เราเคยทำงานบริษัทแห่งหนึ่งเงินเดือนหมื่นนิดๆแถวกทม. เดือนชนเดือนตลอดไม่มีเงินเก็บ เงินเดือนที่ได้นะละคือเงินเก็บ
พอสิ้นเดือนได้เงินเดือนก็จะไปโปะหนี้จนแทบไม่เหลือ ทำให้ชีวิตเหมือนไม่มีจุดหมายเพราะแทนที่ทำงานเหนื่อยๆจะมีเงินเดือนมาเป็นรางวัล
ให้ใช้จ่ายสนองความต้องการเท่ากับที่ทำงานมาแต่กลับต้องมาใช้หนี้ ก็เท่ากับว่าเดือนๆหนึ่งทำงานเพื่อใช้หนี้ แล้วชีวิตจะเป็นแบบนี้อีกเมื่อไร
ชีวิตเรากลายเป็นทาสไปโดยไม่รู้ตัว เหลือตังใช้เดือนละ 4-5 พันจะไปพออะไรแต่ละเดือนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มๆมาอีกกลับบ้านปีใหม่ทีก็ต้องกุ้เงินกลับบ้านเพื่อให้มีเงินกับพ่อแม่และไว้ใช้จ่าย เทศกาลถ้าพ่อแม่มาเยี่ยมก็ต้องรับรองใช้จ่าย ให้ตังติดไม้ติดมือท่าน มันก็เป็นวงจรแบบนี้ตลอด คงเป็นหนี้แบบนี้ตลอดชีวิต ไหนจะของใช้ส่วนตัวเราบ้างละ เพราะฉะนั่นไม่ต้องนึกถึงเงินเก็บเลย บางทีมีเงินติดตัว 20 กว่าบาท เพื่อนสนิทมีแค่ 1-2 คนที่เรากล้ายืมเงินยังคิดเลยว่าถ้าเกิดคนที่บ้านป่วยไม่สบาย แล้วให้เรากลับไปเยี่ยมเราจะเอาเงินที่ไหนค่ารถ เราจะบากหน้าไปยืมเงินใคร เครียดๆ
คิดในใจตลอดมาถ้ามีเงินเก็บซัก 1 หมื่นคงจะรุ้สึกแฮปปี้มากๆ อย่างน้อยเหมือนมีทุนคอยค้ำจุนเวลาฉุกเฉิน มองคนมีเงินเก็บ 2-3 หมื่นถือว่าเยี่ยมมากกสำหรับเรา ถือว่ามีอันจะกิน ไม่ต้องมองคนมีเงินเก็บเยอะกว่านี้หรอก แค่เขามีเงินเก็บแค่นี้เราก้อถือว่าเขารวยแล้วสำหรับเรา เห็นคนไปเที่ยวต่างประเทศกันลงเฟสบุคอวด โอ้ยยอยากจะเอาเงินตรงนั้นมาเป็นค่าอาหาร ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟจัง เสียดายเงินที่เขาเอาไปเที่ยวเล่น
เราเลยคิดว่าต้องทำงานอย่างอื่นดีกว่างานบริษัทนี้แล้วละไม่งั้นเป็นหนี้ไปตลอดชีวิต แถมเป็นหนี้บัตรเครดิตด้วย ก็เลยลาออกมาค้าขาย ช่วงแรกสรุปรายรับต่อเดือนได้มากกว่าตอนทำงานบริษัท นิดหน่อยๆ แต่ก็ภูมิใจคิดว่าต้องดีขึ้นๆถ้าเราขยัน ตั้งใจ คิดจะทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด ทำได้ 4-5 เดือนเริ่มมีเงินเก็บ หลักพัน โอ้ยยดีใจน้ำตาจะไหล ที่ในชีวิตนี้เรามีคำว่าเงินเก็บกับเขาเป็นแล้วว นี่สินะคือความภูมิใจของแท้ วันทั้งวันนึกถึงแต่เงินเก็บในบัญชี ซึ่งมีไม่กี่พัน พอเรามีตังพอใช้หนี้ในแต่ละเดือนเราก็มีเงินเหลือ แล้วก้อเริ่มมีเงินเก็บหลัก 2 หมื่น ก็เริ่มมองคนมีเงินเก็บ 3-4 หมื่นรวย พอเรามีเงินเก็บ 3 หมื่น ก็มองคนมีเงินเก็บ 5 หมื่นรวยมองขึ้นไปเรื่อยๆเป็นลำดับ และตอนนี้ก้อมองคนมีเงินเก็บถึง 1 แสนรวย เพราะตอนนี้เรายังมีไม่ถึงแสนกำลังพยายามและก็ดีใจที่ได้ให้เงินพ่อแม่ใช้แบบภูมิใจ ไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อนที่ให้เงินพ่อแม่ใช้แล้วมานั่งเครียดต่อเพราะต้องมาใช้หนี้ที่ยืม
ตอนนี้เราก็จะเหมือนโรคจิตชอบมองคนเดินผ่านไปมาแล้วก็จะคิดว่าเขาจะมีเงินเก็บเท่าไรกันนะ แต่งตัวแบบนี้จะมีเงินเก็บเยอะมั้ยนะ
อ๋อ เรายังไม่มีบ้าน มีรถ อะไรหรอกนะเพราะกลัวว่าจะส่งไม่รอดเลยต้องขอเวลาซักระยะก่อน เรื่องของเราก็มีแค่นี้ ก็ไม่มีอะไรแค่มาเล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณคะ
ใครเป็นแบบเรามั่งเนี่ย มองคนเดินผ่านไปมาแล้วก็ชอบคิดว่าเขาจะมีเงินฝากเท่าไรกันนะ
พอสิ้นเดือนได้เงินเดือนก็จะไปโปะหนี้จนแทบไม่เหลือ ทำให้ชีวิตเหมือนไม่มีจุดหมายเพราะแทนที่ทำงานเหนื่อยๆจะมีเงินเดือนมาเป็นรางวัล
ให้ใช้จ่ายสนองความต้องการเท่ากับที่ทำงานมาแต่กลับต้องมาใช้หนี้ ก็เท่ากับว่าเดือนๆหนึ่งทำงานเพื่อใช้หนี้ แล้วชีวิตจะเป็นแบบนี้อีกเมื่อไร
ชีวิตเรากลายเป็นทาสไปโดยไม่รู้ตัว เหลือตังใช้เดือนละ 4-5 พันจะไปพออะไรแต่ละเดือนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มๆมาอีกกลับบ้านปีใหม่ทีก็ต้องกุ้เงินกลับบ้านเพื่อให้มีเงินกับพ่อแม่และไว้ใช้จ่าย เทศกาลถ้าพ่อแม่มาเยี่ยมก็ต้องรับรองใช้จ่าย ให้ตังติดไม้ติดมือท่าน มันก็เป็นวงจรแบบนี้ตลอด คงเป็นหนี้แบบนี้ตลอดชีวิต ไหนจะของใช้ส่วนตัวเราบ้างละ เพราะฉะนั่นไม่ต้องนึกถึงเงินเก็บเลย บางทีมีเงินติดตัว 20 กว่าบาท เพื่อนสนิทมีแค่ 1-2 คนที่เรากล้ายืมเงินยังคิดเลยว่าถ้าเกิดคนที่บ้านป่วยไม่สบาย แล้วให้เรากลับไปเยี่ยมเราจะเอาเงินที่ไหนค่ารถ เราจะบากหน้าไปยืมเงินใคร เครียดๆ
คิดในใจตลอดมาถ้ามีเงินเก็บซัก 1 หมื่นคงจะรุ้สึกแฮปปี้มากๆ อย่างน้อยเหมือนมีทุนคอยค้ำจุนเวลาฉุกเฉิน มองคนมีเงินเก็บ 2-3 หมื่นถือว่าเยี่ยมมากกสำหรับเรา ถือว่ามีอันจะกิน ไม่ต้องมองคนมีเงินเก็บเยอะกว่านี้หรอก แค่เขามีเงินเก็บแค่นี้เราก้อถือว่าเขารวยแล้วสำหรับเรา เห็นคนไปเที่ยวต่างประเทศกันลงเฟสบุคอวด โอ้ยยอยากจะเอาเงินตรงนั้นมาเป็นค่าอาหาร ค่ารถ ค่าน้ำ ค่าไฟจัง เสียดายเงินที่เขาเอาไปเที่ยวเล่น
เราเลยคิดว่าต้องทำงานอย่างอื่นดีกว่างานบริษัทนี้แล้วละไม่งั้นเป็นหนี้ไปตลอดชีวิต แถมเป็นหนี้บัตรเครดิตด้วย ก็เลยลาออกมาค้าขาย ช่วงแรกสรุปรายรับต่อเดือนได้มากกว่าตอนทำงานบริษัท นิดหน่อยๆ แต่ก็ภูมิใจคิดว่าต้องดีขึ้นๆถ้าเราขยัน ตั้งใจ คิดจะทำอะไรต้องทำให้ถึงที่สุด ทำได้ 4-5 เดือนเริ่มมีเงินเก็บ หลักพัน โอ้ยยดีใจน้ำตาจะไหล ที่ในชีวิตนี้เรามีคำว่าเงินเก็บกับเขาเป็นแล้วว นี่สินะคือความภูมิใจของแท้ วันทั้งวันนึกถึงแต่เงินเก็บในบัญชี ซึ่งมีไม่กี่พัน พอเรามีตังพอใช้หนี้ในแต่ละเดือนเราก็มีเงินเหลือ แล้วก้อเริ่มมีเงินเก็บหลัก 2 หมื่น ก็เริ่มมองคนมีเงินเก็บ 3-4 หมื่นรวย พอเรามีเงินเก็บ 3 หมื่น ก็มองคนมีเงินเก็บ 5 หมื่นรวยมองขึ้นไปเรื่อยๆเป็นลำดับ และตอนนี้ก้อมองคนมีเงินเก็บถึง 1 แสนรวย เพราะตอนนี้เรายังมีไม่ถึงแสนกำลังพยายามและก็ดีใจที่ได้ให้เงินพ่อแม่ใช้แบบภูมิใจ ไม่เครียดเหมือนเมื่อก่อนที่ให้เงินพ่อแม่ใช้แล้วมานั่งเครียดต่อเพราะต้องมาใช้หนี้ที่ยืม
ตอนนี้เราก็จะเหมือนโรคจิตชอบมองคนเดินผ่านไปมาแล้วก็จะคิดว่าเขาจะมีเงินเก็บเท่าไรกันนะ แต่งตัวแบบนี้จะมีเงินเก็บเยอะมั้ยนะ
อ๋อ เรายังไม่มีบ้าน มีรถ อะไรหรอกนะเพราะกลัวว่าจะส่งไม่รอดเลยต้องขอเวลาซักระยะก่อน เรื่องของเราก็มีแค่นี้ ก็ไม่มีอะไรแค่มาเล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณคะ