หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ทริป พังงา- อุบล-จำปาสัก (สปป.ลาว) 15-19 ตุลาคม 2558 วันที่ 3 ตอนที่ 1
กระทู้สนทนา
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวน้ำตก
เที่ยวต่างประเทศ
Duty Free
ประเทศลาว
17 ตุลาคม 2558 “สะบายดีปากเซ”
เช้านี้เราตื่นแบบทุกวัน แต่ที่ไม่เหมือนทุกวันคือ ขณะนี้เวลา 05.30 น. แต่แสงอาทิตย์แผดเจิ่ดจ้าแล้วค่ะ ทุกคนรีบอาบน้ำ แต่งตัว รวมถึงการจัดเก็บกระเป๋า พร้อมเดินทางต่อ เช้านี้เรามีนัดกับอ้ายสมศักดิ์ ซึ่งจะมารับเราในเวลา 07.00 น. (ช่างตรงเวลาดีแท้) เราไปเยี่ยมชมตลาดเช้าในเมืองปากเซ (ที่นี่เป็นตลาดเช้าจริงๆ ขายจนถึงเที่ยงกว่าๆ แล้วตลาดก็จะวาย) วันนี้อ้ายสมศักดิ์เปลี่ยนรถอีกคันเพื่อมาบริการเรา ในการไปชมตลาดเช้า (อยู่ในลาวใต้ เราใช้รถหรูอย่างฟุมเฟือยมาก) ลัดเลาะซอกซอย ไม่นานก็ถึงจุดหมายที่ต้องการ ตลาดเช้าแห่งเมืองปากเซ “ตลาดดาวเรือง” เป็นชื่อตลาดที่ไพเราะจริงๆ ไม่ใช่ตลาดขายดอกไม้นะค่ะ แต่เป็นตลาดสดที่มีอาหารและข้าวของขายมากมาย ทั้งผัก ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง ผู้คนดูพลุกพล่าน มาจับจ่ายซื้อของ เมื่อรถเริ่มเลี้ยวเข้าตลาด เราขอให้อ้ายสมศักดิ์ จอดให้เรา เพราะเราต้องการจะสัมผัสวิถีชีวิตคนลาวอย่างใกล้ชิด ตาเริ่มซอกซอน สอดส่ายมองหาของแปลกๆ และแล้วก็ไปสะดุดกับรังผึ้งแบบมีตัวอ่อนอยู่ข้างใน ถูกใจตากล้องประจำทริปเค้าล่ะ เดินตรงรี่เข้าไปเจรจาทันที ถุงละ 280 บาท สรุปคือไม่แพงค่ะ แต่ทว่ามันเยอะเดินไป ตากล้องสุดหล่อไม่สามารถกินคนเดียวได้หมด เนื่องจากผู้ร่วมเดินทางต่างส่ายหน้า และเบ้ปากบอกว่า “ไม่กล้าเจ้าค่ะ” ก็เลยอดไปสิค่ะ เดินต่อไปเจอกับคุณป้ากำลังหาบข้าวหลาม กระบอกเล็กนิดเดียว ต่อรองราคากันวุ่นวาย 3 กระบอก ตั้ง 5,000 กีบ (ชีวิตเราชักติดหรูเสียแล้ว กินข้าวหลามตั้ง 5,000 …กีบ) เป็นอันว่าเป็นราคาที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย คราวนี้เริ่มสับสนกับการใช้เงินกีบแล้วสิ (แบบว่าเลขศูนย์มันเยอะมาก ตาลายค่ะ) หยิบเงินไป 100,000 กีบ ได้รับเงินทอนมามากมายเลยค่ะ
เดินชมตลาดสนุกดีค่ะ ของสดๆ ปลาก็สด บางตัวยังอ้าปากพะงาบๆอยู่เลย (สงสารจับใจ) เราเดินผ่านเข้าไปยังบริเวณศูนย์อาหารในตลาด ต้องลองของแปลกๆค่ะ เมนูเช้านี้เลยมี ข้าวเปียก (ลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวน้ำใส) ไส้อั่วลาว (รสชาติอร่อยไม่แพ้ที่เชียงใหม่เลย) ข้าวหลาม (อันนี้ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไร) หมูย่าง(คิดถึงหมูย่างเมืองตรังเลย แต่ที่นี่รสชาติจะไม่หวานมาก) หมูทอด และขนมอะไร (จำชื่อไม่ได้) คล้ายขนมเทียนบ้านเรา และน้ำชา กาแฟ ตามความชอบและคุ้นเคย เสร็จภารกิจ อิ่มท้องมากๆ อ้ายสมศักดิ์ก็พาเราไปรอเพื่อนชาวลาวอีกท่าน ที่จะรับหน้าที่บริการเราในวันนี้ เราไปรอเปลี่ยนรถ ในสถานที่นัดพบที่แสนจะหรูหรา บรรยากาศดี กาแฟสุดยอด นั้นคือ “บ่สิสัด ดาว กรุ้บ” นั่งดื่มกาแฟพร้อมเสพบรรยาการอย่างเพลิดเพลินใจ อ้ายสมศักดิ์ก็มากระซิบเบาๆ ว่า เราเจอไฮโซเมืองลาวแล้ว ช่างโชคดีจริงๆ เจ้ดาวเรือง นักธุรกิจสาวชาวลาว เจ้าของบริษัทในเครือดาวกรุ้ป วันนี้ท่านมาดูแลกิจการ ทั้งคณะหันขวับ ชั่วพริบตา เราก็ไปยืนตรงหน้าเจ้ พร้อมกับเอิ้นว่า “คณะเรามาจากเมืองไทยค่ะ อยากขอถ่ายรูปกับเจ้ดาวค่ะ” คุณเจ้ก็แสนจะใจดีมากๆ ยืนถ่ายรูปกับเราเป็นที่ระลึก และพูดคุยกับเราด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดี (ขอขอบคุณนะค่ะ ที่เจ้กรุณามาถ่ายรูปกับเรา โลโซจากเมืองไทย) ถ่ายรูปเสร็จ ระหว่างรอไกด์คนใหม่ที่จะนำเที่ยว เราก็ต้องไปสำรวจห้องน้ำค่ะ อยากบอกว่าหรูหรามากๆ เหมือนห้องน้ำในโรงแรม 5 ดาว (ชีวิตฉันเริ่มติดหรู ก็งานนี้แหละ)
ไกด์คนใหม่มาแล้วค่ะ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา “ท้าวสีสวาด” ข้าราชการหนุ่มแห่งกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้” เราจึงต้องล่ำลาอ้ายสมศักดิ์ เพื่อเดินทางต่อ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณในน้ำใจไมตรีของเพื่อนชาวลาว เราทำพิธีมอบสินค้าโอท้อป ที่เราอุตส่าห์หอบหิ้วจากพังงา (เป็นขนมเต้าส้อ และน้ำพริกกุ้งเสียบ) โดยทำพิธีมอบหน้าร้านกาแฟเจ้ดาวนั้นเอง
เปลี่ยนคนนำทาง เปลี่ยนรถก็ประมาณ 08.30 น. อาการในลาวใต้วันนี้ค่อนข้างร้อน เปลี่ยนรถคันใหม่ ใหญ่โตเหมือนเดิม เรามุ่งหน้าออกจากปากเซ ตั้งพิกัดที่เมืองของ จุดหมายปลายทางก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย คือ “คอนพะเพ็ง” ดูระยะทางจากปากเซไปคอนพะเพ็งก็ไม่ไกลมากนัก 150กิโลเมตร แต่เราใช้เวลาในการเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพถนนหนทางที่มีเพียง 2 เลน (และเท่าที่สังเกต ไม่มีเส้นแบ่งถนนด้วย ถือเป็นการวัดใจ และทดสอบความมีน้ำใจและมารยาทในการใช้ถนนก็แล้วกัน) ที่นี่รถยนต์ค่อนข้างน้อย แต่มอเตอร์ไซค์ พี่ท่านขับเต็มถนนเลย คนขับรถยนต์ต้องเจียมตัว แซงได้เมื่อปลอดภัย
เมื่อถึงคอนพะเพ็ง เราต้องเสียค่าเข้าชม และจำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร เพรางานนี้ ท้าวสีสวาด เป็นผู้จัดการให้เสร็จสรรพ เมื่อผ่านประตูทางเข้า ก็ถึงศาลา ภายในมีโลงแก้ว บรรจุ “ต้นมณีโคตร” หรือ “มะนีโคด” (ภาษาลาว) เป็นต้นไม้เก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุหลายร้อยปีหรืออาจถึงพันปี ขึ้นอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำโขง ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่ามีต้นเดียวในโลก ตามตำนานเรียกว่า “ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใคร คนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตาย ก็กลับฟื้นขึ้นมาได้
เป็นที่น่าเสียดายว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555 ต้นมณีโคตรได้โค่นล้มลง สาเหตุเชื่อว่าเนื่องจากต้นไม้อายุมากแล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีพายุลมแรงและฝนตกติดต่อกัน 3 วัน ทำให้ต้นไม้ทานกระแสลมและกระแสน้ำไม่ไหว ด้วยความเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการสร้างศาลไว้ให้คนบูชาไว้ที่ฝั่งบริเวณใกล้ๆน้ำตก
เราทำบุญจะได้ดอกไม้ ธูปเทียน ไปบูชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเดินเข้าไปยังน้ำตก “คอนพะเพ็ง” โอ้..........ขอบอกว่าอึ้งกับความมหัศจรรย์ ความสวยงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างภายในแก่งกลางลำน้ำโขง “คอนพะเพ็ง” มหานทีแห่งแม่น้ำโขง แองการ่าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่บนแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีลักษณะต่างระดับกัน สูงประมาณ 10 เมตร แม้ว่าจะมีชั้นของหินที่ไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำที่ไหลโถมลงมามีความรุนแรงมาก ด้วยแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมาจะแยกออกเป็นหลายสาย เพราะแรงดันของมวลน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหิน ราวกับว่าจะถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจ
เราใช้เวลาชื่นชม ความสวยงามและความหัศจรรย์แห่งลำน้ำโขงเป็นเวลานาน ที่มีจะมีรถรางไฟฟ้า พาชมทัศนียภาพความสวยงามของคอนพะเพ็ง นอกจากนี้ยังมีร้านค้าจำหน่ายอาหาร และของที่ระลึก ก่อนที่เราจะเดินทางกลับ เราได้แวะไปถ่ายภาพกับต้นไม้ที่ท่านประธานของประเทศ เป็นผู้ปลูกเอาไว้
จากนั้นเราก็ต้องรีบเดินทางกลับสู่เมืองปากเซ ตามเส้นทางเดิม เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยให้ทันภายในวันนี้ ท้าวสีสวาดก็ได้อธิบายให้ความรู้แก่พวกเรา เกี่ยวกับคำว่า “ตาด” และคำว่า “คอน” ตาดในภาษาลาวหมายถึง น้ำตก ส่วนคอน หมายถึงแก่งในลำน้ำ เป้าหมายการมาเที่ยวลาวใต้ของเราในครั้งนี้ คือ 3 ตาด 1 คอน ก็คือ น้ำตกอันเลืองชื่อของแขวงจำปาสัก อันได้แก่ ตาดเยือง ตาดฟาน และตาดผาส้วม และคอนพะเพ็ง
เมื่อถึงปากเซ อาหารมื้อเที่ยง (ซึ่งไม่เคยตรงเวลาเลย) เป็นไปรีบเร่ง เราต้องรีบกินเพื่อเดินทางต่อ ร้านที่เราแวะเป็นร้านขายบะหมี่ข้างทาง บะหมี่แบรนด์ไทย “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” อร่อยเหมือนกันในประเทศไทย ราคาก็ไม่แตกต่างกันมาก มื้อนี้ท้าวสีสวาด เป็นผู้จ่าย (อิ่มจัง ตังส์อยู่ครบ) จากนั้นก็พาเราแวะบ้านของเค้า อู้.......ตะลึงอีกแล้ว บ้านท่านช่างใหญ่โตเสียเหลือเกิน ไม้แต่ละแผ่น....นึกถึงตัวเอง เป็นข้าราชการทำงานหน้าเดียว หมดสิทธิ์ใฝ่ฝันที่จะมีบ้านหลังใหญ่ แถมมีรถคันโตๆ หลายคัน (ขอย้ำ) แต่ถึงอย่างไรก็ขออยู่เมืองไทยดีกว่า รักเมืองไทยจ้า เราได้ทำพิธีมอบของที่ระลึกกันอีก สินค้าโอท้อปบ้านเรา (ก็คาดหวังว่าเผื่อเต้าส้อ แบรนด์พังงา จะ โกอินเตอร์บ้าง)
ท้าวสีสวาดมาส่งเราที่คิวรถแท็กซี่ในเมืองปากเซ ช่างโชคดี สมาชิกเรามี 4 คน รวมคนมารออีก 1 คน รถสามารถออกเดินทางได้ทันที ไม่เสียเวลามาก ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ คนละ 100 บาท เราเดินทางกลับสู่ด่านช่องเม็กโดยเส้นทางเดิม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงด่านข้ามแดน ลาว- ไทย ฝั่งลาวเรียกว่า ด่านวังเต่า ซึ่งเป็นด่านตรงข้ามช่องเม็กของไทย มีความพิเศษตรงที่เป็นด่านข้ามแดนไปลาวที่ไม่ต้องข้ามแม่น้ำโขง
รถแท็กซี่ไม่สามารถเข้าไปส่งเราถึงด่านได้ เราต้องอาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เหมือนขามา คันละ 20 บาทเท่าเดิม ต้องยื่นเอกสารขอผ่านแดน มีค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท ใช้เวลาไม่นาน สะดวกสบาย ก่อนที่เราจะกลับสู่ช่องเม็ก ขอเดินชมสินค้าที่จำหน่ายบริเวณด่านวังเต่า มีจำพวกกระเป๋าแบรนด์ดังๆ ขนม เหล้า บุหรี่ น้ำหอม ฯลฯ ขอแนะนำว่าหากจะซื้อควรไปหาซื้อใน Duty free มิฉะนั้นท่านจะเจอกับของปลอม โดยเฉพาะเหล้าปลอมที่บรรจุในขวดแบรนด์หรูๆ นอกจากนี้ยังถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝั่งไทย ยึดไว้ด้วย เราเดินไปชมสินค้าในร้าน Dyty free อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เราเจอเจ้ดาวเรืองอีกแล้ว ท่านมาตรวจดูกิจการ Dyty free ของท่านที่ด่านวังเต่า ท่านจำพวกเราได้ และได้ทักทายเรา (ยังนึกแปลกใจ ระดับไฮโซอย่างเจ้ดาวเรือง จำพวกเราได้ หรือว่าเราจะเป็นคนหน้าแปลก จนสามารถจำได้ติดตา) เรามาถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้ง ว่าเจ้ดาวเรือง ว่าเจ้ดาวเรืองมาส่งเราข้ามแดน (เอิ้กๆ)
เราลอดอุโมงค์เหมือนเดิม โผล่จากอุโมงค์ก็ถึงแผ่นดินไทยแล้ว (น้ำตาแทบจะไหล แทบจะก้มลงกราบพื้นดิน ด้วยความรักความผูกพัน อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา) ยื่นเอกสาร ใช้เวลาไม่นานเราก็ออกมาสูดอากาศอย่างเต็มปอดอีกครั้ง มาถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้ากับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างสมบุกสมบัน 2 วัน 1 8no เราต่างเดินแบบขาลาก หรือ ลากขาดี (555+++) ไปยังรถที่เราฝากเอาไว้ โผล่หน้าเข้าไปสบายใจแฮ่ รถยังอยู่ (ระหว่างเที่ยวในลาวใต้ ยังกริ่งเกรงอยู่ว่าจะเจอรถของเราเผลอเข้าไปแล่นเคียงข้างเรา) จัดสัมภาระอย่างเร่งรีบ เพราะต้องเดินทางอีกประมาณ 80 กิโลเมตร เพื่อเข้าไปพักผ่อนในตัวเมืองอุบลราชธานี
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ไม่มีพาสปอร์ต ไปลาวใต้ มีคำถามครับ
เท่าที่ทราบ อยู่ได้ 3 วัน และห้ามออกนอกเขต + เข้าด่านไหนออกด่านนั้น ทีนี้อยากสอบถามครับว่า น้ำตกตระกูลตาด 5-6 แห่ง รวมทั้งวัดพูและคอนพะเพ็ง หลี่ผี นี่อยู่ในแขวงจำปาศักดิ์เหมือนกัน ??? Border Pass จา
KiMaLdInHo
ขอคำแนะนำเรื่องไปเที่ยวน้ำตกในลาวใต้ค่ะ
พอดีมีเวลาแค่1วัน ไปเช้าเย็นกลับ จะสามารถไปเที่ยวน้ำตกหลี่ผีหรือคอนพะเพ็งช่วงเช้า และน้ำตกตาดผาส้วม แม่น้ำสองสี ตลาดดาวเรือง ในช่วงบ่าย ได้หรือไม่ค่ะ เพราะดูแล้วหลายทัวร์จัด หลี่ผี/คอนพรเพ็ง ไว้คนละวั
cheesecakeka
พี่ๆคะช่วยแนะนำวิธีการไปสามพันโบก+ลาวใต้หน่อยค่ะ
เค้าแพลนจะไปสามพันโบก+ลาวใต้ โดยจะเริ่มไปดังต่อไปนี้ค่ะ 1.สามพันโบก 2. ผาแต้ม 3.โขงเจียม(นอน1คืน) 4.น้ำตกตาดฟาน 5.หลี่ผี 6.คอนพะเพ็ง 7.วัดพู ฯลฯ จะเริ่มออกเดินทางวันที่4เมษายน(กลางคืน) กลับ ถึงกทมเช้
soynarak
ทริป พังงา- อุบล-จำปาสัก (สปป.ลาว) 15-19 ตุลาคม 2558 วันที่ 2 ตอนที่ 2
หลังจากพี่พิมพ์ขับรถเข้าสู่ถนนลูกรังและได้เข้าไปจอด ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่แวดล้อมไปด้วยป่า ต้นไม้ต้นสูงๆ ใหญ่โต มีร้านขายของที่ระลึกจำพวก ผ้าซิ่นลาว เสื้อผ้า (ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า ของจำพวกนี้ไม่ใช่รสน
ครูลูกจันทร์
ตะลุยตาด ลาวใต้ ปลายฝน#3 เซกะตาม ເຊກະຕາມ เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก (Tad Xekatam Water fall) มีใจก็ตามลงมา
