะคะอาจเป็นเพราะตรงกับวันเสาร์วันเด็กด้วยมั้งคะแต่ก็ประทับใจอยู่นะคะ อิอิ
หลังจากที่เราแวะถ่ายรูปกันแล้วเราก็เดินทางไปแพพี่โกร่งเพื่อให้ทันเรือข้ามไปที่แพค่ะ คือแพจะอยู่ที่กลางน้ำตามข้อมูลที่ได้หามาค่ะ พอเราเดินทางไปถึงที่แพแล้วเราก็ถามหาทางกับพนักงานอารมณ์เสียนิดหน่อยค่ะที่พนักงานเค้าบอกทางไปแพไปๆมาวนกันรอบนึงค่ะ เราก็หาทางเข้ารีสอร์ทเจอจนได้ค่ะ ทางเข้าอาจจะวิบากนิดหน่อยค่ะ แต่เมื่อเดินทางไปถึงก็สูดหายใจเบาๆ ถึงแพสักทีเราก็พบเรือที่เรามองเหมือนไม่ใช่เรือไม่รู้จะเรียกเรือหรือแพดี แห่ะๆ
ก่อนขึ้นเรา จขกท.อยากเข้าห้องน้ำมาก จขกท.ได้ถามหาห้องน้ำกับคนแถวนั้นค่ะแล้วก็พบว่าห้องน้ำอยู่บนเรือเป็นห้องน้ำที่บุด้วยผนังสังกะสีรอบทิศ ค่ะบนเรือรับส่งของเรา สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติมากค่ะ55555 เมื่อได้ขึ้นเรือเพื่อเข้าสู่รีสอร์ทก็พบบรรยากาศของการพักผ่อนสุดสัปดาห์
ไม่ต้องกลัวเรื่องสัญญาณโทรศัพท์ค่ะ ไม่มีค่ะ55555
เค้าก็ใช้ระบบAISก็ใช้ไปไม่ได้ค่ะ
แล้วเราก็เดินทางถึงที่พักในเวลา 13.00 น.ค่ะเราก็ทำการเช็คอินเพื่อเข้าพักกับเพื่อนๆค่ะ
ด้วยเวลาที่ไปถึงอาจจะร้อนสักหน่อยนะคะแล้วเราจึงเข้าเก็บของในที่พักค่ะ ก่อนจะมาทานอาหารเที่ยงที่ทางรีสอร์ทต้อนรับไว้ จขกท.เลยขอเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบสักหน่อยก่อนละกันระหว่างรอเช็คอิน
นี่เป็นด้านหน้าของที่พักของพวกเราค่ะ ที่พักเป็นแพริมน้ำมีระเบียงเล็กยื่นมาให้นั่งกินลมชมวิวที่หน้าที่พักค่ะ
และนี่เป็นอีกฝั่งที่เราไม่ได้พักค่ะเพราะแพงกว่าอีกด้านที่เราพักเราว่าเราอยู่แบบที่ถูกที่สุดดีหว่านะ 555
นี่เป็นด้านหลังแพของอีกฝั่งค่ะ
นี่เป็นฝั่งที่พักของเราจ้าเรารายงานตั้งแต่ทางเดินไปเลยเนอะ
นี่เป็นห้องที่เราพักค่ะ ครั้งนี้เรามีผู้ร่วมทริปทั้งหมด 7 คนซึ่งที่นอนเพียงพอสำหรับเข้าพัก 7-8 คนต่อแพ 1 หลังค่ะ
นี่บรรยากาศหลังที่พักเราว่าหาไม่ได้จากในเมืองแน่นอนเลย><
หลังใช้แรงกับการเดินทางไกลหลาย ช.ม. เราก็หิวเราก็พบกับการต้อนรับแรกของรีสอร์ทเป็นอาหารพร้อมข้าวสวยร้อนแต่พิเศษที่กับข้าวเติมได้ตลอดค่ะ
ในวันที่เราไปนี่เราได้ทานอาหารกลางวันที่เป็นอาหารภาคกลางปกติรสชาดดีใช้ได้ค่ะ จริงๆมีไข่เจียวด้วยนะแต่ถ่ายไว้ไม่ทันจ้ะ
หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินสำรวจไปเรื่อยเราก็ตกลงว่าจะไปเปลี่ยนชุดเล่นน้ำกันดีกว่า หลังจากเปลี่ยนชุดเราก็นั่งเล่นกันที่ระเบียงหลังห้องถ่ายรูปเล่นกันก่อน อิอิ
หลังห้องมีวิวของเล่นให้มองด้วยจ้าอยากเล่นขึ้นมาเลยจ้า ฮาๆๆ ในรีสอร์ทมีเครื่องเล่นให้เล่นอาทิเรือคายัค เรือปั่นถีบ สไลด์เดอร์แล้วก็อะไรไม่รู้ที่กระโดดๆขึ้นอ่ะดูน่าสนุกมากค่ะ 55555