ตะลุยตาด ลาวใต้ ปลายฝน#3 เซกะตาม ເຊກະຕາມ เมืองปากช่อง แขวงจำปาสัก (Tad Xekatam Water fall) มีใจก็ตามลงมา https://www.yo
ไอ้คล้าวผจญภัย
ลาวใต้ หน้าฝนพายุเข้า ทริปแก้ตัว#3 แซพะ แซป่องไล ที่ไปถึงเมื่อปีที่แล้ว
ลาวใต้ หน้าฝนพายุเข้า ทริปแก้ตัว#3 แซพะ แซป่องไล ที่ไปถึงเมื่อปีที่แล้ว ลาวใต้ หน้าฝนพายุเข้า ทริปแก้ตัว#1 แวะตาดม่วน https://ppantip.com/topic/42920327 ลาวใต้ หน้าฝนพายุเข้า 
ไอ้คล้าวผจญภัย
ลาวใต้ หน้าฝนพายุเข้า ทริปแก้ตัว#5 ผ่านหมู่บ้านร้าง เมืองสะหนามไซ ทุ่งนา และน้ำตก ริมน้ำชิวๆ ที่เฮือนสวนทอนธารา
ลาวใต้ หน้าฝนพายุเข้า ทริปแก้ตัว#5 ผ่านหมู่บ้านร้าง เมืองสะหนามไซ ทุ่งนา และน้ำตก พักริมน้ำชิวๆ ที่เฮือนสวนทอนธารา ตาดน้ำพาก ลาวใต้ หน้
ไอ้คล้าวผจญภัย
กลับมาจากทริป เวียงจันทร์-หลวงพระบาง-วังเวียงแล้ว ครับ ม่วนหลาย
กลับมาแล้ว เดินทางปลอดภัย โดนปรับไปในเวียงจันทร์ 400 บาท เพราะเลี้ยวซ้ายในที่ห้ามเลี้ยว ... ขอบล้อเป็นรอยเล็กน้อยจากฟุตบาท ... สเกิ๊ตข้างแตกจากสะพานข้ามแม่น้ำซอง วังเวียง แต่ ..... ม่วนหลายๆ ครั
วาซุตะคุง v( ^o^ )v
ขอคำเเนะนำการเที่ยวลาวใต้ โดยซื้อทัวร์ในประเทศลาวค่ะ
เรามีแผนไปเที่ยวที่อื่นๆในลาวก่อน อาจจะเป็นพวกวังเวียง หลวงพระบาง เเล้วก็มาอยู่ที่เวียงจันทร์ หลังจากนั้นจะไปลาวใต้ เห็นจากภาพสวยดี น้ำตกคอนพะเพ็ง ตาดฝาน ตาผาส้วม ตาดเยือง หลี่ผี อาจจะได้ไปคนเดียว เพ
Kim Koosuel
ลาวใต้ ดอนโขง ปากซอง ปากเซ รบกวนคนเคยไป ช่วยวางแผนด้วยคะ
15/6 เดินทาง ถึง อุบล ประมาณ 4 โมงเย็นพักที่อุบล 16/6 9.30 ขึ้นรถไป ปากเซ 13.00 ถึงปากเซ 14.00 ไปถึงสถานี สายใต้ไปคอนพะเพ็ง (เวลานี้มีรถออกมั้ยคะ) 18.00 ถึงนากะสัง ดอนโขง พัก 1 คืน (แนะนำได้คะ)
ลูกเป็ดขี้เหร่มาก
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
เที่ยวน้ำตก
เที่ยวต่างประเทศ
Duty Free
ประเทศลาว
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ทริป พังงา- อุบล-จำปาสัก (สปป.ลาว) 15-19 ตุลาคม 2558 วันที่ 3 ตอนที่ 1
เช้านี้เราตื่นแบบทุกวัน แต่ที่ไม่เหมือนทุกวันคือ ขณะนี้เวลา 05.30 น. แต่แสงอาทิตย์แผดเจิ่ดจ้าแล้วค่ะ ทุกคนรีบอาบน้ำ แต่งตัว รวมถึงการจัดเก็บกระเป๋า พร้อมเดินทางต่อ เช้านี้เรามีนัดกับอ้ายสมศักดิ์ ซึ่งจะมารับเราในเวลา 07.00 น. (ช่างตรงเวลาดีแท้) เราไปเยี่ยมชมตลาดเช้าในเมืองปากเซ (ที่นี่เป็นตลาดเช้าจริงๆ ขายจนถึงเที่ยงกว่าๆ แล้วตลาดก็จะวาย) วันนี้อ้ายสมศักดิ์เปลี่ยนรถอีกคันเพื่อมาบริการเรา ในการไปชมตลาดเช้า (อยู่ในลาวใต้ เราใช้รถหรูอย่างฟุมเฟือยมาก) ลัดเลาะซอกซอย ไม่นานก็ถึงจุดหมายที่ต้องการ ตลาดเช้าแห่งเมืองปากเซ “ตลาดดาวเรือง” เป็นชื่อตลาดที่ไพเราะจริงๆ ไม่ใช่ตลาดขายดอกไม้นะค่ะ แต่เป็นตลาดสดที่มีอาหารและข้าวของขายมากมาย ทั้งผัก ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง ผู้คนดูพลุกพล่าน มาจับจ่ายซื้อของ เมื่อรถเริ่มเลี้ยวเข้าตลาด เราขอให้อ้ายสมศักดิ์ จอดให้เรา เพราะเราต้องการจะสัมผัสวิถีชีวิตคนลาวอย่างใกล้ชิด ตาเริ่มซอกซอน สอดส่ายมองหาของแปลกๆ และแล้วก็ไปสะดุดกับรังผึ้งแบบมีตัวอ่อนอยู่ข้างใน ถูกใจตากล้องประจำทริปเค้าล่ะ เดินตรงรี่เข้าไปเจรจาทันที ถุงละ 280 บาท สรุปคือไม่แพงค่ะ แต่ทว่ามันเยอะเดินไป ตากล้องสุดหล่อไม่สามารถกินคนเดียวได้หมด เนื่องจากผู้ร่วมเดินทางต่างส่ายหน้า และเบ้ปากบอกว่า “ไม่กล้าเจ้าค่ะ” ก็เลยอดไปสิค่ะ เดินต่อไปเจอกับคุณป้ากำลังหาบข้าวหลาม กระบอกเล็กนิดเดียว ต่อรองราคากันวุ่นวาย 3 กระบอก ตั้ง 5,000 กีบ (ชีวิตเราชักติดหรูเสียแล้ว กินข้าวหลามตั้ง 5,000 …กีบ) เป็นอันว่าเป็นราคาที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย คราวนี้เริ่มสับสนกับการใช้เงินกีบแล้วสิ (แบบว่าเลขศูนย์มันเยอะมาก ตาลายค่ะ) หยิบเงินไป 100,000 กีบ ได้รับเงินทอนมามากมายเลยค่ะ
เดินชมตลาดสนุกดีค่ะ ของสดๆ ปลาก็สด บางตัวยังอ้าปากพะงาบๆอยู่เลย (สงสารจับใจ) เราเดินผ่านเข้าไปยังบริเวณศูนย์อาหารในตลาด ต้องลองของแปลกๆค่ะ เมนูเช้านี้เลยมี ข้าวเปียก (ลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวน้ำใส) ไส้อั่วลาว (รสชาติอร่อยไม่แพ้ที่เชียงใหม่เลย) ข้าวหลาม (อันนี้ไม่ค่อยถูกปากสักเท่าไร) หมูย่าง(คิดถึงหมูย่างเมืองตรังเลย แต่ที่นี่รสชาติจะไม่หวานมาก) หมูทอด และขนมอะไร (จำชื่อไม่ได้) คล้ายขนมเทียนบ้านเรา และน้ำชา กาแฟ ตามความชอบและคุ้นเคย เสร็จภารกิจ อิ่มท้องมากๆ อ้ายสมศักดิ์ก็พาเราไปรอเพื่อนชาวลาวอีกท่าน ที่จะรับหน้าที่บริการเราในวันนี้ เราไปรอเปลี่ยนรถ ในสถานที่นัดพบที่แสนจะหรูหรา บรรยากาศดี กาแฟสุดยอด นั้นคือ “บ่สิสัด ดาว กรุ้บ” นั่งดื่มกาแฟพร้อมเสพบรรยาการอย่างเพลิดเพลินใจ อ้ายสมศักดิ์ก็มากระซิบเบาๆ ว่า เราเจอไฮโซเมืองลาวแล้ว ช่างโชคดีจริงๆ เจ้ดาวเรือง นักธุรกิจสาวชาวลาว เจ้าของบริษัทในเครือดาวกรุ้ป วันนี้ท่านมาดูแลกิจการ ทั้งคณะหันขวับ ชั่วพริบตา เราก็ไปยืนตรงหน้าเจ้ พร้อมกับเอิ้นว่า “คณะเรามาจากเมืองไทยค่ะ อยากขอถ่ายรูปกับเจ้ดาวค่ะ” คุณเจ้ก็แสนจะใจดีมากๆ ยืนถ่ายรูปกับเราเป็นที่ระลึก และพูดคุยกับเราด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดี (ขอขอบคุณนะค่ะ ที่เจ้กรุณามาถ่ายรูปกับเรา โลโซจากเมืองไทย) ถ่ายรูปเสร็จ ระหว่างรอไกด์คนใหม่ที่จะนำเที่ยว เราก็ต้องไปสำรวจห้องน้ำค่ะ อยากบอกว่าหรูหรามากๆ เหมือนห้องน้ำในโรงแรม 5 ดาว (ชีวิตฉันเริ่มติดหรู ก็งานนี้แหละ)
ไกด์คนใหม่มาแล้วค่ะ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกับพวกเรา “ท้าวสีสวาด” ข้าราชการหนุ่มแห่งกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้” เราจึงต้องล่ำลาอ้ายสมศักดิ์ เพื่อเดินทางต่อ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณในน้ำใจไมตรีของเพื่อนชาวลาว เราทำพิธีมอบสินค้าโอท้อป ที่เราอุตส่าห์หอบหิ้วจากพังงา (เป็นขนมเต้าส้อ และน้ำพริกกุ้งเสียบ) โดยทำพิธีมอบหน้าร้านกาแฟเจ้ดาวนั้นเอง
เปลี่ยนคนนำทาง เปลี่ยนรถก็ประมาณ 08.30 น. อาการในลาวใต้วันนี้ค่อนข้างร้อน เปลี่ยนรถคันใหม่ ใหญ่โตเหมือนเดิม เรามุ่งหน้าออกจากปากเซ ตั้งพิกัดที่เมืองของ จุดหมายปลายทางก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย คือ “คอนพะเพ็ง” ดูระยะทางจากปากเซไปคอนพะเพ็งก็ไม่ไกลมากนัก 150กิโลเมตร แต่เราใช้เวลาในการเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพถนนหนทางที่มีเพียง 2 เลน (และเท่าที่สังเกต ไม่มีเส้นแบ่งถนนด้วย ถือเป็นการวัดใจ และทดสอบความมีน้ำใจและมารยาทในการใช้ถนนก็แล้วกัน) ที่นี่รถยนต์ค่อนข้างน้อย แต่มอเตอร์ไซค์ พี่ท่านขับเต็มถนนเลย คนขับรถยนต์ต้องเจียมตัว แซงได้เมื่อปลอดภัย