นี่ก็เป็นภาพที่ถ่ายมาจากหลังห้องพักตอนนั่งเล่นตากลม
มาแล้วจย้าาาา
ต่อกันเลยเนอะ หลักจากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น.ทางแพก็มีโปรแกรงล่องแพชมทัศนียภาพบริเวณรอบๆเขื่อนค่ะ บรรยากาศกะลังดีเลยค่ะบนแพที่เราจะล่องมีบริการบุฟเฟ่ต์ส้มตำให้ทำกินเองตามใจชอบคอยบริการด้วยนะคะแพเค้าจะนำเครื่องเล่นสไลด์เดอร์ไปกะแพเราด้วยเค้าแวะให้เราเล่นน้ำกลางเขื่อนประมาณ 30 นาทีแล้วกลับที่พักค่ะ
สมาชิกพร้อมกันบนแพแล้วค่า
ดูทุกคนเอนจอยกะการทำส้มตำทานมากๆเลยนะคะ5555
ระหว่างการชมวิวรอบก็มีแพอีกหลายแพดูแล้วน่าจะเป็นคะละแบบกะเค้านะ และยังมีวิวรอบเกาะสวยๆอีกด้วยแหละ่
ระหว่างทางที่เราไปเที่ยวชมเขื่อนค่ะ
ไว้คราวหน้าไปจะยกขโยงเพื่อนไปลองแพแบบนี้ดูบ้างน่าสนุกเนอะ แพแบบนี้ไม่เหมือนกับที่รีสอร์ทพี่โกร่งนะคะ แพนี้เค้าจะมีแพลากแพเราออกไปเหมาะกับการปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนๆดีนะ
หลังจากที่ชื่นชมบรรยากาศรอบๆเขื่อนแล้วเราก็กลับมากันที่แพค่ะช่วงรอบเย็นจะมีอาหารเย็นต้อนรับเราค่ะ และก็ยังคงเป็นรีฟิวส์อีกเช่นเดิมจ้า5555
ระหว่างที่เรารับประทานอาหารเย็นทางรีสอร์ทมีคาราโอเกะให้บริการเราด้วยนะคะ รู้สึกเหมือนงานปาร์ตี้สังสรรค์เลยแหล่ะค่ะ
ระหว่างที่เราทานอาหารและสนุกกับคาราโอเกะก็ยังมีบริการหมูย่างมาบริการให้ทานไปสนุกไปอีกด้วย
ที่จริงยังมีข้าวต้มรอบดึกเผื่อใครไม่อิ่มบริการให้ตอน 22.00 น. อีกแต่เราอิ่มมากแล้วเราเลยขอตัวไปพักผ่อนก่อนระหว่างทางเดินตอนกลางคืนนี่ต่างกับตอนกลางวันเหมือนกันนะคะ
แล้วเราก็นอนพักผ่อนคือตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นมากกกกกกค่ะรึเค้าขี้หนาวไม่รู้ 55555 เตรียมผ้าห่มหรือเสื้อกันหนาวไปด้วยนะ
แล้วก็รู้สึกตัวอีกทีตอนเช้า ขอเก็บบรรยากาศตอนเช้าซักหน่อยนะ อิอิ ไหนๆก็ได้ตื่นเช้าในวันพักผ่อนแล้ว
ทางแพพี่โกร่งก็ต้อนรับและส่งเราด้วยอาหารเช้ามื้อสุดท้ายค่ะ
มีทั้งแบบ Breakfast ขนมปังกาแฟ น้ำส้ม โอวัลติน
หรือจะเป็นข้าวผัด ไส้กรอกรมควัน ก็มีให้เลือก
หรือจะเป็นข้าวต้มกับข้าวอาทิ ผัดผักบุ้ง ยำผักกาดดอง กุนเชียงก็มีค่ะ
หลังจากที่ทานอาหารเรียบร้อยพวกเราก็เตรียมตัวกลับสู่โลกความจริงกันค่ะ
สรุปนะคะ ในการเข้าพักครั้งนี้เราประทับใจการบริการมากค่ะ ส่วนเรื่องการอาบน้ำแนะนำว่าถ้าใครแพ้น้ำควรเตรียมน้ำไปล้างหน้าอาบน้ำก็ได้นะคะ เพราะเหมือนว่าน้ำที่นำมาใช้อาบน่าจะเป็นน้ำจากในเขื่อนค่า เตรียมน้ำไปแปรงฟันด้วยก็ดี ใช้ชวีวิตแบบบ้านๆเดีค่ะส่วนตัวแล้วชอบค่ะ
ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ถ้านึกอะไรออกหรือมีอะไรดีๆจะมาเพิ่มเติมเรื่อยๆค่ะ
บ๊ายบายค่ากาญจนบุรีและแพพี่โกร่ง