เมื่อถึงคอนพะเพ็ง เราต้องเสียค่าเข้าชม และจำไม่ได้ว่าราคาเท่าไร เพรางานนี้ ท้าวสีสวาด เป็นผู้จัดการให้เสร็จสรรพ เมื่อผ่านประตูทางเข้า ก็ถึงศาลา ภายในมีโลงแก้ว บรรจุ “ต้นมณีโคตร” หรือ “มะนีโคด” (ภาษาลาว) เป็นต้นไม้เก่าแก่ สันนิษฐานว่ามีอายุหลายร้อยปีหรืออาจถึงพันปี ขึ้นอยู่บนแก่งหินกลางแม่น้ำโขง ชาวลาวนับถือว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเชื่อว่ามีต้นเดียวในโลก ตามตำนานเรียกว่า “ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น” โดยหากเอาด้านหัวของกิ่งชี้ไปที่ใคร คนนั้นก็จะตาย แต่หากใช้ด้านปลายของกิ่งชี้คนตาย ก็กลับฟื้นขึ้นมาได้
เป็นที่น่าเสียดายว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555 ต้นมณีโคตรได้โค่นล้มลง สาเหตุเชื่อว่าเนื่องจากต้นไม้อายุมากแล้ว และก่อนหน้านี้ก็มีพายุลมแรงและฝนตกติดต่อกัน 3 วัน ทำให้ต้นไม้ทานกระแสลมและกระแสน้ำไม่ไหว ด้วยความเชื่อว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการสร้างศาลไว้ให้คนบูชาไว้ที่ฝั่งบริเวณใกล้ๆน้ำตก
เราทำบุญจะได้ดอกไม้ ธูปเทียน ไปบูชาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเดินเข้าไปยังน้ำตก “คอนพะเพ็ง” โอ้..........ขอบอกว่าอึ้งกับความมหัศจรรย์ ความสวยงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างภายในแก่งกลางลำน้ำโขง “คอนพะเพ็ง” มหานทีแห่งแม่น้ำโขง แองการ่าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สุดในเขตแม่น้ำโขงตอนล่าง ตั้งอยู่บนแก่งหินขนาดใหญ่ขวางกั้นเส้นทางการไหลของแม่น้ำโขงทั้งสาย มีลักษณะต่างระดับกัน สูงประมาณ 10 เมตร แม้ว่าจะมีชั้นของหินที่ไม่สูงมากนัก แต่กระแสน้ำที่ไหลโถมลงมามีความรุนแรงมาก ด้วยแม่น้ำโขงทั้งสายไหลลงมาจะแยกออกเป็นหลายสาย เพราะแรงดันของมวลน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลบ่าถาโถมกระหน่ำลงมาจากชั้นหิน ราวกับว่าจะถล่มทลายแก่งหินอย่างดุดันและเกรี้ยวกราด สร้างความตื่นตาที่น่าประทับใจ
เราใช้เวลาชื่นชม ความสวยงามและความหัศจรรย์แห่งลำน้ำโขงเป็นเวลานาน ที่มีจะมีรถรางไฟฟ้า พาชมทัศนียภาพความสวยงามของคอนพะเพ็ง นอกจากนี้ยังมีร้านค้าจำหน่ายอาหาร และของที่ระลึก ก่อนที่เราจะเดินทางกลับ เราได้แวะไปถ่ายภาพกับต้นไม้ที่ท่านประธานของประเทศ เป็นผู้ปลูกเอาไว้
จากนั้นเราก็ต้องรีบเดินทางกลับสู่เมืองปากเซ ตามเส้นทางเดิม เพื่อเดินทางกลับประเทศไทยให้ทันภายในวันนี้ ท้าวสีสวาดก็ได้อธิบายให้ความรู้แก่พวกเรา เกี่ยวกับคำว่า “ตาด” และคำว่า “คอน” ตาดในภาษาลาวหมายถึง น้ำตก ส่วนคอน หมายถึงแก่งในลำน้ำ เป้าหมายการมาเที่ยวลาวใต้ของเราในครั้งนี้ คือ 3 ตาด 1 คอน ก็คือ น้ำตกอันเลืองชื่อของแขวงจำปาสัก อันได้แก่ ตาดเยือง ตาดฟาน และตาดผาส้วม และคอนพะเพ็ง
เมื่อถึงปากเซ อาหารมื้อเที่ยง (ซึ่งไม่เคยตรงเวลาเลย) เป็นไปรีบเร่ง เราต้องรีบกินเพื่อเดินทางต่อ ร้านที่เราแวะเป็นร้านขายบะหมี่ข้างทาง บะหมี่แบรนด์ไทย “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” อร่อยเหมือนกันในประเทศไทย ราคาก็ไม่แตกต่างกันมาก มื้อนี้ท้าวสีสวาด เป็นผู้จ่าย (อิ่มจัง ตังส์อยู่ครบ) จากนั้นก็พาเราแวะบ้านของเค้า อู้.......ตะลึงอีกแล้ว บ้านท่านช่างใหญ่โตเสียเหลือเกิน ไม้แต่ละแผ่น....นึกถึงตัวเอง เป็นข้าราชการทำงานหน้าเดียว หมดสิทธิ์ใฝ่ฝันที่จะมีบ้านหลังใหญ่ แถมมีรถคันโตๆ หลายคัน (ขอย้ำ) แต่ถึงอย่างไรก็ขออยู่เมืองไทยดีกว่า รักเมืองไทยจ้า เราได้ทำพิธีมอบของที่ระลึกกันอีก สินค้าโอท้อปบ้านเรา (ก็คาดหวังว่าเผื่อเต้าส้อ แบรนด์พังงา จะ โกอินเตอร์บ้าง)
ท้าวสีสวาดมาส่งเราที่คิวรถแท็กซี่ในเมืองปากเซ ช่างโชคดี สมาชิกเรามี 4 คน รวมคนมารออีก 1 คน รถสามารถออกเดินทางได้ทันที ไม่เสียเวลามาก ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ คนละ 100 บาท เราเดินทางกลับสู่ด่านช่องเม็กโดยเส้นทางเดิม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงด่านข้ามแดน ลาว- ไทย ฝั่งลาวเรียกว่า ด่านวังเต่า ซึ่งเป็นด่านตรงข้ามช่องเม็กของไทย มีความพิเศษตรงที่เป็นด่านข้ามแดนไปลาวที่ไม่ต้องข้ามแม่น้ำโขง
รถแท็กซี่ไม่สามารถเข้าไปส่งเราถึงด่านได้ เราต้องอาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เหมือนขามา คันละ 20 บาทเท่าเดิม ต้องยื่นเอกสารขอผ่านแดน มีค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท ใช้เวลาไม่นาน สะดวกสบาย ก่อนที่เราจะกลับสู่ช่องเม็ก ขอเดินชมสินค้าที่จำหน่ายบริเวณด่านวังเต่า มีจำพวกกระเป๋าแบรนด์ดังๆ ขนม เหล้า บุหรี่ น้ำหอม ฯลฯ ขอแนะนำว่าหากจะซื้อควรไปหาซื้อใน Duty free มิฉะนั้นท่านจะเจอกับของปลอม โดยเฉพาะเหล้าปลอมที่บรรจุในขวดแบรนด์หรูๆ นอกจากนี้ยังถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรฝั่งไทย ยึดไว้ด้วย เราเดินไปชมสินค้าในร้าน Dyty free อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เราเจอเจ้ดาวเรืองอีกแล้ว ท่านมาตรวจดูกิจการ Dyty free ของท่านที่ด่านวังเต่า ท่านจำพวกเราได้ และได้ทักทายเรา (ยังนึกแปลกใจ ระดับไฮโซอย่างเจ้ดาวเรือง จำพวกเราได้ หรือว่าเราจะเป็นคนหน้าแปลก จนสามารถจำได้ติดตา) เรามาถ่ายรูปร่วมกันอีกครั้ง ว่าเจ้ดาวเรือง ว่าเจ้ดาวเรืองมาส่งเราข้ามแดน (เอิ้กๆ)
เราลอดอุโมงค์เหมือนเดิม โผล่จากอุโมงค์ก็ถึงแผ่นดินไทยแล้ว (น้ำตาแทบจะไหล แทบจะก้มลงกราบพื้นดิน ด้วยความรักความผูกพัน อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา) ยื่นเอกสาร ใช้เวลาไม่นานเราก็ออกมาสูดอากาศอย่างเต็มปอดอีกครั้ง มาถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้ากับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างสมบุกสมบัน 2 วัน 1 8no เราต่างเดินแบบขาลาก หรือ ลากขาดี (555+++) ไปยังรถที่เราฝากเอาไว้ โผล่หน้าเข้าไปสบายใจแฮ่ รถยังอยู่ (ระหว่างเที่ยวในลาวใต้ ยังกริ่งเกรงอยู่ว่าจะเจอรถของเราเผลอเข้าไปแล่นเคียงข้างเรา) จัดสัมภาระอย่างเร่งรีบ เพราะต้องเดินทางอีกประมาณ 80 กิโลเมตร เพื่อเข้าไปพักผ่อนในตัวเมืองอุบลราชธานี